Chapter 69 – นิกายสวรรค์หิมะ
เซี่ยวหยุนเต็มไปด้วยความตกใจและเมื่อตอนที่เขาได้มองไปยังผู้หญิงที่เหมือนกับเทพธิดาอีกครั้ง รูม่านตาของเขาก็ได้หดตัวลง
นี่เป็นเพราะว่าภายใต้การนำทางของหญิงสาว ปราณเย็นรอบกายของเซี่ยวหลิงเอ๋อได้เริ่มกลับเข้าไปในตัวนางอีกครั้ง หากได้มองใกล้ๆ ก็จะเห็นได้เลยว่าน้ำแข็งบนใบหน้าของเซี่ยวหลิงเอ๋อได้เริ่มลดลงแล้ว ราวกับว่าปราณเย็นได้ถูกทำให้อ่อนลง
ชั่วครู่หลังจากนั้น ผิวของเซี่ยวหลิงเอ๋อก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาและได้มีสีแดงกุหลาบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางเล็กน้อยซึ่งมันไม่ได้ขาวซีดอีกต่อไป แม้แต่ดวงตาของนางก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้น – มันเห็นได้ชัดว่านางกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูแก่นแท้แห่งปราณของตัวเอง
“ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะพอมีความสามารถอยู่บ้าง” เซี่ยวหยุนคิดขณะที่เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คนๆ นี้มีโอกาสที่จะบ่มเพาะด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งทำให้นางช่วยน้องสาวของเจ้านำทางแก่นแท้แห่งปราณได้” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์อธิบาย “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้ควรจะมีสภาวะรูปแบบเย็นเช่นกัน มิฉะนั้นมันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่นางจะมีความสามารถเช่นนี้”
“นางก็มีสภาวะแบบเดียวกันด้วย?” คิ้วของเซี่ยวหยุนคลายลงขณะที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ แล้วเขาก็สามารถผ่อนคลายลงได้ในที่สุดจากการที่รู้ถึงเหตุผลของการที่ผู้หญิงคนนี้ช่วยน้องสาวของเขา
ผู้หญิงในชุดชาววังได้นำทางปราณเย็นของหลิงเอ๋ออย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบากมาก และจะไม่สามารถเสร็จสมบูรณ์ได้โดยเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ปราณเย็นในตอนนี้ก็ได้บ้าคลั่งน้อยลงแล้ว และกระบวนการก็ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพและอ่อนโยนมากกว่าการสกัดอันเชื่องช้าของเซี่ยวหยุน
เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เซี่ยวหยุนก็ยื่งรู้สึกไร้กังวลมากขึ้น น้องสาวของเขาควรจจะปลอดภัยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เริ่มใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ของตัวเองเพื่อดูดซับเศษปราณเย็นที่เหลืออยู่ในร่างกายของเขา
จิตวิญญาณการต่อสู้ได้ดูดซับปราณเย็นไปเป็นจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ มันกว่าครั้งที่ผ่านมาอดีตเป็นร้อยเท่านั้น
เมื่อเซี่ยวหยุนส่งจิตใจของเขาเข้าไปในทะเลแห่งจิตสำนึก เขาก็พบว่ากิ่งรองที่มีปราณเย็นได้พัฒนาหน่ออ่อนซึ่งคล้ายกับครึ่งเล็บมืออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเล็กมาก แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเซี่ยวหยุนได้กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
ในอนาคต เมื่อหน่ออ่อนได้พัฒนาจนกลายเป็นใบ มันก็จะมีโอกาสที่สามารถควบแน่นหยดน้ำค้างประเภทปราณเย็นได้
ด้วยความคิดเล็กน้อยจากเซี่ยวหยุน จิตวิญญาณการต่อสู้ได้ปล่อยแสงหยกสีเขียวออกมาขณะที่กิ่งได้เหยียดออกมาและดูดซับปราณเย็นที่ยังเหลืออยู่ในร่างกายของเขา หลังจากนั้นเพียง 10 นาทีหรือมากกว่านั้น มันก็สามารถกำจัดปราณเย็นออกไปจากเซี่ยวหยุนได้โดยสิ้นเชิง แต่ผู้หญิงในชุดชาววังก็ยังทำไม่เสร็จอยู่ดี
