ตอนที่ 3 1.1
..
.
หลังจากที่แยกจากคุโจ ผมตัดสินใจที่จะนั่งรถไฟ มาหนึ่งสถานนี้ เพื่อกลับมายังอพาร์ทเม้นท์ของตัวเอง
ตอนนี้เองมันก็เป็นเวลาที่ท้องฟ้าได้กลายเป็นสีส้มอมแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมเลยตัดสินใจที่จะกลับมายังอพาร์ทเม้นท์ ขณะที่เดินกลับ ตรงอพาร์ทเม้นท์มีรถ ส่งของ กับพนักงานที่กำลังยกของเข้าไปยังอพาร์ทเม้นท์
เหมือนว่าจะมีคนย้ายเข้ามาใหม่สินะ
ผมคิดเช่นนั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปยังประตูพร้อมกับเดินไปตรงลิฟต์และกดขึ้นไปชั้นที่ 4
.
.
.
ติ้งต๊อก!
เสียงลิฟท์ที่เป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นบ่งบอกว่าลิฟท์กำลังเปิด ผมได้ก้าวเท้าออกจากลิฟท์แล้วตรงไปยังห้อง 401 ที่เป็นห้องของผม
ขณะที่ผมกำลังเดินไปห้องของตัวเองคุณพนักงานก็ได้ออกมาจากห้องข้างๆพร้อมกับเดินผ่านผมไป…
“ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนบ้านใหม่ฮะ”
หลังจากที่เห็นอย่างนั้นผมได้ละสายตาหันกับไปมองประตูห้องของตัวเองและหยิบกุญแจขึ้นมาเปิด
หลังจากที่เก็บกุญแจเสร็จ ผมจับลูกบิดพร้อมกับเปิดประตูแต่ทว่า..
ในห้องที่ควรจะมืด กลับมีแสงสว่างออกมาจากหลอดไฟ..
“ไม่ใช่ว่าปิดไฟก่อนจะออกมาแล้ว ไม่ใช่หรอ?”
สายตาของผมเหลือบไปมองเห็นรองเท้าคู่หนึ่ง จัดเรียงไว้เป็นระเบียบตรงทางเข้า
ผมรู้ได้ทันทีเลยว่ามีคนอยู่ในห้อง แล้วก็เป็นคนที่ผมเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว
กลิ่นหอมของเครื่องเทศได้ลอยออกมาจากห้องครัวบ่งบอกว่ากำลังมีคนทำอาหารอยู่ในห้องครัวอยู่
ผมได้เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดประตูลงจากนั้น “กลับมาแล้วครับ” ผมพูดคำพูดที่ตัวเองไม่ค่อยได้พูด เพื่อบ่งบอกให้คนที่อยู่ข้างในรู้ว่าผมกลับมาแล้ว
หลังจากที่เดินเข้าไปและย่อตัวถอดรองเท้าออก จากนั้น คนที่อยู่ข้างในห้องก็ได้เดินออกมารับผม
“กลับมาแล้วหรอครับนายน้อย”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากข้างหลังของผม ผมถอดรองเท้าเสร็จก็ได้ลุกขึ้นยืนหันไปมอง
“กลับมาแล้ว มัตสึโอะ”
มัตสึโอะ หรือ [มัตสึโอะ นาฮิโตะ] เขาเป็นชายวัยชราที่มีรอยยิ้มอ่อนโยน บนใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ สื่อถึงการผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน
เขามักจะสวมเครื่องแบบพ่อบ้านอยู่เสมอ ก็นอกเหนือจากว่า เขาก็เป็นพ่อบ้านจริงๆ…เมื่อปีที่แล้วเขาเป็นพ่อบ้านประจำตัวของผม…ที่พ่อของผมจ้างมา ให้ดูแลผมโดยเฉพาะ
แต่ด้วยเหตุผลบาง มัตสึโอะ ช่วยผมหลบหนีออกจากคฤหาสน์และแนะนำโรงเรียนโคโดอิคุเซ ให้ผมรู้จัก และยังช่วยทำให้ผมได้เข้าโรงเรียนด้วย
แต่ด้วยการขัดคำสั่งนั่นเอง ก็ทำให้เขา…ต้องจบชีวิตลงโดยการฆ่าตัวตาย…เพราะแรงกดดันของพ่อของผม…นั้นคือสิ่งที่ผมรู้จากพ่อของผม
แต่ว่า หลังจากที่ผมได้ออกจากโรงเรียน คนที่มารับผมก็คือ มัตสึโอะ
ถึงแม้ว่าแรกๆที่ผมเจอหน้า จะค่อนข้างตกใจอยู่บ้าง และเคยถามเขาไปว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ช่วยผมให้มาอยู่โรงเรียนโคโดอิคุเซ
มัตสึโอะไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยนตามปกติ “นายน้อยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้นหรอกครับ” มัตสึโอะพูดแค่นั้น
ถึงจะมีคำถามขึ้นมาในหัวมากมายแต่ผมเองก็ตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้น—
“..แต่ว่านะ ไงนายมาถึงอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ฉันได้ล่ะ?”
