พอเห็นของจริง คำที่คนเฒ่าคนแก่เคยกล่าไว้ สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น มันเป็นเช่นไร ผมเพิ่งได้ประจักษ์แจ้งกับตนเองก็ ณ ตอนนี้
บ้านของวิเวียน ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ เดิมทีแล้วขนาดของมันเรียกว่าคฤหาสน์ได้เลยด้วยซ้ำ
ถนนทางเข้าปูด้วยหินเรียงเป็นระเบียบ แตกต่างกับเส้นทางถนนที่ผ่านๆมา
มองไปด้านซ้ายของตัวคฤหาสน์ มีคอกม้าขนาดเล็กตั้งอยู่ ตอนนี้หน้าต่างเปิดอยู่ ผมเห็นผู้ชายผมสั้นสีทองกำลังให้อาหารม้าอยู่
นับจากจำนวนหน้าต่างที่ผมเห็น หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า คงมีม้าด้วยกันทั้งหมดห้าตัวนั่นแหละ นับเจ้าตัวที่เทียมรถม้านี้อยู่แล้ว ในคอกก็เหลือสามตัว
ด้านขวาของคฤหาสน์ มองไกลออกไปหน่อยมีสวน ผมเห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดเอี๊ยมกำลังก้มหน้าก้มตาดูแลพืชพรรณอยู่อย่างตั้งใจ
รถม้ามาจอดถึงหน้าทางเข้าคฤหาสน์ คนขับรถม้าเปิดประตูให้วิเวียนและผมลง เขารับสัมภาระไปถือ แล้วเดินนำไปเปิดประตู
ผมแหงนหน้ามองคฤหาสน์ นับจำนวนชั้นในใจได้สามชั้น ดูจากลักษณะของอาคารคงแบ่งเป็นปีกซ้ายและขวา
เมื่อบานประตูถูกเปิดออก สิ่งแรกที่ผมเห็นมันคือความหรูหรา ชนิดที่ว่าตัวผมในโลกก่อนไม่มีทางได้เห็นมัน
พื้นทำจากหินอ่อนสีขาว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูมันวาว พอก้มมองก็เห็นภาพบิดเบี้ยวอันเป็นเงาสะท้อนของตัวเองขึ้นมา
เพดานมีโคมไฟระย้าประดับ มันส่องแสงสว่างด้วยหินเวทมนตร์ที่ใส่อยู่ในไฟแต่ละดวง ผมไม่รู้วิธีการตั้งเวลาเปิดปิด แต่คิดว่ามันคงทำงานแบบโซลาร์เซลล์ตามที่ได้ยินมาจากอลิเซีย
ตรงกลางเป็นบันไดกว้าง ตรงขึ้นไปยังชั้นสองที่แบ่งเป็นปีกซ้ายและขวาอย่างชัดเจน
และกลุ่มบุคคลที่รอต้อนรับ ล้วนเป็นเมดหกคนที่ยืนเรียงกันเป็นทางเดิน ฝั่งละ 3
““ยินดีต้อนรับค่ะ นายหญิง””
พวกเธอพูดพร้อมเพรียงกัน ในท่าที่โค้งตัวเคารพต่อผู้เป็นนาย แต่ละคนแต่งชุดในรูปแบบเดียวกันคือชุดเมด และสวมหมวกครอบศีรษะที่รัดด้วยริบบิ้นบริเวณด้านหลังเพื่อให้เข้ารูป มีเพียงคนเดียวที่เป็นที่สังเกตคือ เมดผมสีเงินแซมดำที่ใส่ที่คาดผมแทนกับอีกคนที่เป็นเมดผิวสีคล้ำที่สุดและตัวเล็กสุดในบรรดาคนทั้งหก
เป็นภาพที่ผมเคยเห็นเพียงในละครไม่ก็ภาพยนตร์กับอนิเมะ ไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตจริง
“ฉันเคยบอกพวกเธอแล้วนะว่าไม่ต้องเคารพกันขนาดนี้ก็ได้ แต่พวกเธอไม่ฟังฉันน่ะ”
เธอหันมาแก้ตัวกับผม ก่อนจะสั่งให้เหล่าสาวเมดของเธอนำสัมภาระไปเก็บ
เมดแต่ละคนกลับไปทำหน้าที่ของตน เหลือเพียงเมดสองคน