ปราณเย็นของเซี่ยวหลิงเอ๋อในครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป และมันก็ยังไม่เสร็จจนพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ได้ลอยขึ้นมา มันจึงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์
“เสร็จแล้ว” หญิงสาวชุดชาววังได้หายใจเข้าและหายใจออกลึกๆ ซึ่งมองดูเหนื่อยอย่างเหลือเชื่อขณะที่นางปล่อยแขนของเซี่ยวหลิงเอ๋อลง
“ขอบคุณท่านมากพี่สาวใหญ่” ดวงตาของเซี่ยวหลิงเอ๋อได้มีความชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อและขนตาที่ค่อนข้างของนาง ก็ทำให้นางดูน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาอย่างเหลือเชื่อ นางเป็นคนที่มีมารยาทดีและก็ขอบคุณผู้หญิงในชุดชาววัง – นางรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะคนๆ นี้ได้ช่วยนางไว้ สถานการณ์ของนางก็จะน่าสยดสยองอย่างไม่น่าเชื่อ
“ฮ่าฮ่า สาวน้อยคนนี้รอบคอบและฉลาดมาก” ผู้หญิงชุดชาววังยิ้มขณะที่นางลูบผมสีเข้มของเด็กสาวแล้วกล่าวว่า “น้องสาว เจ้าอยากไปกับพี่สาวใหญ่ไหม? ถ้าเจ้าอยู่กับพี่สาวใหญ่ เจ้าก็จะไม่ต้องทุกข์ทรมานจากปราณเย็นอีกต่อไปแล้ว”
“จากไป?” ดวงตาของเซี่ยวหลิงเอ๋อกลายเป็นพร่ามัว ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้เลย
“ถ้าเจ้าไปกับพี่สาวใหญ่ เจ้าก็จะสามารถได้รับวิธีการบ่มเพาะที่เหมาะสม เจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป และเจ้าก็จะเป็นอิสระและไร้ข้อผูกมัด ในความจริงเจ้าอาจจะกลายเป็นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญไร้ผู้ต้านที่สามารถทำลายภูเขาได้ด้วยมือข้างเดียวก็ได้” ผู้หญิงชุดชาววังกล่าวขณะที่นางยิ้ม
“เป็นอิสระและไร้ข้อผูกมัด?” ดวงตาของเซี่ยวหลิงเอ๋อสว่างขึ้น ใบหน้าของนางได้เต็มไปด้วยความหวังและการคาดหวัง “จริงรึ?”
“จริงสิ” ผู้หญิงชุดชาววังยืนยัน “พี่สาวใหญ่จะโกหกเจ้าไปทำไมกัน?”
“แต่ข้าไม่ต้องการที่จะแยกจากกับพี่ใหญ่” เซี่ยวหลิงเอ๋อกล่าวขณะที่นางกระพริบตาและมองไปยังเด็กหนุ่ม
“พี่ใหญ่ของเจ้า?” ผู้หญิงชุดชาดวังมองไปยังเซี่ยวหยุนขณะที่นางลังเลเล็กน้อย
“พี่สาวใหญ่สามารถพาพี่ใหญ่ไปได้เช่นกันใช่ไหม?” เซี่ยวหลิงเอ๋อถามด้วยความหวัง
“ข้าเกรงว่ามันจะเป็นไปไม่ได้” ผู้หญิงคนนั้นตอบ
“ทำไม?” เซี่ยวหลิงเอ๋อถามขณะที่นางขมวดคิ้ว
“เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมนิกายที่พี่สาวใหญ่เป็นส่วนหนึ่งได้” ผู้หญิงคนนั้นกล่าว “ผู้ฝึกตนนิกายสวรรค์หิมะของเราทั้งหมดต่างก็มีสภาวะรูปแบบเย็น และบ่มเพาะด้วยทักษะประเภทเย็น เพราะเช่นนี้ พี่ใหญ่ของเจ้าจึงไม่เหมาะกับที่นั่น”
“เป็นเช่นนั้นเอง!” ความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวหลิงเอ๋อ นางบุ้ยปากและลดศีรษะของนางต่ำลงแล้วก็กล่าวหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ “ถ้างั้นข้าก็จะไม่ไป ข้าไม่อยากแยกจากพี่ใหญ่” เด็กสาวตัวน้อยดูเหมือนจะตัดสินใจที่จะไม่แยกจากเซี่ยวหยุนได้หนักแน่นอย่างเหลือเชื่อ
“เจ้าไม่ต้องการจะไปรึ?” ผู้หญิงชุดชาววังตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ “เจ้าไม่รู้หรือว่าถ้าหากแหล่งกำเนิดปราณเย็นของเจ้าแสดงพลังอีกครั้ง โดยที่ไร้ซึ่งทักษะอันเหมาะสมในการนำทางมัน ตอนนั้นก็จะไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้? เจ้าไม่กลัวที่จะตายรึ?”