“อ๋อ ก็เพราะว่าผม มาเช็คการเป็นอยู่ของคุณยังไงล่ะครับ …ผมเองก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรอครับว่าจะมาเช็คเดือนละครั้ง”
“นั่นมัน….ก็จริงนะ”
มัตสึโอะพูดแบบนั้นจริงๆ หลังจากที่ผมได้มาอยู่ในพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ซึ่งเอาจริงๆผมคิดว่าไม่จำเป็นด้วยซ้ำ
ผมเองก็ทำความสะอาดห้องของตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา ก็ผมเป็นคนรักความสะอาดนี่นา
จะมีช่วงที่ขี้เกียจอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ยากอะไร
ส่วนเรื่องอาหาร..ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรกินเองหรอกส่วนใหญ่ผม…ไม่อาหารสำเร็จรูปก็อาหารจากร้านอาหารครอบครัวใกล้ๆนี้
ถึงมันจะไม่ดีต่อสุขภาพก็เถอะนะ แต่เอาเหอะอร่อยก็พอแล้ว
“ผมกำลังทำแกงกะหรี่อยู่เลยครับ อีกประมาณ 30 นาทีน่าจะเสร็จ เพราะงั้นก็ไปอาบน้ำก่อนได้เลยครับ ผมเตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้แล้ว”
“อื้อ” ผมพยักหน้าพร้อมกับเดินเข้าไปข้างใน
มัตสึโอะที่ได้เห็นอย่างนั้นก็ได้เดินตามผมมาแล้วแยกกับผมตรงห้องครัว
.
.
.
หลังจากที่ผมอยู่ในห้องน้ำ แล้วยื่นมือไปจุ่มน้ำ “กำลังดีเลยฮะ” หลังจากที่รู้อุณหภูมิ ผมได้หย่อนตัวเองลงไปในอ่าง
“ ฟู้~~” เสียงลมหายใจที่ดังออกมาโดยอัตโนมัติ จากความสบายที่ได้แช่น้ำ…เออ ต้องบอกว่าสมกลับเป็นมัตสึโอะละนะ
ที่สามารถเตรียมน้ำร้อน ที่กำลังร้อนพอดีได้ถึงขนาดนี้
ผมค่อยๆหลับตาลงพรางขอบคุณมัทสึโอะในใจ
“โยคุง…งั้นหรอ?”
ผมพึมพำคำพูดของเด็กสาวที่ขึ้นมาในหัว ตอนที่กำลังช่วยคุโจ
เป็นชื่อเล่นของผม ที่ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่ผม มีอาการแบบนี้
…ถ้าจำไม่ผิด ตอนที่บอกลาซาคายานางิ ก็มีเหมือนกัน ตอนนั้น..
.
.
.
