ตอนที่ 13 ฝึกฝนยามเช้า
แสงแดดยามเช้าส่องลงมาผ่านหน้าต่างของบ้านเอเวอร์ไรท์ ผมออกไปวิ่งรอบๆเขตที่คุ้นเคย เป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ตั้งแต่ตัดสินใจจะออกเดินทาง
เวลาที่วิเวียนระบุไว้คือ หนึ่งปี
ผมได้ยินเมดคนหนึ่งในบ้านเอเวอร์ไรท์บอกว่า จริงๆวิเวียนแทบจะออกเดินทางไม่พัก แต่ผมเป็นตัวถ่วง ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการออกไปเป็นระยะเวลาหนึ่งปี
แม้ตัวเองจะเข้าใจว่าเมดคนนั้นไม่ได้ชื่นชอบเขามากนัก แต่บางทีมันอาจจะมีมูลความจริงบางอย่างอยู่ก็ได้
และที่สำคัญ ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเธอ
เพื่อตัดประเด็นทั้งเรื่องความเป็นตัวถ่วงและความคิดมากต่อคำพูดของเมดคนนั้น ผมจึงออกวิ่งทุกเช้า เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทาง
พอกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่ ผมก็มายืนหอบหน้ารั้ว เหงื่อที่ผุดตามร่างกายทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ แม้จะวิ่งจนชินแค่ไหน แต่ก็ไม่ชอบความรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวนี้อยู่ดี
ที่ประตูรั้ว เมดสาวผมสีเงินแซมดำ สวมแว่นตา – อาร์เจนตา ยืนรออยู่ ในมือของเธอถือผ้าขนหนูสีขาวเอาไว้
“ดิฉันคิดว่าการออกกำลังกายทุกเช้าเป็นเรื่องดี แต่เด็กในวัยเดียวกับท่านชิน ดิฉันคิดว่าการพักผ่อนให้เพียงพอก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ”
เป็นคำตักเตือนด้วยความหวังดีตามประสาของเธอ ผมได้ยินทุกเช้าจนเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรยามเช้าไป หากวันไหนไม่ได้ยินวันนั้นคงเป็นวันที่ผิดปกติเสียมากกว่า
ผมรับผ้าขนหนูจากเธอ ซับเหงื่อไปพลางเดินคุยกับเธอไป
“เมื่อคืน เวลาเกือบเที่ยงคืน ดิฉันคิดว่าได้ยินเสียงรูบี้โวยวายจากห้องของท่านชิน”
“อ่า เธอบุกเข้ามาตอนผมกำลังจะนอน ชวนเล่นไพ่ แล้วไม่ยอมแพ้สักทีน่ะครับ…”
ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ไม่เป็นคสามจริงเสียทีเดียว
เมื่อคืน ผมโดนเมดสาวผมแดงผิวคล้ำบุกเข้ามาในห้องพร้อมสำรับไพ่สำหรับเล่นเกมกับเธอ
โดยที่เธอยังไม่ได้คิดว่าจะมาเล่นเกมอะไรที่เล่นสำหรับสองคนได้ ผมจึงเลือกเกมนับสิบมาเล่นกับเธอ
กฎก็ง่ายๆ เพียงแค่ฝ่ายใดรวมไพ่ในมือให้ได้สิบ เป็นจำนวนสามคู่ก่อนก็ชนะไป โดยแต่ละเลขก็มีกฎการจับคู่เป็นของตัวเอง โดยมีไพ่โจ๊กที่เกิดจากเลขแบบสุ่ม เกิดมาเพื่อจับคู่ใบใดก็ได้ และใบที่เป็นคู่ของไพ่ใบนั้นจะหมดความหมายไป จากนั้นเราสามารถจั่วไพ่จากสำรับ หรือทิ้งไพ่บนมือลงกองทิ้งเพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นหยิบมาได้ แต่…
ปัญหาอยู่ที่รูบี้จำกฎเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้กว่าเธอจะเล่นไปก็เล่นไปหลายตา
พอจำกฎได้ เธอก็ดันเป็นคนแสดงออกทางสีหน้าเก่งอีกต่างหาก ทำให้การเล่นงานข้างเดียวของผมกลายเป็นเรื่องที่โวยวายออกมา
ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดผมจะชนะเธอได้ และได้นอนเสียทีก็ตาม
“รูบี้ เล่นไพ่ได้ห่วยมากครับ”
ผมแสดงความเห็นออกไปตามตรง ได้ยินเสียงอาร์เจนตาหัวเราะเบาๆ ผมหันไปมองก็เห็นเธอหัวเราะอยู่จริง
นับตั้งแต่ผมได้รับนามสกุลเอเวอร์ไรท์มาจากวิเวียน ผมรู้สึกว่าอาร์เจนตาเป็นมิตรกับผมมากขึ้น รวมถึงแสดงอารมณ์ด้านต่างๆกับผมมากขึ้นในทุกๆวัน
จากวันแรก ที่เธอไม่ค่อยยิ้มให้กับผมมากนัก พอมาถึงวันนี้เธอหัวเราะและยิ้มตอนเราคุยสองคนได้
ตอนออกไปตลาดด้วยกันสองคน ก็เริ่มชวนผมแวะสถานที่ต่างๆมากขึ้นหรือหากไปด้วยกันมากกว่าสองคน ก็ชวนผมกับอีกคนคุยมากขึ้น
ในภาพรวมของการใช้ชีวิตที่บ้านเอเวอร์ไรท์ ผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากหญิงสาวทุกคนภายในบ้าน แม้จะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวก็ตาม
ยกเว้นผู้หญิงคนหนึ่ง…
“กำลังคิดถึงเรื่องลูน่าอยู่เหรอคะ?”