“ข้าก็แค่อยากอยู่กับพี่ใหญ่” เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบตาขณะที่พูดอย่างเฉียบขาด
ผู้หญิงชุดชาววังขมวดคิ้วแน่น นางไม่เคยคิดเลยว่าทั้งพี่ชายและน้องสาวจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ เซี่ยวหยุนเองก็รู้สึกประหลาดใจและประทับใจอยู่มากเช่นกัน
“เจ้าเป็นพี่ใหญ่ของนาง?” ผู้หญิงคนนั้นถามขณะที่มองไปยังเซี่ยวหยุนอย่างจริงจัง
“ใช่” เซี่ยวหยุนพยักหน้า
“เจ้ารู้ถึงสถานการณ์ที่ค่อนข้างร้ายแรงของน้องสาวเจ้าไหม?” ผู้หญิงคนนั้นยังคงถามต่อ
เซี่ยวหยุนยักไหล่อย่างไร้ความหวัง “ก็รู้อยู่”
“ดีมาก” ผู้หญิงชุดชาววังพูดต่อ “ร่างกายของน้องสาวเจ้าเป็นสิ่งพิเศษและถ้าหากนางไม่ได้ไปกับข้า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าครึ่งเดือน”
หลังจากให้พักเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นก็พูดเสริมว่า “ถ้าหากนางไปกับข้า ไม่ใช่แค่นางจะรักษาชีวิตไว้ได้เท่านั้น แต่นางยังจะสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอันทรงพลังได้อีกด้วย ข้าแน่ใจว่าเจ้ารู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรใช่ไหม?” ความหมายเบื้องหลังคำพูดของนางนั้นชัดเจน – นางต้องการให้เซี่ยวหยุนโน้มน้าวเซี่ยวหลิงเอ๋อ
“ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าน้องสาวของข้าจะได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี?” เซี่ยวหยุนถามขณะที่เขายกคิ้วขึ้น
“แน่ใจ” ผู้หญิงชุดชาววังตอบกลับ “น้องสาวของเจ้ามีศักยภาพที่ดีและจะได้รับการเลี้ยงดูจากนิกายของเราเป็นอย่างดีแน่นอน”
“ดีแล้ว” หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยวหยุนก็ถอนหายใจและเดินไปหาเด็กสาวที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ “หลิงเอ๋อเป็นเด็กดีแล้วไปกับพี่สาวใหญ่ ในอนาคตพี่ใหญ่จะไปหาเจ้าเองดีไหม?”
“ไม่ ข้าไม่อยากแยกจากพี่ใหญ่” เซี่ยวหลิงเอ๋อกระพริบตาอย่างเศร้าโศกขณะที่นางมองไปยังเซี่ยวหยุน และเกือบร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาขณะที่นางกล่าวว่า “พี่ใหญ่คิดว่าหลิงเอ๋อเป็นภาระ ดังนั้นท่านก็เลยต้องการทิ้งหลิงเอ๋อใช่ไหม? หลิงเอ๋อไม่อยากแยกจากพี่ใหญ่”
“เด็กโง่ เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องทิ้งเจ้าด้วยล่ะ?” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะที่เขาลูบผมมันเงาของนาง
“แต่ข้าไม่อยากแยกจากท่าน มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากท่านไม่ได้มาหาข้าในอนาคต?” เด็กสาวยังคงไม่เต็มใจที่จะจากไป
ผู้หญิงคนนั้นสงสัยว่านางควรจะนำเด็กหนุ่มคนนี้ไปด้วยแล้วก็หานิกายให้เขาเข้าร่วม แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าเซี่ยวหลิงเอ๋อต้องพึ่งพาเขาขนาดไหน นางก็ขมวดคิ้วลึก ถ้าเกิดพวกเขาอยู่ในที่เดียวแล้วละก็เด็กสาวจะต้องไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะได้แน่!
