“พ่อ รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วใช่มั้ย”
ฉัน – ลูนาเรีย หรือคนส่วนใหญ่ติดปากเรียกฉันในฐานะ ลูน่า ตอนนี้กำลังอยู่ในร้านอาหารสำหรับครอบครัว
เอรี่ไปเข้าห้องน้ำ ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามพ่อหรือเฮนริคที่นั่งก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
พอได้ยินเสียงฉัน เขาก็เงยหน้าขึ้นมา
ดวงตาที่เปื้อนเปียกชื้นบ่งบอกว่าเขาเพิ่งร้องไห้มาไม่กี่นาทีก่อน เฮนริคที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนที่จะร้องไห้กับเรื่องที่ตน ไม่มีความผิด และเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือสิ่งที่ตน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ ไม่มีความผิด
ดังนั้น การที่เขาเสียใจขนาดนี้ ย่อมแปลว่า ตัวเขาอาจจะรู้บางสิ่งบางอย่างแล้ว เพียงแต่ไม่พูดออกไป เพราะ ตัวเขา นั่นแหละที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดครั้งนี้
“ไม่ ไม่ พ่อไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
ไม่ใช่คำพูดที่ฉันจะเชื่อได้ อย่างน้อยฉันมั่นใจว่าเขาเกี่ยวข้องแน่ จึงถามจี้ต่อไป
“พ่อ รักคุณไอลินจริงๆหรือเปล่า”
“ลูนาเรีย สงสัยพ่อหรือไง”
ฉันพยักหน้า ถึงมันจะเป็นการโกหกแต่ก็แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ที่ทำไปก็เพื่อยั่วโมโหเขา หากเป็นเขาแต่ก่อนคงตบโต๊ะโวยวายที่ฉันสงสัยและจี้ถามขนาดนี้
“เห้อ พ่อคงผิดจริงๆ”
ทว่าท่าทางของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกผิดคาด ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะดูหมดอาลัยตาอยากขนาดนี้
เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่เฮนริคที่เป็นพ่อค้า ไม่ใช่เฮนริคที่ไม่ยอมคน
ตอนนี้ เขาคือ เฮนริค ปัจจุบัน เป็นคนที่ฉันไม่เคยพบเจอ
“เป็นอะไรไป พ่อดูแปลกไปนะ”
“ลูนาเรียถามพ่อใช่มั้ยว่าพ่อรักไอลินหรือเปล่า พ่อขอตอบเลยว่าพ่อรัก รักไม่น้อยไปกว่าที่รักแม่ของลูก”
“พูดบ้าๆ คุณจะมาอยากสร้างครอบครัวอะไรตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยหรือไง”
หากตอนนี้ยั่วยุเขาล่ะก็ คงได้ผลแน่
แม้จะเปลี่ยนไป แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ เขาไม่ยอมให้ ฉัน เข้าใจตัวเขาผิดไปอย่างแน่นอน
เสียงตบโต๊ะดัง ปัง! อย่างที่ฉันคิดไว้ ใบหน้าของเขาย้อมเป็นสีแดง ก่อนจะถอนหายใจพร้อมสีสันที่ค่อยๆหายไป
“ลูนาเรีย ลูกอยากได้อะไรกันแน่”
“สารภาพผิดค่ะ”
“พ่อไม่ได้ทำความผิด”
“แต่พ่อปิดบังความจริงบางอย่างเอาไว้ ทางเดินน้ำใต้ดินมีอะไรอยู่กันแน่คะ”
เกิดความเงียบระหว่างเราสองพ่อลูก เรื่องที่ฉันแอบคุยกับชินก่อนแยกฝั่งกันตามหาเบาะแสคือความน่าสงสัยของเฮนริค
