ฝนตกอีกแล้ว…
เย็นนี้คงต้องอยู่คนเดียวอีกเช่นเคย… ฉันคิดเช่นนั้นพลางฟังเสียงฝนที่กระทบกับพื้น ฟังแล้วช่างคล้ายการหยอกล้อจากท้องฟ้าที่พยายามลงทัณฑ์ฉันที่เคยคิดไม่เข้าท่า ได้ยินเสียงผู้คนวิ่งหลบฝนจากใต้สะพาน
โชคดีที่ยังมีผ้าห่มซอมซ่อที่มีคนโยนมาให้ด้วยความสมเพชเมื่อสบตากับฉันที่ไม่ต่างจากคนเร่ร่อน
ฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากหมู่บ้านไร้ชื่ออันห่างไกล
นานมาแล้ว ไม่สิ… อาจจะไม่นานก็ได้ ฉันเคยมีพ่อและแม่
จนถึงตอนนี้ก็คิดว่ามันเป็นแบบที่อบอุ่น เพียงแต่…
เริ่มลืมมันไปแล้วแห๊ะ
สิ่งเดียวที่ให้ความอบอุ่นให้กับร่างกายนี้ได้มีเพียงผ้าห่มผืนนี้เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าตัวเองดูผอมแค่ไหน แต่ฉันไม่สามารถกินอะไรลงได้มากมายนัก
ขนมปังก้อน ขนมปังบูด มันแตกต่างกันตรงไหน
ถ้าไม่เห็นรอยสีดำๆ ฉันคิดว่าฉันคงแยกไม่ออกหรอก
และตอนนี้ ขนมปังในมือของฉันก็คือขนมปังแบบนั้น
ขนมปังที่มีรอยสีดำ บ่งบอกว่ามันผ่านพ้นช่วงเวลาที่คนจะรับประทานมันเข้าไปได้
แต่ถึงกระนั้น…
ฉันอ้าปาก ฟันขบลงบนพื้นที่ส่วนสีดำ…
ไม่มีรสชาติสักนิด ไม่มีอะไรเลย…
“อุ่ก…ปวดท้องชะมัด…”
ฉันกดท้องของตัวเอง อาจเพราะนำอาหารที่คนทั่วไปบอกว่าหมดอายุไปแล้วเข้าไปในร่างกายเยอะไปก็ได้
เพราะไม่ได้รู้รส ไม่ได้กลิ่น เสมือนคนที่เสียประสาทสัมผัสทางลิ้นและทางจมูกไป…
ฉันจึงพยายามหาทางทวงพวกมันคืนมา…
“เอรี่! ลูกอยู่ไหน!”
อ่า… ผู้หญิงคนนั้น แม่ของฉันออกมาตามฉันแล้ว
หลังพ่อเสียชีวิตจากเหตุปราบปรามก็อบลิน ฉันไม่ได้เห็นแม้แต่สิ่งที่เคยเป็นเขา
แต่ได้ยินเด็กพวกนั้นเล่ากันว่า พ่อของฉันถูกกินจนแทบไม่เหลืออะไรกลับมา
ไม่ใช่บ้านของฉันคนเดียว เด็กๆพวกนั้นล้วนสูญเสียคนในครอบครัว
แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่ได้สูญเสียมากนัก
ฉันนึกถึงเด็กคนหนึ่ง ท่าทางของเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าฉันทั้งที่น่าจะอยู่ในวัยเดียวกันกับฉัน
ชิน…
ฉันยังจำชื่อของเด็กผู้ชายคนนั้นได้ ฉันจากลากับเขาโดยที่ไม่ได้บอกลาใดๆ นับเป็นความเสียใจแรกของฉันที่นึกถึงทีไรก็มีแต่ความเศร้า
ทั้งที่ฉันคิดว่าเราน่าจะสนิทสนมกันได้แท้ๆ
“เอรี่!”
เสียงตะโกนตามหาฉันของแม่ห่างออกไป ฉันอาศัยจังหวะนี้ลุกขึ้นมาแล้วแอบเดินกลับบ้านลำพัง
น่าเสียดาย ประตูบ้านล็อคไว้อยู่
ชายท้วมคนหนึ่งเดินผ่าน ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเขา พอมองดูดีๆ อ้อ เขาเป็น ‘ลูกค้า’ คนหนึ่งของแม่นั่นเอง
ที่ทำงานของแม่ มีการจำกัดอายุการเข้าไปข้างใน พวกผู้ชายตัวโตมักบอกให้ชายออกไป ไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็ก
ฉันทิ้งตัวลงตรงหน้าบ้าน เสียงของรถม้าที่เคลื่อนไหวเอื่อยๆ กับเสียงผู้คนพูดคุยยังคงทำหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองที่เสื่อมทราม
ไม่สิ… ฉันอาจจะตัดสินแบบนั้นไปเอง
ในฐานะเด็กคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถกล่าวอะไรได้ทั้งสิ้น
ความเจ็บปวดที่แก้มข้างซ้ายยังคงจำได้ชัดเจน แม้ร่องรอยจะไม่เหลือแล้วก็ตาม
ลูกค้าคนหนึ่งของแม่เคยชกฉัน ใบหน้าบูดเบี้ยว เสียงตะคอกกับน้ำลายที่กระเซ็นเป็นสายยังคงติดในความทรงจำ
หลังจากวันนั้น แม่ก็ไม่ได้ให้เขามาที่บ้านอีก แต่ทุกครั้งที่ฉันบังเอิญเจอเขาก็มักถูกมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“เอรี่!”