สังเกตจากเส้นผมที่แซมออกมาจากหมวกแล้ว เป็นสีชมพูและสีฟ้า พวกเธอจ้องมองไม่วางตา เหมือนกับสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดตรงนี้คือตัวอะไรกัน
“อดทนหน่อยนะชิน เธอเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านเลยแหละ”
หา ผมหลุดอุทานออกมา
เธอคงไม่โกหก เธอเองก็ดูแปลกใจที่ผมตกใจแบบนั้น
นั่นหมายความว่าคนขับรถม้าเองก็ไม่ใช่ผู้ชาย คนเลี้ยงม้าเองก็เช่นกัน…
ไม่ใช่ ‘เขา’ แต่เป็น ‘เธอ’ ทั้งหมด
ผมไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของตัวเอกชายที่ได้เข้าไปท่ามกลางโรงเรียนหญิงล้วนมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ที่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
“โรซี่ ลูน่า พาชินไปที่ห้องที”
เสียงของวิเวียนสั่งการ เมดสองคนตอบพร้อมเพรียงว่ารับทราบจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นใครก่อนจะเดินนำผมไปยังห้องของตนเอง
บนพื้นที่ชั้นสอง แบ่งเป็นปีกอาคารฝั่งซ้ายและขวา ทั้งสองฝั่งเป็นเส้นทางเดินกว้างพอให้คนสองคนเดินสวนกันได้แบบไม่ต้องหลบ
ที่สิ้นสุดทางเดิน ผมเห็นบันไดขึ้นไปยังชั้นสาม ซึ่งคิดว่าคงมีห้องอื่น ๆอีกมากมาย
ในหัวผมเกิดภาพแผนผังแปลกๆ หากมันจะมีห้องลับหรือกลไกปริศนาโผล่ออกมา ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก
เมดโรซี่และลูน่าพาผมเดินไปทางซีกขวาจากโถงทางเดินตรงกลาง เดินไปตามระเบียง เดินผ่านราวบันไดที่ทำจากไม้เนื้อดี ผ่านห้องอีกสองห้อง ห้องของผมหยุดสุดทางเดิน เป็นจุดที่หากกระโดดขึ้นมาจากชั้นหนึ่งได้ ห้องนี้คงใกล้ที่สุด
“ห้องของคุณค่ะ”
โรซี่กล่าวพร้อมผายมือ ส่วนลูน่าเป็นคนเปิดประตู
ห้องของผม เป็นห้องขนาดใหญ่กว่าที่คาด
พื้นห้องเป็นพื้นไม้สีขาว ที่พื้นมีพรมสีเทาขนาดไม่ใหญ่มากเขียนคำว่า Welcome เอาไว้ คนนึกเรื่องแบบนี้ได้คงไม่ใช่คนของโลกนี้แน่ๆ
ผนังห้องเป็นสีเทาอ่อนทุกด้าน เพดานเป็นสีขาว แต่ไม่เห็นร่องรอยว่าจะมีหินเวทมนตร์ที่ทำหน้าที่ส่องแสงแต่อย่างใด
มันเป็นเตียงที่ใช้คำว่าคิงไซส์ยังไม่สามารถบรรยายขนาดของมันได้ ผ้าปูดูสะอาดกว่าที่นอนเมื่อคืนหลายเท่า ผ้าห่มเองก็ดูหนา
ในห้อง มีบานหน้าต่างที่เปิดออกไปจะเป็นระเบียงสำหรับให้ไปยื่นหน้าออกไปส่องข้างนอกได้
โรซี่แนะนำว่าหากเปิดออกไปจะเห็นทิวทัศน์บริเวณทางเข้าของสวนดอกไม้ได้ แต่ต้องระวังตกลงจากหน้าต่างให้ดี ถึงจะไม่ตายแต่อาจพิการได้เลย
ข้างเตียงฝั่งซ้ายมีชั้นวางของ ทำจากไม้สีขาว ขาดูแข็งแรง มันดูทึบแต่พอมองดีๆมันออกแบบให้คล้ายกับลิ้นชักที่ผมรู้จักในโลกก่อน ข้างๆกันมีเก้าอี้ไม้แบบมีที่วางแขน ตัวเบาะดูนั่งสบายแม้จะไม่รู้ว่าวัตถุดิบทำจากอะไรก็ตาม
