ตอนที่ 10.1 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (1/3)
“จะไม่คิดถึงพ่อแม่ใช่มั้ย ชิน”
“หมายถึงโลกนี้หรือโลกก่อนกันครับ”
“โลกนี้สิ จะว่าไป โลกก่อนของเธอเป็นแบบไหนเหรอ?”
“คุณเคยบอกว่าถ้าผมมาอยู่กับคุณ คุณจะเล่าให้ผมฟังนะครับ เล่ามาก่อนเลย”
“เป้ายิงฉุบกันมั้ยล่ะ ใครแพ้ต้องเล่าของตัวเองนะ”
ไม่มีอะไรที่เสียหาย ผมตอบรับคำท้าของเธอทันที
และผลที่ออกมา…
ผมแพ้ ทำให้ผมต้องเล่าเรื่องของตัวเองออกมาก่อนตามที่ตกลงกันไว้
แต่ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะยอมง่ายๆหรอกนะ
“เอ้อ ผมไม่ถนัดเล่าเรื่องเลยแห๊ะ”
แน่นอนว่าเป็นข้อแก้ตัวง่ายๆที่บังเอิญคิดออกพอดี หากมันช่วยให้ผมไม่ต้องเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองก็ดีไป
ตอนนี้น้ำหนักของสองฝั่งมันเอนเอียงแปลกๆ
ใจหนึ่งผมก็อยากทิ้งเรื่องของโลกที่แล้วเอาไว้เบื้องหลัง แต่อีกใจหนึ่งผมกลับอยากเล่าเรื่องทั้งหมดที่เหลือในความทรงจำให้เธอฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือแย่
หากคำตอบของเธอยังคงยืนยันที่จะฟังเรื่องราวของผม บางทีผมคงอดเล่าให้เธอฟังไม่ได้แน่ๆ
โชคดีที่เธอไม่ซักไซ้ไปมากกว่านี้ บทสนทนาของเราจึงจบลงแต่เพียงเท่านี้
ท่ามกลางเสียงฝีเท้าม้าที่เดินหน้าไป กับวิวทิวทัศน์ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลง
ผมหลับตาลง ในทีแรกตั้งใจเพียงพักผ่อนสายตา แต่สภาพการโยกเยกกลายเป็นตัวกล่อมชั้นดี
ความง่วงเข้าเล่นงานจนผมหล่นสู่ห้วงแห่งฝัน
…
“—-”
ใครบางคนเรียกชื่อผม ผมลืมตาตื่นขึ้นมา อยู่ในห้องเรียนตอนมัธยมปลาย
มันเคยเป็นความทรงจำที่ผมอยากจะลืม แต่ดังคำโบราณกล่าว ยิ่งพยายามลืมกลับยิ่งจำได้ สภาพของผมก็ไม่ต่างกัน
ผมยังจำทุกเหตุการณ์ร้ายแรงได้ดี
รองเท้าไปซ่อน โดนโทษว่าเป็นขโมย โดนทำร้ายร่างกาย
เรื่องราวเลวร้ายประเดประดังเข้ามาตั้งแต่วันที่ผมเลิกกับผู้หญิงที่ดั่งราชินีของชนชั้นภายในโรงเรียนคนนั้น
ผมไม่เข้าใจว่าทำอะไรให้ผิดใจเธอ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงโกรธผมได้ถึงขนาดนี้
แต่ที่ผ่านมา เธอคือคนแรกที่ผมสามารถบอกได้ว่าผมรักเธอในรูปแบบของความรักนอกเหนือจากครอบครัว
แต่ทำไมเธอถึง…
ผมเดินสำรวจชั้นเรียนในความทรงจำ
โถงทางเดินที่เคยมั่นใจว่าจำได้ ตอนนี้สีซีดจาง ป้ายห้องที่เคยระบุเลขตึก เลขชั้นและเลขห้องเรียงกันเป็นตัวเลขสามหลัก บัดนี้เหลือแค่เลขหลักสุดท้ายที่บอกเลยห้องเท่านั้น
“—”
ได้ยินเสียงใครสักคนเรียกชื่อเก่าของผมอีกครั้ง
คราวนี้ผมหันไปมอง เจอเด็กสาวผมยาวสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ระยะห่างระหว่างเราสองคนมากพอที่จะไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายได้
“เอรี่?”
