ตอนที่ 17 4.4
พอกระโดดขึ้นมาบนรถเสร็จ เด็กสาวปิดประตูทันควันพร้อมกับบอกให้คนขับรถ ออกรถทันที
คนขับรถไม่รีรอได้ออกรถ เขาดริฟรถอีกครั้งแล้วพุ่งไปยังทางที่เพิ่งจะมาเมื่อกี้
กลุ่มคนที่เห็นรถพุ่งมาก็ได้กระโดดออกจากจุดนั้นเพื่อนหลบการพุ่งของรถที่กำลังจะมาถึงตัวเอง
พอขี่รถออกมาได้ระยะหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะหนีพ้นได้แล้วสินะ… ““เฮ้อ~~””
เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดังออกมาพร้อมกัน
“เหมือนว่าจะรอดแล้วสินะ..ค่อยยังชั่ว”
โนโนอะที่ดูจะโล่งใจ ก็ได้นั่งลงอย่างหมดแรง
“..นั่นสินะ” ผมเองที่เห็นอย่างนั้นก็ได้นั่งลงเหมือนกัน
ค่อยยังชั่วนะที่..ได้คนมาช่วยไว้พอดีไม่งั้นละก็…ทั้งผมและโนโนอะอาจจะต้องเจ็บตัวกันนิดหน่อย
ต้องบอกเลยว่ามาได้ทันเวลาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด..ไม่งั้นละก็ผมได้..ผมได้พุ่งเข้าใส่ คนพวกนั้น และต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน..
พอคิดได้แบบนั้นผมเลยได้หันไปมองเด็กสาวที่ช่วยเราเอาไว้
เธอเองก็อยู่ โรงเรียนเซเร ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นนักเรียนปี 1 เหมือนกัน เพราะว่าโบว์ที่ติดอยู่ตรงเสื้อเป็น ‘สีแดง’
โรงเรียนเซเร จะแยกนักเรียนปี 1 ปี 2 ปี 3 ได้ก็ต้องดูที่สีของโบว์ที่ติดอยู่หรือไม่ก็เนคไท
ถ้าเป็นปีหนึ่งอย่างพวกผม โบว์ของนักเรียนหญิงจะเป็นสีแดง ส่วนของผู้ชายเนคไทจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน
ถ้าเป็นนักเรียนปีสอง โบว์ของนักเรียนหญิงก็จะเป็นสีเขียว ส่วนนักเรียนชายเนคไทจะเป็นสีน้ำตาล
และปี สาม โบว์นักเรียนหญิงก็จะเป็นสีน้ำเงิน ส่วนของผู้ชายเนคไทจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม
…ถึงแม้ว่าจะมีคำถามมากมาย เช่น ทำไมโบว์ของผู้หญิงและเนคไทของผู้ชายถึงไม่ใช้สีเดียวกันไปเลยจะได้แยกง่ายกว่า
หรือไม่ก็ ทำไม สีของเนคไทผู้ชายถึงมีแค่สีเดียวแค่แยกเพียงแค่ อ่อนกับเข้มของสีเท่านั้นก็ไม่รู้
ตัดมาของผู้หญิงกับมีสีสันที่ฉูดฉาดมากกว่า
สมมุติถ้ามีเด็กนักเรียนที่ตาบอดสีน้ำตาลขึ้นมา จะแยกสีของเนคไทฝั่งผู้ชายออกไหมล่ะนั่น
เอ๊ะ! จะว่าไป ตาบอดสีนี้สามารถแยกสีอ่อนกับสีเข้มได้หรือเปล่านะ
เช่นสมมุติว่าเราตาบอดสีแดง จะสามารถเห็นสีแดงอ่อนหรือสีแดงเข้มได้หรือเปล่า? หรือไม่ก็สามารถเห็นสีชมพูหรือสีส้มได้ไหม?
