Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 365 สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (6)
บทที่ 365 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (6)
ทหารของฝ่ายเราทำลายกำลังใจโดยไม่ปรานี
เบื้องหลังม้าศึกของพวกเรามีแต่เลือด ฝุ่นและเสียงกรีดร้อง
“อึก อ๊ากกกกกก!”
“ยะ-อย่าถอยกลับมา ! ถ้าเราถอยตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้น !”
แม้จะโดนซุ่มโจมตีเต็มกำลัง แต่กองทัพองค์รักษ์ของซาร์ดิเนียก็ยังปลุกกำลังใจตัวเอง
แต่อย่างไรก็ดี ฉากนรกมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเองน่า
พอแนวแรกของเราเข้าชาร์จสำเร็จ ต่อมาก็ตามด้วยแนวที่สอง ที่สาม ที่สี่ตามมาอย่างหนัก
– วู่วววววววว
เสียงแตรลั่นทั่วรอบทิศทาง
ทหารม้าที่ชาร์จไปแล้วในแนวแรกก็วกกลับมาใหม่
พวกศัตรูก็เริ่มเตลิดหนีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด
พอนั้นดูเหมือนจะยังทนต่อการพุ่งชาร์จรอบสองไหว
แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่อาจทนสู้กับการชาร์จรอบที่สามได้
และพอถึงชาร์จรอบที่สี่ ทหารศัตรูก็แตกฮือหนีเอาชีวิตรอด
ชัยชนะน่ะมันถูกตัดสินกันตั้งแต่ต้นแล้ว
“อย่าหนีสิวะ ไอ้พวกขี้ขลาดเอ๊ย !”
เสียงดังไล่หลังทหารศัตรูในทันที
“ถ้าแกหนีไปใครจะป้องปกครอบครัวและเพื่อนบ้านพวกแกวะ !?
จงปกป้องพาเวีย ! จงปกป้องผู้คน
พิสูจน์ให้โลกเห็นว่า แกไม่ใช่คนขี้ขลาดที่ทอดทิ้งสหายศึก !”
เสียงนั้นเป็นของชายวัยกลางคน เขาตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด
มีแต่เพียงระดับผู้บัญชาการเท่านั้นแหละที่จะใช้เวทย์ขยายเสียงระหว่างการสู้รบ
เรื่องอาติแฟคพวกนั้นราคาแพงไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้ไม่ค่อยใช้กันหลายอัน เหตุเป็นเพราะมันทำให้ผู้คนต่างสับสน ถ้าหากต่างคนต่างตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน
ดังนั้นแล้วเจ้าของเสียงนั่นย่อมเป็นเอิร์ลพาเวีย หรือไม่ก็เป็นลูกน้องสายตรงของเขา
“กล้าหาญเหลือเกิน ”
“แต่มันเปล่าประโยชน์เหลือเกิน ”
ลอร่ายิ้มเยาะเมื่อได้ยินคำชมเชยของผม
“พวกเขาปล่อยให้ตัวเองโดนซุ่มโจมตีกลางดึกได้
แม้แต่พี่บาร์บาทอสก็ยังไม่ทำอะไรแบบนี้เลย
มีแต่คนบ้าบิ่นแบบโง่ๆนั่นแหละ นอกจากนี้การทำแบบนั้นยังเปิดเผยด้วยว่า ผู้บัญชาการอยู่ที่ไหน ”
ลอร่าจ้องมาที่ผม
ผมตอบรับด้วยการพยักหน้าให้และมอบคำสั่งใหม่
“แนวที่ห้า ชาร์จใส่ผู้บัญชาการศัตรู !”