โดยรวมมันเป็นห้องที่ดีเกินกว่าจะรับไหวด้วยซ้ำ
“เอ่อ คือ… ผมนอนคนเดียวจริงๆเหรอครับ”
เพราะห้องมันใหญ่จนไม่ชวนคิดเช่นนั้น แต่พอถามออกไปกลับโดนมองราวกับเป็นตัวประหลาด
“ใครมันจะอยากไปนอนร่วมกับคนอย่างคุณ”
เมดผมฟ้า ลูน่ากระแทกเสียงใส่แล้วเดินตึงตังออกนอกห้องไป
“ขออภัยแก่ความเสียมารยาทของลูน่าด้วย เธอไม่ค่อยชอบผู้ชายสักเท่าไหร่นัก”
“เอ แบบนั้นเขาน่าจะเรียกว่าเกลียดแล้วล่ะมั้ง…”
“เป็นเด็กประหลาดเหมือนที่ท่านวิเวียนบอกจริงๆ”
จริงด้วย ผมลืมไปแล้วว่าผมเพิ่งผ่านเจ็ดขวบมาหมาดๆนี่หน่า
เมดสาวผมชมพูไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมนอกจากคำว่า ขอตัวก่อนค่ะ แล้วออกจากห้องไป
ผมเดินไปเปิดสัมภาระออก หยิบหนังสือที่ใส่มาวางไว้บนชั้นวาง เสื้อผ้าใส่ในลิ้นชักให้เรียบร้อย พอจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็ได้เวลาทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วอ่านหนังสือต่อ
แต่ไม่ทันผมจะได้เปิดหน้าแรก เสียงเคาะก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก
คนที่ปรากฏตัวคือเมดผมสีเงินแซมดำที่สะดุดตาก่อนหน้า เพราะเครื่องประดับบนหัวของเธอเป็นที่คาดผม แตกต่างจากคนอื่นที่ใส่หมวก
สีหน้าของเธอเหมือนรูปปั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลังแว่นทรงสี่เหลี่ยมหนาที่จ้องมองมาไม่ระบุความรู้สึกใดๆ ทำให้ยากต่อการคาดเดา หากวิเวียนคือความงามเหมือนเทพธิดา สำหรับ เธอคนนี้คือความงดงามที่เหมือนรูปปั้นในวิหาร
ไม่ไหวติง ไม่โอนอ่อนต่อสิ่งเร้า เธอเป็นคนจำพวกนั้น
“ดิฉันชื่ออาร์เจนตา จะไปครูฝึกของท่านร่วมกับท่านวิเวียน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ”
“เอาไว้วันหลังได้มั้ย… อ้าว แย่ละสิ”
มันแย่จริงๆ ผมยังไม่ทันได้ให้เหตุผล เมดผมเงินอาร์เจนตาก็บุกเข้ามาอุ้มผมด้วยท่าเจ้าหญิงแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของเธอ
ที่ตรงนั้นคือสนามฝึก ผมคิดว่าใช้คำนี้คงได้ บริเวณรอบๆมีอาวุธมากมายตั้งเรียงราย รวมถึงชุดเกราะที่มีร่องรอยบุบสลายหรือสภาพดีก็แขวนไว้เหมือนเป็นหุ่นโชว์เสื้อ กลางพื้นที่มีเส้นสีขาวขีดเป็นสี่เหลี่ยม ตรงกลางสี่เหลี่ยมนั้นมีวิเวียนในชุดทูนิคสีขาวราวกับอัศวินที่ยังไม่สวมเกราะ เส้นผมยาวสีทองรวบไว้เป็นทรงหางม้า ในมือถือดาบไม้ ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความรู้สึกท้าทาย
อาร์เจนตาวางผมลงกับพื้น ถึงวิธีที่เธอใช้บังคับให้ผมมันจะรุนแรง แต่ตอนวางเธอวางนุ่มนวลกว่าที่คิด
เมดสาวผมสีฟ้า ลูน่าแทบจะปาดาบไม้เล่มพอดีมือกับร่างเด็กน้อยมาให้ผม