หากเอรี่โตขึ้นอีกสักหน่อยคงหน้าตาประมาณนี้
“—- ช”
ปากของเด็กสาวขยับเป็นคำพูด ผมวิ่งเข้าไปหาเพื่อฟังเสียงของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่ไม่ว่าจะวิ่งเท่าไหร่ ระยะทางระหว่างพวกเราไม่ลดลงเลยสักนิด
ผมตะโกนเรียกชื่อเธอไปพลางวิ่งไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สุดท้ายการวิ่งก็สิ้นสุดลงเมื่อผมหยุดวิ่ง
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
เงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นเธอนั่นเอง
“ช่วยด้วย…”
เสียงเธอรำพึงรำพันราวกับไม่ได้สื่อสารกับผม สายตาของเธอมองทอดออกไปด้านหน้า ไม่แม้แต่ก้มมอลงมามองผมที่นอนอยู่ข้างใต้
แน่นอนอยู่แล้ว เธอไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากคนไร้ประโยชน์แบบผมหรอก
ก็ในเมื่อคนที่แกล้งเธอเป็นประจำคือคนรักของผม เธอย่อมรู้อยู่แล้วว่าผมช่วยอะไรเธอไม่ได้
ในวันนั้น…
วันที่เธอขอให้ผมช่วยเหลือ ผมกลับนิ่งเฉย…
“ขอโทษ…”
ผมอยากบอกกับเธอเช่นนั้น แต่…
ร่างของเธอย้อมด้วยสีแดง
ของเหลวสีแดงหยดลงมาสัมผัสใบหน้าผม
“ขอโทษ…”
ถ้าวันนั้นผมยื่นมือออกไปช่วย เธอคงไม่ตายก่อนวัยอันควร…
สภาพร่างของเธอหลังดิ่งลงสู่พื้น ผมยังจำได้ดี
“เราขอโทษ…”
“ช่วยด้วย…”
เสียงพึมพำของเธอยังคงดังก้องเช่นนั้นในโสตประสาทของผม
…
สิ่งที่ปลุกผมออกจากห้วงฝันคือแรงเขย่าตัว วิเวียนดึงผมออกจากสถานที่สำนักผิดอันเลวร้ายแห่งนั้น
เธอกุมมือของผมเอาไว้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอย้ายมานั่งข้างผม
รถม้าตอนนี้หยุดเคลื่อนที่ ภาพทิวทัศน์ข้างนอกในเวลานี้ทอด้วยความมืด มีดวงดาวและดวงจันทร์ประดับบนฟากฟ้า
“หน้าซีดเชียว ฝันร้ายเหรอ?”
“เปล่า เปล่าเลย…”
ผมส่ายหัวช้าๆ ภาพสุดท้ายของเด็กสาวคนนั้นยังคงติดตาผมที่เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
“เราเดินทางถึงไหนกันแล้วครับ”
หลังเรียกสติกลับมาได้เต็มร้อย ผมก็ถามออกไป
เธอยิ้มให้แล้วบอกว่า คืนนี้เราต้องค้างแรมกันที่ชุมชนเล็กๆ ไร้ชื่อแห่งหนึ่ง
“คืนนี้เราจะพักที่โรงแรมกันน่ะ”
โรงแรมที่เราเข้าไปพัก ดูภายนอกแล้วเป็นที่พักราคาถูก แต่ภายในนั้นยิ่งกว่า
ตัวอาคารทำจากไม้ พื้นเองก็เป็นพื้นไม้ไม่ได้ปูวัสดุอื่นเพิ่ม เฟอร์นิเจอร์ภายในเกือบ 90% ล้วนเป็นของที่ทำจากไม้
ผู้คนภายในมีทั้งหญิงและชาย ไม่สามารถระบุประเภทได้ชัดเจนว่าลูกค้าหลักเป็นคนประเภทไหน แต่หากไม่ใช่การเดินทางไกลที่ต้องหยุดพักกะทันหัน ผมว่าไม่น่ามีใครมาพักโรงแรมที่ชวนให้ระแวงว่าจะมีผีโผล่มาได้ตลอดแบบนี้หรอก
ที่เคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ มีหญิงชราท่าทางไว้ใจไม่ได้คนหนึ่งนั่งหลับอยู่