การที่เขาเอ่ยถึงเรื่องทางเดินน้ำใต้ดินแต่กลับไม่คิดจะให้สำรวจ เป็นเหมือนตัวล่อชี้เป้าพวกเราลงไปสำรวจ ไม่ต่างอะไรกับคำที่ว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ก่อนหน้า เขาคงมีแผนอะไรในใจ แต่มันคงผิดพลาดที่ไหนสักแห่ง จนแผนการทั้งหมดยุ่งเหยิงและทำให้เขาเครียดขนาดนี้
“สารภาพ…สินะ”
ดวงตาก้มมองลงพื้นโต๊ะ เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ฉันไม่สามารถอ่านใจคนอื่นได้แต่ตอนนี้ก็พอรู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์แบบไหน
หากจี้เข้าไปอีกสักนิดล่ะก็…
ตอนที่ฉันกำลังตั้งใจจะทำเช่นนั้น ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับเสียงกระดิ่งสดใส
เด็กหนุ่มวัยเยาว์กับสาวสวยผมสีเงินในชุดเมดเดินเข้ามา หากคนทั่วไปมองคงเป็นภาพการจับคู่ที่แปลกประหลาด
เหล่าลูกค้าภายในร้านหันมามองเป็นตาเดียว บางคนหันไปคุยกัน บางคนก็มองจนลืมทานอาหารในจาน
แม้แต่พนักงานเองก็หยุดการทำงาน ทว่าเมื่อเห็นตราของตระกูลเอเวอร์ไลท์ที่ปักอกของทั้งสอง พวกเขาก็เบือนหน้าหนีและกลับไปทำงานต่อ
ทั้งสองคนมองไปรอบร้านราวสามถึงสี่วินาที ก่อนจะหันมาเจอฉันที่กำลังโบกมือเรียกพวกเขาให้มาหา
พวกเขาคือชินและอาร์เจนตา ทั้งสองคนเดินมาที่โต๊ะ อันเป็นจุดรวมตัวของพวกเราอย่างไม่ลังเล
…
พอผมและอาร์เจนตาเดินเข้ามาในร้าน เสียงกระดิ่งแจ้งเตือนว่ามีลูกค้าเข้าร้านยังคงส่งเสียงกังสานใส ความรู้สึกเหมือนตกเป็นเป้าสายตาจู่โจมเข้ามาชั่วขณะ
ปลายหางตาเห็นร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ คนนั้นคือเอรี่
อาร์เจนตาบีบมือของผมเอาไว้แน่น ทีแรกผมไม่เข้าใจว่าเธอต้องการบอกอะไร แต่พอเธอบีบอีกครั้งก็เหมือนรู้สึกได้ว่าเธอบอกให้ผมหันไปมองตามเธอ
ร่างเล็กๆของเด็กยังไม่โตเต็มที่โดนหญิงสาวผมเงินลากไปตามความต้องการ ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องขัดขืนหรือคิดหาเหตุผลให้มากความ เพราะที่ปลายทางคือจุดที่เรานัดหมายกับอีกกลุ่มเอาไว้
โต๊ะตัวกว้างถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง โดยผมนั่งข้างลูน่าและมีอาร์เจนตานั่งฝั่งชิดกระจก ส่วนเอรี่นั่งลงข้างเฮนริค
สาเหตุที่พวกเรามาเจอกันก็เพื่อรายงานความคืบหน้าของแต่ละฝ่าย แต่อันที่จริงผมฝากให้ลูน่าพยายามเกลี้ยกล่อมเฮนริคให้พูดความจริงทั้งหมดออกมา แต่ไม่รู้ว่าไปคุยกันแบบไหนถึงได้ผลลัพธ์เป็นเฮนริคที่นั่งคอตกแบบนี้
“เอ่อ ฝั่งคุณเฮนริคได้อะไรมาเพิ่มบ้างหรือเปล่าครับ”
ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ความคืบหน้าเพิ่มจากเฮนริคแต่อย่างใด กลับกันสิ่งที่ผมอยากได้รู้คือเรื่องทั้งหมดที่เฮนริคปิดบังเอาไว้
เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผมเล็กน้อย ได้ยินเสียงเหมือนถอนหายใจดังขึ้นแรงๆ ก่อนที่เขาจะปรับท่านั่งไปนั่งหลังตรงแทน
“ชิน เอเวอร์ไลท์”
“มีอะไรเหรอครับ”
“ฉันมีเรื่องจะสารภาพ”