เมดสาวที่มีปัญหากับผมชื่อลูน่า อย่างที่อาร์เจนตาบอก ผมมักคิดหาทางเป็นมิตรกับเธอหรืออย่างน้อยก็ให้สามารถคุยกับเธอได้โดยที่เธอไม่แสดงท่าทางรังเกียจออกมาก็พอ
แต่ปัญหาอยู่ที่ ผมไม่สามารถคิดหาหนทางเข้าหาเธอที่เหมาะสมได้เลย
ไม่ว่าจะคิดมากี่แผน ท่าทีที่เมดสาวผมฟ้านามว่าลูน่าแสดงออกต่อผมก็มีเพียงการแสดงออกอันไม่เป็นมิตรเท่านั้น
“คุณอาร์เจนตา มีอะไรที่เด็กคนนั้นชอบอีกหรือเปล่าครับ”
“ท่านชิน เราคุยกันสองคนท่านเรียกลูน่าว่าเด็กคนนั้นได้ แต่โปรดระมัดระวังการใช้คำพูดที่บ่งบอกถึงอายุจริงๆของท่านด้วยค่ะ”
ที่เธอกล่าวแบบนั้นได้ และไม่รู้สึกแปลกต่อคำพูดของผมและผมก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งเป็นเด็กต่อหน้าเธอก็เพราะ เธอและวิเวียนคือสองคนที่รู้ความลับของผมในฐานะผู้กลับมาเกิดใหม่จากโลกที่แตกต่างจากโลกแห่งนี้อย่างสิ้นเชิง
“ผมจะระวัง”
“ท่าทีแบบนั้นของท่าน ทำให้ดิฉันเป็นกังวลจริงๆว่าจะปิดความลับได้ไม่นาน”
ได้ยินเสียงเธอถอนหายใจเล็กน้อย ส่วนผมได้แต่ยิ้มแห้งให้กับคำตักเตือนของเธอ
เราสองคนเดินไปด้วยกันจนไปถึงจุดแยกทางที่โรงอาบน้ำ แต่ละคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว
น้ำตามธรรมชาติในฤดูนี้ไม่ได้มีความเย็นมากนัก แต่ถึงกระนั้นบ้านหลังนี้ก็ยังคงเลือกที่จะใช้น้ำอุ่นสำหรับการทำความสะอาดร่างกาย
พอนึกเทียบช่วงวันแรกๆที่ได้ใช้โรงอาบน้ำกับเวลาปัจจุบัน มันช่างเป็นคความแตกต่างที่เห็นได้ชัด
ในช่วงแรก ผมยังคงมีความรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง ทุกครั้งที่อาบสมองมันมักจินตนาการภาพแปลกๆ ซึ่งบางทีอาจเป็นสาเหตุที่ลูน่ายังไม่ไว้ใจผมก็ได้
เมื่อลองได้คิดแบบนั้น ในใจก็รู้สึกผิดแปลกๆ แต่เพราะเป็นความรู้สึกที่เกิดมาเพียงชั่วครู่ เมื่อน้ำอุ่นที่เกือบร้อนลาดลงบนตัวตั้งแต่หัวไหล่ลงมา ความรู้สึกที่ก่อตัวก็มลายหายไปหลงเหลือเพียงความสบายใจที่ได้ใช้น้ำในอุณหภูมิแทบจะเท่าเดิมตลอดปี
หลังจัดการกับร่างกายที่เปรอะคราบเหงื่อเสร็จแล้วก็ตรงไปยังห้องทานข้าว ที่ตรงนั้นมีเจ้าของบ้านผมสีทองผู้งามสง่า นามวิเวียนนั่งรอที่หัวโต๊ะ
เมดแต่ละคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง ผมมองภาพที่เหมือนระบบการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานแล้วเดินไปนั่งตำแหน่งที่นั่งด้านซ้ายของวิเวียนเงียบๆ
อาหารค่อยๆทยอยถูกนำมาวางบนโต๊ะ ในช่วงสัปดาห์แรกๆที่ผมมาบ้านหลังนี้ใหม่ๆ ผมเคยคิดจะช่วยพวกเธออยู่เหมือนกัน แต่โรส เมดสาวผมสีชมพูได้กล่าวห้ามด้วยเหตุผลแต่ละครั้งที่ไม่เหมือนกันจนแทบจะนึกว่าโดนรังเกียจจากเธออีกคน
แต่อาร์เจนตาก็อธิบายว่า เพราะหน้าที่หลักๆในห้องครัวคือของโรสและลูน่า และอีกเหตุผลคือ ผมมาอยู่ที่คฤหาสน์เอเวอร์ไรท์ในฐานะเจ้าของบ้าน
วิเวียนเองก็ไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมในห้องครัวด้วยเหตุผลที่ทั้งแตกต่างและคล้ายกันกับผม
นั่นคือ เธอไม่ถนัดเรื่องพวกนี้จนเข้าข่ายติดลบ และในฐานะของเจ้าของบ้านผู้เป็นที่เคารพของเหล่าเมดทั้งหลาย พวกเธอก็ไม่ประสงค์เห็นเจ้านายเข้ามาในพื้นที่ที่ตัวเองต้องการทำงานบริการให้เต็มที่เช่นกัน
“นี่ๆ ชิน”
เสียงเด็กผู้หญิง เต็มไปด้วยความสดใสสมวัยเรียกผมจากด้านข้าง
พอหันไปก็พบเด็กสาวผมแดง ผิวคล้ำแดดในชุดนอนที่เหมือนกันทั้งท่อนบนและท่อนล่างซึ่งเป็นกางเกงขายาว ลวดลายกระต่ายสีขาวประดับไปทั่วพื้นผ้าสีชมพูอ่อน
ยามปกติ เธอจะสวมชุดเมด เพราะเธอคือเมดนั่นแหละ เพียงแต่ถูกเลี้ยงดูในฐานะน้องเล็กสุดของบ้านเลยโดนตามใจเป็นพิเศษก็เท่านั้น
ชื่อของเธอคือ รูบี้
“ตื่นสายนะเรา”
“เพราะใครล่ะ!”