แนวที่ห้าของฝ่ายเราเตรียมตัวอยู่เสมอตั้งแต่ที่ฝ่ายเดียวกันพุ่งเข้าไป
หากไม่นับรวมทหารม้าเกราะเบาฝ่ายเราแล้ว นี่ก็เป็นทหารชุดสุดท้ายของพวกเราที่เหลืออยู่แล้ว
ลอร่าจัดวางตำแหน่งทหารชั้นเลิศไว้แถวแรก กับแถวห้าเพื่อสถานการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ
เป็นไปได้เหมือนกันว่า เอิร์ลพาเวียเองคงได้ยินคำสั่งของผม
“สู้กลับไป ! แทนที่จะมีชีวิตอย่างคนขี้ขลาด ก็สู้ยอมตายอย่างมีเกียรตในสนามรบยังดีเสียกว่า !”
เสียงคำรามของเขาไม่ต่างจากสัตว์ร้าย
“เทพีอาร์เทมิสจะจดค่ำคืนนี้ไว้ ! เลือดแด่องค์เทพี!”
“เลือดแด่องค์เทพี !”
ยังคงมีทหารจำนวนหนึ่งอยู่ข้างกายเอิร์ลพาเวีย
พวกนั้นคงเป็นภาคีอัศวินจากพาเวียหรือมิลาโน่ แต่อัศวินที่เปล่งเสียงร้องออกมาก็มีไม่ถึง ห้าสิบนาย
ผู้บัญชาการออกคำสั่งแล้วอัศวินพวกนั้นก็ตอบรับ
“ความรุ่งโรจน์แด่ชาวเมืองเรา ! ความตายแด่ศัตรู !”
“ฮูเร่ !”
“องค์ราชาจงเจริญ !”
พวกอัศวินต่างเอ่ยพระนามสรรเสริญราชาตนก่อนพุ่งเข้าใส่พวกเรา
การพุ่งเข้ามาของพวกเขานั้นดุจดั่งฮีโร่ผู้กล้า
อย่างไรก็ดีในแง่จำนวนพวกนั้นเสียเปรียบอย่างมาก
แนวที่ห้าของพวกเรามีอย่างต่ำก็พันคน
แถมพวกนั้นก็ไม่ได้ติดอาวุธแบบทหารม้าเบา
พวกเขาเป็นทหารม้าผู้ชำนาญศึกที่รบบนหลังม้ามาเกือบสิบปี
ทหารม้าเกราะหนักเข้าปะทะกับอัศวินห้าสิบนาย
“แด่องค์ราชา !”
“แด่ที่ราบแห่งซาร์ดิเนีย !”
พวกอัศวินเนี่ย แข็งแกร่งอย่างที่คิด
แม้ระยะการพุ่งชาร์จจะสั้นกว่าพวกเรามาก แต่พวกนั้นก็สามารถฆ่าทหารลงได้ร้อยถึงร้อยนายที่อยู่ในระยะได้ทันที
ไม่นานนัก ก็เหลือทหารไม่เกินโหลที่อยู่ใกล้กับเอิร์ล
ธงรบของพวกเราร่วงหล่นลงสู่พื้นดินไปนานแล้ว
“น่าประทับใจ เป็นภาพที่ตราตรึงใจนัก ……!”
ผมถึงกับซาบซึ้งประทับใจอย่างสุดๆ
ก่อนหน้านี้ผมป่วยหนักมานาน เป็นโรคกลัวอัศวิน
นับตั้งแต่ที่ผมพ่ายแพ้ให้กับเฮนริเอตต้าที่ที่ราบนักบุญเดนิส
มันทำให้ผมถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่ผมเห็นพวกอัศวินตายอนาถน่าสังเวช
ผมไม่ได้โม้นะ มันรู้สึกดียิ่งกว่าตอนถึงจุดสุดยอดตอนร่วมเพศเสียอีก
มันคงจะเป็นอะไรที่เลิศมากหากอัศวินทุกนายบนโลกนี้ตายห่ากันให้หมด
ผมพูดจริงนะ
“ฮุฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้ก็คุ้มเกินเงินที่จ้างพวกนี้มาแล้ว
ฆ่ามันให้มากกว่านี้อีก !
