ตอนที่ 6 พันธสัญญาแห่งการเริ่มต้น
เปลวไฟจากคบเพลิงริมแท่นศิลาแห่งการฟื้นคืนยังคงสั่นไหวอย่างเดียวดาย สะท้อนเงาของเหล่าผู้รอดชีวิตที่ยืนกระจายกันอยู่รอบบริเวณนั้น ความเงียบอันหนักอึ้งที่โรยตัวลงหลังจากพายุอารมณ์โหมกระหน่ำ บัดนี้มันหนักหน่วงเสียจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของแต่ละคนที่เต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความโกรธแค้นยังคงเป็นเหมือนถ่านไฟร้อนๆ ที่คุกรุ่นอยู่ในอก ความสับสนหมุนวนเป็นเมฆหมอกในหัว และความสิ้นหวังก็ยังคงกัดกินจิตใจ แต่ท่ามกลางเถ้าถ่านของความพ่ายแพ้นั้น ประกายแสงแห่งความมุ่งมั่นอันเย็นเยียบได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ดุจดาบที่ถูกตีขึ้นรูปจากเปลวไฟแห่งความทรมาน
นักธนูสาวผู้มีนามว่า “ลีอาน่า (Liana)” ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอที่เคยถูกมัดรวบอย่างประณีต บัดนี้หลุดลุ่ยลงมาปรกใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาแห้งกรังและฝุ่นดิน ดวงตาคู่สวยที่เคยเต็มไปด้วยประกายแห่งชีวิตชีวา บัดนี้แข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกระจกใสที่เคยสะท้อนโลกอย่างซื่อตรงได้แตกละเอียดและถูกหลอมรวมขึ้นใหม่เป็นแก้วผลึกที่คมกริบและเย็นชา เธอก้าวออกมาข้างหน้า ยืนหยัดอย่างท้าทายต่อโชคชะตาที่โหดร้าย
“พวกเราจะยืนรอความตายอยู่ที่นี่ ปล่อยให้ความแค้นมันกัดกินจนไม่เหลือความเป็นคนไม่ได้” ลีอาน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มความสั่นเครือในตอนแรก แต่แล้วมันก็หนักแน่นขึ้นทุกขณะ “การแก้แค้น… ไม่สิ… การทวงคืนความยุติธรรม… มันต้องเริ่มจากที่ไหนสักแห่ง และมันต้องเริ่มเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ไฟในใจของเราจะมอดดับไปพร้อมกับความหวัง”
“แล้วจะเริ่มยังไงวะ!” “บรอค (Brock)” นักรบขวานคู่ร่างกำยำตะคอกสวนขึ้นทันที เส้นเลือดบนลำคอของเขาปูดโปน ความเดือดดาลยังคงพลุ่งพล่านราวกับพายุคลั่งอยู่ในอก “พวกมันคือ ‘เงาพิฆาต’ นะโว้ย! แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าพวกมันไม่ใช่หมูในอวยให้พวกเราเชือดง่ายๆ! ดูสภาพพวกเราตอนนี้สิ! เลเวลก็ตก ไอเทมดีๆ ก็โดนปล้นไปหมด บางคนแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว! จะเอาอะไรไปสู้กับพวกมัน!” กำปั้นของเขาบีบแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด เสียงกระดูกลั่นกร๊อบ
“บรอคพูดถูกส่วนหนึ่ง” “วัลคัส (Valcus)” ผู้เล่นสายโล่ผู้มีบุคลิกสุขุมและรอบคอบที่สุดในกลุ่มกล่าวเสริม แม้ใบหน้าของเขาจะเคร่งเครียดและมีริ้วรอยแห่งความเหนื่อยล้าปรากฏชัด “การบุ่มบ่ามเข้าไปมีแต่จะพาพวกเราไปตายซ้ำสองอย่างโง่เขลา พวกเราต้องการข้อมูลที่แม่นยำ ต้องการแผนการที่รัดกุม และที่สำคัญที่สุด… พวกเราต้องการพันธมิตรที่ไว้ใจได้จริงๆ ไม่ใช่แค่คนที่มารวมหัวกันเพราะผลประโยชน์ชั่วครั้งชั่วคราว” แววตาของเขามองไปยังผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ อย่างประเมิน