แม้อายุภายนอกจะมากกว่าผมเล็กน้อย แต่อายุข้างในแตกต่างกันเยอะ ผมอาจจะแก่พอเป็นพี่ชายหรือน้าของเธอเลยด้วยซ้ำ
แต่จากที่เธอเคยบอกผมว่าพูดจาเหมือนพี่ชายของเธอ บางทีอายุพี่ชายคงอายุไม่ห่างจากผมก่อนมาเกิดใหม่ยังโลกนี้มากนัก
และในเรื่องที่เธอโวยวายเมื่อครู่ แน่นอนว่าก็เป็นเพราะความผิดของผมครึ่งหนึ่งจริงๆนั่นแหละ
เพียงแต่อีกครึ่ง ก็เป็นความผิดของเธอ…
ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นของเธอแค่สองส่วน อีกแปดส่วนน่าจะเป็นของผมเสียมากกว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะกฎที่ผมตั้งให้ซับซ้อนเกินความเข้าใจของเธอ เธอก็คงเข้าใจได้ไวกว่านี้
หรือถ้าผมไม่ติดที่อยากจะเอาชนะเธอจนไม่สนใจความรู้สึกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเลย บางทีเราสองคนคงได้เข้านอนเร็วกว่านี้
“ขอโทษทีนะ…”
ดังนั้นผมจึงกล่าวขอโทษอย่างไม่ลังเลและไม่ตะขิดตะขวงใจอะไร เพราะคิดว่าตัวเองมีส่วนผิดมากกว่าจริงๆ
“ฮ เฮอะ” รูบี้ส่งเสียงสูงออกมา แล้วหันหน้าหนี
หากเป็นวันแรกที่เข้ามาในบ้านหลังนี้ ผมคงคิดว่าเธอโกรธหรือโมโหอะไรในคำพูดก่อนหน้าของผม แต่เพราะรู้จักกันมาใกล้จะถึงหนึ่งปีแล้ว จึงเข้าใจว่าเธอเพียงไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไรมากกว่า
ไม่นาน อาหารมากมายก็วางลงบนโต๊ะตัวยาว
ตรงข้ามกับผม หรือก็คือฝั่งซ้ายของวิเวียน อาร์เจนตาลงมานั่งเป็นคนสุดท้ายหลังจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มสำหรับมื้อเช้าให้ทุกคนเสร็จสรรพ
ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง ก็คิดเสมอว่าบ้านเอเวอร์ไรท์ช่างเป็นบ้านที่ร่ำรวยจริงๆนั่นแหละ
ทั้งจาน ช้อน ส้อมและมีด แม้ไม่มีลวดลายเฉพาะเจาะจงแต่ก็ชวนให้รู้สึกเป็นของมีคุณภาพสูง
เมนูอาหารที่มักเห็นบ่อยตามตระกูลหรือครอบครัวสูงศักดิ์ที่มักรับประทานก่อนจะเกิดเหตุการณ์หรือคดีต่างๆ
กับบรรยากาศอันสูงส่ง ราวกับมีแสงออร่าสีทองเปล่งประกายออกมา
เสียงช้อน ส้อมและมีดกระทบกับจานเป็นบางจังหวะที่ไม่แน่นอน ในช่วงแรกที่ได้รับประทานอาหารร่วมกับพวกเธอ ผมรู้สึกเกร็งเล็กน้อยราวกับมีสายตาคอยจ้องจับผิด
ทว่าพออยู่ไปนานๆ ความรู้สึกที่ว่าก็จางลง จนภายในระยะเวลาหมายถึงสามเดือนก็กลายเป็นเรื่องปกติไป
และผมก็ได้สังเกตว่า ถึงบ้านหลังนี้จะหรูหราจากภายนอกแค่ไหน แต่ผู้อยู่อาศัยไม่ใช่คนที่มีท่าทางของผู้ดีเช่นนั้น กลับกันแล้วเต็มไปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่สนโลกมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
คนที่เด่นชัดที่สุดก็คือ รูบี้ เวลาเธอกิน เธอไม่ได้สนกิริยามารยาทอะไรทั้งนั้น
สิ่งที่เธอสนใจอย่างเดียวคงเป็นอาหารตรงหน้ากับการกินไม่ให้เลอะเทอะมากนักเท่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยหายไป คือสายตาของใครบางคนที่กำลังจับจ้องผมอยู่
แม้ไม่มีอะไรยืนยัน แต่ผมรู้สึกได้ว่าคนมองคือลูน่า
ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารดำเนินไป มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องรสชาติของอาหารบนโต๊ะและความทรงจำที่ปรากฏออกมาเมื่อรับอาหารเข้าไปเสียส่วนมาก
เมื่อมื้อเช้าสิ้นสุด ผมและอาร์เจนตาถูกวิเวียนเรียกไปพบกันเพียงสองคน
ที่ห้องทำงานของหญิงสาว บรรยากาศเย็นยะเยือกลอยละล่องไปมาราวกับมีใครเปิดแอร์ไว้ แต่ที่โลกใบนี้ไม่มีของแบบนั้น ดังนั้นมันคงเป็นเพราะตัวห้องที่ติดตั้งอะไรบางอย่างที่ทำงานคล้ายๆกันหรือไม่ก็บรรยากาศของห้องที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น
“ขอโทษที่รบกวนกันแต่เช้านะ”
“ไม่เป็นไรเลยครับ”
ด้านอาร์เจนตา ไม่ได้กล่าวถ้อยคำใดๆ เธอยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ข้างผม สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ ริมฝีปากขีดเป็นเส้นตรงเหมือนเอาไม้บรรทัดมาทาบแล้วแล้วลากเส้น
ส่วนสาเหตุที่เธอเรียกผมและอาร์เจนตามานั้น พวกเราสามคนต่างทราบกันดี
เพราะกำหนดการณ์มันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกือบปีที่แล้ว
เจ้าของบ้าน ควบเจ้าของห้องกระแอมไอเล็กน้อย ปัดเป่าบรรยากาศเย็นยะเยือกที่ไหลวนเวียนในห้อง เกิดเป็นอากาศภายในที่อุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ในที่สุดผมก็รู้ตัวว่าความรู้สึกเย็นที่ก่อตัวขึ้น มันอยู่ที่ผมเอง พอวิเวียนแสดงท่าทีที่ลดความเป็นทางการลง ผมจึงรู้สึกสบายตัวขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน
“พรุ่งนี้ เราจะออกเดินทางกัน”
“ไวกว่าที่คิดนะครับ…”
เวลาหนึ่งปี จะว่าผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้ไวขนาดนั้นจนกระทั่งได้ยินคำว่า ออกเดินทาง ผมจึงตระหนักได้ว่า ผมห่างจากโทริสและอลิเซีย ผู้ให้กำเนิดผมในโลกนี้มานานเกือบปีแล้ว
ไม่รู้ว่า ณ ตอนนี้ทั้งสองจะเป็นเช่นไร แต่คิดว่าไม่ได้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับทั้งสองคนเป็นแน่
เท่าที่ผมรู้จักทั้งสองคน พวกเขาไม่ได้เป็นคนประเภทที่จะทิ้งลูกชายของตัวเองเพื่อหาทางเอาตัวรอด ยิ่งถ้าหากรู้เรื่องราวของโทริส ผู้เป็นพ่อของผมในโลกนี้ด้วยแล้ว ยิ่งชวนให้คิดว่าภัยบางอย่างกำลังมา จึงจำเป็นต้องส่งผมไปยังที่ที่ปลอดภัยที่ตัวเองพอจะไว้ใจได้
ผลลัพธ์เลยมาตกกับบ้านเอเวอร์ไรท์ บ้านของสตรีศักดิ์สิทธิ์ วิเวียน ที่อยู่คนละประเทศกับบ้านเกิดผมในต่างโลก
วิเวียนไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือใดๆโทริสและเอลิเซียได้ หากทำเช่นนั้นมันจะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศได้ ดังนั้นเธอจึงช่วยเหลือเพียงพาผม ที่ไม่มีผู้ใดทราบตัวตนหนีไปเท่านั้น
“ชิน! นี่ยังฟังอยู่มั้ยเนี่ย!”