พอจู่ๆก็คิดแบบนั้นขึ้นมา คำถามมากมายในหัวก็เข้ามาหาผมทันที
คนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องโรคตาบอดสีก็คิดว่าคนๆนั้นจะไม่สามารถมองเห็นสีได้ เห็นเป็นภาพขาวดำคล้ายๆกับมังงะ
แต่จริงๆตาบอดสีจะเห็นสีได้หลากหลายเช่นเดียวกับคนที่ไม่ใช่โรคตาบอดสี แค่เพียงบางสีเราจะไม่สามารถมองเห็นหรือแยกแยะออกได้ก็เท่านั้น
แน่นอนว่าคนที่มีโรคตาบอดสีแบบสมบูรณ์มันก็มีอยู่แต่ค่อนข้างที่จะน้อยมาก
ก็คงคล้ายคลึงกับการที่คนส่วนใหญ่คิดว่าคนตาบอดไม่สามารถมองเห็นได้
แต่จริงๆแล้วโรคตาบอดนะไม่ใช่ว่าจะมองไม่เห็นเสมอไป เพราะว่าโรคตาบอดมันมีหลากหลายชนิด
โดยสรุปแล้วตาบอดสี สามารถแยกแยะสีอ่อนกับเข้มได้หรือไม่..ผมเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยสิ..เอาเป็นว่าว่างๆค่อยไปหาข้อมูลทีหลังก็แล้วกัน
กลับมาเรื่องของสีโบว์กับสีเนคไทก่อนจะดีกว่า
ผมน่ะเข้าใจนะว่าการแยกสีเนคไทหรือโบว์ของแต่ละปีมันจะทำให้เข้าใจง่ายว่าคนนั้นเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องของเรากันแน่
ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ทำไมต้องแยกสีของเนคไทและโบว์ กันด้วยล่ะ ทำไมไม่ใช้สีเดียวกันไปเลยจะได้แยกง่ายกว่าไม่ใช่หรอ
เพราะว่าสีมันเข้ากับชุดของนักเรียนเซเรหรือเปล่าอันนี้ก็เป็นไปได้ เครื่องแบบของโรงเรียนเซเร ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงมายาวนานแล้ว
แม้กระทั่งชุดฤดูร้อนก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของโรงเรียน รึเปล่านะ
หรือไม่ก็อาจจะเป็นขนบธรรมเนียมที่มีมาอย่างยาวนาน ผู้บริหารจัดการโรงเรียนก็คงเคารพ ธรรมเนียมนั้นมาก็เลยไม่มีการเปลี่ยนแปลงมา อันนี้ก็เป็นไปได้
แต่โดยสรุปแล้วสำหรับผม ผมคิดว่า มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก ชุดของโรงเรียนมันก็เหมือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโรงเรียน นั้นๆ เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเราเรียนโรงเรียนนั้นจริงๆคนรอบข้างได้เห็น ก็รู้ว่าเราเรียนโรงเรียนไหนโดยแยกจากชุดนักเรียน
ถึงแม้ว่าในหัวจะมีความคิดว่า ทำไมถึงไม่มีชุดฤดูร้อนกันแน่…เสื้อนอกของโรงเรียนเซเรค่อนข้างที่จะหนาวมากๆ ถ้าใส่ในฤดูร้อนละก็คง…จะร้อนน่าดูเลย
พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกเลยนะว่าชุดนี้มันหนาและก็อบอ้าวจริงๆนั่นแหละ เพราะผมเองก็เคลื่อนไหวร่างกายมา ทั้งวิ่ง หรือก็ต้องต่อสู้กับกลุ่มนักเลงมา
..มันก็ค่อนข้างจะร้อนเหมือนกันแฮะ
“ซายัจจิ!!! ขอบคุณที่ช่วยเอาไว้นะ!!”