“เธอเห็นฉันใช่ไหมล่ะ ในสถานที่แห่งนั้น”
หลังจากที่ออกจากห้องผู้อำนวยการผมและซาคายานางิ ได้ตัดสินใจเล่นหมากรุกกัน ในห้องสมุด ตามความปรารถนาของเธอ
ที่ว่าหลังจากนี้จะไม่ได้เล่นกับผมอีก
ซึ่งคนที่ชวนคือผมเอง ผมเป็นคนชวนเธอมาเล่นหมากรุกด้วย
เพราะว่าหลังจากที่เราออกจากห้องผู้อำนวยการ เธอเองก็มีอาการที่ แปลกไปอยากเห็นได้ชัด
และหลังจากที่เล่นหมากรุกด้วยกันในห้องสมุด จนห้องสมุดของโรงเรียนก็ปิดลงพวกเราก็ได้ เดินกลับหอพักด้วยกัน
ผมเองที่ยังมีคำถามอยู่ในหัวว่าเธอรู้จักผมตั้งแต่ผมอยู่ในสถานที่แห่งนั้นหรือเปล่าก็เลยถามออกไป
ซาคายานาจิเหลือบมองมาทางผมแวบเดียว จากนั้นก็มองข้างหน้าต่อ
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่นั้นมา..ฉันก็สนใจที่จะเล่นหมากรุกมาโดยตลอดเลยค่ะ” เธอได้เผยรอยยิ้มออกมาโดยที่ตัวเองคงจะไม่รู้ตัว พรางหันมามองผม
“โดยที่เชื่อว่า เพื่อที่สักวันจะได้แข่งขันกับคุณ ก็เพราะว่าที่จริงแล้วอยากรู้เรื่องของคุณเอามากๆยังไงล่ะคะ”
หลังจากที่เธอพูดเสร็จเธอได้ละสายตาจากผม แล้วมองไปข้างหน้า..ไม่สิ เธอกำลังมองไปยังที่ใกล้แสนไกล
หลังจากเงียบอยู่นานซาคายานางิ ก็ได้กล่าวต่อ “ก็เพราะว่าคุณเป็นตัวตนที่ฉัน ไล่ตามมาโดยตลอด ก็คงรู้สึกเหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันเลยนะคะ” หลังจากที่พูดเสร็จซาคายานางิ ได้มองมาที่ผม
“..ให้ฉันได้ขอโทษเรื่องหนึ่งนะคะ”
“ขอโทษงั้นหรอ?” ผมตอบกลับไปอย่างสับสนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆเธอถึงขอโทษกันแน่
“ถึงเมื่อกี้ที่ฉันได้บอกเหตุผลที่ไม่ได้เลือกสู้ตัวต่อตัวกับคุณจริงๆ แล้วฉันโกหกนะคะ”
ผมตัดสินใจเงียบและไม่พูดอะไรและรอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อจากนี้อย่างเงียบๆ
แต่ก่อนที่จะได้ฟังอะไรไปมากกว่านั้น ซาคายานางิ ก็ได้หายไปในสายตาของผม
ผมหยุดเดินและหันไปมองเธอที่หยุดอย่างกะทันหัน
เธอเพียงแค่จ้องมองมาที่ดวงตาของผมยังไม่ละสายตา ทั้งรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า คิ้วที่ตกลงนัยน์ตาที่มีความสั่นไหว
“เพราะว่าฉันก็แค่อยากอยู่ใน สถานที่เดียวกันกับอายาโนะโคจิคุง ให้นานที่สุดน่ะ” หลังจากที่พูดเสร็จซาคายานางิ ได้ค่อยๆเดินมาหาผมอย่างเชื่องช้า
พรางยื่นมือขวามาข้างหน้า ผมได้ยื่นมือขวาไปให้กับเธอ พอผมจับมือเธอ เพราะคิดว่าเป็นความต้องการของเจ้าตัวซาคายานางิเอามือซ้ายมาโอบมือผมเอาไว้
“คนเราสามารถรู้จักความอบอุ่นได้จากการสัมผัส เรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ไออุ่นของผิวกายมนุษย์ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ขอให้จำเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ” เธอบีบมือที่จับไว้แน่นมากขึ้น
“คุณน่ะ จะได้เจอกับผู้คนมากมายที่คุณไม่รู้จัก คุณจะได้เจอเพื่อนที่ไม่มีเจตนาร้าย และคุณจะได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของมนุษย์ที่คุณ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เพราะงั้นฉันขอให้คุณโชคดีกับการใช้ชีวิต ต่อจากนี้นะคะ อายาโนะโคจิคุง”
ซาคายานางิพูดพรางเผยรอยยิ้มที่เศร้าหมองออกมา แต่ถึงอย่างนั้น นัยน์ตาที่จ้องมองอย่างไม่ละสายตานั้นได้มีความยินดีให้กับผม
แต่ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมันหมายความว่าไงกัน สัมผัสไออุ่นงั้นหรอ..