บดขยี้หมวกหรูหราราคาแพงนั่น
ทำลายเกราะ แล้วเอาเนื้อมันให้หมาแดก ”
“……ท่านรู้สึกแบบนั้นตอนที่เห็นพวกเขาพุ่งชาร์จใส่หรือ?”
ลอร่าดูประหลาดใจและสายตาก็เหมือนมองขยะเปียกอยู่
“โอ้ แหมแหม การพุ่งเข้าใส่แบบนั้นสมกับความเป็นชนชั้นสูงและผู้กล้านัก แต่ามันก็เท่านั้นแหละ!
ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งควรค่าแก่การถูกขยี้มากขึ้นไปอีก !
เหมือนกับการย้อมกระดาษขาวสะอาดให้เลอะเปรอะด้วยหมึก
ฆ่าล้างพวกมันอีก นักรบแห่งเฮลเวติก้าเอ๋ย !
พิสูจน์ให้ไอ้พวกอัศวินนั้นเห็นว่า อัศวินน่ะแม่งก็แค่นักรบชั้นสามที่มีดีแค่เกราะแวววาวเท่านั้น !”
“นี่ฉันไปตกหลุมรักผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย……?”
ลอร่าถอนใจออกมา
ภาคีอัศวินฝ่ายศัตรูกำลังโดนฆ่าล้างกันในขณะที่ผมกับลอร่า ที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายเรากำลังคุยเล่นขำขันกันอยู่
ม้าศึกของพวกอัศวินยังตะเกียตะกายดิ้นรนจนวาระสุดท้ายก่อนจะล้มครืนลงเพราะหอกที่ระดมปา ส่วนอัศวินเองก็ลุกขึ้นมาไม่ไหวท่ามกลางห่าฝนธนู
“ท่านครับ พวกเราจับเป็นผู้บัญชาการฝ่ายศัตรูมาได้แล้ว ! นี่เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่เลยครับ !”
หัวหน้าหน่วยก็เข้ามากันทีละคน
สีหน้าของพวกเขาสดใส
พวกเรานอกจากจะได้เปรียบเรื่องจำนวนแล้วเรายังสามารถทำการถอนรากถอนโคนกองทัพศัตรูที่ประกอบด้วยทหารม้าห้าพันนายรวมถึงเหล่าอัศวินได้
ในขณะที่สูญเสียไปเพียงเล้กน้อย
นี่ย่อมเรียกได้ว่า เป็นชัยชนะขั้นเด็ดขาดจริงๆ
“ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของท่านด้วยครับ ท่านครับ !”
“ด้วยความกล้าหาญชาญชัย และแผนการของท่าน ที่สูงส่งราวกับเทพีเอเธน่า !”
ลอร่าโค้งให้อย่างอ่อนน้อม
“เจ้าสู้กันได้ดี แล้วใครเป็นผู้จับเป็นผู้บัญชาการของข้าศึกได้ล่ะ?”
“นายสิบ จิเซลล่า ของหน่วยข้าพเจ้าเองครับ (Sergeant Gisella)”
คนแคระผู้หนึ่งเดินออกมาข้างหน้า
เขามีท่าทางที่มั่นใจในตนเอง แต่ก็รู้จักสำรวมระวังเมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้บัญการสูงสุด
หรือบางทีเขาอาจถูกหัวหน้าหน่วยรอบๆแอบขู่ก็ได้
“นายสิบจิเซลล่า !”
“ครับ ท่านครับ!”
“เจ้าได้แสดงความองอาจในฐานะนักรบแห่งเฮลเวติก้า คืนนี้
การสู้รบในคืนนี้ ย่อมตั้งชื่อตามแม่น้ำสายที่ไหลผ่านดินแดนนี้
ดังนั้นแล้วที่นี่คือ สมรภูมิทิชินัส(Battle of Ticinus) และเจ้า นายสิบจิเซลล่า เป็นฮีโร่แห่งสมรภูมิแห่งนี้ ! นามของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ !”
