ตอนที่ 11 คำเตือนจากเงามืด
เสียงหยดน้ำที่ร่วงหล่นจากชายคาโรงเตี๊ยม “จันทร์แรม” ดังเป็นจังหวะน่ารำคาญในห้องพักอันอับชื้น ลีอาน่าถอนหายใจยาวเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนในรอบชั่วโมง สองวันเต็มๆ แล้วที่ทีมของเรเวนออกเดินทางไปยังสุสานเรืออับปาง และความเงียบงันจากพวกเขาคือสิ่งที่บั่นทอนจิตใจของคนที่เหลืออยู่ในเมืองไซฟาร์แห่งนี้มากที่สุด
เธอพยายามเปิด “หน้าต่างระบบสื่อสาร” (Communication System Window) ผ่านการรับรู้ของตนเองอีกครั้ง รายชื่อเพื่อนและสมาชิกกลุ่มปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเธอเป็นหน้าต่างข้อมูลโปร่งแสง ลีอาน่าเลื่อนหารายชื่อของเรเวน, ไครอส, บรอค, และกริฟฟิน แต่สถานะของทุกคนยังคงเป็นสีเทา พร้อมข้อความแจ้งเตือนกระพริบเป็นระยะ: [ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ – อยู่นอกเขตสัญญาณ/พื้นที่สัญญาณรบกวนสูง] หรือบางครั้งก็เปลี่ยนเป็น [เป้าหมายอยู่ในเขตจำกัดการสื่อสาร]
“ยังติดต่อไม่ได้อีกแล้วเหรอ?” วัลคัสที่นั่งขัดดาบสั้นของเขาอยู่เงียบๆ เอ่ยถามขึ้น ดวงตาของเขามองไปยังลีอาน่าที่กำลังขมวดคิ้ว
ลีอาน่าส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “เหมือนเดิมเลยค่ะ… ระบบแจ้งว่าพวกเขาอยู่นอกเขตสัญญาณ หรือไม่ก็ในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวนสูงมาก บางทีอาจจะเป็นผลมาจากพลังงานประหลาดที่ท่านคอร์วัสพูดถึงก็ได้”
เอลาร่าที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับแผนที่เมืองไซฟาร์และม้วนบันทึกต่างๆ เงยหน้าขึ้น “หรือบางที… สุสานเรืออับปางอาจจะเป็น ‘เขตอับสัญญาณ’ โดยธรรมชาติของมันอยู่แล้วก็ได้ค่ะ จากข้อมูลที่ข้าค้นคว้ามา สถานที่แบบนั้นมักจะมีพลังงานบางอย่างที่รบกวนการทำงานของระบบสื่อสาร หรือแม้กระทั่ง ‘ระบบ’ เองก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพในพื้นที่แบบนั้น”
“ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร” ลีอาน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “การที่เราติดต่อพวกเขาไม่ได้เลยแบบนี้มันทำให้ข้าใจคอไม่ดีเลยจริงๆ เราต้องรีบหาข้อมูลเกี่ยวกับ ‘เงาพิฆาต’ และเร็กซ์ให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อเตรียมรับมือหากพวกนั้นกลับมา หรือ… หากพวกเราต้องตามไปสมทบ”
สองวันแห่งความอึดอัดผ่านพ้นไปในห้องพักโทรมๆ ของโรงเตี๊ยม “จันทร์แรม” ลีอาน่า, วัลคัส, และเอลาร่า ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวนเวียนอยู่ในภวังค์ของความกังวลต่อชะตากรรมของทีมบุก และการระดมสมองหาหนทางที่เป็นไปได้ในการล้วงข้อมูลสำคัญจากเมืองท่าอันแสนอันตรายอย่างไซฟาร์แห่งนี้ กำแพงห้องที่บางเฉียบทำให้พวกเขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากตรอกซอยด้านนอกเป็นระยะ ยิ่งตอกย้ำถึงความไม่น่าไว้วางใจของสถานที่แห่งนี้