เสียงตะโกนขอบใจของโนโนอะดังขึ้นรบกวนความคิดของผม
พอหันไปมอง โนโนอะที่ดูจะหายเหนื่อยจากเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ได้หันไปหาเพื่อนและพุ่งเข้าไปกอดทันที
พร้อมกับเอาหน้าซบอกของเด็กสาวที่ชื่อว่า..ซายัจจิ..ดูไงๆก็ชื่อเล่นชัวร์ๆ
พอเอาหน้าซบอกก็ถูไถไปมา ซายัจจิเพื่อนสนิทของเธอที่เห็นอย่างนั้นก็ได้ยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วคะ”
“อืม~~”
ทั้งสองคนอยู่ในภวังค์หรือโลกส่วนตัวไปเสียแล้ว
ตอนนี้ดูเหมือนผมจะเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ ที่ไร้ตัวตนจนไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังนัวเนีย ผมที่เป็นสุภาพบุรุษก็ตัดสินใจที่จะไม่มองภาพนั้นน่าจะดีกว่า
และหันไปมองทางคนขับรถ เขาเองก็หันมามองผมผ่านกระจกมองหลัง จนพวกเราสบตากัน
เขาเพียงแค่ยิ้มให้กับผม พร้อมกับสื่อทางสายตาว่า ไม่ต้องคิดมาก นี้คือเรื่องปกตินะเพราะงั้นชีนเข้าละ~~
…ปกติสินะครับ
“นี่ ซายัจจิ รู้ได้ยังไงหรอว่าพวกฉันอยู่ตรงนั้นน่ะ”
“เรื่องนั้น…เห็นเธอยังมาไม่ถึงก็เลยโทรไปถามที่นี่ตระกูลมิยามาเอะ คุณป้าเขาบอกว่า ‘โนโนอะออกจากบ้านและเดินไปนานแล้ว’ ฉันที่เห็นว่ายังไม่มาก็เลยเป็นห่วง แล้วให้คุณโทมะ ช่วยขับรถไล่ตามทางที่เธอน่าจะมา จากนั้นก็เห็นกลุ่มคนเมื่อกี้กำลังวิ่งเข้าไปหา ฉันคิดว่าน่าจะเป็นตรงที่โนโนอะ อยู่ก็เลยให้คุณโทมะเข้าไปหาทันทีเลยนะ..ก็ประมาณนี้แหละ”
“เอ๋~งั้นหรอๆ”
พอคุณซายัจจิ..เรียกแบบนี้คงได้ใช่ไหมนะ อธิบายให้ฟังโนโนอะก็บางอ้อ และเข้าใจสถานการณ์ทันที
แต่ก็นะ จะบอกว่าเป็นคนที่ห่วงเพื่อนมากเกินไป คงได้ แต่ก็ต้องขอบคุณความเป็นห่วงนั่นแหละที่ทำให้พวกเรารอดมาได้
จะว่าไปลักษณะของพวกเธอเนี่ยมันตรงข้ามกันสุดๆไปเลยไม่ใช่หรอ
โนโนอะที่ลุกออกเป็นสาวเปรี้ยวแต่งตัวฉูดฉาด
แต่ว่า..คุณ..ซายัจจิ–เท่าไหร่จะแนะนำตัวสักทีเนี่ย ไม่อยากเรียกชื่อเล่นโว้ย!!
อะแฮ็มๆ…แต่คุณซายัจจิ กลับเป็นคนที่แต่งตัวเรียบร้อยต่างจากโนโนอะโดยสิ้นเชิง ทั้งผมสีดำเหยียดตรงเหนือบ่า สวมแว่นสีแดง ให้ความรู้สึกที่รอบรู้ ผู้ฉลาด แถมใบหน้าเองก็จัดรูปได้สวยงาม
ทั้งการแต่งกายที่เรียบร้อย แล้วบรรยากาศรอบตัวที่ดูจะเป็นสาวที่จริงจัง จนเข้าถึงได้ยาก
แต่โนโนอะ การแต่งกายที่ดูจาก ไม่สนใจกฎของโรงเรียน บรรยากาศที่ดูจะสบายๆเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
..ทั้งสองคนนี่ต่างกันสุดๆเลยฮะ
จะว่าไปที่มันก็เหมือนกับ…มังงะแนวหญิงรักหญิงเลยไม่ใช่หรอ?