สีหน้าของเธอดูไม่พอใจ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่อาจตีความเป็นอื่นได้
“ใช้แล้วเผาทิ้งไปเลยนะ ฉันไม่รับคืน”
“สำรวมกิริยาหน่อย ลูน่า”
พอโดนอาร์เจนตาดุ เจ้าตัวก็วิ่งไปหลบหลังโรซี่ แต่ใบหน้าที่ชะโงกมามองผม บ่งบอกว่าเธอไม่คิดจะเป็นมิตรกับผมอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องยุ่งยากหากมีปัญหากับผู้อยู่อาศัยร่วมใต้ชายคาเดียวกัน และถึงแม้ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด ผมก็คิดว่าควรหาทางออกเร็วๆนี้
แต่ตอนนี้บุคคลที่ผมต้องให้ความสนใจที่สุดคือคนที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวผมทอง วิเวียน
“ฉันไม่ได้บอกมาก่อนใช่มั้ยว่าที่นี่มีการรับน้องน่ะ”
“ถ้าบอก ผมจะไม่ยอมมาเลยครับ”
“สักวันก็ต้องมา ตอนนี้แค่มาก่อนเวลาไปนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”
การคุยเล่นกันของเราจบลงเมื่อภาพของเธอหายไปด้วยความเร็วที่มองไม่ทัน
สัญชาตญาณบอกให้ผมวิ่งหนี แต่มันคงไม่ทันแน่ ผมจึงยกดาบขึ้นป้องกันแทน
เสียงปลายดาบไม้ของเธอกระแทกเข้ากับด้ามดาบไม้ของผม ส่งเสียงดังรุนแรง ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เห็นว่าดาบไม้ของผมแหลกไปในพริบตา
เป็นพละกำลังที่ล้นหลาม ในหัวไม่สามารถจินตนาการภาพที่จะเอาชนะเธอได้เลย
“อืม รับการโจมตีได้แห๊ะ วันนี้พอแค่นี้ละกัน ที่เหลือให้อาร์เจนตาฝึกด้วยนะ”
เธอส่งดาบไม้ของตนให้เมดสาวผมเงินแล้วเดินออกไป โดยมีลูน่าเดินกระแทกส่งเสียงดังตึงตังตามไปด้วย
“ขออภัยในท่าทางหยาบคายของลูน่าด้วยค่ะ ปกติเธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะคะ แค่ไม่ชอบผู้ชายเล็กน้อยเท่านั้น”
ผมว่าเกินระดับคำว่าเล็กน้อยไปเยอะอยู่ แต่ถ้าพวกเขาอยากให้ผมเชื่อแบบนั้นกันก็ควรพยักหน้าเห็นด้วยตามไปก่อน
เมื่อครู่ ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่การฝึกอะไร วิเวียนไม่ได้เข้ามาโจมตีแล้วผมป้องกันได้ แต่เป็นการโจมตีที่พุ่งมาใส่การป้องกันของผมมากกว่า
เหตุผลที่เธอทำไปคืออะไรกันแน่นะ
ดูเหมือนว่าผมจะนิ่งเงียบไปนาน อาร์เจนตาจึงเอ่ยทัก
“ท่านชิน สีหน้าท่านดูครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มีอะไรสงสัยหรือไม่?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ผมแค่คิดว่าวิเวียนเก่งน่าดูเลย”
“ท่านช่างเป็นเด็กประหลาด”
“ผมได้ยินคำนี้เป็นครั้งที่สองตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้แล้วนะครับ…”
ผมหัวเราะแห้ง ขณะที่เมดสาวผมเงินยืนนิ่ง ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะหรือแสดงอารมณ์อื่นใด
“ยินดีสำรวจบ้านหลังนี้ไปกับดิฉันมั้ยคะ?”