คนแคระผู้นั้นรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมา อย่างไม่อาจปิดบัง
“ข้าขอมอบรางวัลเล็กน้อยให้แก่เจ้าเป็นเงิน 5,000 ไลบร้า ”
“ปะ-เป็นเกียรติอย่างสูง!”
นายสิบคนนั้นตั้งใจที่ตอบรับแบบแข็งขันที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่เขาทำได้แค่แค่นน้ำเสียงออกมา เพราะเขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอย่างไร เสียงลมหายใจหอบดังขึ้นรอบๆ
5,000 โกลด์ !
มันเป็นเงินจำนวนปรกติที่ทหารรับจ้างจะได้รับหากอยู่ในสนามรบติดต่อกันเกือบสิบปี
แต่อย่างไรก็ดี ครึ่งหนึ่งของเงินก้อนนั้นก็จะต้องไปใช้จ่ายกับค่าอาหารและหนึ่งในสี่ไปกับการดูแลรักษาอุปกรณ์
ดังนั้นทหารรับจ้างจึงต้องใช้ชีวิตอย่างจำกัดจำเขี่ย ไปเกือบสามสิบปีกว่าจะหาเงินได้ถึง 5,000 โกลด์
แล้วทหารรับจ้างที่ไหนจะไปใช้เงินประหยัดแบบนั้นเล่า ในเมื่อเขาสามารถสิ้นลมหายใจได้ทุกขณะ ?
จึงเป็นเรื่องปรกติที่พวกเขามักจะสาดเงินไปกับเบียร์คุณภาพกลางๆ และโสเภณีหน้าตาพอดูได้
เงิน 5,000 โกลด์เป็นปริมาณเงินที่พวกนั้นแทบไม่เคยจับมาก่อน
ทั้งนายสิบคนนั้นรวมถึงหัวหน้าหน่วยทั้งหลาย ต่างพูดไม่ออกเมื่อเห็นรางวัลก้อนใหญ่ที่ท่านดยุคมอบให้อย่างบ้าบอ
“ส่วนเจ้าก็เป็นหัวหน้าหน่วยของนายสิบ จิเซลล่าด้วยใช่ไหม ?”
“ชะ-ใช่ขอรับ ท่านครับ ข้าไปพร้อมกับท่านหัวหน้าพาลมิน ”
หัวหน้าหน่วยที่เป็นคนแคระเหมือนกันพูดตะกุกตะกักขณะตอบ
เขาคือ คนที่แนะนำตัวนายสิบก่อนหน้านั้นเอง
“เข้าใจแล้ว ข้าขอมอบ 5,000 โกลด์ให้กับหัวหน้าพาลม่าด้วยเช่นกัน ”
“…….”
หัวหน้าพาลม่าถึงกับสะอึก
ลอร่าไม่สนใจความเงียบงันอันเกิดจากการตกตะลึงของเหล่าหัวหน้าหน่วยทั้งหลาย เธอพูดเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยินกันถ้วนทั่ว
“จงฟังข้าให้ดี !
หัวหน้าพาลมินเองสามารถแย่งผลงานลูกน้องมาเป็นของตัวเองได้ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้นย
หัวหน้าพาลมิได้แสดงให้พวกเราเห็นแล้วว่า อะไรคือเกียรติศักดิ์ศรีที่นักรบพึงมี รวมถึงคุณธรรมของหัวหน้าผู้มีฐานะสูงกว่า
ชายคนนี้เป็นชายที่ยอดเยี่ยมมาก !”
ลอร่าแตะบ่าของหัวหน้าพาลมินที่ตอนนี้แข็งทื่อเป็นรูปปั้นไปแล้ว
“โลกใบนี้จะประณามเจ้าว่าเป็นพวกสัมภเวสีหิวเงิน
พวกนั้นจะเรียกเจ้าว่า เป็นวิญญาณต่ำช้า เป็นฆาตกรที่ฆ่าผู้อื่นเพื่อหวังเงินตรา …….”