“ข้อมูล…” “เอลาร่า (Elara)” นักวิชาการสาวในชุดผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มปักลายดวงดาวจางๆ พึมพำ ดวงตาของเธอภายใต้กรอบแว่นทรงกลมกวาดมองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิด “ที่นี่คือ ‘ทวีปเซฟิรัส (Zephyrus Continent)’ จุดเกิดกลาง… มันกว้างใหญ่และเปิดโล่งเกินไป ถ้าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรลับหรือพวกนอกรีตอย่าง ‘เงาพิฆาต’ เราคงต้องไปที่อื่น เมืองที่ข่าวสารมันไหลเวียนเร็วกว่านี้… และบางที… อาจจะสกปรกกว่านี้ด้วย” เธอขยับแว่นเล็กน้อย
“เมืองไซฟาร์ (Syfar City)…” ลีอาน่าเอ่ยชื่อเมืองที่ผุดขึ้นในความคิดของเธอเหมือนแสงสว่างวาบในความมืด “เมืองท่าการค้าขนาดใหญ่ทางตะวันออกสุดขอบทวีป เป็นศูนย์กลางของนักผจญภัย พ่อค้าทาส ตลาดมืด และ… พวกที่หากินอยู่ใต้เงากฎหมาย”
“ไซฟาร์งั้นรึ…” บรอคขมวดคิ้วหนา ดวงตาหรี่ลงอย่างไม่ไว้วางใจ “ได้ยินมาว่าที่นั่นกฎหมายมันเป็นแค่ตัวอักษรบนแผ่นหนัง ถ้าจะหาเรื่องใส่ตัว หรืออยากจะหายสาบสูญไปโดยไม่มีใครรู้ร่องรอย ที่นั่นก็เหมาะที่สุดแล้ว”
“แต่ก็เป็นที่ที่ข้อมูลทุกชนิดถูกซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างอิสระเช่นกัน” เอลาร่าแย้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น “ถ้า ‘เงาพิฆาต’ เคยก่อเรื่องที่ไหนมาก่อน หรือมีฐานที่มั่นลับ… มีโอกาสสูงที่เราจะเจอเบาะแสสำคัญได้จากที่นั่น ตราบใดที่เรามี ‘สิ่งแลกเปลี่ยน’ ที่เหมาะสม”
การตัดสินใจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเห็นที่แตกแยกแต่มีเป้าหมายเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถปักหลักอยู่ที่แท่นศิลาแห่งนี้ได้ตลอดไป มันไม่ปลอดภัยและไร้ซึ่งอนาคต การเดินทางไปยังเมืองไซฟาร์จึงเริ่มต้นขึ้น กลุ่มผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ไม่ถึงสิบห้าคน แต่ละคนมีบาดแผลทั้งทางกายและทางใจ ส่วนใหญ่สูญเสียยุทโธปกรณ์ดีๆ ไปเกือบหมด บางคนถึงกับต้องใช้อาวุธสำรองระดับต่ำที่พกติดตัวไว้เผื่อฉุกเฉิน ซึ่งบัดนี้มันได้กลายเป็นอาวุธหลักไปเสียแล้ว พวกเขาเดินทางด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงเส้นทางหลักที่อาจจะเจอผู้เล่นกลุ่มอื่นที่อาจจะไม่เป็นมิตร หรือมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเกินกำลังของพวกเขาในตอนนี้