น้ำเสียงเรียบเฉยทักขึ้นพร้อมกับที่อาร์เจนตายื่นมือที่สวมถุงมือผ้าสีขาวทับไว้มาหาผม
สีหน้ายังคงนิ่งเฉย ดวงตาเบื้องหลังแว่นสี่เหลี่ยมนิ่งเฉยเสมือนอัญมณีทิ้งประดับเอาไว้
“อ โอ้”
สถานที่ที่แรกที่เราไป คือคอกม้า สถานที่ที่ผมคิดว่าผู้ดูแลเป็นผู้ชาย
หากเทียบระยะทางจากสนามฝึกถึงคอกม้า มันเป็นจุดที่ไกลที่สุด สนามฝึกตั้งในพื้นที่หลังสุดของคฤหาสน์ ขณะที่คอกม้าอยู่หน้าสุด
ม้าในคอกมีด้วยกันห้าตัวอย่างที่ผมคิดไว้ พวกมันกำลังเคี้ยวหญ้า ไม่ก็มองมาที่ผมผู้เป็นคนแปลกหน้า
อาร์เจนตาไม่พูดอะไร เธอจูงมือผมไปยังสถานที่ต่อไป
ครั้งนี้คือสวนดอกไม้ ด้านหลังสวนมีอาคารเรือนกระจกขนาดเล็กกว่าบ้านที่ผมถือกำเนิดมา ภายในสวนผมเห็นร่างของคนสวนกำลังตั้งใจพรวนดินอย่างแข็งขัน ผมเห็นเพียงด้านหลังของเธอ จึงเห็นแค่หมวกฟากที่เธอสวม กับรู้แค่ว่าเธอเป็นคนตัวใหญ่พอๆกับอาร์เจนตาและมีเส้นผมสีม่วงก็เท่านั้น
“ขอเดาว่าเธอน่าจะชื่อไวโอเลต…”
“ท่านช่างฉลาดล้ำ ชื่อของเธอเป็นเช่นนั้นจริง”
ฮ่าๆ ผมหัวเราะในลำคอ ช่างเป็นชื่อที่ตรงตัวจริงๆ บางทีเธออาจจะชอบดอกไวโอเลตด้วยล่ะมั้ง…
เราสองคนไม่ได้ทักเธอ และมุ่งหน้าไปต่อยังสถานที่ต่อไป ซึ่งเป็นพื้นที่ข้างโรงฝึก มันคือโรงอาบน้ำ
“หากท่านประสงค์ที่จะใช้โรงอาบน้ำ ท่านสามารถใช้ได้ แต่ขอแนะนำให้ใช้หลังพวกเราเข้านอนทั้งหมดแล้ว มิฉะนั้น…”
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นการแสดงออกทางอารมณ์ของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกรอกไปมา เธอกำลังลังเลบางเรื่องอยู่
“มิฉะนั้น อะไรเหรอครับ”
ผมลองถามกระตุ้นไป เธอยกมือซ้ายที่ว่างอยู่ขึ้นมาจัดแว่นเล็กน้อยแล้วรายงานตามตรงไปว่า
“มิฉะนั้น ท่านอาจพบเห็นร่างเปลือยเปล่าของผู้อยู่อาศัยท่านอื่น ดิฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะในเวลาที่ลูน่ารู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ในตัวท่าน และดิฉันไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าสาวใช้คนอื่นมีความรู้สึกเช่นไรต่อท่าน ดังนั้นท่านควรหลีกเลี่ยงเวลาที่พวกดิฉันใช้งานจึงเป็นทางดิฉันคิดว่าเหมาะสมที่สุด”
พอนึกถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น มันคงได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
ปัญหาคือ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ที่พวกเธอใช้ห้องอาบน้ำเสร็จแล้ว
“หากเมื่อถึงเวลาที่ท่านสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกใจ ดิฉันจะเคาะประตูห้องบอกท่านเอง โปรดอย่าเป็นกังวลเรื่องเวลา”