คนขับรถม้าใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาได้
เสียงเอะอะโวยวายของเธอดังทั่วพื้นที่ชั้นหนึ่ง ลูกค้าที่มาถึงก่อนหันมามองพวกผมเป็นตาเดียว แต่สุดท้ายก็หันไปสนใจเรื่องของตนเองหลังไม่เห็นว่ามีเรื่องใดให้สนใจ
“จะเอากี่ห้อง”
หญิงชราท่าทางไว้ใจไม่ได้ถาม แต่หลังจากเห็นพวกผมมาสามคน เป็นผู้ใหญ่สอง เด็กหนึ่ง เธอก็ตอบแทบทันทีว่า สองห้อง ยี่สิบเหรียญทองแดง
คนขับรถม้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ หากให้ผมเดาคงเป็นเพราะหญิงชราค้ากำไรเกินควร
แต่คนที่จ่ายคือวิเวียน เธอหยิบเหรียญเงินหนึ่งเหรียญออกมาวางบนโต๊ะ แล้วขอกุญแจจากหญิงชรา
ท่าทีของพนักงานต้อนรับเปลี่ยนไปทันที เธอถูมือไปมา สีหน้ายิ้มแย้มทันตาเห็น
เงินอาจจะซื้อคนบางคนไม่ได้ แต่คงไม่ใช่สำหรับเธอคนนี้เป็นแน่
“เชิญท่านลูกค้าพักชั้นสองห้อง 211 กับ 212 ได้เลยค่ะ”
คนขับรถม้าคุยเรื่องพื้นที่จอดรถม้าต่ออีกเล็กน้อย ส่วนผมกับวิเวียนย้ายสัมภาระ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของผมขึ้นไปบนชั้นสอง
ภายในห้องพัก 211 มันเป็นห้องพักที่ไม่ดูโดดเด่นอะไร แม้จะให้กลิ่นอายความเป็นต่างโลก แต่ก็มีกลิ่นอายความเก่ามาด้วย การที่เปิดห้องออกมาแล้วไม่มีกลิ่นอับตีออกมาก็ถือว่าดีถมเถ
ที่บริเวณกลางห้อง มีเตียง ขอบหัวนอนดันติดกับผนัง เตียงขนาดไม่ใหญ่มาก แต่สำหรับหนึ่งคนนอนสบาย กรณีสองคนคงอึดอัด แต่เพราะผมเป็นเด็กจึงไม่มีปัญหา
ที่ข้างเตียงฝั่งขวามีโต๊ะไม้ขายาว มันคือสิ่งเดียวที่ดูใหม่สำหรับห้องนี้ บนโต๊ะมีพื้นที่วางของได้นิดหน่อย ถัดจากโต๊ะเป็นราวแขวนผ้าที่มีผ้าขนหนูสองผืนพาดกับราว และชุดนอนสีน้ำตาลสองชุดที่พับไว้เรียบร้อย
หลังจัดการสัมภาระ วิเวียนหันมามองและกล่าวขึ้นมาว่า
“มาเป่ายิงฉุบหาคนอาบน้ำก่อนกันมั้ย?”
“ตั้งแต่บนรถม้า คุณดูชอบการเป่ายิงฉุบน่าดูเลยนะครับ”
“ในฐานะเครื่องมือตัดสินสำหรับคนสองคน ฉันว่าไม่เลวเลยนะ”
ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมเธอยืดอกภาคภูมิใจได้กันนะ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินด้วยการเป่ายิงฉุบกันจริงๆอย่างที่เธอว่า
ผลที่ออกมา ไม่ต่างจากตอนเล่นกันบนรถม้า คนที่ได้อาบน้ำก่อนเป็นวิเวียน
ผมนั่งรอเธอด้านนอก หนังสือที่ติดตัวผมมามีเพียงหนังสือที่เธอมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดเท่านั้น
เสียงของน้ำกระทบลงพื้นแทรกเข้ามาในความคิด รบกวนจังหวะการอ่านหนังสือของผมเป็นอย่างมาก
ในหัวของผมไม่สามารถคิดตามเนื้อหาภายในเล่มได้เลยแม้แต่น้อย สมองเอาแต่จินตนาการถึงหยดน้ำที่กระทบลงบนพื้น และร่างกายที่เปียกโชกของเธอ
แบบนี้ชักจะแย่แห๊ะ