เสียงของวิเวียนดังแทรกขึ้นมาระหว่างคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งปี
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ เป็นความจริงที่ว่าผมไม่ได้ฟังเรื่องที่วิเวียนพูดเลยสักนิด
เฮ้อ ได้ยินเสียงเธอถอนหายใจแล้วสรุปเส้นทางการเดินทางของพวกเราอีกครั้ง
“การเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเดินทางระยะสั้น ทิศทางที่เราจะมุ่งหน้าไปยังดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรนี้กัน”
ได้ความว่าเป็นดินแดนแห่งสายน้ำ ผู้คนในบริเวณทำการค้าโดยมีสายน้ำเป็นหลัก มีทางออกสู่ทะเลเพื่อไปยังดินแดนอื่นหรือทวีปอื่นได้ เป็นประเทศที่เคยเต็มไปด้วยศิลปะและประเพณี
ทว่า ช่วงไม่กี่ปีมานี้ หลังเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมืองแห่งสายน้ำจะมีชื่อเสียงเพิ่มเติม เป็นเมืองแห่งอาชญกรรมกับสายน้ำแห่งความตายแทน
“ฉันได้รับรายงานจากพ่อค้าข้อมูล ดูเหมือนภายในเมืองจะมีพวกนอกรีตอยู่เบื้องหลัง”
“พวกนอกรีตเหรอครับ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเธอพูดคำนี้ แน่นอนว่าผมเข้าใจความหมายของคำว่า ‘นอกรีต’ อยู่แล้ว เพราะผมมีพรแห่งภาษา ทำให้เข้าใจภาษาทุกภาษาบนโลกนี่แหละ แต่ผมไม่เข้าใจว่า เธอใช้คำนั้นในการระบุถึงคนแบบไหนกันแน่
“อ๊ะ ขอโทษที ฉันเผลอใช้คำตอนทำพิธีทางศาสนามากไปหน่อย เธอยังไม่ชินสินะ”
เป็นอย่างที่เธอพูด ตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบใหม่นี้ ผมไม่เคยเข้าโบสถ์หรือศาสนสถานของที่ไหนสักที่ในโลกนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปแล้วรู้สึกร้อนแต่อย่างใด
ผมเพียงไม่ได้ให้ความสนใจกับสถานที่เหล่านั้นก็เท่านั้น
“นอกรีต พวกเราใช้ในสองควาหมายน่ะ”
วิเวียนเริ่มอธิบาย
นอกรีตในความหมายที่หนึ่ง คือ พวกมาร ที่ไม่ได้หมายถึงคน แต่หมายถึงเผ่ามาร ที่มาจากทวีปของพวกมาร แต่แฝงตัวในเบื้องหลังของเผ่ามนุษย์
ในความหมายที่สอง หมายถึงพวกคนไม่ดี ที่เที่ยวทำเรื่องเสียหายและเดือดร้อนไปทั่วนั่นแหละ
แต่บางทีในกลุ่มพวกหลงในเส้นทางของศาสนามากเกินไป คำๆนี้ก็ถูกนำไปเรียกเหล่าคนที่นับถือแตกต่างจากตน หรือใช้ไปข้ออ้างในการขับไล่คนที่ไม่เป็นที่พอใจของตนออกจากสังคมก็มี
เธอกล่าวว่าโดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับหนทางสุดท้าย ทั้งที่ตัวเองเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์นี่แหละ
“โดยปกติแล้ว ฉันจะพูดถึงพวกเผ่ามารน่ะ”
“เผ่ามารนี่ หน้าตาเป็นยังไงเหรอครับ?”
“อืม นั่นสินะ ในจินตนาการของเธอ เผ่ามารหน้าตายังไงเหรอ?”