อาร์เจนตาตอบเหมือนอ่านใจผมได้ แม้นึกสงสัยแต่ก็พยักหน้ารับไป
สุดท้ายเราสองวนกลับมาภายในตัวคฤหาสน์ ห้องที่เธอพามาอยู่บนชั้นสาม
ที่ชั้นสาม โดยรวมแล้วพื้นที่ไม่ต่างจากชั้นสองมากนัก แต่พื้นที่ที่เคยเป็นขั้นบันไดที่เชื่อมชั้นหนึ่งกับสอง ถูกแทนที่ด้วยห้องใหญ่หนึ่งห้อง คาดว่าคงเป็นห้องรับแขก ทางเดินแบ่งเป็นซีกซ้ายและขวา
อาร์เจนตาพาผมเดินไปยังเส้นทางในซีกขวา จากนั้นหยุดที่บานประตูทางฝั่งขวาของเธอ
ที่ตรงนั้น มันเป็นห้องๆหนึ่งหลังห้องใหญ่ที่ผมเห็นก่อนหน้า
ก๊อก ก๊อก
เธอเคาะประตูสองที แล้วพูดว่าขออนุญาตเข้าไปค่ะ ก่อนจะมีเสียงของวิเวียนตอบกลับมาว่า เข้ามาได้ เธอจึงได้เปิดประตูออกและพาผมเข้าไปข้างใน
ห้องนี้คือห้องทำงานของวิเวียนอย่างไม่ต้องสงสัย
ขนาดของมันกว้างกว่าห้องนอนของผมเล็กน้อย หรือบางทีผมอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้
ตรงบริเวณกลางห้องเยื้องไปทางซ้ายนิดหน่อนมีโต๊ะขนาดใหญ่วางอยู่ สองฝั่งของโต๊ะมีเก้าอี้มีที่วางแขนตั้งไว้ คงมีไว้เพื่อรับแขก
หากมองไปทางซ้ายสุด จะพบชั้นหนังสือสูงที่มีหนังสืออัดแน่นเต็มข้างในจนแน่น
หากมองขวาสุด จะพบบานประตูสำหรับเปิดไปอีกห้องที่ไม่สามารถเข้าได้จากด้านนอก คงเป็นห้องลับสำหรับบ้านหลังนี้
และหากมองขยับไปทางขวาจากโต๊ะ จะพบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ด้านหลังโต๊ะมีวิเวียนกำลังนั่งยกมือทักทายผมอยู่
“สวัสดีตอนเที่ยงนะ ชิน”
“มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
คาดว่าอาร์เจนตาคงจงใจให้ผมมาห้องนี้เป็นห้องสุดท้าย เพราะวิเวียนมีเรื่องจะกล่าวกับผม
วิเวียนที่ยังปล่อยผมยาว แต่ยังอยู่ในชุดเดิมลุกขึ้นจากโต๊ะตัวใหญ่แล้วเดินมาหาผม
เธอหยุดอยู่ตรงหน้า ข้างซ้ายผมมีเมดสาวผู้เคร่งครัด ส่วนหน้ามีนายหญิงผู้งดงามราวเทพธิดายืนอยู่ และตอนนี้ เทพธิดาองค์นั้นกำลังก้มตัวลงมาหาผม
ในมือของเธอมีเข็มกลัดผีเสื้อทอประกายแสงสีรุ้ง เธอติดมันให้ผมที่อกซ้าย
ดวงตาของผมและดวงตาสีฟ้าของเธอประสานกันชั่วพริบตาที่เธอเงยหน้าขึ้น รู้สึกเหมือนเธอยิ้มให้ผม
“ขอต้อนรับสู่ตระกูลเอเวอร์ไรท์นะ”
ชิน เอเวอร์ไรท์ จะกลายเป็นชื่อของผมนับจากวันนี้…
“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านชิน”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่เหมือนอาร์เจนติเองก็จะยิ้มให้ผมเหมือนกัน
คืนนั้น หลังผมได้รับนามสกุลใหม่ ผมที่นอนในห้อง บนเตียงที่ไม่ค่อยชินกับมันมากนัก
แม้ที่หลังจะรู้สึกสบาย แต่ในสมองกลับรู้สึกหนักพิกล สรุปเป็นคำเดียวว่า ‘ผมนอนไม่หลับ’