คำของเฮนริคเหมือนเป็นการทิ้งระเบิดลงกลางโต๊ะ ความเงียบคืบคลานเข้ามาปกคลุม พวกผมสามคนมองหน้ากัน คงมีเพียงเอรี่ที่ไม่เข้าใจ ส่วนผม ลูน่าและอาร์เจนตานั้นต่างเข้าใจกันดี
ว่าตอนนี้คือเวลาที่พวกเรารอคอย
“ที่ตรงนี้อาจไม่เหมาะ กลับไปสารภาพที่บ้านของคุณดีกว่าหรือเปล่าครับ”
ถึงกับเฮนริคแล้ว ผมจะไม่มีความคิดประเภทว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องช่วยกันอยู่ในหัว แต่ที่ตรงนี้ก็เป็นพื้นที่สาธารณะ หากเกิดส่งเสียงโวยวายอะไรมากไปก็คงตกเป็นเป้าสายตาได้ยิ่งกว่าตอนที่อาร์เจนตากับผมปรากฏตัวในร้านเสียอีก
“ไม่เป็นไร ฉันตัดสินใจแล้ว…”
แว่บหนึ่ง ผมเห็นเขามองที่ลูน่า อีกแว่บหนึ่งผมเห็นเขามองที่เอรี่
การตัดสินใจของเขาคงมีเหตุผลจากลูกสาวทั้งสองเป็นหลัก พอถึงจุดนี้ผมก็ไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรต่อผู้ที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ได้อีกแล้ว
ได้ยินเสียงคนสูดลมหายใจ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวเฮนริค
“ทั้งหมดมันเริ่มขึ้นตั้งแต่สองปีที่แล้ว ฉันได้เจอกับ [มัน] ระหว่างออกเดินทางไปค้าขายกับพวกเอลฟ์ในชายแดน…”
เอลฟ์อีกแล้วเหรอ บางทีต้นตอของเรื่องราวในคราวนี้ทั้งหมดอาจมาพวกเขา ผมไม่ได้ตั้งใจจะเหลือบไปมองอาร์เจนตา แต่รู้สึกเหมือนกับเธอจับต้นขาของผม ปลายเล็บเหมือนจะจิกผ่านเนื้อผ้าลงมาจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะเธอไม่มั่นใจว่าผมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ ก็อาจเป็นเพราะต้องการเสามาเป็นที่พึ่ง ถึงการกระทำคล้ายกับการระบายอารมณ์ที่อยู่ในตัวแต่ที่ผมทำได้มีแค่วางมือตัวเองข้างๆมือเธอเท่านั้น
ตอนที่นิ้วเราสัมผัสกันเหมือนเธอจะเพิ่งรู้ตัว แอบรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย พักนี้ผมเริ่มเห็นด้านอื่น ๆของเธอมากขึ้น
ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ตอนนี้ผมต้องสนใจเรื่องที่เฮนริคกำลังเปิดเผย
“[มัน] เสนอสินค้าสิ่งหนึ่งให้ฉัน พร้อมแผนการขายที่เห็นว่าฟันกำไรได้ ขอเพียงฉันหาห้องใต้ดินให้มันไว้ทดสอบสินค้าก็พอ…”
เฮนริคเล่ามาถึงตอนนี้ก็หยุด คอที่แห้งผากคงกำลังต้องการน้ำ มือจึงคว้าไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มจากเต็มแก้ว รวดเดียวจนหมด ก่อนจะถอนหายใจออกมาและเริ่มเล่าต่ออีกครั้ง
“สินค้านั้น ทีแรกถูกใช้กับสัตว์ แต่ต่อมาก็เริ่มทดลองใช้กับมนุษย์ ฉันหาสถานที่ทดลองที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น… ฉันเลือกซ่องมาเป็นเวทีการทดลองของมัน ผลลัพธ์ที่ออกมาเหมือนจะเป็นไปตามคาด ทุกคนต่างมีความสุข ยิ้มอย่างปีติยินดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งผู้ให้และผู้รับต่างชื่นชมในผลลัพธ์ของมัน มันควรเป็นสิ่งดี แต่ว่า ฉันคิดน้อยไป [มัน] ไม่ได้หยุดแค่ยาตัวนั้น แต่ยังคิดค้นยาอีกตัวขึ้นมา โดยคราวนี้เป้าหมายของมันคือพวกเอลฟ์ที่ร่างกายอ่อนแอกว่ามนุษย์กับพวกทหารรับจ้าง”