ผมต้องหาทางทำให้หัวเย็นลงกว่านี้ หันมองซ้ายมองขวาเผื่อโชคชะตาจะช่วยใบ้หาทางออกที่ดี หลังวางหนังสือลงบนโต๊ะตัวเล็กขายาวข้างเตียง
อนิจจา สิ่งที่ผมดันเห็นคือผ้าขนหนูสองผืนที่วางทับกันไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย
นั่นหมายความว่าเธอลืมมันเอาไว้ และเธอคงเดินออกมาจากการอาบน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่าเป็นแน่
แค่คิดภาพตามก็ชวนให้รู้สึกใจเต้นตูมตาม
จริงสิ ผมยังมีสิ่งนั้นอยู่
ถ้าพูดถึงห้องน้ำกับผู้หญิงก็ต้อง…
ผมนึกภาพของภาพยนตร์สีขาวดำเรื่องหนึ่งขึ้นมา ฉากที่คนร้ายกำลังถือมีดเพื่อจ้วงหญิงสาวที่อาบน้ำอยู่
ในโลกก่อนมันถือว่าเป็นผลงานชิ้นครูสำหรับสายวิจารณ์หนังของผู้กำกับชื่อดัง ผมไม่ใช่คนจำพวกนั้น แต่ชอบดูพวกเขาอยู่ไม่น้อยจึงพอมีความรู้งูๆปลาๆติดตัวมาบ้าง
พอลองใช้วิธีนี้ อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็เหมือนจะสงบลงบ้าง แต่แล้วฉากภาพยนตร์ที่ช่วยชีวิตผมไว้ก็กระเจิง เมื่อประตูห้องอาบน้ำถูกเปิดอ้าออก ภาพร่างกายเธอที่เปียกชุ่มด้วยน้ำก็กลับมาปรากฏเด่นชัดในความคิดอีกครั้ง
“ชิน ฉันลืมหยิบผ้าเช็ดตัว ส่งมาให้หน่อย”
สิ่งที่ยื่นออกมามีเพียงท่อนแขนสีขาวของเธอเท่านั้น
รู้สึกโล่งใจได้หนึ่งเปลาะ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปหาเธอ
อาจจะด้วยขาของผมมันสั้นในวัยเด็ก เวลาที่ผมใช้เดินจึงรู้สึกมากกว่าที่คาดไว้
“น นี่ครับ ผ้าเช็ดตัว”
ดูเหมือนการโล่งใจของผมเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วจะเป็นเพียงการคิดตื้นๆของผม
พอมาถึงหน้าห้องน้ำ สิ่งที่ผมต้องเผชิญไม่ใช่แค่การยื่นผ้าขนหนูให้เธอแล้วจบๆกันไป แต่เพราะผมตัวเล็กแค่นี้นี่แหละ เลยไม่สามารถส่งให้ถึงมือเธอได้
“ชิน ยังไม่ได้อีกเหรอ”
ยิ่งได้ยินเสียงเธอเร่ง ผมยิ่งกระวนกระวาย วงจรความคิดโดนตัดทิ้งไปเกือบทั้งหมด
จะทำยังไงดีนะ จะบอกให้เธอขยับตัวลงมาอีกหน่อยเหรอ
หรือจะวางไว้ที่พื้นแล้วให้เธอออกมาหยิบไปเองดี?
ตัวผมในตอนนี้ไม่อาจประเมินได้เลยว่าทางไหนคือทางเลือกที่ดีที่สุด
“ชิน… อ๊ะ”
เธอชะโงกหน้าออกมามองจากห้องน้ำ เส้นผมที่เปียกน้ำเล็กน้อยทำให้ผมใจหายวาบ
เกือบคิดว่าเธอจะโผล่หน้าออกมาทั้งตัว โชคดีแล้วที่โผล่มาแค่นี้
เธอหยิบผ้าขนหนูจากมือของผมที่ยืนค้างคิดอะไรไม่ออกหน้าห้องน้ำ และกล่าวขอบคุณ
ได้ยินเสียง สวบสวบ เธอแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมา ฉันใช้เสร็จแล้วนะ เธอว่า พร้อมออกมาด้วยชุดนอนสีน้ำตาลที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ให้ ตอนเห็นมันวางไม่เท่าไหร่ แต่พอเห็นคนใส่จริงๆแล้ว มันดูเหมือนชุดนักโทษในประเทศของผมมากกว่าชุดนอน