ในสมองของผม เมื่อพูดถึงเผ่ามาร คงเป็นสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์แต่โดยรวมภายนอกสามารถแยกได้ชัดเจน
เช่น เอลฟ์ มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่มีใบหูแหลมผิดปกติ
หรือพวกมนุษย์สัตว์ ที่เหมือนมนุษย์แต่มีหูสัตว์
พอผมอธิบายไปเช่นนั้น วิเวียนก็หัวเราะออกมา
“ถูกต้องอยู่แหละนะ เพียงแต่โลกนี้ไม่มีเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษย์สัตว์หรอก คำพวกนั้นเหมือนคำดูถูกพวกเขา เราเรียกพวกเขาว่า ไลแคนโทรป มากกว่าน่ะ”
ใช้คำเดียวกันกับเวลาเรียกมนุษย์ที่กลายเป็นมนุษย์หมาป่าได้เลยแฮะ ผมคิดในใจ
จากนั้น วิเวียนก็อธิบายว่า
“เผ่ามาร หรือปีศาจน่ะ หน้าตาเหมือนมนุษย์ เพียงแต่ผิวซีดกว่าพวกเรา ใบหูแหลมแต่ไม่เท่าเอลฟ์ ดวงตาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ ทำให้หลายครั้งมนุษย์ที่เกิดมาผิวซีดและดวงตาสีแดงถูกตราหน้าว่าเป็นลูกปีศาจอยู่เยอะ หลายครั้งปวดหัวกับการจัดการกับฝูงชนแทบแย่เลยล่ะ”
“ฟังดูคล้ายการล่าแม่มดเลยนะครับ”
“ไม่ใช่แค่คล้ายนะ ใช่เลยล่ะ”
พวกเราสนทนากันเรื่องเผ่ามารและตำแหน่งที่ตั้งของเมืองที่เราจะไปอีกครู่ใหญ่ ผมถามเธอว่า ตกลงแล้วเธอเรียกผมมาทำไม
“ให้ข้อมูลไว้ก่อน เผื่อเธอเปลี่ยนใจกลางคันไง”
“ถ้าผมเปลี่ยนใจ จะไล่ผมออกจากบ้านมั้ยล่ะครับ”
ผมถามติดตลกไปเช่นนั้น อันที่จริงผมไม่คิดจะเปลี่ยนใจอยู่แล้ว
ในความทรงจำของผม ผมยังจำคำพูดของเทพธิดาที่บอกให้ผมจัดการจอมมารลงให้ได้
หากนั้นเป็นเป้าหมายในชีวิตนี้ที่ถูกกำหนดมาแล้วของผมตั้งแต่ต้น การเดินทางครั้งนี้ก็สมควรไป และผมก็ไม่คิดว่าวิเวียนจะจับผมไปอยู่ในสถานที่ที่อันตรายนักด้วย
“ท่านประสงค์ให้ดิฉันเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการเดินทางให้หรือไม่คะ ท่านชิน”
อาร์เจนตาเอ่ยถามบนทางเดินไปยังห้องของผม หลังเราแยกออกมาจากห้องวิเวียน สิ่งที่เราต้องทำเป็นสิ่งต่อไปก็คือการเตรียมตัวสำหรับเดินทาง
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเตรียมเองได้ แต่…”
“มีอะไรคาใจหรือคะ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกครับ เอาไว้ถามเจ้าตัวดีกว่า”
ผมเพียงสงสัยในเรื่องของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่ผ่านมาผมรู้แค่ว่าเธอเป็นคนสำคัญในพิธีทางศาสนาจึงจำเป็นต้องเข้าร่วมในหลายๆครั้ง แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตำแหน่งของเธอสำคัญแค่ไหน
แน่นอนว่า ผมเข้าใจความหมายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ดี ดังนั้นสิ่งที่ผมสงสัยย่อมไม่ใช่ความหมาย แต่หมายถึงที่มาและหน้าที่ในฐานะของเธอ
แม้จะมั่นใจว่าหากถามอาร์เจนตาไปก็ได้คำตอบ แต่บางทีเธอคงตอบไม่ได้ทั้งหมด หากไม่นับเรื่องที่เจ้าตัวต้องการปิดบังอะไรสักอย่างไว้ การถามกับเจ้าตัวเลยคงจะได้คำตอบที่ดีกว่า
หลังจากแยกทางกับอาร์เจนตา ผมกลับเข้าห้องไปเตรียมเก็บเสื้อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เปิดตู้เสื้อผ้าออกดู เห็นผ้ามากมายแขวนเรียงราย สิ่งคุ้นตาจากโลกก่อนทั้งไม้หนีบและไม้แขวนเสื้อปรากฏต่อสายตาเป็นภาพธรรมดาที่เห็นได้ทุกวันจนคุ้นชิน
ท่ามกลางชุดมากมายเหล่านั้น ฝั่งซ้ายสุดยังคงมีเสื้อตัวหนึ่งถูกแขวนเอาไว้ แยกห่างออกมาจากพวกพ้องในของประเภทเดียวกัน
มันเป็นชุดที่ผมใส่มาเมื่อคราวจากบ้านที่อาศัยอยู่กับโทริสและอลิเซีย ผู้ให้กำเนิดผม ณ โลกใบใหม่นี้
กลิ่นอายความคิดถึงแผ่ออกมาจากชุดตัวเก่าที่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยคิดจะใส่
ครั้งนี้เองก็…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ไม่ขาดไม่เกิน พร้อมกันนั้นบานประตูก็ส่งเสียงออกมาเป็นการบอกว่ามันถูกเปิดออกโดยแขกผู้มาเยือน
และเป็นบุคคลที่ผมไม่คาดคิด
เส้นผมสีม่วงยาวมัดเป็นเปีย ใต้ดวงตาเล็กเรียวมีใฝอยู่ใต้ตาซ้าย ชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินที่สวมทับเสื้อสีขาวบนร่างกายสูง แม้จะแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ ก็ไม่สามารถปิดบังทรวดทรงองค์เอวได้มิด
กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้นานาพรรณฟุ้งกระจายออกมาจากตัวเธอ เมดสาวผู้ประจำสวน ไวโอเลต
ที่ท่อนแขน เธอสวมถุงมือยางเหมือนพร้อมทำเกษตรตลอดเวลา
แม้ตัวเธอจะเคยบอกว่าตัวเองเป็นเมด แต่ผมไม่เคยเห็นเธอทำหน้าที่นั้นสักครั้ง ดูเหมือนงานหลักๆของเธอจะเป็นการดูแลพืชพรรณภายในสวนแบบเงียบๆมากกว่า
“เออ…”
“สวัสดีเน้อ ท่านชิน”
ในรอบเกือบปี นี่คือการสนทนากันครั้งแรกแบบสองต่องสองระหว่างผมกับเธอ สำเนียงของเธอค่อนข้างแปลกเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ บางทีคงเป็นการพูดในแบบภาษาท้องถิ่น
“อ เอ่อ สวัสดีครับ”
ผมไม่รู้จะวางตัวอย่างไรจึงเหมาะสมต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ หากเป็นอาร์เจนต้ากับวิเวียน ผมคงปลดปล่อยตัวตนที่อยู่ข้างในอย่างเต็มที่ หรือถ้าอยู่กับรูบี้ ผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากมายนัก
ร่างกายเริ่มรู้สึกเกร็งเล็กน้อย หน้าผากเหมือนมีเหงื่อไหลเปื้อนใบหน้า
ลำคอ ไม่ถึงกับแห้งผาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถ้อยคำใดออกไปจึงเหมาะสม
แต่คนที่ต่อบทสนทนาที่ขาดตอนไปกับความว่างเปล่าคือไวโอเลต ผู้บุกรุกเข้ามาในห้องระหว่างตระเตรียมเสื้อผ้า
“ดิฉันมีเรื่องจะขอร้องเน้อ”
น้ำเสียงเนิบช้ากล่าวขึ้น รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ายกยิ้มแสดงความเป็นมิตร แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่ลดการระวังตัวลงไป
“มี อะไรเหรอครับ”
“ฝากซื้อกระถางต้นไม้หน่อย”
ห๊ะ?
ไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือเปล่านะ
“กระถางต้นไม้เหรอครับ”
“ใช่แล้วเน้อ ที่เมืองนั้นมีกระถางสวยๆอยู่เยอะเลย คิดว่าเอามาให้พวกหนูๆคงจะดี”
พวกหนูๆที่ว่าคงเป็นพืชพรรณต่างๆในสาว
จนถึงตอนนี้ ผมก็มีคำถามอยู่เหมือนกัน
“ทำไมไม่ไปขอคุณวิเวียนโดยตรงล่ะครับ”
“ท่านวิเวียนไปโบสถ์เน้อ และที่สำคัญท่านวิเวียนตามใจคุณที่สุดในบ้านเน้อ”
เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอ
วิเวียนค่อนข้างตามใจผม ไม่ว่าผมจะอยากได้อะไร เธอก็มักซื้อให้โดยไม่ถามเลยสักคำ เพียงแต่สิ่งที่ผมสนใจส่วนใหญ่มันราคาไม่ได้แพงมากนักด้วยเช่นกัน
“ผมจะลองคุยดูนะครับ…”
ผมไม่สามารถรับประกันไปได้มากกว่านี้ เนื่องจากตัวเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะขอให้วิเวียนซื้อของพวกนั้นเข้าบ้านได้
แต่พอเห็นใบหน้าที่แสดงความดีใจออกมาจนล้น ดวงตาเรียวเล็กที่เหมือนจะเบิกกว้างจนเห็นดวงตาสีทองดูอ่อนโยนที่ถูกปกปิดในยามปกติเริ่มทำให้ผมรู้สึกอยากช่วยให้ความต้องการของเธอเป็นจริงขึ้นมาให้ได้
หลังไวโอเลตออกจากห้องไป กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ตามตัวเธอมายังคงอบอวลอยู่ในห้อง จนกระทั่งผมเตรียมของที่จำเป็นเสร็จ
จากนั้น ตามตารางกิจวัตรประจำวันก็เป็นเวลาของการฝึกฝนกับอาร์เจนตา
เธอยังคงอยู่ในชุดเมดตัวเดิมกับเวลาทำงานบ้าน เส้นผมสีเงินแซมดำรวบเป็นทรงหางม้า แว่นตาที่ยามปกติสวมใส่ก็ยังคงสวมอยู่ เรียกได้ว่าแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนยามปกติเลยสักนิด
มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างออกไป หนึ่งในนั้นคือท่ายืนที่เหมือนนักรบมากขึ้น มือขวาที่ถือดาบไม้ ชี้มาข้างหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันแรงกล้า แม้ว่าทั้งวิเวียนและอาร์เจนตาต่างสอนเรื่องไม่มีนักรบคนไหนที่ไม่มีจุดอ่อน แต่ตัวผมในตอนนี้กลับมองหาจุดอ่อนของคนตรงหน้าไม่เจอเลย
หากให้เปรียบเทียบคงเหมือนราชสีห์กับหนู ที่มีความแตกต่างกันถึงขนาดนั้น แน่นอนว่าฝั่งที่เป็นหนูคือผมเอง
ไม่มีสัญญาณของการเริ่มฝึกซ้อม สิ่งเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายบุกเข้ามาก่อนเป็นเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆของตัวผมเอง
เพียงชั่วระยะกะพริบตา ผมเห็นปลายดาบประชิดเข้ามาในระยะไม่ถึงวินาที
หากเป็นเมื่อก่อนคงโดนเข้าอย่างจัง แต่ครั้งนี้ผมม้วนตัวหลบออกไปด้านข้างได้
เกือบไปแล้ว…
ได้แต่คิดในใจ ไม่มีเวลาให้พูดออกมาเพราะการโจมตีระลอกสองกำลังพุ่งเข้ามา
ครั้งนี้ไม่ใช่ดาบไม้หรือการทุ่มไปที่ความเร็วทางด้านกายภาพ
บรรยากาศรอบตัวรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้ง ร่างของสาวเมดผู้แข็งแกร่งตรงหน้ากำลังพึมพำถ้อยคำบางอย่างที่ผมฟังได้ไม่ชัด
แม้จะเห็นเป็นครั้งแรกแต่ผมก็รู้ตัวว่ามันไม่มีทางออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ดีแน่
และราวกับว่าโชคชะตาอยากช่วยยืนยันในลางสังหรณ์ เสียง ครืดๆ ดังขึ้นเหนือหัว ผมและสัญชาตญาณในร่างต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องวิ่งหนี
เพียงสองวินาที สายฟ้าก็ฟาดลงมายังจุดที่ผมเคยยืน และยังคงไล่จู่โจมไปเรื่อย ๆ จากจุดที่เคยยืนกลายเป็นจุดที่ผมเคยอยู่เมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว กลายเป็นตามไล่หลังผมทัน
ต้องหาทางจัดการให้ได้…!
หากละทิ้งดาบ คงไม่เหลืออาวุธ แต่ผมก็ตัดสินใจโยนดาบเข้าหาสายฟ้า
มันทำหน้าที่เหมือนสายล่อฟ้า ผมสายฟ้าฟาดลงมาหนึ่งทีใส่มัน การโจมตีที่รุนแรง หากเทียบกับคนในโลกปกติ โดนเข้าก็ถึงตาย
การโจมตีเช่นนั้นหยุดลงไปหลายวินาที ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง
แต่ช่องว่าเพียงแค่นั้นก็เพียงพอ ผมวิ่งเข้าหาอาร์เจนตาท่ามกลางฉากหลังที่มีสายฟ้าไล่ตามมาโดยความไวที่แตกต่างกัน
พอเข้ามาถึงระยะหนึ่ง ผมก็ไม่ได้ยินเสียงสายฟ้าอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าการโจมตีหยุดลงแค่นั้น หรือว่าอาร์เจนตาหยุดร่ายเพียงเท่านั้น แต่ผมก็กระโจนใส่เธอ
หากไม่มีดาบ ก็ต้องใช้มือเป็นอาวุธ ผมกำหมัดแน่นพลางคิดเช่นนั้น
แต่ว่า…
“การต่อสู้ไม่ต่างจากนักเลงข้างถนนเลยนะคะ ท่านชิน”
อาร์เจนตาเบี่ยงตัวหลบ แล้วดาบไม้ของเธอก็ฟาดลงบนหัวของผมเบาๆ ส่งเสียงดัง ป๊อก
โอ๊ย…
เจ็บชะมัด ไม่ใช่จากดาบไม้ แต่เป็นที่ทั้งหน้าที่ครูดไปกับพื้นและที่ใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกเช่นเคย
“ทำไมไม่ใช่เวทมนตร์เข้าช่วยเลยหรือคะ?”