บางทีถ้าทำให้ร่างกายล้ากว่านี้อาจพอไหว แต่ดึกป่านนี้คงไม่สามารถลงไปใช้ลานฝึกได้ จึงเลือกที่จะอ่านหนังสือท่ามกลางความมืดแทน
ผมอ่านเล่มนี้มาเป็นรอบที่สามที่สี่แล้ว การเปิดหนังสืออ่านกลายเป็นพลิกแผ่นกระดาษที่ทำให้ผมนึกเรื่องราวออกเท่านั้น ผมไม่จำเป็นต้องอ่านให้ประโยคมันชัดเจนเลยด้วยซ้ำ
ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูถูกเคาะหลังผมอ่านไปได้ไม่ถึงบท ถึงจะหงุดหงิดไปหน่อยแต่ผมก็เดินไปเปิดประตูโดยไม่ทิ้งระยะห่างไว้นานนัก
พอประตูถูกเปิดออก คนที่ยืนอยู่คือวิเวียน
จะว่าไปครั้งนี้คือครั้งแรกที่ผมได้เห็นชุดนอนของเธอ
ในค่ำคืนนี้เธอสวมชุดนอนกระโปรงสีขาวยาว มันไม่ได้เป็นชุดที่ดูอันตรายอะไร แต่พอเป็นเธอสวมใส่ มันกลับดูเย้ายวนแปลกๆ
ไม่รู้เพราะแสงจันทร์หรือเพราะจิตสกปรกของผมคิดไปเอง แต่เธอในคืนนี้ดูสวยขึ้นพิกล
“เด็กลามก~”
เธอยิ้มกว้าง เห็นฟันขาวเรียงสวยงาม บางทีเธอคงรู้แล้วว่าผมจ้องมองเธอไม่วางตา จนไม่ได้สังเกตว่าเธอถือหนังสือนิทานมาด้วย
“ให้ฉันอ่านนิทานให้ฟังมั้ย”
“อ่านนิทานให้คนวัยยี่สิบ ผมว่ามันดูแปลกๆไปหน่อยนะครับ”
“ก็ยังเด็กกว่าตอนฉันตายอยู่ดี ห้าปีเลยนะ”
ไม่เพียงว่าเปล่า เธอยังแบมือออก นิ้วเรียวงามทั้งห้าปรากฏต่อสายตาของผม
พอคิดว่ามือข้างนี้เป็นข้างที่มอบสัมผัสปลอบประโลมให้ผมเมื่อคืน หัวใจก็เต้นแรง เกิดความรู้สึกอยากหันหน้าหนีเธอ
นี่ อย่าหันหน้าหนีสิ เธอพูดแบบนั้นแล้วดันตัวผมเข้ามาในห้อง เสียงปิดประตูดังขึ้นเสร็จสรรพ ผมรู้สึกเหมือนหมดทางหนี
ถือว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวแท้ๆ แต่ผมกลับไม่มีความคิดจะขัดขืน ทั้งที่ถ้าเป็นโลกก่อนผมคงโวยวาย
ผู้บุกรุกสาวยามค่ำคืนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ และยังไล่ให้ผมไปนั่งบนเตียง กำชับว่าขอคุยด้วยแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ
“เมื่อเช้า”
ท่ามกลางความมืดของยามค่ำคืน เสียงเกริ่นนำของเธอดังชัดเจน ผมกลืนน้ำลายลงคอพร้อมลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรออกมา
“เรื่องของลูน่า ฉันอยากขอโทษ แต่อย่าถือโทษโกรธเธอเลยนะ”
เธอว่าแล้วโค้งตัวลงต่ำแสดงการย้ำคำขอโทษที่เพิ่งกล่าว และแน่นอนว่าผมไม่ได้โกรธเมดสาวผมฟ้าคนนั้นขนาดที่ว่าจะให้อภัยไม่ได้อยู่แล้ว ปัญหาที่สำคัญสำหรับเมดคนนั้นน่าจะเป็นการที่ผมกับเธอจะอยู่ร่วมกันยังไงให้ได้มากกว่า
“เงยหน้าขึ้นเถอะครับ ผมไม่ได้โกรธเลย แต่แค่รู้สึกเราอยู่ร่วมกันยาก คิดว่าต้องหาทางให้ได้…”
“เรื่องนั้น…”