“ทำไมข้าถึงจะไม่ไปหาเจ้ากัน?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเมื่อเห็นการแสดงออกของผู้หญิงคนนั้น เขาเริ่มใช้คำพูดที่รุนแรงขึ้นเล็กน้อย “เป็นเด็กดีสิหลิงเอ๋อแล้วจงฟังพี่ใหญ่ ไปกับพี่สาวใหญ่คนนั้น มิเช่นนั้นพี่ใหญ่จะโกรธแล้วนะ”
เซี่ยวหยุนไม่อยากให้น้องสาวของตัวเองต้องสูญเสียโอกาสนี้ไป – จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากผู้หญิงชุดชาววังคนนี้หมดความอดทนและตัดสินใจไม่ห่วงหลิงเอ๋ออีกต่อไป?
เขาไม่มีความสามารถพอที่จะค้ำจุนชีวิตของน้องสาวเขาได้!
“ได้ หลิงเอ๋อจะเป็นเด็กดี แต่พี่ใหญ่จะต้องมาหาข้าในอนาคต!” เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของนางโกรธขึ้นเล็กน้อย เซี่ยวหลิงเอ๋อก็หยุดต่อต้านและกระพริบตาขณะที่นางพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความคาดหวัง นางดูน่ารักและน่าเอ็นดูมากพอที่จะทำให้ทุกคนต้องรู้สึกไม่เต็มใจที่จะแยกจากนาง
เซี่ยวหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เขากล่าวว่า “จงอย่ากังวล พี่ใหญ่จะไม่ไปพบเจ้าได้อย่างไรกัน? เจ้าเป็นน้องสาวอันเป็นที่รักยิ่งของข้า!”
“อื้อ” ได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยวหลิงเอ๋อก็ยิ้มออกมาอย่างเต็มไปด้วยความสุข
“ท่านจะไปที่ใดกัน?” เซี่ยวหยุนถามผู้หญิงชุดชาววัง
“นิกายสวรรค์หิมะของอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับ
“อาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์!” เซี่ยวหยุนจ้องมองขณะที่เขารู้สึกสั่นสะท้านในหัวใจเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้ก็มาจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์
“มีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนในอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ ดังนั้นถ้าหากเจ้าอยากจะไปที่นั่นและพิสูจน์ตัวเอง เจ้าก็จำเป็นต้องเข้มแข็งขึ้นนับไม่ครั้งไม่ถ้วน ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถมาถึงอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ได้อย่างปลอดภัย” ผู้หญิงชุดชาววังกล่าว “มันไม่ใช่ช่วงหัวค่ำแล้ว เราควรไปกันได้แล้ว”
“เราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลยเหรอ?” เซี่ยวหลิงเอ๋อดูไม่เต็มใจอย่างมาก
“ใช่” ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับ “อาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์อยู่ไกลจนไม่น่าเชื่อ ดังนั้นเราไม่สามารถเถลไถลได้แล้ว” เช่นนี้แล้วเซี่ยวหลิงเอ๋อจึงทำได้แค่เก็บของของนางเพื่อเตรียมตัวที่จะจากไปเท่านั้น
นางไม่ได้ของมากนัก ดังนั้นนางจึงนำเพียงแค่คู่จิ้งจอกจิตวิญญาณม่วงไปด้วย ย้อนไปตอนนั้นเซี่ยวหยุนอยากให้ตัวหนึ่งเป็นของขวัญกับหยานซือหยัน แต่นางก็อิจฉาพี่สาวใหญ่ของนางแล้วก็จบลงด้วยการปฏิเสธมันไป
“พี่ใหญ่ท่านต้องมาหาข้านะ!” เซี่ยวหลิงเอ๋อกล่าวกับเด็กหนุ่มด้วยน้ำตาในดวงตาของนาง
“อืม” เซี่ยวหยุนพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจมากๆ ที่จะแยกจากน้องสาวของเขา แต่ว่าสิ่งนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน เนื่องจากถ้าหากนางไปที่นิกายสวรรค์หิมะของอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ มันจะไม่ใช่แค่การที่นางรักษาชีวิตไว้ได้ต่อไปเท่านั้น แต่นางก็ยังจะมีโอกาสในบ่มเพาะเช่นกัน ถ้าเป็นที่อื่นพวกเขาจะสามารถหาการจัดการที่ดีแบบนี้ได้?