ผมไม่ตอบอะไร เดินเข้าไปอาบน้ำทั้งๆแบบนี้ แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองก็ลืมผ้าขนหนูเหมือนกัน
“กลายเป็นคู่หูขี้ลืมไปซะแล้วสิ”
เธอว่าแล้วหัวเราะ ขณะส่งผ้าขนหนูให้ผม
พออาบน้ำเสร็จ ผมแต่งตัวด้วยชุดนอนแบบเดียวกับที่เธอสวม พอผมใส่แล้วมันดูตัวใหญ่ไปเลย กระดุมด้านหน้าแทบไม่ต้องติด ความยาวแค่ของชายเสื้อมาก็คลุมถึงเข่าของผมไปแล้ว
“เอ่อ…”
คงต้องขอบคุณชุดตัวหลวมนี้ ทำให้ภาพนึกคิดก่อนหน้าแตกกระจายไปอย่างสิ้นเชิง
ผมเดินออกไปทั้งๆแบบนั้น คิดว่าถ้าเป็นเด็ก เธอคงไม่คิดอะไรด้วย
มันเป็นเช่นนั้นนั่นแหละ เธอเห็นผมใส่เสื้อแล้วหัวเราะออกมา บอกว่าจะไปลองขอชุดนอนสำหรับเด็กให้นะและเดินออกไป
ไม่นานเธอกลับมาด้วยชุดนอนขนาดเล็ก เป็นชุดนอนสำหรับเด็กที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 2 เหรียญทองแดง
เป็นโรงแรมที่คิดค่าบริการโหดชะมัด…
“ขอโทษด้วยนะ โรงแรมไม่มีชุดสำหรับเด็กเล็ก เลยต้องเอาชุดเด็กที่เล็กที่สุดมาแทนน่ะ”
ครั้งนี้ดีกว่าเดิมเยอะ ถึงมันจะตัวใหญ่ไปเล็กน้อย แต่พอก็สวมได้ ผมกลายเป็นเด็กที่เหมือนสวมชุดนักโทษขึ้นมาถนัดตา
“ขอบคุณครับ”
ผมกล่าวกับเธอแล้วเดินขึ้นเตียงไปนอน
รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวข้างๆ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเธอเองก็ขึ้นเตียง นอนลงข้างๆผม
“ฝันดีนะ ชิน”
เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้น ทำให้รู้สึกอยากพลิกตัวหันไปมองด้วยความสงสัย
และเพราะมันอดทนไม่ได้ ผมจึงทำตามความต้องการของตัวเอง
และก็เห็นใบหน้าของหญิงสาวยามหลับใหล
ดวงตาที่ปิดสนิท ริมฝีปากสีชมพูอ่อน กลิ่นหอมของสบู่จางๆที่ลอยโชยออกมา
องค์ประกอบทั้งหลายที่ทำให้ใจผมสั่นไหว หากจ้องมองเธอนานไปกว่านี้ บางทีผมคงไม่อาจสงบใจได้ทั้งคืน
หากท่อง นะโม สามจบแล้วหลับได้ก็คงดี
จงหลับ หลับไปเถอะ มากกว่านี้จะแย่เอาได้นะ
ผมสั่งตัวเองเช่นนั้น แล้วพลิกตัวกลับไปอีกด้าน ปิดเปลือกตาของตัวเอง
ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเองก็ไม่อาจคาดคะเนได้แม่นยำนัก แต่สติของผมร่วงหล่นสู่ห้วงความฝันเป็นครั้งที่สองของวัน
ภาพในฝันเป็นภาพของวันวาน
“—-”
เด็กสาวผมดำคนนั้นเรียกชื่อของผม ด้วยเสียงอันแผ่วเบา ไม่มีใครได้ยิน
“ทำไมล่ะ?”
คำถามเพียงครั้งเดียวที่ใครสักคนถามกับผม ทำไมผมถึงไม่ช่วยเหลือเธอทั้งที่ก็มองเห็นมาตลอด
ทั้งที่ผมมองเห็น ทั้งที่ผมไม่เคยลงมือกับเธอแม้ในยามที่คนทั้งห้องร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว ผมก็เป็นคนที่ลบหนึ่งออกมาจากกลุ่มก้อนนั้น
ผมรู้ตัวอยู่แล้ว ว่าใครสักคนที่ว่ามันคือตัวผมเองนั่นแหละ
เพราะว่ารักคนรักของตัวเองมากกว่า? เพราะรู้สึกว่าจะกลายเป็นพวกเดียวกันกับเธอ?