ความแตกต่างที่ลงตัวอะไรแบบนี้ ผมเคยอ่านมังงะแนวนี้อยู่เหมือนกันพอได้มาจากมัตสึโอะที่เอามาให้…
จะว่าไป เออิจิโร่ เป็นพวกชอบหญิงรักหญิงงั้นหรอ
…คงไม่มั้ง
แต่ว่าภาพที่เห็นตรงหน้านี่มัน..ถ้าพวกที่มีรสนิยมหญิงรักหญิงมาเห็นเข้าคงจะร้องว่า ‘โอ้!!ขอบคุณพระเจ้าที่บัญชาของดีเลิศมาให้ครับผม!!’ ประมาณนี้ล่ะมั้ง
แต่โทษทีนะผมไม่มีรสนิยมแบบนั้นหรอกนะ
แต่ว่าเท่าไหร่จะแนะนำตัวสักทีเนี่ย หรือว่าผมต้องเป็นคนที่ไปขัด บรรยากาศหวานชื่นตรงนี้หรอ..
แล้วจะขัดยังไง..แบบว่า ‘สวัสดีครับผม อายาโนะโคจิ คิโยทากนะครับ’ ..อะไรอย่างนี้ไม่สิแบบนั้น ธรรมดาไปหรือเปล่านะ
ถ้างั้นก็ ‘ไง ฉันคือคนที่ช่วยโนโนอะไหว ชื่อว่า อายาโนะโคจิ คิโยทากะ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก’ แบบนั้นมันเหมือนกับขอของตอบแทนที่ช่วยโนโนอะ เลยไม่ใช่หรอ หรือเป็นพวกเสนอหน้าอะไรแบบนี้..
แย่แล้วสิความรู้สึกตื่นเต้นและแรงกดดันไม่ได้เจอมานาน..จะแย่แล้ว เอาไงดี..
“นี่โนโนอะ..”
“อะไรหรอ~?”
แต่ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ที่อยู่บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ไอ้เรื่องที่ฉันเป็นห่วงเธอนะคะ..เรื่องนั้นก็เรื่องจริง..แต่ว่านะ ไอ้เรื่องนั้นก็เป็นส่วนของเรื่องนั้น..เพราะงั้น”
“แหม~??”โนโนอะพักหัวตัวเองออกจากอกของเพื่อนสนิท และเอียงหัวอย่างไม่เข้าใจ ที่จู่ๆบรรยากาศรอบตัวและน้ำเสียงของเพื่อนตัวเองก็ต่างไปจากปกติ “เพราะงั้น…อะไรหรอ?”
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะเดินมาที่บ้านของฉัน”
“เอ!..เรื่องนั้นมัน..ไม่ใช่ว่าฉันพูดไปแล้วหลอกหรอ? —โอ๊ยเจ็บๆๆ”
“ไม่ได้พูดค่ะ!! ไม่มีเลยสักนิด แค่บอกว่าจะไปโรงเรียนด้วยกันเฉยๆและให้ฉันรอที่บ้านไม่ใช่ไงกันคะ ไม่เข้าใจความเสี่ยงที่ตัวเองเดินมาบ้างไหมเนี่ย? ก็ยังดีที่เธอไม่เป็นไร ถ้าไม่มีฉันล่ะก็ เธออาจจะเจ็บตัวไปแล้วก็ได้คะ!..ไม่สิ อย่างไงก็ต้องเจ็บตัวแน่ๆ”
“เรื่องนั้นเขาขอโทษ–โอ๊ยเจ็บ!!ขอโทษค่าาา!!”