เรื่องแรกที่พูดถึงคงกล่าวได้ว่ามันเป็นยาเสพติดดประเภทหนึ่ง แม้ผมจะไม่รู้จักมากนัก แต่สำหรับเมืองนี้หรือโลกนี้คงเป็นของใหม่จึงยังไม่มีกฎหมายใดๆมารับมือ ทว่าสิ่งหลังมันคืออะไรกัน ฟังจากเป้าหมายเป็นเอลฟ์ที่ร่างกายอ่อนแอกว่ามนุษย์แล้ว บางทีอาจจะเป็นพวกอาหารเสริม ไม่ก็ยาชูกำลัง ไม่สิ ถ้าแบบนั้นทหารรับจ้างก็ไม่จำเป็นต้องใช้สักหน่อย หรือว่าจะเป็น…
“อาวุธเหรอครับ”
พอผมลองถามส่งๆออกไป คำตอบที่ได้มาคือความเงียบของคนเล่า ต่อมาเขาส่ายหน้าช้าๆ
“เกือบถูกต้องแล้วล่ะ แต่สิ่งนั้นคือ อาวุธรูปแบบนักรบที่เชื่อฟังคำสั่ง การจะทำให้มันเชื่อฟังคำสั่งอาจจะไม่ยาก แต่ถ้าให้มันแข็งแกร่งพอจะเป็นอาวุธได้ และเชื่อฟังคำสั่งไปด้วยได้ จุดนี้เป็นปัญหา ฉันจึงสนับสนุนการทดลองของ [มัน] เริ่มต้นที่มอนส์เตอร์ จนเริ่มมั่นใจก็ใช่มนุษย์ ตัวยาทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายขยายใหญ่ขึ้น พละกำลังมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่งพวกเราเจอความหวังใหม่จากกลุ่มเป้าหมาย…”
“นักเชิดหุ่นหูยาว สินะคะ”
คราวนี้คนต่อเติมช่องว่างของคำที่หายไปคืออาร์เจนตา เฮนริคพยักหน้าช้าๆ
“ผู้ชายคนนั้นอาสามันสาธิตการควบคุมสิ่งมีชีวิตให้ดูว่าต้องทำยังไงกับพวกตัวทดลองที่คลุ้มคลั่ง หลังจากนั้นพวกเราก็ลองสั่งใช้งาน…”
“คุณเฮนริค นี่คุณ… อย่าบอกนะครับว่า ฆ่าคนไปแล้ว?”
ผมภาวนาให้เขาส่ายหน้า ทว่าไม่เป็นผล
เฮนริคพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย มือสองข้างที่กุมกันไว้เป็นก้อนกลมบนโต๊ะ เล็บทั้งสิบจิกต่างจิกอีกฝั่งจนเป็นรอยแผล
“ฉันจะไปมอบตัว”
“ถ้าจะไปมอบตัว ผมคิดว่าไปพร้อมหลักฐานเพื่อยืนยันดีกว่านะครับ”
เพราะว่าเพียงแค่การมอบตัวธรรมดานั้นอาจไม่เพียงพอ ทางฝ่ายสืบสวนยังมีข้ออ้างอีกมากมายที่จะมองเฮนริคในทางตรงกันข้ามแถมยังสมเหตุสมผลในบางประการซะด้วย
“ถ้าตอนนี้คุณไปสารภาพกับผู้ตรวจการหรือผู้รักษาความสงบของเมืองนี้ไป คุณไอลินก็ใช่ว่าจะหลุดจากข้อความผิดอยู่ดี ดีไม่ดีพวกเขาจะมองว่าคุณไปให้การเท็จในฐานะคนในครอบครัวด้วย ผมคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นการหาหลักฐานมายืนยันว่าคุณผิดจริงหรือเปล่าครับ”
อาจจะไม่ใช่คำพูดที่ดูฟังแล้วมีเหตุผลมากนัก แต่หากมีหลักฐานเพิ่มเติมผมก็คิดว่าคงช่วยเป็นน้ำหนักในการให้ปากคำได้ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
“หลักฐานงั้นเหรอ… นั่นสินะ…”
เสียงเหมือนคนเหม่อลอยของเขาทำให้ผมรู้สึกระแวงไม่น้อย แต่ก่อนผมจะได้ทำอะไรเขากลับลุกขึ้นยืนแล้วมองมายังผม
“ก็ได้ ฉันจะเข้ามอบตัวและแจ้งเรื่องหลักฐานทำหมดกับพวกเจ้าหน้าที่ แบบนี้คงได้ใช่มั้ย”
“ดิฉันคิดว่าเป็นความคิดที่เข้าท่านะคะ”