“…….”
“ซึ่งอันที่จริง พวกเราก็ฆ่าคนกันจริงๆนั่นแหละ พวกเราทำด้วยความตั้งใจของตนเอง แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็มีศักดิ์ศรีของพวกเรา
พวกเราจักไม่ขโมยผลงานของลูกน้อง
พวกเราจะไม่ขายมิตรค้าสหาย
พวกเราจะไม่หนียามที่ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้
…….นี่คือ ความภาคภูมิใจของพวกเรา
นี่คือ สาเหตุที่พวกเจ้าเป็นชาวเฮลเวติก้า !”
เหล่าทหารทั้งหลายต่างชูมือขึ้นและตะโกนโห่ร้อง
เฮลเวติก้าน่ะเป็นประเทศที่ก่อตั้งขึ้นด้วยซับสปีชี่ย์ทั้งหลายที่ไม่ใช่มนุษย์
ดังนั้นจึงมักโดนดูถูกเหยียดหยามจากประเทศชาติอื่น
พวกเขาอาจมีชีวิตอยู่ด้วยการยังชีพเป็นทหารรับจาก แต่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยหลงลืมจากผู้อื่นในวันวานได้อย่างไร ?
ลอร่าจุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วทุบทำลายเรื่องนั้นจะแตกเป็นผง
“ด้วยเหตุนี้เอง ชัยชนะในค่ำคืนนี้ข้าใช่ของฉันไม่ !
ไม่ใช่ของจักรวรรดิด้วยเช่นกัน !
มันเป็นชัยชนะของพวกเจ้า ชัยชนะของชาวเฮลเวติก้า !
ในคืนนี้ องค์เทพีได้อวยพรพวกเรา
พระองค์สาบานว่า จะทำให้ทั่วทั้งทวีปจดจำชาวเฮลเวติก้า !
ใครก็ตามบนทวีปต้องหวาดกลัวนามของ เฮลเวติก้าไปตลอดชั่วกาลนาน !”
เสียงเชียร์ดังกระหึ่มลั่นทั่วผืนฟ้า
“ความรุ่งโรจน์มีแด่ท่านดยุค !”, “เฮลเวติก้าจงยิ่งใหญ่ !”, เหล่าทหารโห่ร้องกันไม่จบไม่สิ้น
แต่อย่างไรก็ดี ผมกลับปลื้มปริ่มด้วยเหตุผลอื่น
มันหมดจดยิ่งนัก
เธอนั้นช่างเปี่ยมด้วยความสามารถในการจี้ใจดำของชาวเฮลเวติก้าที่ตกเป็นเหยื่อมาตลอด รวมถึง กระตุ้นความภาคภูมิใจในอาชีพตนของทหารรับจ้าง
พอถึงจุดหนึ่ง ลอร่าก็พูดคำว่า “พวกเรา” ออกมาได้โดยรวมตัวเองให้อยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างด้วย
จิตใจของมวลชนนั้นประกอบด้วยจิตใจของผู้ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำ,ความภาคภูมิใจส่วนตัว รวมถึง ความเป็นชุมชนเดียวกัน
สิ่งนี้ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ประกอบเข้ากันขึ้นมาเป็นตัวตนบุคคลหนึ่งๆ
และลอร่าก็กระตุ้นแก่นตรงนั้น
การพูดประชุมชนเองก็เป็นเทคนิคหนึ่งในการบงการ และกระตุ้นความคิดทัศนคติของผู้อื่น
เมื่อเป็นอย่างนี้ถือว่า ลอร่าสอบผ่าน
ผมเองก็ไม่รู้เลยแฮะว่า ใครเป็นคนดูแลเธอเรื่องนี้ แต่เรื่องทักษะความสามารถนี่ช่างหมดจดเสียจริงๆ
ผมแน่ใจเลยล่ะ ว่า เธอต้องมีอาจารย์ที่ฉลาดที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแน่ๆ …….