บริเวณใกล้เคียง ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนและคนอื่นทั้งหมดต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเด็กสาวก็ได้มีอนาคตต่อไปแล้ว
เมื่อวานตอนที่ปราณเย็นของเด็กสาวแสดงอาการออกมา ทุกคนพากันกังวลอย่างไม่น่าเชื่อ และก็ร้อนใจกลัวว่านางจะต้องจากไป!
“เราจะไปแล้วตอนนี้” ผู้หญิงชุดชาววังกล่าว “ถ้าเจ้าสามารถมาที่อาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ได้ จงมาที่นิกายสวรรค์หิมะเพื่อมาหานาง”
ผู้หญิงชุดชาววังได้โบกมือของนางขณะที่เมฆก็ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของนาง แล้วพานางและเซี่ยวหลิงเอ๋อไปบนท้องฟ้า
“พี่ใหญ่ท่านต้องมาหาข้านะ!” ในอากาศ เด็กสาวกอดจิ้งจอกจิตวิญญาณสีม่วงทั้งสองไว้ขณะที่โบกมือของนางแล้วร้องออกมา
“ข้าจะไปแน่นอน” เซี่ยวหยุนตอบกลับเสียงดัง เขายังคงคิดถึงนางและกังวลเกี่ยวกับนาง ตอนนี้นางต้องอยู่ด้วยตัวนางเองแล้ว ถ้าเขามีโอกาส เขาก็จะต้องไปแน่นอน
ในท้องฟ้า แสงได้กระพริบไปขณะที่เซี่ยวหลิงเอ๋อและผู้หญิงคนนั้นได้หายตัวไปในระยะไกล
“การบ่มเพาะของผู้หญิงคนนั้นสูงกว่าของหลิงซี” เซี่ยวหยุนคิดกับตัวเองขณะที่เฝ้ามองพวกเขาในระยะไกล ด้วยการที่ผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้คอยปกป้องน้องสาวของเขา เขาก็รู้สึกผ่อนสบายใจขึ้นมาก
“ข้ายังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่ข้าจะได้เตรียมตัวไปยังอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์เช่นกัน” คิดถึงหลิงซีและพ่อของเขา ความปรารถนาที่จะแข็งขึ้นก็ได้เผาไหม้อยู่ในหัวใจของเซี่ยวหยุน ถ้าเขาไม่มีกำลังมากพอ เขาจะไปที่อาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ได้อย่างไรกัน?
การที่บรรดาผู้ที่มาจากราชอาณาจักรจันทราวายุต้องการจะไปอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์นั้นมันยากลำบากราวกับการปีนป่ายสวรรค์!
“ก้าวแรกของข้าก็คือการเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์” เซี่ยวหยุนพึมพำกับตัวเองขณะที่สายตาของเขากลายเป็นจริงจัง
ได้มีการกล่าวกันว่าศิษย์ของนิกายต้นกำเนิดสวรรค์จะมีโอกาสได้ไปยังอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้ว่ามันมีโอกาสอะไร
หลังจากยืนยันเป้าหมายแล้ว เซี่ยวหยุนก็สงบลงอย่างรวดเร็วและเริ่มดำเนินการแผนของเขาจากก่อนหน้า
ในขณะที่เขาบ่มเพาะ เขาก็ได้ปรุงยาไปด้วยเช่นกัน
เพื่อที่จะได้สบายใจเมื่อเขาจากไป เขาก็จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าตระกูลเซี่ยวมีความแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อที่จะได้มีแต่รุ่งเรืองและไม่ตกต่ำลง
MANGA DISCUSSION