หลายวันแห่งการเดินทางที่แสนทุลักทุเลและเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ในที่สุดกำแพงหินสีทรายสูงตระหง่านของเมืองไซฟาร์ก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของพวกเขา มันตั้งตระหง่านท้าทายแสงอาทิตย์ยามอัสดง ราวกับอสูรกายโบราณที่หลับใหลอยู่ริมฝั่งทะเล เมืองท่าแห่งนี้คึกคักและวุ่นวายกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มาก เสียงจอแจของผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ กลิ่นเครื่องเทศแปลกๆ จากต่างแดน กลิ่นคาวปลาจากท่าเรือ และเสียงต่อรองราคาจากตลาดกลางแจ้งที่ตั้งแผงลอยกันอย่างแออัดยัดเยียดดังผสมปนเปกันไปหมด สถาปัตยกรรมของเมืองเป็นการผสมผสานระหว่างอาคารหินทรายที่ดูแข็งแกร่งทนทานแบบพวกคนเถื่อนแถบทะเลทรายกับโครงสร้างไม้ที่แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงของพวกชาวทะเล มีทั้งส่วนที่ดูหรูหราโอ่อ่าของคฤหาสน์พ่อค้าผู้มั่งคั่ง และตรอกซอกซอยที่มืดทึบ คดเคี้ยว และส่งกลิ่นอับชื้น น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่ซ่อนตัวของอันตรายนานัปการ
ลีอาน่า, บรอค, วัลคัส, และเอลาร่า นำกลุ่มผู้รอดชีวิตที่เหลือหาที่พักในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งในเขตรอบนอกของเมืองที่ค่อนข้างจะเสื่อมโทรม ชื่อว่า “จันทร์แรม (Waning Moon Inn)” มันเป็นโรงเตี๊ยมสองชั้นที่ดูเหมือนจะผ่านร้อนผ่านหนาวมานับศตวรรษ ผนังไม้สีคล้ำมีรอยขีดข่วนและคราบเขม่าควันเกาะจับหนาเตอะ แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านพอใช้ได้เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นชายชราผมสีดอกเลา หนวดเคราขาวเฟิ้ม ท่าทางภายนอกดูใจดีและอ่อนโยน แต่แววตาที่มองลอดใต้คิ้วหนานั้นฉายแววรู้ทันโลกและไม่ไว้ใจใครง่ายๆ
ภายในห้องส่วนตัวที่ชั้นสองของโรงเตี๊ยม ซึ่งมีขนาดค่อนข้างคับแคบและมีกลิ่นอับชื้นจางๆ กลุ่มแกนนำทั้งสี่คนและผู้รอดชีวิตอีกสามคนที่ดูมีหน่วยก้านและยังคงมีจิตใจที่เข้มแข็งพอจะต่อสู้ได้ กำลังนั่งล้อมวงกันอยู่บนพื้นไม้กระดานที่เย็นเฉียบ แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันเพียงดวงเดียวที่วางอยู่กลางวงสั่นไหวไปมา ส่องให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ยังไม่มอดดับ
“เอาล่ะ” ลีอาน่าเปิดฉากการสนทนา ทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด “เรามาถึงไซฟาร์แล้ว ขั้นต่อไปคืออะไร? เราจะเริ่มจากตรงไหน?”
“ข้อมูล” เอลาร่าตอบทันที นิ้วเรียวของเธอเคาะเบาๆ ที่สมุดบันทึกเล่มเล็กที่วางอยู่บนตัก “เราต้องหาคนที่รู้เรื่อง ‘เงาพิฆาต’ หรืออย่างน้อยก็คนที่สามารถชี้ช่องทางให้เราได้ ข้าได้ยินมาว่าในไซฟาร์มี ‘นักค้าข่าว (Information Broker)’ ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายคน แต่ส่วนใหญ่จะติดต่อยากยิ่งกว่าการเข้าเฝ้าขุนนางระดับสูง และค่าจ้างก็แพงลิบลิ่วจนพวกเราในตอนนี้คงได้แต่ฝันถึง”
“แล้วเราจะเอาเงินจากไหนไปจ้าง?” บรอคถามอย่างหัวเสีย ทุบกำปั้นลงบนพื้นเบาๆ “ของที่เหลือติดตัวพวกเราแทบจะไม่มีค่าอะไรแล้ว! จะให้ไปปล้นใครเขารึไง!”