ใจจริง ด้วยอายุวัยยี่สิบข้างในของผมยังอยากเล่นบทเป็นยอดนักสืบปลอมมากกว่านี้อยู่หรอก แต่สิ่งที่เฮนริคพูดมาก็ไม่ได้ขัดหลักเหตุผลของผมเลยแม้แต่น้อย
หากเขาสารภาพเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นพร้อมกับบอกตำแหน่งของหลักฐานของของกลางทั้งหมดแล้ว เรื่องทั้งหมดคงคลี่คลาย
มื้อนี้ บางทีคงเป็นมื้อสุดท้ายที่เราจะได้รับประทานกันพร้อมหน้าเช่นนี้
ผมกับอาร์เจนตาที่ยังไม่ได้ทานอะไรมาจึงขอเมนูจากพนักงานบริการ
ยิ่งได้ยินเฮนริคพูดว่า “จะเลี้ยงมื้อนี้เอง อยากได้อะไรก็สั่งได้เลย” พวกเราสองคนที่เดินไปมา โดยเฉพาะผมที่รู้สึกเหนื่อยกับการบีบให้อาร์เจนตาพูดสิ่งที่เธอรู้ทั้งหมดออกมานั้นยิ่งตอนทานเข้าไปมากเพื่อชดเชยกับเรี่ยวแรงที่หายไปกับการใช้รวบรวมความกล้า
สุดท้าย ผมก็ทานจนแน่นท้อง อาร์เจนตาเช็ดปากเบาๆ ขณะที่เอรี่ยังคงรับประทานของหวานได้อีกสักหน่อย
ลูน่ามองผมไม่วางตา ผมเข้าใจว่าหลังจากนี้เธอคงยังคุยกับผม
หลังแยกย้ายจากเฮนริค พวกเราตัดสินใจไม่ตามเข้าไป ส่วนหนึ่งก็เพื่อแสดงออกว่าเราเชื่อใจว่าเขาจะไปมอบตัวจริงๆ
และนอกจากนี้ พวกเราทั้งสี่คนก็ไม่มีความรู้สึกที่อยากจะเดินเที่ยวชมเมืองเลยสักนิด จึงเลือกที่จะกลับที่พัก โดยเอรี่ที่ไม่เหลือใครในตอนนี้เลือกที่จะกลับมาพักที่โรงแรมกับเรา
“ห ห้องใหญ่จัง”
พอเอรี่ได้เห็นห้องพัก ซึ่งเป็นห้องของลูน่า ดวงตาของเธอก็ส่องวาวเป็นประกาย
“ห้องหนึ่งนอนสองคน มีเจ้าผู้ชายคนนั้นนอนคนเดียว ทำตามตัวสบายได้เลย”
หากเป็นคำแนะนำของพนักงานต้อนรับ ในยุคที่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คซึ่งเป็นสมัยที่ผมจากมา คำพูดของลูน่าคงสามารถเรียกรถทัวร์มาลงจอดข้อหาบริการยอดแย่ได้เลย แต่เธอไม่ใช่พนักงานต้อนรับ ดังนั้นผมจึงไม่เห็นว่าจำเป็นต้องค้านอะไร แม้คำว่า ‘เจ้าผู้ชายคนนั้น’ แอบชวนก่อความรู้สึกด้านลบอย่างไรชอบกลก็ตาม
“อยากสั่งอะไรมากินก็สั่งได้เลยนะ คุณวิเวียนออกให้ได้หมดเลย”
“จ จริงเหรอ”
พอผมพูดเหมือนผู้ใหญ่ตามใจเด็ก ดวงตาที่คิดว่าเป็นประกายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วกลับเหมือนจะส่องแสงวาบวับได้ ร่างเล็กผอมบางแต่ไม่ถึงขั้นขาดสารอาหารโน้มตัวมาหาจนแทบจะสัมผัสกัน
ผมขยับตัวเพิ่มระยะห่างกับเธอนิดหน่อย
ใบหน้าขาวซีดเริ่มย้อมด้วยสีแดงฝาดๆ เด็กสาวกลับไปยืนตรงที่เดิม แอบชำเลืองมองยิ้มให้กับเด็กชายที่อายุเท่ากันตรงหน้า ซึ่งก็คือผมเอง
ดีแล้ว ที่ตอนนี้เธอยังคงมีท่าทีปกติได้
หากเป็นเพียงไม่กี่วัน พวกเราคงรับฝากเอรี่ไว้เลี้ยงดูได้
หากกลับไปยังบ้านเอเวอร์ไลท์ช้าอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการพิจราณาคดีของไอลินคงมีการเปลี่ยนแปลง และไม่แน่ว่าตัวเฮนริคนั้นอาจจะรับผิดชอบต่อทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น