“หมายความว่ายังไ-” ก่อนที่ผมจะได้พูดจบประโยค ซาคายานางิได้ขัดจังหวะโดยการที่เธอได้ดึงมือข้างขวาของผมเข้ามาใกล้ตัว
ผมที่ถูกแรงดึงนั้นก็เอนไปตามจังหวะการดึง และจากนั้นเอง ผมก็ถูกสวมกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ซาคายานางิ ที่เอาหน้าซุกอกของผมเธอก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นพรางช้อนตามองมา มาที่หน้าของผม
“ถึงจะสายไปหน่อยก็ตาม แต่ว่า…ฉันขอบคุณที่ได้เจอกับคุณในวันนั้นนะคะ มันทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปอย่างมาก ฉันได้เจอเป้าหมายของตัวเองแต่ว่า ตอนนี้เองเป้าหมายของฉันก็ได้บรรลุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว….เพราะงั้นอายาโนะโคจิคุง ฉันขอกอดคุณเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกันนะคะ”
หลังจากที่พูดเสร็จซาคายานางิได้เพิ่มแรงกอดมากขึ้น
ผมไม่ได้ผลักออกไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากปล่อยให้เธอทำตามใจชอบอย่างที่ต้องการ
ถึงอย่างนั้นก็ตามสัมผัสไออุ่นของมนุษย์งั้นหรอ
ความรู้สึกของผมในตอนนี้มีเพียงแค่ความอบอุ่นที่ได้รับการกอดจากเธอ
มันจะใช่สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อให้กับผมรึเปล่านะ
แต่ว่าในจังหวะนั้นเองผมกลับหยุดชะงัก
ภาพของเด็กสาวผมทองคนหนึ่งนี่ไหลเข้ามาในหัวของผมเธอน่าจะมีอายุราวๆ 7-8 ขวบ
เอะ!? นี้เธอเป็นใครกันนะ?
เป็นครั้งแรกที่ผม เห็นภาพนี้ในหัวมันเป็นสิ่งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ผมสนใจในตอนนี้คือการได้กอดเด็กคนนี้ เด็กที่กำลังสวมกอดผม
หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่นานมากนักซาคายานางิ ได้หยุดกอดผมพร้อมกับถอยหลังออกมา
“เอาล่ะกลับกันเถอะค่ะ”
เธอพูดพร้อมรอยยิ้มจากใจจริงรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่มองมาทางผม พลางชวนกลับหอพักด้วยกัน
.
.
.
ผมที่แช่น้ำอยู่นานพรางคิดถึงเรื่องในตอนนั้น ก็ได้ลืมตาขึ้น
สรุปแล้วเธอเป็นใครกันแน่นะ ผมไม่เคยเจอกับเด็กคนนั้น มาก่อน แต่ว่าทำไมถึงมีความทรงจำพวกนี้อยู่กันได้
ถ้าจำไม่ผิด ผมอยู่แต่ในสถานที่แห่งนั้นมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้
แล้วทำไม..ทำไมถึงมีภาพของเด็กคนนั้นขึ้นมาได้ล่ะ?