“นั่นคือปัญหาใหญ่” วัลคัสยอมรับ พลางถอนหายใจเบาๆ “แต่ถ้าเราไม่เริ่ม เราก็จะไม่มีวันได้อะไรเลย บางที… เราอาจจะต้องเริ่มจากการรับงานเล็กๆ น้อยๆ ในเมืองนี้ก่อน งานที่พอจะทำได้ด้วยกำลังคนและอุปกรณ์ที่เรามี เพื่อสะสมทุนและสร้างชื่อเสียง… ในทางที่ถูกต้องนะ” เขารีบเสริมเมื่อเห็นสีหน้าของบรอคที่เริ่มจะดูเหมือนพวกนอกกฎหมายเข้าไปทุกที
“หรือ…” เสียงทุ้มต่ำและเยือกเย็นดังขึ้นจากมุมห้องที่มืดที่สุด ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว ชายร่างสูงโปร่งในชุดเกราะหนังสีเข้มที่ดูเรียบง่ายแต่ตัดเย็บอย่างประณีตและเข้ารูปกำลังยืนพิงผนังอยู่ แขนทั้งสองข้างกอดอก ดวงตาคมกริบสีเทาควันบุหรี่ของเขากวาดมองทุกคนอย่างประเมินและเยือกเย็น เขาเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่เงียบขรึมมาตลอดทาง พูดน้อยจนแทบจะนับคำได้ แต่ไม่มีใครกล้ามองข้ามรัศมีความน่าเกรงขามและอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวเขา “เราอาจจะไม่ต้องเริ่มจากศูนย์เสมอไป หากพวกท่านกล้าพอที่จะ ‘ลงทุน’ กับความเสี่ยง”
“ท่านหมายความว่ายังไง… เอ่อ…” ลีอาน่าถามอย่างระมัดระวัง พยายามนึกชื่อของเขา เธอจำได้ว่าเขาแนะนำตัวสั้นๆ อย่างเย็นชาตอนออกจากแท่นศิลาว่าชื่อ “เรเวน (Raven)”
เรเวนเดินออกจากเงามืดมายืนอยู่กลางแสงตะเกียง เผยให้เห็นใบหน้าที่คมคายแต่มีรอยแผลเป็นจางๆ ที่แทบมองไม่เห็นพาดผ่านคิ้วซ้ายยาวไปจนถึงขมับ มันไม่ได้ทำให้เขาดูเสียโฉม แต่กลับเสริมให้ใบหน้าของเขาดูดุดันและลึกลับยิ่งขึ้น “ข้าพอจะมีเส้นสายอยู่บ้างในเมืองที่เน่าเฟะแห่งนี้ อาจจะช่วยให้เราเข้าถึงนักค้าข่าวบางคนที่ ‘สมเหตุสมผล’ และไม่ขูดรีดเลือดเนื้อพวกเราจนเกินไปได้ แต่มีข้อแม้… พวกท่านทุกคนต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าพวกท่านเอาจริง ไม่ใช่แค่พวกขี้ขลาดที่เห่าหอนแต่ไม่กล้ากัด และมีศักยภาพพอที่จะ ‘ล่า’ ไม่ใช่แค่รอวันที่จะถูกล่าอีกครั้ง” แววตาของเขาจับจ้องไปที่ลีอาน่าอย่างท้าทาย
คำพูดของเรเวนจุดประกายความหวังและความตึงเครียดขึ้นพร้อมกันในห้องนั้นทันที
“แล้วเราจะตั้งชื่อกลุ่มของเราว่าอะไรดี?” ผู้เล่นนักดาบคนหนึ่งที่ชื่อ “ไครอส (Kairos)” ซึ่งสูญเสียดาบคู่ใจไปในเหตุการณ์นั้นเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มท่าทางซื่อตรงแต่แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าจากการสูญเสีย “ถ้าจะให้คนอื่นเชื่อถือเรา หรืออย่างน้อยก็ให้พวกมันจดจำชื่อเราได้ก่อนตาย อย่างน้อยก็ควรจะมีชื่อเรียกที่เป็นทางการ”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ทุกคนต่างครุ่นคิดถึงชื่อที่จะสะท้อนความรู้สึกและเป้าหมายของพวกเขา
“ข้าเสนอชื่อ ‘ผู้ทัณฑ์อธรรม (The Condemners of Iniquity)'” เอลาร่าเสนอเป็นคนแรก น้ำเสียงของเธอดูมั่นใจ “มันสื่อถึงเป้าหมายของเราที่ต้องการจะลงทัณฑ์พวกที่กระทำผิดและไร้ซึ่งศีลธรรม”
“ฟังดูอลังการไปหน่อยไหมแม่นักปราชญ์” บรอคแย้งพลางทำหน้าเบ้ “ข้าว่า ‘เหยี่ยวรัตติกาล (Night Hawks)’ ฟังดูเท่กว่าเยอะ ดุดัน ล่าเหยื่อในความมืด!”