เอลาร่าก้มหน้าก้มตาอยู่กับแผนที่เมืองไซฟาร์ที่เธอพยายามปรับปรุงให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ จุดสีแดงเล็กๆ ถูกทำเครื่องหมายไว้หลายจุดบนแผนที่ – สถานที่ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งซ่องสุมของนักค้าข่าว หรือไม่ก็เป็นรังของพวกนอกกฎหมาย “นักค้าข่าวระดับล่างส่วนใหญ่ที่เราพอจะจ่ายไหว คงให้ได้แค่ข่าวซุบซิบในตลาด หรือความเคลื่อนไหวของขุนนางเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า” เธอกล่าวพลางถอนหายใจ “ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘เงาพิฆาต’ หรือตัวตนที่แท้จริงของเร็กซ์… มันเป็นข้อมูลที่ถูกปิดลับอย่างดีเยี่ยม การจะได้มาคงต้องแลกด้วยอะไรที่มากกว่าเงิน”
“แล้ว ‘ของกำนัล’ ที่เรเวนเคยพูดถึงล่ะ?” วัลคัสเอ่ยขึ้น ดวงตาของเขามองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นหลังคาบ้านซอมซ่อเบียดเสียดกัน “เขาบอกว่านักค้าข่าวที่เขารู้จักสนใจ ‘ของหายาก’ หรือ ‘ข่าวลือที่ยังไม่ถูกเปิดเผย’ มากกว่าทองคำดาษดื่น แต่ทีมของเขาก็ไปเสี่ยงตายเพื่อหา ‘แผนที่ดาวโบราณ’ นั่นแล้ว เราจะมีอะไรไปต่อรองได้”
ลีอาน่าที่กำลังลับคมลูกธนูไม้ธรรมดาๆ ของเธออยู่เงยหน้าขึ้น “เราจะรอให้พวกเขาได้แผนที่ดาวนั่นกลับมาอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา…” น้ำเสียงของเธอแฝงความกังวล “เราต้องมีแผนสำรอง”
“ข้าอาจจะพอมีไอเดีย” เอลาร่าพูดขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ดวงตาหลังกรอบแว่นของเธอมีประกายบางอย่าง “จากบันทึกเก่าๆ ที่ข้าค้นเจอในห้องสมุดสมาคมนักปราชญ์ มีนักค้าข่าวอิสระคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะเก็บตัวและไม่ค่อยมีใครรู้จักชื่อเสียงของเขามากนัก ชื่อของเขาคือ ‘คอร์วัส (Corvus)’ ว่ากันว่าเขาไม่สนใจเรื่องเงินทองหรืออำนาจ แต่คลั่งไคล้ ‘ความรู้ต้องห้าม’ และ ‘วัตถุจากต่างมิติ’ เป็นพิเศษ”
เธอหยุดเล็กน้อย มองไปยังเพื่อนทั้งสอง “ถ้าเราจะลองเสี่ยง… พวกเราทุกคนเคยร่วมใน Raid ‘มังกรกระดูกทมิฬ’ มาแล้วใช่ไหม? ถึงแม้จะจบลงด้วยหายนะ แต่เราก็ได้เห็นรูปแบบการโจมตี, เฟสต่างๆ, หรือแม้แต่ ‘กลไกพิเศษ’ บางอย่างของมันที่เราอาจจะบันทึกไว้ใน ‘บัญชีข้อมูลอสูร’ ส่วนตัว หรือจดจำได้จากการเผชิญหน้าโดยตรง ข้อมูลเชิงลึกแบบนี้เกี่ยวกับ Raid Boss ระดับตำนาน… มันน่าจะมีค่าพอสำหรับนักค้าข่าวที่กระหายความรู้แบบคอร์วัสนะ”
ข้อเสนอของเอลาร่าทำให้ลีอาน่าและวัลคัสครุ่นคิดตาม ประสบการณ์อันเลวร้ายจากการทรยศใน Raid ครั้งนั้นยังคงเป็นฝันร้าย แต่ข้อมูลที่พวกเขาได้รับจากการต่อสู้กับมังกรกระดูกทมิฬจนถึงเฟสสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายลงนั้น ถือเป็นข้อมูลที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้สัมผัสโดยตรง
“เป็นความคิดที่ไม่เลว” วัลคัสพยักหน้าเห็นด้วย “ข้อมูลการต่อสู้กับบอสระดับตำนาน ย่อมมีค่ากว่าข้อมูลทั่วไปแน่ๆ”
“แล้วเราจะติดต่อเขาได้ยังไง?” ลีอาน่าถาม “คนแบบนี้น่าจะเข้าถึงตัวยากน่าดู”