จะคำตอบไหนมันก็ทั้งใช่และไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ
สำหรับเธอ เด็กสาวผมดำคนนั้นคงมองว่าผมคือคนรักของผู้นำฝ่ายที่กลั่นแกล้งเธอ หลังจากมองครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยคิดจะหันมามองผมอีกเลย แม้ผมจะหันไปมองเธอบ่อยแค่ไหนก็ตาม
“ขอโทษที่ฉันยังมีชีวิตนะ”
คำสุดท้ายก่อนเธอลาโลกนี้ไปด้วยตนเอง เป็นคำพูดที่เธอเขียนในจดหมาย
ผมเป็นคนไปเจอ และเพราะกลัวความผิดจึงส่งให้ตำรวจไปสืบสวนกันต่อไป
“ขอโทษนะ…”
ณ ตอนนี้ ในความฝัน ผมยืนที่ดาดฟ้า สถานที่สุดท้ายที่เธอเคยมีชีวิต
ภาพรอบข้างล้วนสีจาง ผมคงใกล้ลืมเลือนมันเต็มที มีเพียงจุดๆนี้ที่ภาพชัดเจน
ร่างเล็กหากเทียบกับอายุ ร่างเล็กร่างหนึ่งร่วงหล่นสู่พื้น ชุดนักเรียนสีขาวย้อมเป็นสีแดง ร่างกายที่ครั้งหนึ่งสมบูรณ์แหลกเหมือนจิ๊กซอว์ที่ถูกรื้อ
ข่าวที่ถูกปิดด้วยอำนาจของอดีตคนรัก ผมที่ไม่อาจกล่าวอะไรได้เพราะกลัวเธอจะได้รับความเดือดร้อน
“…ช่วยด้วย…”
ไม่ใช่เสียงใคร แต่เป็นเสียงของผมเอง
มันเป็นเสียงที่ออกจากลำคอเอง ทั้งที่ไม่ได้เอ่ยปากพูด
“ชิน ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”
เสียงๆหนึ่งเรียกผมกลับมาอีกครั้ง
เป็นเธอนั่นเอง ผู้หญิงผมทองตรงหน้า
ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองผมเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมมองเห็นท่ามกลางความมืด
ผมพลิกตัวหันกลับมาหาเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
มีบางอย่างสัมผัสใบหน้าผม แม้มองไม่เห็นชัดเจนแต่รู้สึกได้มันคือผิวสัมผัสของเนื้อหนัง มันคือมือของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
ผมยกมือขึ้นสัมผัสกับมือของเธอที่แตะแก้ม มือของเธอนุ่มนิ่ม ไม่รู้ทำไมถึงได้กลิ่นหอมจางๆ หรือบางทีผมอาจแค่คิดไปเอง
“ผมไม่เป็นไร”
“แต่สีหน้าของเธอไม่บอกแบบนั้นนะ”
“มันคงมืดไป คุณเลยมองผิด”
“ฉันมองเห็นในความมืดไม่ได้ด้อยกว่าตอนกลางวันมากนักหรอกน่า”
“สกิลขี้โกง แต่ฟังดูไร้ประโยชน์จังเลยนะครับ”
“เห็นแบบนั้นไปซะได้น้า~”
เสียงเธอหัวเราะยามค่ำคืน ฟังดูแล้วคล้ายเสียงแม่มดที่ล่อลวงมนุษย์ผู้มีจิตใจอ่อนไหว ผมแสยะยิ้มให้กับตัวเองที่คิดแบบนั้น
เพราะคนที่อ่อนไหวในตอนนี้ คงไม่มีใครอื่นนอกจากตัวผม
“ผม มันคนแย่มากๆ แย่จริงๆ”
“ตอนนี้ฉันไม่เห็นเธอจะแย่ตรงไหนเลยนะ ชิน”
“ไม่ว่าจะโลกก่อนหรือโลกนี้ ผมมัน…”
“แต่ตอนนี้เธอเริ่มต้นใหม่แล้วนะ”
“ไม่ ไม่เลย ผมรู้สึก ผมยังคงเป็นผมคนเดิม”
เสียงใครบางคนร้องไห้ ผมได้ยินมันถนัดหู เป็นเสียงของเด็กคนหนึ่ง
เป็นเสียงของตัวผมเอง
มืออ่อนนุ่มของเธอเลื่อนลงมา เช็ดน้ำตาของผม
ดวงตาสีฟ้าที่ดูนิ่งสงบเหมือนน้ำไม่ไหวติง ร่างกายของเธอขยับเข้ามาใกล้ผม
“แต่ถ้าเธอคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีนักล่ะก็ ฉันจะขัดเกลาเธอจนกว่าจะดีขึ้นเอง”
หลังจากประโยคนั้น เธอกอดผมเอาไว้ ใบหน้าของผมสัมผัสกับเนินเขาที่อ่อนนุ่มของเธอ ขณะที่น้ำตาของผมค่อยๆหยุดไหลไป
“รับปากแล้วนะครับ…”
“อืม รับปากสิ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง เธอเป็นคนที่ดีแน่นอน”
ไม่รู้ตอนไหนที่สติผมถูกฉุดลงไปในห้วงนิทราอีกครั้ง แต่ตอนผมตื่นขึ้นมาอีกที หญิงสาวที่นอนข้างผมเมื่อคืนไม่อยู่ตรงนั้น
ยื่นมือออกไปลองสัมผัส พบความรู้สึกอุ่นๆอยู่ เป็นหลักฐานว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้ฝันไป