“ใจเย็นก่อนสหาย” วัลคัสปรามพลางส่ายหน้า “ชื่อจะต้องสื่อถึงตัวตนและเจตจำนงค์ของเราอย่างแท้จริง ‘เหยี่ยวรัตติกาล’ อาจจะฟังดูเหมือนพวกนักฆ่ารับจ้างหรือโจรป่าไปหน่อย เราไม่ได้ต้องการให้คนอื่นมองเราแบบนั้น… อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทั้งหมด”
ลีอาน่ามองไปรอบๆ ห้อง สบตากับแต่ละคนที่กำลังครุ่นคิด “สิ่งที่เชื่อมโยงพวกเราทุกคนในที่นี้ คือการถูกทรยศ… คือความสูญเสียที่ยากจะลืมเลือน… และคือคำสาบานในใจที่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำสองกับใครอีก” เธอหยุดเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก “ข้าขอเสนอชื่อ… ‘พันธสัญญาผู้ถูกล้างแค้น (The Vengeance Pact)'”
ชื่อนั้นก้องอยู่ในความเงียบ มันหนักแน่นและทรงพลัง มีทั้งความมืดมิดของความแค้นที่ฝังลึก และความศักดิ์สิทธิ์ของคำสัญญาที่ไม่อาจเพิกถอน
“ข้าชอบ” เรเวนพูดขึ้นเป็นคนแรก ทำลายความเงียบ ดวงตาของเขามีประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก “มันชัดเจน ตรงประเด็น และไม่อ้อมค้อม”
คนอื่นๆ เริ่มพยักหน้าเห็นด้วยอย่างช้าๆ แม้จะมีความลังเลในแววตาของบางคน แต่ความรู้สึกร่วมกันนั้นแข็งแกร่งกว่าความเห็นต่างใดๆ
“ตกลง” ลีอาน่ากล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น “จากนี้ไป พวกเราคือ ‘พันธสัญญาผู้ถูกล้างแค้น’ เป้าหมายแรกของเราคือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ‘เงาพิฆาต’ และไอ้สารเลว ‘เร็กซ์’ ให้ได้มากที่สุดทุกวิถีทาง และหาทางหยุดยั้งพวกมันก่อนที่มันจะสร้างหายนะให้กับผู้บริสุทธิ์คนอื่นอีก”
“แล้วใครจะเป็นผู้นำ?” ไครอสถามคำถามสำคัญที่ทุกคนต่างก็คิดอยู่ในใจ
ทุกคนมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ ลีอาน่าดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนที่สุดด้วยความกล้าหาญ ความฉลาด และความสามารถในการพูดโน้มน้าวใจผู้คนของเธอ แต่เธอกลับส่ายหน้าช้าๆ
“เราจะไม่ใช่กิลด์ที่มีผู้นำคนเดียวที่ชี้เป็นชี้ตายได้แบบที่เร็กซ์เคยเป็น” ลีอาน่ากล่าวอย่างหนักแน่น “เราได้เห็นแล้วว่ามันนำไปสู่อะไร เราจะเป็น ‘สภา (Council)’ ผู้ที่อาวุโส มีประสบการณ์ หรือมีความสามารถเฉพาะทางในแต่ละด้าน จะร่วมกันตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ข้าจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและโฆษก แต่การตัดสินใจสุดท้ายจะเป็นของพวกเราทุกคนที่นี่ ทุกเสียงมีความหมาย”
ข้อเสนอนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มันสร้างความรู้สึกของการมีส่วนร่วมและความเท่าเทียม และที่สำคัญที่สุดคือมันป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิดซึ่งเป็นบทเรียนที่พวกเขาเพิ่งได้รับมาอย่างเจ็บปวด
“เอาล่ะ เรเวน” ลีอาน่าหันไปทางชายหนุ่มผู้เงียบขรึม ดวงตาของเธอทอประกายแห่งความคาดหวัง “ท่านพอจะนำทางเราไปยังนักค้าข่าวที่ว่าได้เมื่อไหร่? และ ‘ของกำนัล’ ที่ท่านว่า… มันคืออะไร?”