(TTL : ไม่ค่อยอวยตัวเองเลยนะะะะะะะ พรี่ดัน)
ลอร่าเดิมไปท่ามกลางทหารที่ส่งเสียงเชียร์
เอิร์ลพาเวียโดนมัดแน่นอยู่ตรงหน้าเธอ
มีธนูปักอยู่ทั้งที่แขนและน่อง
เห็นได้ชัดว่าเขานั้นขัดขืนสุดกำลัง
“แกกล้าดียังไง
เป็นแค่อีตัวชั้นต่ำยังจะมาใช้อุบายต่ำทรามแบบนี้ ……!”
สีหน้าของเอิร์ลพาเวียนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ
เขาเป็นชายวัยกลางคน ตามมารยาทพื้นฐานสุภาพบุรุษที่เข้มงวดหนวดของเขาย่อมต้องเล็มเป็นอย่างดี
การแสดงออกของเขาแน่ชัดแล้วว่า แม้จะถูกมัดไว้แต่จิตวิญญาณนักสู้ยังคงอยู่
เขาตะโกนด่าออกมาอย่างหาญกล้า
“มันก็สมแล้วกับนังกะหรี่ที่ล่อลวงจักรพรรดิด้วยลีลาบนเตียง !
ใช่แล้ว นังคนขายตัวอย่างแกจะทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากแหกขาให้ปีศาจกัน?
นังคนทรยศโสโครก ขอให้แกโดนคำตัดสินพิพากษาข้อหาเอามือคู่นั้นไปฆ่าฟันมนุษย์ !
แม้แต่หลุมศพพ่อของแก —”
ต่อจากนั้นเอิร์ลพาเวียก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป
ลอร่าชักดาบออกมาแทงเข้าไปที่ลำคอของเอิร์ลในครั้งเดียว
ปลายดาบเสือกเข้าไปอย่างแม่นยำตรงพื้นที่ใต้คาง
เอิร์ลจับคอตัวเองก่อนจะล้มลงไป
เขาไอสำลักเลือก พ่นเลือดออกมาจนฟังดูคล้ายเสียงสัตว์
ริมฝีปากลอร่ายกขึ้นขณะที่มองต่ำไปยังที่เอิร์ล
“เพราะเป็นมนุษย์ไง ถึงได้เกลียดมนุษย์ ”
หัวหน้าทหารที่ยืนข้างๆก็ยกขวานขึ้นแล้วฟาดลงไปที่คอของเอิร์ล
เพียงสองถึงสามฉับ คอของเอิร์ลก็หลุดออกจากร่าง
ลอร่าคว้าหัวเอิร์ลขึ้นมาแล้วชูขึ้นสูง
“พวกเราเปลี่ยนซาร์ดิเนียให้เป็นทะเลเพลิงกันเถอะ !”
เหล่าทหารทั้งหลายต่างตอบรับด้วยเสียงอันดังลั่นในค่ำคืนนั้น
ปฏิทินผืนทวีป : วันที่ 5 เดือน 6 ปี 1512
นั่นเป็นการสู้รบครั้งแรกของสงครามเบญจมาศครั้งที่ 2
การสู้รบที่ทิชินัส ลอร่าเดอ ฟาร์นาเซ่ ฆ่าทหารม้าจากซาร์ดิเนียไป 5,000 นาย ด้วยกองทหารม้า 6,000 นายของเธอเอง
และเธอยังได้หัวของผู้บัญชาการฝ่ายศัตรูอย่างเอิร์ลพาเวียมาด้วย
การสู้รบครั้งนั้นจบลงที่ชัยชนะของฝ่ายกองทัพจักรวรรดิ