ผมมีเพียงแค่ความคิดที่สับสนไปมากับความทรงจำของตัวเอง
…คิดไปก็เท่านั้นละมั้ง
หลังจากที่คิดได้แบบนั้นผมได้ค่อยๆลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ
พร้อมกับออกจากห้องน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากนั้นก็ได้เดินไปยังห้องนั่งเล่น และเดินไปตรงโต๊ะอาหาร ที่มีแกงกะหรี่จานหนึ่งตั้งอยู่ตรงโต๊ะ
ผมได้เหลือบไปมองดูมัตสึโอะที่กำลัง เก็บข้าวของอยู่ในครัว โดยไม่ได้สนใจผม
หลังจากที่เห็นอย่างนั้น ผมได้หันกลับไปมองแกงกะหรี่ที่อยู่ตรงหน้า ค่อยๆเดินไปนั่งตรงเก้าอี้
กลิ่นหอมของแกงกะหรี่ค่อยๆลอยออกมาจากจานเมื่อแตะจมูกของผม กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ชวนให้หน้าลิ้มลอง
“จะกินแล้วนะครับ”
ผมพูดพร้อมกับพนมมือหลังจากนั้นก็ได้ยื่นมือไปหยิบช้อนแล้วค่อยๆตักแกงกะหรี่กับข้าวเข้าปาก
รสชาติที่พุ่งเข้ามาของ เครื่องเทศที่ผสมกับได้อย่างลงตัวกระจายไปทั่วปากทั้งความหวานและความเค็ม ความเผ็ดที่มาที่หลังมันเข้ากันได้อย่างลงตัว ….ไม่ได้ด้อยไปกว่าของที่อยู่ในร้านอาหารเลย
แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับผมที่ชอบรสชาติกลางๆไม่ได้มากเกินไปและไม่ได้น้อยเกินไป.. แกงกะหรี่ที่มัตสึโอะทำมันฉูดฉาดไปสำหรับผม
แต่ว่าก็อร่อยละนะ
ผมค่อยๆกินแกงกะหรี่อย่างเงียบๆ มัตสึโอะที่ได้เดินออกมาจากห้องครัวในมือของเขาถือถาดถ้วยชา
พร้อมกับยกถ้วยชามาให้ “คำเชิญครับ นายน้อย” และวางไว้ตรงหน้าอย่างเบามือ
“ขอบคุณมาก” ผมได้ยื่นมือไปหยิบถ้วยชา พร้อมยกขึ้นมาจิบเล็กน้อย
มัตสึโอะที่เห็นแบบนั้นก็ได้หันมามองผมพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นธรรมชาติ
“อ๋อ!จะว่าไป ผมได้เอาหนังสือมังงะใส่ไว้ในตู้เรียบร้อยแล้วนะครับ …ผมเอามาเพิ่มให้น่ะ”
“งั้นหรอ”
ใช่แล้วช่วงนี้ผมได้สัมผัสสิ่งบันเทิงที่เรียกว่า มังงะ อนิเมะ หรือเกม …คนที่แนะนำก็มัตสึโอะนี่แหละ ถึงช่วงแรกๆผมจะไม่ค่อยสนใจก็เถอะนะ
แต่เขาแค่บอกว่า “ลองๆอ่านดูก่อนก็ดีนิครับ”
ผมเลยลองเปิดใจและเริ่มลองดูตามที่พูด สุดท้ายก็ติดในระดับหนึ่ง
ก็ต้องขอขอบคุณมัตสึโอะละนะที่แนะนำสิ่งพวกนี้มาให้กับผม ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นของลูกชายของเขาเองก็ตาม
“มัตสึโอะ นายให้ฉันมาแบบนี้จะดีแน่หรอ? ไม่ใช่ว่าเป็นของ เออิจิโร่ ไม่ใช่รึยังไง?”
[มัตสึโอะ เออิจิโร่] ลูกชายแท้ๆของมัตสึโอะ ตามคำพูดของเขาเจ้าตัวบอกว่า เออิจิโร่ เหมือนกับผม ก็เลยทำให้เขาดูจะเอ็นดูผมเป็นพิเศษ น่าจะเพราะเหตุผลนั้นละมั้ง
“ไม่ต้องห่วงครับ เพราะว่าหลังจากนี้เองเขาก็คงไม่ได้ใช้แล้ว เพราะว่าสอบเข้าโรงเรียนโคโดอีคุเซ ได้นะครับ ก็เลยจำเป็นต้องอยู่หอ เพราะงั้นขอที่อยู่ในห้องเลยไม่ได้ใช้ เจ้าตัวก็เป็นคนบอกเองด้วยว่า ให้ผมเอามาให้คุณ ได้ตามใจชอบเลยนะครับ”
“อย่างนั้นหรอ ….แต่ว่าดีใจด้วยนะที่ เออิจิโร่ เข้าโรงเรียนโคโดอีคุเซ ได้ตามที่เจ้าตัวต้องการ”
“ครับ–ผมก็ดีใจที่เขาทำได้นะ”
ถึงแม้ว่าการเข้าโรงเรียนโคโดอิคุเซ มันจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสอบเข้าหรือสัมภาษณ์ แต่เป็นการถูกเลือกโดย ภาพรวมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เออิจิโร่ ที่สามารถสอบเข้าได้ก็คงต้องบอกได้ว่าดีใจกับเขาด้วยนั่นแหละ
ผมหันไปมองมัตสึโอะที่ยิ้มอย่างดีใจออกหน้าสุดๆ ขณะที่ได้เดินมาเก็บจานที่ว่างเปล่าที่ผมเพิ่งกินเสร็จ
ขณะที่เขากำลังจะกลับไปยังครัว ผมตัดสินใจที่จะถาม เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ผมเอะใจ มาตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้แล้ว..