เรเวนยิ้มมุมปากบางๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูลึกลับและแฝงความนัย “ทันทีที่พวกท่านพร้อมที่จะ ‘สกปรกมือ’ สักหน่อย… และมี ‘ของกำนัล’ เล็กน้อยสำหรับเปิดทาง ข้อมูลในไซฟาร์ไม่ได้ได้มาฟรีๆ แม้ว่าข้าจะเป็นคนแนะนำก็ตาม นักค้าข่าวที่ข้ารู้จัก… เขาสนใจ ‘ของหายาก’ และ ‘ข่าวลือที่ยังไม่ถูกเปิดเผย’ มากกว่าทองคำดาษดื่น” เขาหยุดเล็กน้อย มองไปยังหน้าต่างที่มืดมิดด้านนอก “มีงานเล็กๆ งานหนึ่งที่อาจจะให้ ‘ของกำนัล’ ที่ว่าแก่เราได้… แต่ก็มีความเสี่ยงพอสมควร พวกท่านกล้าพอจะลองดูไหมล่ะ?”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนตระหนักถึงความเป็นจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง พวกเขามีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดิน และมันจะไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน ทุกย่างก้าวต่อจากนี้คือการเดิมพันด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ
คืนนั้น ในห้องพักเล็กๆ ที่อับชื้นของโรงเตี๊ยมจันทร์แรม “พันธสัญญาผู้ถูกล้างแค้น” ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเงียบงัน กลุ่มคนแปลกหน้าที่ผูกพันกันด้วยโศกนาฏกรรมและความปรารถนาที่จะทวงคืนความยุติธรรม พวกเขายังไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะโหดร้ายเพียงใด หรือศัตรูที่แท้จริงของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวกว่าที่จินตนาการไว้มากนัก แต่เปลวไฟแห่งการต่อต้านได้ถูกจุดขึ้นแล้ว และมันพร้อมที่จะลุกลามแผดเผาทุกความอยุติธรรม…
ที่มุมหนึ่งของห้อง เอลาร่ากำลังก้มหน้าก้มตาจดบันทึกบางอย่างลงในสมุดเล่มเล็กๆ ของเธออย่างรวดเร็วด้วยปากกาขนนก แสงจากตะเกียงส่องให้เห็นแผนที่คร่าวๆ ของเมืองไซฟาร์ที่เธอร่างขึ้นอย่างละเอียด พร้อมกับรายชื่อและข้อสังเกตเกี่ยวกับบุคคลที่อาจจะเป็นประโยชน์หรือเป็นอันตราย รวมถึงสัญลักษณ์แปลกๆ ที่เธอเห็นตามกำแพงในตรอกมืด ดวงตาของเธอภายใต้กรอบแว่นทอประกายแห่งความมุ่งมั่นและความเฉียบแหลม… การวางแผนเพื่อเอาคืนได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแท้จริง และมันจะต้องแยบยลกว่าที่ศัตรูคาดคิด
Chapters
Comments
- ตอนที่ 21 แสงยามค่ำคืนและเงื่อนงำในความทรงจำ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 20 เสียงสะท้อนในหอศิลป์ลอยฟ้า มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 19 รอยแผลในความทรงจำ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 18 ราชโองการ เปลวสงคราม และพันธมิตรใหม่ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 17 ตัวตนของเรเวน พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 16 สังเวยเลือดอัญเชิญอสูร พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 15 สามก๊กสังหาร ณ สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 14 ร่องรอยเลือด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 13 เทียบท่า...สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 12 การเดินทางอันตรายสู่เกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 11 คำเตือนจากเงามืด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 10 ฝ่าคมเขี้ยวอสูรแมงมุม พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 9 เสียงเพรียกจากเกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 8 เสียงกระซิบจากซากเรือรบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 7 เงื่อนงำในม่านหมอก พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 6 พันธสัญญาแห่งการเริ่มต้น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 5 เมื่อความตายไม่ใช่จุดจบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 4 อเวจีในเศษซากวิญญาณ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 3 ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 2 การทรยศกลางเปลวเพลิง พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 1 เงาในหมู่ผู้เล่น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำการแตกสลาย (Rewrite) พฤษภาคม 30, 2025
MANGA DISCUSSION