ว้า~~โกรธอยู่สินะ ไอ้บรรยากาศหวานชื่นเมื่อกี้มันหายไปไหนกันะ…
โนโนอะโดนเพื่อนสนิทของเธอหยิกแก้มและดึงจนร้องเสียงประหลาดออกมา
เอาจริงๆผมรู้สึกว่าสงสารเพื่อนของเธอเอามากๆเลยนะ…แล้วก็เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงโกรธขนาดนั้น
ยัยนี้ จะสะเพร่าเกินไปแล้ว นี่ไม่คิดจะบอกเพื่อของตัวเองหน่อยหรอ บอกแค่ว่าให้รออยู่บ้านเฉยๆเนี่ยนะ..เอาจริงดิ
“ยังไงก็ตาม..” เธอได้ปล่อยมือจากแก้มโนโนอะ “บอกมันเลยนะว่าทำไมถึงโดนกลุ่มผู้ชายพวกนั้นเล่นงานได้”
“อ่า~เรื่องนั้น พูดยังไงดีนะ ตอนที่กำลังเดินไปบ้านของซายัจจิ ก็โดนกลุ่มผู้ชายมารุมจีบแล้วก็ถูกช่วยเอาไว้นะ”
“ถูกช่วยเอาไว้งั้นหรอ?”
“ใช่ๆก็ คิโยะจินไง”
“คิ..โยะ..จิน..งั้นหรอใครกันคะ”
….เออ..ก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไงครับ
นี่เห็นผมเป็นอากาศธาตุของแท้จนไม่มีตัวตนไม่แม้จะเหลียวแลมองเลยงั้นหรอ แค่มองมาทางซ้ายก็เห็นแล้วนะ
ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่าบอกไม่ถูก
ผมยกมือขึ้นมากรุมหน้าอกของตัวเองก้มหน้าลงเล็กน้อย กำลังสื่อว่ากำลังเจ็บอยู่นะเออ
“เอะ!..ก็คนที่อยู่ในรถกับเราไง”
“หืม~~” พอได้ยินอย่างนั้นคุณซายัจจิก็ได้เอียงตัวหันมองมาทางผม “เอะ! นี่นายอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?” พร้อมกับทำสีหน้าที่ตกใจเป็นอย่างมาก..
เฮ้ยๆ เธอคนนี้ก็เห็นผมไม่ใช่หรอ ตอนที่ผมเข้ามาในรถ อย่าทำตัวเหมือนเพิ่งรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้สิเฮ้ย
“ฉันก็อยู่ตรงนี้มาโดยตลอดเลยนะ”
“อูบ~~ฮ้าๆๆ!!!”
“เฮ้ย อย่าหัวเราะกันสิ”
“แหมๆก็ช่วยไม่ได้นี่นา ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะไม่มีตัวตนถึงขนาดนี้”
ฮึก!! หนอยแทงใจดำ
(ยังไม่ได้แก้คำผิด)
Chapters
Comments
- ตอนที่ 18 4.5 กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 17 4.4 กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 16 4.3 กรกฎาคม 8, 2025
- ตอนที่ 15 4.2 กรกฎาคม 7, 2025
- ตอนที่ 14 4.1 กรกฎาคม 7, 2025
- ตอนที่ 13 เหตุการณ์ก่อนปฐมนิเทศ กรกฎาคม 7, 2025
- ตอนที่ 12 3.3 กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 11 3.2 กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 10 3.1 กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 9 ใครๆก็เป็นได้ฮีโร่นะ กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 8 2.3 กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 7 2.2 กรกฎาคม 6, 2025
- ตอนที่ 6 2.1 กรกฎาคม 4, 2025
- ตอนที่ 5 เด็กหนุ่มที่คิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว กรกฎาคม 4, 2025
- ตอนที่ 4 1.2 กรกฎาคม 3, 2025
- ตอนที่ 3 1.1 กรกฎาคม 3, 2025
- ตอนที่ 1 ฤดูใบไม้ผลิ แห่งการเปิดเรียน กรกฎาคม 1, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำจุดเริ่มต้น กรกฎาคม 1, 2025
MANGA DISCUSSION