ระหว่างกำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงคุ้นเคย เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นร่างของแม่ที่กำลังวิ่งมาหาฉันด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ
ช่วงนี้ฉันอ่านสีหน้าคนได้เก่งขึ้น เลยรู้ว่าแม่ไม่ได้โกรธฉัน
หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้โกรธเท่ากับที่ห่วงว่าฉันหายไปไหน
ถึงแม้จะถูกลากเข้าบ้าน และโดนด่าแบบทุกครั้งแค่ไหน แต่สำหรับฉันแล้วเธอคือคนเดียวที่พึ่งพาฉันได้
ทว่าฉันรู้ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล…
“แม่ต้องทำยังไงไม่ให้ลูกหนีหายไปอีก”
“หนูไม่ได้หนีหายไปไหนสักหน่อย แค่ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของแม่”
แม่ของฉันไม่ได้มีเวลาการทำงานที่แน่นอน คืนนี้เธอคงต้องออกไปทำงานในสถานที่ที่เขาห้ามเด็กแบบฉันเขาไปอีกวัน
คืนนี้ ฉันคงต้องอยู่คนเดียวไปอีกวัน
แม่กอดฉันเอาไว้ กลิ่นกายแม่ผสมคละคลุ้งเข้ากับกลิ่นกายของชายที่มาใช้บริการ
ฉันกอดเธอตอบ กลิ่นเสื้อผ้าราคาถูกตีเข้ามาปนเปกับกลิ่นกายก่อนหน้า เนื้อผ้ายับๆสากๆ ผ่านซอกระหว่างนิ้วมือ
“เย็นนี้ แม่มีเนื้อย่างที่ลูกชอบด้วยนะ”
“อื้อ”
อันที่จริง ฉันไม่ได้ชอบเนื้อย่างอย่างที่แม่เข้าใจ ฉันแค่เสียดายของที่แม่ซื้อมาในราคาสูงลิบเท่านั้น
ชิน…
มื้ออาหารในงานเลี้ยงวันเกิด ขนมหวานในตอนนั้นฉันลืมเลือนรสชาติมันไปแล้ว แต่ภาพที่ยังจำได้ยังคงประทับในดวงตา
ยามค่ำคืน ฉันถูกทิ้งเอาไว้ในห้องนอนเล็กๆเพียงลำพัง
แสงไฟในตัวเมืองส่องสว่าง ผู้คนไม่เดินชุกชมเหมือนยามเช้า แต่ก็ใช่ว่าไม่มีคนเดิน
ฉันเรียกพวกเขาว่า นักท่องราตรี
ชายหญิงควงแขนกัน บางคนเดินเซจนชนกับกำแพงบ้านระแวกใกล้ๆ บางคนโก่งคออ้วกของเหลวที่ตัวเองกระดกเข้าไปอย่างคึกคะนอง
กลิ่นมากมายที่ยามเช้าไม่มีทางได้ประสบพบเจอ กระแทกเข้ามาในโสตประสาท
ในช่วงแรก ฉันไม่ชินมากนัก แต่ตอนนี้ชักจะชินกับมันแล้ว
และเพราะเหตุนี้ หากมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมันจะกลายเป็นสิ่งที่ฉันรู้ตัวได้แทบทันที
ค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน
หูของฉันได้ยินเสียงพายเรือ ทั้งที่ในเวลานี้ไม่น่ามีใครใช้บริการ
พอหันสายตาไปมอง ก็เห็นกลุ่มคนลึกลับ สวมชุดคลุมสีดำ หากไม่เพ่งมองดูดีๆคงไม่เห็น
พวกเขาทำท่าทางลับๆล่อๆ บนเรือมีห่อผ้าบางอย่าง ดูจากรูปทรงยาวๆแล้วคงสามารถจับร่างมนุษย์มัดแล้วห่อด้วยผ้าขาวที่ดูสกปรกๆได้สบาย
ตู้ม
ได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น พร้อมกับเห็นห่อนั้นที่ถูกโยนและค่อยๆจมลงไป
เสียงพายเรือดังโดดเด่นยามค่ำคืนอีกครั้ง นอกจากฉันและแสงดาวกับแสงจันทร์แล้ว คงมีคนเป็นพยานต่อเหตุการณ์นี้อีกหลายหลัง
แต่มันก็แค่นั้น
ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
เป็นแค่เพียงค่ำคืนหนึ่ง ของเมืองแห่งนี้
ณ เมืองแห่งสายน้ำแห่งนี้ อควาเดีย
MANGA DISCUSSION