ถึงจะไม่แน่ใจว่าในโลกนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าการลดหย่อนโทษจากการสารภาพความผิดและการปฏิบัติตัวที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่หรือไม่ แต่ผมอยากภาวนาจากใจจริงให้โทษของเขาลดลง
ค่ำคืนที่สงบสุขผ่านไป วิเวียนกลับมาโดยนำข่าวสะเทือนสังคมของ อควาเดีย ที่เฮนริคเข้ามอบตัวต่อทางการ พรุ่งนี้เป็นการขึ้นศาลครั้งสุดท้ายของพวกเรา หลังจากนี้ไอลินและเอรี่คงใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก แต่ผมตั้งใจว่าจะขอให้วิเวียนช่วยเหลือหลังจากนี้เอาไว้แล้ว
ทว่า…
รุ่งเช้าที่มาเยือน แสงแดดของวันใหม่ที่สดใสกลับนำข่าวร้ายที่เป็นดังความมืดสีดำปกคลุมทั้งเมือง
ผมที่ตื่นนอนตอนเช้า ตั้งใจจะไปวิ่งในระแวกนี้สักหน่อยถูกวิเวียนรั้งเอาไว้ ในมือของเธอถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
แม้จะเป็นตอนตื่นนอน แต่ด้วยสกิลที่เทพธิดามอบให้ สกิลของภาษา ทำให้ผมสามารถอ่านเนื้อหาหน้าหนึ่งได้ แม้จะไม่ใช่ภาษาที่รู้จัก
‘ข่าวด่วน: หลังจากอดีตหัวหน้าสมาคมการค้าแห่งอควาเดีย เฮนริค ลูเมนฮอฟเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ทีมที่บุกเข้าค้นโกดังสินค้าเมื่อคืนที่ผ่านมา ถูกพบเป็นร่างเสียชีวิต สภาพศพ…’
เป็นข่าวที่ทำให้ผมตกใจแทบตกเตียง เนื้อหาของข่าวหลังจากนั้นผมไม่ได้จึงอ่านต่อจึงไม่รู้ว่าสภาพแต่ละร่างเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น
“เอรี่รู้เรื่องหรือยังครับ”
“เด็กคนนั้นหลับอยู่ ส่วนอาร์เจนตาเพิ่งกลับมาจากจุดเกิดเหตุ”
โล่งอกไปที อย่างน้อยเอรี่ก็ยังไม่ทราบเรื่องราว
ถึงเอรี่จะเป็นเด็ก แต่ผมคิดว่าเธอน่าจะพอจับต้นชนปลายเพื่อหาผลลัพธ์ได้ระดับหนึ่ง และคำถามที่อาจเกิดขึ้นคงเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับแม่ของเธอ
“แล้วลูน่า รู้เรื่องนี้หรือยังครับ”
ครั้งนี้วิเวียนพยักหน้า แต่กำชับไม่ให้ผมไปรบกวนลูน่าที่ตอนนี้ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อใช้ความคิดสักหน่อย
เมื่อคืน เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง เรื่องราวที่ผมคิดว่าจะสิ้นสุดลงด้วยดีกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
เวลานี้ ภายในเมืองคงกำลังวุ่นวาย ระหว่างที่ผลการสืบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่แต่ละคนยังไม่ออกมานั้น ผมตัดสินใจไปรับประทานมื้อเช้าเพื่อรับสารอาหารเข้าร่างกาย อย่างไรก็ตาม กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง
ที่ห้องอาหาร ผม วิเวียนและอาร์เจนตาเจอหน้ากันอีกครั้ง
ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม สลัด ขนมปังและแยม แม้แต่ละอย่างจะหน้าตาไม่ได้แตกต่างจากของราคาถูก แต่พอวางบนโต๊ะตัวหรู อาหารแต่ละชนิดกลับส่งกลิ่นชวนน้ำลายสอ ทว่าอาร์เจนตาดูไม่อยู่ในสภาพที่จะรู้สึกร่วมอาหารได้