แม้คืนนี้จะไม่ใช่คืนที่จันทร์เต็มดวง แต่ผมเห็นคิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน ดวงตาสีฟ้าที่จับจ้องผมอยู่จนถึงช่วงก่อนหน้าหลบหลีกออกไป มือที่วางทับกันบนหนังสือบีบเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
เธอคงกำลังลังเลว่าจะเล่าให้ผมฟังดีหรือไม่ และถ้าเป็นเรื่องที่เธอลังเล บางทีมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมควรทราบ อย่างน้อยก็ในตอนนี้
“ไม่อยากเล่าผมก็ไม่ว่าหรอกนะครับ แต่ผมแค่อยากถามว่า คุณจะสู้กับผมไปทำไมกัน”
ผมยังไม่ลืมหรอกนะว่าตอนนั้นเธอจงใจโจมตีมาที่การป้องกันของผม ซึ่งผมมองไม่เห็นประโยชน์เลยว่าเธอจะทำไปทำไม
พอเจอคำถามเช่นนั้น เธอหัวเราะแห้งพลางลูบเส้นผมสีทองของตัวเองไปมา
“ฉันพยายามแสดงให้ลูน่าเห็นน่ะ ว่าเธอเก่งกว่า ลูน่าจะได้ไม่กล้าลงมือทำอะไร”
เป็นเหตุผลที่หากบังคับให้ตัวเองยอมรับ ก็ยังคงพอเข้าใจได้ เป็นเหมือนการตักเตือนไว้ก่อนว่าฝีมือระดับเธอทำอันตรายเขาไม่ได้หรอก
“แล้ว…ได้รับบาดเจ็บตรงไหนมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ เศษดาบไม้ไม่ได้กระเด็นมาโดนตัว”
“ไม่ได้เจ็บข้อมือใช่มั้ย”
จะว่าไปแรงกระแทกในตอนนั้นก็ทำให้มือชาไปพักหนึ่ง แต่พอเวลาผ่านไปมันก็หายดีไปปลิดทิ้ง
เพื่อความสบายใจของเธอ ผมตอบเธอว่า ไม่เป็นไรจริงๆ
เธอยิ้มให้และลุกขึ้นยืน ทีแรกคิดว่าเธอคงเดินออกจากห้องไปเลย แต่กลับเดินมาหาผมแทน
“ต้องจูบหน้าผากก่อนนอนมั้ย?”
“ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ข้างในผมเป็นวัยรุ่นอายุยี่สิบนะครับ”
“แต่ฮอร์โมนเด็กเล็กนี่หน่า ใช่มั้ยล่ะ?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปนแววตาที่ฉายประกายซุกซนและขายาวสีขาวนวลใต้ชุดนอนสีขาวผ่องรุกคืบเข้ามาใกล้ จนทำให้ผมที่อยู่บนเตียงขยับถอยหลังเพื่อสร้างระยะห่าง
พอถอยไปจุดสุดปลายเตียง ผมก็หมดทางนี้ พอคิดจะลงจากเตียงเพื่อหาทางหนีเพิ่ม เธอก็เดินมาดักได้ก่อนราวกับอ่านความคิดของผมออก
เธอยื่นมือออกมา ผมยกแขนป้องกันโดยสัญชาตญาณ
และแล้ว-
เธอลูบหัวของผมเบาๆ ก่อนจะโค้งตัวลงมาและกระซิบข้างหูผมว่า ราตรีสวัสดิ์
ความรู้สึกจักจี้ชวนให้ขนลุก กลิ่นบนตัวเธอไม่ว่าจะมาร่างกายหรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ประทับในความทรงจำของคืนแรก ณ คฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้
คืนนั้น หลังจากเธอเดินจากไป กว่าผมจะนอนหลับลงไปได้ก็เป็นตอนที่สมองอ่อนเพลียจากการครุ่นคิดกับการกระทำของวิเวียนจนเกือบเช้า
MANGA DISCUSSION