ผมได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้น บางทีเธอคงอาบน้ำอยู่
เช้านี้เธอไม่ลืมผ้าเช็ดตัวอีกแล้ว ผมจ้องมองปลายเตียงที่มีผ้าขนหนูผืนหนึ่งพับวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ในหัวคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าก็ย้อมไปด้วยสีแดง
ดันแสดงด้านแปลกๆไปซะได้
สองมือประกบหน้าตัวเองเบาๆเป็นการเรียกสติขั้นต้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่หัวนอนมาอ่านฆ่าเวลา
“ชิน ฉันเสร็จแล้ว”
วิเวียนเดินออกมาด้วยชุดที่คล้ายกับตัวที่เธอใส่เมื่อวาน หากให้บอกว่ามีอะไรที่แปลกไปไป คงเป็นเส้นผมสีทองที่เธอปล่อยยาวในวันนี้
“เมื่อคืน…”
“ช่างเถอะน่า ไปอาบน้ำได้แล้ว เรารีบออกเดินทางแต่เช้า”
ไม่มีข้อโต้แย้ง ผมคว้าผ้าขนหนูและชุดสำหรับเปลี่ยนแล้วเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ไม่เกิน 10 นาที ทุกอย่างก็เสร็จสรรพ
ผมและวิเวียน เดินลงไปข้างล่าง พบกับคนขับรถม้าที่รออยู่ก่อนแล้ว เขาโค้งคำนับอลิเซียอย่างนอบน้อม รับกระเป๋าสัมภาระของผมไปวางในรถม้าแล้วพาเราสองคนไปทานมื้อเช้าบนโต๊ะที่เมื่อคืนผมเห็นแขกผู้มาพักนั่งกันเมื่อคืน ส่วนเขาไปนั่งอีกโต๊ะคนเดียวลำพัง
บริเวณโต๊ะของเรา มีกลิ่นเหล้าลอยหึ่ง ผมหันไปมองโต๊ะอื่น แต่คิดว่าคงไร้ประโยชน์ที่จะย้าย โต๊ะของคนขับรถม้าสภาพก็ไม่ต่างกัน
ไม่ว่าโต๊ะไหนก็มีคราบสกปรกจากอาหารที่ยังไม่ทำความสะอาด หากเทียบกับโต๊ะนี้ที่มีปัญหาด้านนั้นน้อยที่สุด แลกกับการมีกลิ่น บางทีอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
มื้อเช้ามาบริการถึงโต๊ะ คนบริการเป็นสาวเสิร์ฟในชุดที่เห็นได้บ่อยในบาร์เหล้าตามแนวอนิเมะธีมยุคกลาง ผมเคยเห็นชุดแบบนี้ในอนิเมะต่างโลกทั่วไป
บุคลิกเธอดูสดใสเข้ากับทรงผมสั้นสีส้มสดใสเหมือนผลส้ม ดวงตาเธอเบิกกว้างเหมือนสัตว์จำพวกแมว แต่ไม่มีหูหรือหางที่แสดงออกว่ามีสัตว์ผสมแต่อย่างใด
จากท่าทางของเธอ มันคงจะไม่แปลกเลยหากเธอพูดแล้วลงท้ายด้วยเสียง เนี้ยว หรือ เหมียว ออกมา
“มื้อเช้าแสนอร่อย เหมียว”
นั่นไง เป็นจริงซะด้วย
ผมนึกภูมิใจนิดหน่อยที่เดาถูก ใบหน้ายิ้มออกมาแล้วมองอาหารที่เธอนำมาให้
มันเป็นไข่เจียว เมนูที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่โลกแห่งนี้
“ไข่เจียวสุดกรอบของโปรดคุณหนู กับออมเล็ตสำหรับนักเดินทางสาวสวยเหมียว”
เธอขยิบตาให้ แต่ที่ผมสนใจคือเธอเรียกมันว่าไข่เจียวเหมือนที่ผมเรียกนี่แหละ
“ชิน รู้จักเหรอ”
วิเวียนถาม แต่ผมตอบกลับไปเพียงไว้ค่อยคุยกันบนรถม้า
พวกเราสามคนรับประทานมื้อเช้าในความเงียบสงบ สาวเสิร์ฟผมส้มตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดโต๊ะอื่นๆ บางทีพวกผมคงมาเช้าไปจึงยังไม่ได้ทำความสะอาดไม่เสร็จ
หลังมื้อเช้าสิ้นสุด เราเดินทางออกจากหมู่บ้าน สาวเสิร์ฟผมส้มโบกมือบายๆ เหมือนได้ยินเธอตะโกนแล้วแวะกลับมาใหม่นะ
ช่างเป็นคนร่าเริงและเสียงดังเสียจริงๆ
ใจหนึ่งผมนึกหนวกหูอยู่ไม่น้อย แต่ก็เข้าใจคำพูดของวิเวียนเมื่อคืนมากขึ้น
ผมเป็นแค่เด็กคนหนึ่งในต่างโลก บางทีผมควรลองสนุกไปกับมันอีกสักนิด
เสียงฝีเท้าของม้าควบไปบนท้องถนนที่ยังไม่ปรับปรุงดี
วิเวียนถามถึงเรื่องไข่เจียวขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงได้อธิบายไปตามความรู้เรื่องอาหารที่มีไม่มากของผม