เหล่าแขกผู้มาเยือนห้องอาหารส่งเสียงพูดคุยกัน ที่แห่งนี้อยู่ใต้ชายคาของโรงแรมหรู เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีการวางกองกำลังป้องกันเนื่องจากผู้เข้าพักมีทั้งคนรวยและคนมีอำนาจในระดับประเทศอยู่หลายคน จึงสามารถใช้เงินในการจ้างวานรวมถึงใช้ชื่อเสียงในการเพิ่มยกความสำคัญของตนเองเหนือคนอื่น เรียกผู้มีฝีมือเพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอกได้
“เห็นเขาว่ากันว่าศพถูกฉีก”
“ใครกันที่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้นะ”
“ฉันว่าแล้วเชียว พวกพ่อค้ามันเฮงซวย คนที่เชื่อมันก็โง่ซะเหลือเกิน”
เสียงนินทามากมายจากผู้คนหลายหลาก ทั้งหญิงและชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พวกผมทำหูทวนลมไม่สนใจถ้อยคำวิจารณ์ของพวกเขา
“สถานการณ์ที่เกิดเหตุเป็นยังไงบ้างครับ คุณอาร์เจนตา”
“เจ้าหน้าที่สืบสวนอีกชุดกำลังวุ่นวายกับการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดค่ะ ดิฉันคิดว่าถ้าหากท่านชินกับท่านวิเวียนจะเข้าไปตอนนี้ก็สามารถทำได้ แต่อาจตกเป็นเป้าหมายของคำถามต่างๆนานาได้ค่ะ”
ความเห็นของอาร์เจนตาไม่แตกต่างจากผมมากนัก
เพราะครั้งนี้ไม่ใช่การลอบทำร้าย แต่เป็นการสังหารและเป็นจำนวนมาก การเฝ้าระวังที่เกิดขึ้นจึงมากขึ้นพอๆกับความเอาใจใส่ที่ไม่เข้าท่าของคนที่อาศัยใกล้เคียง
เรื่องที่พวกผมพบกับเฮนริคก่อนเขาเข้าไปมอบตัวคงเป็นที่ลือกันในสังคม หากไปปรากฏตัวในที่เกิดเหตุตอนนี้ บางทีอาจจะโดนหางเลขไปด้วยก็ได้
“แล้วคุณเฮนริคเป็นยังไงบ้างครับ”
คำถามของผมสร้างความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ อาร์เจนตากับวิเวียนต่างมองหน้ากัน เหมือนมีการสื่อสารและคำถามที่ต่างฝ่ายต่างอยากถามอีกฝ่ายว่าจะเอาอย่างไรดี
ผมที่มองเรื่องนั้นออกจึงเริ่มสัมผัสได้ถึงเค้าลางอันเลวร้าย หากมันผิดพลาดก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ทว่า ครั้งนี้มันกลับทำงานได้ถูกต้อง คนที่ยืนยันหลังตกลงกันผ่านทางความคิดได้แล้วเป็นอาร์เจนตา
“ได้ยินมาว่าเฮนริค ลูเมนฮอฟโดนแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าและตอนนี้ถูกคุมขังภายในคุกค่ะ”
ฟังดูแล้วไม่มีอะไรเป็นใจนัก
ตัวผมเองไม่รู้ระดับฝีมือของกลุ่มที่เพิ่งถูกสังหารไป แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่บอกได้คืออีกฝ่ายมีความกล้าพอที่จะลงมือและไม่ทำลายหลักฐานใดๆทั้งสิ้น
มิหนำซ้ำยังเป็นเวลาประจวบเหมาะ
“คุณอาร์เจนตา คุณวิเวียน ไปสำรวจใต้ดินของบ้านลูเมนฮอฟกันเถอะครับ”
ทางเดียวที่จะช่วยให้เฮนริคพ้นผิดในข้อหานั้นได้คือการหาหลักฐานและยืนยันว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น
ถึงแม้ตัวเฮนริคจะไม่ได้ระบุที่ชัดเจน แต่สถานที่ที่ผมคาดว่าเขาจะใช้เป็นห้องใต้ดินสำหรับการทดลองมีสองแห่ง
หนึ่งคือบ้านของเอรี่ ที่เธอบอกว่าเหมือนได้ยินเสียงกระแทกจากใต้พื้นบ้าน บางทีอาจเป็นผลจากการทดลองบางอย่าง แต่ถึงไม่ใช่ก็ยังคงน่าสงสัยอยู่ดี