อาร์เจนตาถามในตอนที่ผมจับมือของเธอที่ยื่นออกมาเพื่อดึงตัวผมให้ลุกขึ้นจากพื้น
“ผมไม่ค่อยมั่นใจในทักษะเวทมนตร์ของตัวเองเท่าไหร่…”
“ดิฉันคิดว่าท่านวิเวียนฝึกฝนให้ท่านมาเป็นอย่างดีแล้วนะคะ ท่านเองก็ดูเป็นคนมีพรสวรรค์ทั้งด้านพละกำลังและการร่ายคาถาไม่น้อย ทำไมถึงไม่ค่อยมั่นใจเหรอคะ?”
เป็นคำถามที่ผมเข้าใจได้ แต่เรื่องที่ไม่มั่นใจผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นการสรรสร้างปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ในโลกก่อนแล้ว ยิ่งทำให้ผมคิดว่าความสามารถด้านเวทมนตร์ของผมอาจไม่ได้ดีเท่าที่คิด
กลับกันแล้ว การที่ผมตามการเคลื่อนไหวของอาร์เจนตาทันขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจแปลว่าทักษะทางกายภาพของผมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
หากไม่ได้คิดไปเองล่ะนะ…
“หากท่านชินต้องการ ดิฉันฝึกฝนให้ท่านได้นะคะ”
“ฝึกฝน…เหรอครับ?”
“ค่ะ หากดิฉันฉัน [ธันเดอร์ สไตรค์] ใส่ท่านชิน ก็ให้ท่านสร้าง [เอิร์ธ วอลล์] ขึ้นมาป้องกัน จนกว่ามานาของดิฉันจะหมด แบบนี้เป็นอย่างไรคะ?”
“แบบนั้น มันจะช่วยอะไรได้จริงๆเหรอครับ…”
[ธันเดอร์ สไตรค์] ฟังจากชื่อคงเกี่ยวกับสายฟ้า มันคงเป็นเวทมนตร์ที่เธอเพิ่งร่ายเพื่อจู่โจมผมเมื่อครู่ไม่ผิดแน่
แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะช่วยอะไรได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ให้ผมเป็นฝ่ายตั้งรับไปเท่านั้น แตกต่างจากการฝึกฝนกับดาบที่ผมสามารถมองเห็นและจับการเคลื่อนไหวได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ดิฉันจะร่ายให้เร็วขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ค่ะ”
หรือก็คือ การโจมตีเมื่อครู่คือการยั้งมือไว้แล้วของเธอหรอกเหรอ?
หากเร็วขึ้นจริงๆ บางทีผมคงไม่สามารถวิ่งหนีได้สินะ…
“แล้วถ้าฟ้าผ่าโดนผม…โอ๊ยๆๆ!”
ไม่ทันถามจบ ก็โดนฟ้าผ่าลงมาจริงๆ ร่างกายรู้สึกเจ็บระบมไปหมด แอบเห็นอาร์เจนตายิ้มแว่บหนึ่งก่อนเธอจะร่าย [ฮีล] เพื่อเยียวยาความเจ็บปวดให้
สรุปก็คือ หากโดน [ธันเดอร์ สไตรค์] ความรู้สึกเจ็บก็จะเป็นประมาณนี้สินะ…
“หากเป็นประสงค์ของท่านชิน ดิฉันจะฝึกให้ค่ะ”
ผมไม่สามารถเดาความคิดที่ซุกซ่อนไว้ในดวงตาอันไร้อารมณ์ของเธอออกได้เลย แต่ผมก็พยักหน้าตัดสินใจ ราวกับความสามารถในการนึกคิดถูกเธอล่อลวงไปเสียแล้ว
และหลังจากนั้น ผมก็เรียนรู้การใช้ [เอิร์ธ วอลล์] ตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์ และเป็นการฝีกแบบเร่งด่วน ทำให้ผมมานาหมดไปหลายรอบ
แต่หากเทียบกับอาร์เจนตา ดูเหมือนเธอจะหมดมากกว่านั้นมาก
หลายชั่วโมงผ่านไป กองของขวดยาฟื้นฟูมานาก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่สิ… แค่ฝั่งของอาร์เจนตานั่นแหละ ที่เพิ่มเป็นจำนวนมาก
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาดดังขึ้น พร้อมกันนั้นฝุ่นก็ฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ร่างกายของผมถูกปกคลุมด้วยฝุ่นถึงกับจามออกไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่อย่างน้อยผลลัพธ์ก็คือ ผมสามารถสร้างกำแพงดิน [เอิร์ธ วอลล์] ขึ้นมาป้องกันตัวเองได้ทันแล้ว
“ครั้งหนึ่ง ท่านวิเวียนเคยกล่าวไว้ว่า ความเร็วเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินแพ้ชนะในการต่อสู้ หากอ้างอิงคำกล่าวนั้น ดิฉันคิดว่าตอนนี้ท่านชินคงสามารถก้าวเท้าขั้นแรกเข้าสู่ชัยชนะได้แล้วค่ะ”
ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่วิเวียนพูดเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ผมเคยได้ยินประโยคทำนองนั้นอยู่เหมือนกัน
“แล้วก็…”
อาร์เจนตาร่าย [ฮีล] ให้ผมอีกครั้ง เรี่ยวแรงที่หดหายไปกลับมา
อันที่จริง ผมก็อยากทำเช่นนั้นให้เธอบ้าง ติดปัญหาที่ไม่ว่าจะพยายามยังไง ผมก็ไม่สามารถใช้วิชาแบบเดียวกันกับเธอได้
จริงอยู่ที่โลกนี้มีความเข้ากันของเวทมนตร์กับเจ้าตัวอยู่ด้วย แต่พอนึกถึงฐานะการเป็นผู้กลับมาเกิดใหม่ของตัวเอง ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองนิดๆว่าจะมีทักษะโกงๆซ่อนอยู่มากกว่านี้สักหน่อย
แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น… จะต่อว่าโชคชะตาก็กะไรอยู่ หากคิดแง่บวก ผมก็ได้อะไรหลายๆอย่างมาแล้ว เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ร่างกายที่แม้แต่ตัวเองยังรู้ว่าผิดปกติ
หากให้ยกตัวอย่างประสบการณ์ล่าสุดที่รับรู้เรื่องนั้นได้ ก็เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี่แหละ
ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่น่ามีพลังมากพอที่จะร่ายเวทมนตร์ต่อเนื่องได้ขนาดนี้ แต่กลับสามารถยืนทำได้นาน แถมยาฟื้นฟูที่ใช้ก็แตกต่างกับอาร์เจนตาระดับที่เรียกได้ว่าราวฟ้ากับเหว
บางทีในตัวผมอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
หากคิดในแง่ลบ ผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าผมจะมีพลังพอจะช่วยเหลือใครได้
“กังวลอะไรอยู่หรือเปล่าคะ”
“อาการทางสีหน้าออกขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
อาร์เจนตาพยักหน้า บางทีผมคงเป็นเก็บอาการทางสีหน้าไม่เก่งจริงๆ
“ดิฉันจะไม่ก้าวก่ายความรู้สึกของท่านชิน แต่หากเป็นความประสงค์ของท่าน ดิฉันยินดีรับฟังทุกปัญหา”