“มัตสึโอะ ไอ้นั่น มันคืออะไร?” ผมได้ชี้นิ้วไปยังโซฟา ในห้องรับแขก
“ก็ตุ๊กตาไงครับ?”
“เออ แค่เห็นก็รู้อยู่แล้ว แต่ว่าทำไมต้องเป็นตุ๊กตาด้วยล่ะ”
มัตสึโอะเอียงหัวอย่างไม่เข้าใจ “ก็เป็นตุ๊กตาที่ผมตั้งใจทำมาเป็นพิเศษเลยนะครับ…ช่วงนี้ผมฝึกทำตุ๊กตายัดนุ่นอยู่ กะว่าจะฉลองเรื่องที่นายน้อยจะได้ไปโรงเรียนเซเร ไงครับ”
“อ๋อ..เออ—งั้นหรอ”
อ๋อ ใช่ โรงเรียนที่ประธานซาคายานางิ คนแนะนำให้กับผมมาก็คือ
โรงเรียนเอกชนเซเรวิทยาลัย
คือสถานศึกษาครบวงจร ตั้งแต่ม. ต้นจนถึงมหาวิทยาลัย ที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น ผลิตบัณฑิตที่มีบทบาทในแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครั้งอดีต และยังเป็นสถาบันชื่อดังและทรงเกียรติประวัติอันยาวนาน เมื่อก่อนเคยมีลูกหลานของเหล่าตระกูลชื่อดังมาเข้าเรียนเป็นจำนวนมาก..…
เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ!! ที่สำคัญกว่านั้นน่ะคือ.. ผมได้หันไปมองมัตสึโอะ ที่ยิ้มอย่างนั้นภูมิใจ
…เออ….เล่นซะบ่นอะไรไม่ออกเลย..
“….เออ— ที่อุตส่าห์ตั้งใจทำให้กับฉันก็ขอบคุณละนะ… แต่ว่าทำไมมันต้องเป็น…ตุ๊กตาแบบนี้ด้วยล่ะ?”
“เอ่—ก็ผมตั้งใจทำให้กับนายน้อยโดยเฉพาะเลยนะครับ คิดว่าคงจะดีท่ามีตัวเดียวในโลก”
“….”
ผมได้แต่เงียบกับคำพูดของมัตสึโอะที่พูดออกมาอย่างร่าเริง…เออ..ก็คงเป็นตัวเดียวในโลกจริงๆนั่นแหละ
ก็เพราะว่าตุ๊กตาตัวนั้นมันก็คือผมไม่ใช่หรอ!!
มันคงไม่มีใครคิดที่จะทำตุ๊กตาที่ได้ต้นแบบมาจากผมอีกแล้วละ
ผมลุกจากเก้าอี้พร้อมกับไปยังโซฟา และค่อยๆยกมันขึ้นมาดูอย่างใกล้ๆ ตุ๊กตายัดนุ่นที่ได้ต้นแบบมาจากผมใส่ชุดของโรงเรียนเซเร
สัมผัสที่มือช่างนุ่มและเบาสบายสมกับเป็นตุ๊กตายัดนุ่นที่ทำกับมือ ทั้งตัวใหญ่ ดีสำหรับการกอดก็ว่าได้
“ผมน่ะตั้งใจทำให้ใส่ชุดของโรงเรียนเซเร นะครับ จริงๆก็ กะว่าจะทำอีกตัวที่ใส่ชุดของโรงเรียนโคโดอิคุเซ ด้วยนะครับ แต่ว่า พอดียังไม่ค่อยมีเวลาก็เลยทำมาได้แค่ตัวเดียวนะครับ..แหม~ เสียดายจังเลยนะ~~”
“…แหม…น่าเสียดายเนาะ..อืม…” รู้สึกเกรงใจสุดๆเลยล่ะ ถ้ามีอีกตัวนี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะ
ผมเพียงแค่จ้องมองหน้าของตุ๊กตาอยู่อย่างนั้น
คือมันรู้สึกแปลกๆนะ ที่ต้องมาจ้องตุ๊กตาที่ได้ต้นฉบับมาจากตัวเอง
…ถ้ามีคนเห็นเข้าจะรู้สึกยังไงเนี่ย!
“ผมตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะครับ ‘เจ้าคิโยจัง’น่ะ~”
“เจ้า..คิโย..จัง..งั้นหรอ..เดี๋ยวนะ!นั่นชื่อหรอ?”
“ก็ได้ต้นแบบมาจากคุณนิครับ เพราะงั้นชื่อนี้แหละเหมาะสมสุดแล้ว”
“งะ..งั้นหรอ”
ผมหันไปมองมัตสึโอะที่ เท้าเอวอย่างภูมิใจ กับสิ่งที่ตัวเองทำมา..มันจำเป็นต้องภูมิใจขนาดนั้นไหม
“เฮ้อ—” ผมได้ถอนหายใจออกมา หันไปมอง เจ้าคิโยจัง อีกครั้งหนึ่งและค่อยๆวางลงบนโซฟา
เอาเป็นว่าค่อยไว้ในห้องนอนของตัวเองก็แล้ว…สมมุติว่าถ้ามี เพื่อนที่มาเล่นที่บ้านมาเห็นเข้าละก็..
โดนล้อชัวร์ป้าบ ว่ามีตุ๊กตาที่ได้ต้นแบบมาจากตัวเองอยู่ในบ้านเนี่ย
คิดแล้วก็รู้สึกอายสุดๆเลย
“เป็นอะไรนั่นหรอครับ นายน้อย ดูเหนื่อยๆนะครับ”
แล้วมันเป็นเพราะใครที่ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยแบบนี้กันเล่า!
ผมได้แต่บ่นในใจอย่างนั้น ก่อนที่จะย่อตัวนั่งลงบนโซฟา
“เปล่าไม่มีอะไร”
และหันไปมองทีวีที่อยู่ข้างหน้า หยิบรีโมทที่อยู่ตรงโต๊ะ ขึ้นมาเปิด
“แกงกะหรี่ที่เหลือไว้กิน พรุ่งนี้ก็ได้นะครับ..ผมคิดว่าแกงกะหรี่ที่ค้างคืนน่าจะอร่อยกว-”
“นี่มัตสึโอะ ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
หลังจากที่ผมพูดแทรกแล้วถามคำถามออกไป มัตสึโอะได้มองมาทางผม แวบเดียวและหันไปมองหม้อแกงกะหรี่อีกครั้ง
“ผมคิดว่าก็กำลังไปได้สวยเลยนะครับ”
“งั้นหรอ …ฝากดูแลด้วยละ”
“ถึงนายน้อยไม่บอกผมก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้วครับ ….จะว่าไปเปิดเรียนวันที่ 1 เมษายนใช่ไหมครับ งั้นวันหยุดก็เหลือแค่วันเดียว มีที่ที่อยากไปหรือเปล่าครับ”
“ที่..ที่อยากไปงั้นหรอ…ฉันไม่มีแผนเรื่องนั้นด้วยสิ”
เอาจริงๆพรุ่งนี้ผมก็กะว่าจะอยู่แต่ในห้องโดยไม่ทำอะไรนั่นแหละ ก็กะว่าจะอ่าน มังงะที่มัตสึโอะเอามาให้ จนหมด
“อืม—งั้นผมมีที่แนะนำอยู่นะครับ”
“ที่แนะนำงั้นหรอ?”
..
.
(ยังไม่ได้แก้คำผิด)
Chapters
Comments
- ตอนที่ 6 2.1 1 วัน ago
- ตอนที่ 5 เด็กหนุ่มที่คิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว 1 วัน ago
- ตอนที่ 4 1.2 2 วัน ago
- ตอนที่ 3 1.1 2 วัน ago
- ตอนที่ 1 ฤดูใบไม้ผลิ แห่งการเปิดเรียน กรกฎาคม 1, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำจุดเริ่มต้น กรกฎาคม 1, 2025
MANGA DISCUSSION