อีกแห่งคือคฤหาสน์หลังโตที่เคยใช้รับรองพวกเรา ในฐานะคณะเดินทางของบ้านเอเวอร์ไลท์
หากผมเป็นเฮนริค คงอยากจับตามองการทดลองที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ในอนาคตแบบใกล้ๆ สถานที่
“ในข่าวไม่ได้ระบุสถานที่พบร่างผู้เสียชีวิคเอาไว้เลย พวกเขาพบกันที่ไหนเหรอครับ”
ผมเงยหน้าขึ้นมาถาม แต่ตรงหน้ากลับเหลือเพียงอาร์เจนตา วิเวียนหายตัวจากตรงนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“คุณวิเวียนหายไปไหนแล้วเหรอครับ”
“เห็นว่ามีธุระเข้ามากะทันหัน เลยขอตัวไปจัดการกับธุระก่อนค่ะ”
วิเวียนคงไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ผมไม่ได้เซ้าซี้หาความจริงจากาอาร์เจนตาในเรื่องของวิเวียนไปมากกว่านี้ และอีกอย่างผมก็ยังมีคำถามที่จำเป็นกว่า
“สถานที่พบร่างทั้งหมด อยู่บริเวณไหนเหรอครับ”
ผมถามซ้ำอีกครั้ง คราวนี้อาร์เจนตาจับตรงสะพานแว่น ดันมันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของผมด้วยคำสั้นๆว่า
“กระจัดกระจายค่ะ”
หมายความว่ายังไงนะ กระจัดกระจายเหรอ…
และดูเหมือนเธอจะอ่านความสับสนจากสีหน้าของผมได้ จึงกระแอมออกมาเบาๆหนึ่งครั้งและอธิบายเพิ่มในส่วนที่ผมสงสัย
“สภาพของเหยื่อทุกราย ถูกฉีกกระชากค่ะ บางส่วนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบ แต่ทั้งหมดถูกจับทิ้งเหมือนขยะ กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆค่ะ”
แค่นึกภาพตามก็ชวนขนลุกและให้ความรู้สึกถึงเขตแดนของความอันตรายพอสมควร
ผมจะไม่ใช่คำว่า บางทีเรื่องนี้อาจอันตรายกว่าที่คิด เพราะตอนนี้มันก้าวเข้าสู่พื้นที่ของคำว่า อันตราย ไปแล้ว
ใจหนึ่ง ผมยังคงอยากช่วยเอรี่ อย่างไรก็ตาม ผมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วยเช่นกัน
จะเอาอย่างไรดีนะ…
“ท่านชิน ท่านวิเวียนฝากข้อความหนึ่งถึงท่านค่ะ”
เสียงของอาร์เจนตาดึงผมจากห้วงของความสับสน ดวงตาหลังกรอบแว่นนั้นหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังประเมินผมอยู่
“ท่านวิเวียนกล่าวว่า ‘ไม่แปลกหากเธอจะกลัว เธอไม่ใช่ฮีโร่ เป็นมนุษย์คนหนึ่ง จะหันหลังก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครต่อว่าเธอได้หรอก’ ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ ผมตัดสินใจแล้ว”
ผมไม่ใช่ฮีโร่ เป็นเพียงคนธรรมดาที่บังเอิญเกิดใหม่ในต่างโลกเท่านั้น
แต่นั่นแหละ ที่ทำให้ผมพิเศษ อาจไม่ใช่ที่สุด แต่ว่า
“ไปคฤหาสน์ลูเมนฮอฟกันเถอะครับ”
“รับทราบค่ะ”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนเห็นอาร์เจนตาแอบยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อย
ผมและอาร์เจนตา ตัดสินใจออกเดินทางหลังรับประทานมื้อเช้าอันเร่งรีบจนไม่รู้สึกถึงรสชาติ ด้วยความคาดหวังว่าจะพบสิ่งที่พวกเราตามหา
MANGA DISCUSSION