“ขอบคุณครับ”
ความอ่อนโยนและความหวังดี ต่างเป็นสิ่งที่สื่อความรู้สึกในด้านดี
ในระยะเวลาเกือบปีภายใต้ชายคาเดียวกันกับเธอ มีหลายครั้งที่อาร์เจนตาแสดงท่าทีหวังดีกับผม แต่มีไม่กี่ครั้งที่เธอจะแสดงท่าทีอ่อนโยนออกมา
ครั้งนี้ก็เป็นครั้งหนึ่ง แม้จะไม่มาตราวัดออกมาตรงๆ แต่ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นที่บางครั้งเธอก็แผ่ออกมา ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากวิเวียนเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่มนุษย์ที่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าหรือน้ำเสียงมากนัก แต่เพราะเธอเป็นแบบนั้นเวลาที่ตั้งใจแสดงอารมณ์ออกมา ผมจึงรู้สึกตัวได้แทบจะทันที
“ขอบคุณจริงๆครับ”
ผมไม่อาจคิดคำที่เหมาะสมไปมากกว่านี้ได้ จึงทำได้เพียงกล่าวถ้อยคำเดิมซ้ำอีกครั้ง
หลังร่างกายฟื้นฟูกำลังกลับมาโดยสมบูรณ์ เสียงประตูรั้วก็เปิดออก วิเวียนคงกลับมาจากการทำธุระข้างนอกแล้ว
เราสองคนหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
ได้ยินเสียงอาร์เจนตากระแอมไอเบาๆ ก่อนจะจัดชุดเมดที่สวมใส่ให้เข้าที่
“แล้วเจอกันที่ห้องทานอาหารนะคะ”
เธอเดินจากไปด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เฉกเช่นหุ่นยนต์อีกครั้ง บรรยากาศที่โอบล้อมตัวเธอเปลี่ยนแปลงไปในทางเย็นชาอีกครั้ง
ไม่อาจทราบได้เลยว่า ตอนนี้เธอทำสีหน้าเช่นไรอยู่กันแน่
Chapters
Comments
- ตอนที่ 45 ลาก่อน อควาเดีย 20 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 44 ท่าเรือ 3 วัน ago
- ตอนที่ 43 ชุดแต่งงานและเปลวเพลิง มิถุนายน 28, 2025
- ตอนที่ 42 ระเบิด มิถุนายน 25, 2025
- ตอนที่ 41 อาร์เจนตา 3 มิถุนายน 21, 2025
- ตอนที่ 40 สีเงินที่หวั่นไหว มิถุนายน 18, 2025
- ตอนที่ 39 "เอลซัธ" มิถุนายน 14, 2025
- ตอนที่ 38 ชิ้นส่วนที่หายไป มิถุนายน 11, 2025
- ตอนที่ 37 การตัดสินใจ มิถุนายน 7, 2025
- ตอนที่ 36 สอบถาม มิถุนายน 4, 2025
- ตอนที่ 35 โทษทัณฑ์ มิถุนายน 4, 2025
- ตอนที่ 34 ในงานเลี้ยง 2 มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 33 ในงานเลี้ยง 1 พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 32 ยินดีที่ได้รู้จัก พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 31 ช่วยทีนะ พฤษภาคม 25, 2025
- ตอนที่ 30 คืนก่อนงานเลี้ยง พฤษภาคม 25, 2025
- ตอนที่ 29 เรื่องแปลกๆ พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 28 ร้านอาหาร พฤษภาคม 19, 2025
- ตอนที่ 26 ไลล่า 2 พฤษภาคม 19, 2025
- ตอนที่ 26 รุ่งสาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 25 คืนแรก ณ อควาเดีย พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 24 ลูเมนฮอฟ 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 23 ลูเมนฮอฟ 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 22 อาร์เจนตา 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 21 รุ่งเช้า ระหว่างทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 20 ครอบครัว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 19 ไลล่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 18 อาร์เจนตา 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 17 วันออกเดินทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 16 ตัวตนของเด็กสาว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 15 ลูน่า 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 14 ลูน่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 13 ฝึกฝนยามเช้า พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 12 เมืองแห่งสายน้ำ (เริ่มต้นบท 2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 11 โทริส 3 (จบบทที่ 1) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.3 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.2 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.1 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.3 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.2 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.1 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.2 [ตอนยาว] วันเกิด (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.1 [ตอนยาว] วันเกิด (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.2 [ตอนยาว] สาวปริศนา (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.1 [ตอนยาว] สาวปริศนา (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 6 เพียงฝัน พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 5 โทริส 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 4 โทริส 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 3 ไม่เป็นไร พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 2 เกิดใหม่ที่ต่างโลก พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 1 ณ ห้วงแห่งหนึ่ง พฤษภาคม 17, 2025
MANGA DISCUSSION