ว่ามันเป็นอาหารสิ้นคิด แต่ไม่ได้แปลว่ารสชาติมันจะแย่ เรื่องรสชาติคงขึ้นอยู่กับแต่ละคน รวมถึงใครเป็นคนทำด้วย
สิ่งที่สำคัญคือ ถึงรสมันจะเหมือนๆกัน แต่วิธีการทำให้น่าทานกลับแตกต่างกัน
“ไข่เจียวมันฟูได้ด้วยเหรอ?”
เพราะของที่เสิร์ฟในโรงแรมมันเป็นแบบกรอบอย่างเดียว ไม่ค่อยฟูมากนัก
จากประสบการณ์ในโลกก่อน นอกจากแบบฟู ผมยังเคยเห็นแบบม้วนอีกต่างหาก พออธิบายให้วิเวียนฟัง เธอก็ทำหน้าสงสัย
โชคร้ายที่ผมไม่สามารถอธิบายไปได้มากกว่านี้ บทสนทนาจึงไม่คืบหน้า
ด้านวิเวียน เธอสรุปเอาเองแล้วว่าไว้ค่อยถามเมดที่บ้านเอา
จู่ๆผมก็นึกขึ้นมาได้
บ้านของเธอ มีทั้งเมดและคนขับรถม้า หรือว่าบ้านของเธอจะเป็นบ้านหลังใหญ่หรือเปล่า
Chapters
Comments
- ตอนที่ 28 ร้านอาหาร 1 วัน ago
- ตอนที่ 26 ไลล่า 2 1 วัน ago
- ตอนที่ 26 รุ่งสาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 25 คืนแรก ณ อควาเดีย พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 24 ลูเมนฮอฟ 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 23 ลูเมนฮอฟ 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 22 อาร์เจนตา 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 21 รุ่งเช้า ระหว่างทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 20 ครอบครัว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 19 ไลล่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 18 อาร์เจนตา 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 17 วันออกเดินทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 16 ตัวตนของเด็กสาว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 15 ลูน่า 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 14 ลูน่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 13 ฝึกฝนยามเช้า พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 12 เมืองแห่งสายน้ำ (เริ่มต้นบท 2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 11 โทริส 3 (จบบทที่ 1) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.3 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.2 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.1 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.3 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.2 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.1 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.2 [ตอนยาว] วันเกิด (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.1 [ตอนยาว] วันเกิด (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.2 [ตอนยาว] สาวปริศนา (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.1 [ตอนยาว] สาวปริศนา (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 6 เพียงฝัน พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 5 โทริส 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 4 โทริส 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 3 ไม่เป็นไร พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 2 เกิดใหม่ที่ต่างโลก พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 1 ณ ห้วงแห่งหนึ่ง พฤษภาคม 17, 2025
MANGA DISCUSSION