“มีข่าวลือว่าเขามักจะปรากฏตัวใน ‘ตรอกเงาจันทร์ (Moonshadow Alley)'” เอลาร่าตอบพลางชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่ “เป็นตรอกเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเตี๊ยมของเรานี่เอง แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องความอันตรายและเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกนักเลงและมือสังหาร ว่ากันว่าถ้าอยากจะติดต่อคอร์วัส ต้องทิ้ง ‘สัญลักษณ์’ บางอย่างไว้ที่นั่น แล้วเขาจะติดต่อกลับมาเอง… ถ้าเขาสนใจ”
“ฟังดูเหมือนเดินเข้าไปในรังโจรชัดๆ” วัลคัสขมวดคิ้ว “แต่ถ้ามันเป็นหนทางเดียวที่เรามี… ก็คงต้องลองดู”
เย็นวันนั้น หลังจากวางแผนกันอย่างรัดกุม ลีอาน่าและเอลาร่าตัดสินใจที่จะเป็นคนเข้าไปในตรอกเงาจันทร์ด้วยตัวเอง วัลคัสจะคอยระวังอยู่ที่ปากตรอกเพื่อคอยช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ลีอาน่าเหน็บธนูไว้ที่หลังอย่างกระชับมั่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ส่วนเอลาร่าซ่อนมีดสั้นเล่มเล็กไว้ใต้เสื้อคลุม และเตรียม “บันทึกข้อมูลการต่อสู้ (Combat Log Fragment)” ที่คัดลอกมาจากส่วนที่เกี่ยวข้องกับมังกรกระดูกทมิฬเท่าที่เธอจะรวบรวมได้จากความทรงจำและข้อมูลที่กระจัดกระจายของกลุ่ม
ตรอกเงาจันทร์สมชื่อของมัน มันเป็นเพียงทางเดินแคบๆ ที่คดเคี้ยวอยู่ระหว่างอาคารเก่าซอมซ่อสองหลัง แสงจันทร์สาดส่องลงมาไม่ถึง ทำให้ทั้งตรอกตกอยู่ในเงามืดที่น่าขนลุก มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากหน้าต่างบ้านที่ปิดตายไม่กี่บานเท่านั้นที่พอจะให้มองเห็นทางได้บ้าง กลิ่นอับชื้นของขยะและสิ่งปฏิกูลลอยคละคลุ้งจนแทบจะอาเจียน เสียงหมาหอนและเสียงทะเลาะวิวาทดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว
“ที่นี่มัน… น่าขนลุกกว่าที่คิดอีกนะ” ลีอาน่ากระซิบ พลางกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
เอลาร่าพยักหน้าเห็นด้วย “ตามข้อมูลที่ได้มา เราต้องหาสัญลักษณ์รูป ‘อีกาคาบจดหมาย’ ที่ถูกสลักไว้ที่ไหนสักแห่งในตรอกนี้ แล้วทิ้ง ‘ข้อความ’ ของเราไว้ใกล้ๆ สัญลักษณ์นั้น”
ทั้งสองคนเดินลึกเข้าไปในตรอกอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเงียบและความตึงเครียด พวกเธอต้องคอยระวังทั้งอันตรายจากเบื้องบนที่อาจจะมีใครซุ่มโจมตี และอันตรายจากเงาข้างทางที่อาจจะมีคนดักปล้น
“เจอแล้ว!” เอลาร่าร้องขึ้นเบาๆ พลางชี้ไปยังกำแพงอิฐผุๆ ด้านหนึ่ง ที่นั่นมีสัญลักษณ์รูปอีกาคาบจดหมายขนาดเล็กถูกสลักไว้อย่างลวกๆ แต่มองเห็นได้ชัดเจน
เอลาร่าหยิบแผ่นหนังเล็กๆ ที่เธอเตรียมมาออกมา มันมีข้อความสั้นๆ เขียนไว้ด้วยภาษาโบราณที่เธอเชี่ยวชาญ เนื้อความโดยประมาณคือ “ผู้รอดชีวิตจากการเผชิญหน้าอสูรในตำนาน แสวงหาความรู้จากผู้หยั่งรู้แห่งเงา มีข้อมูลล้ำค่าจากสนามรบมาแลกเปลี่ยน” เธอวางแผ่นหนังนั้นไว้ใต้สัญลักษณ์อย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น! เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากความมืดด้านหลังของพวกเธออย่างรวดเร็วและเงียบกริบ!
“พวกเจ้ากำลังมองหาใครอยู่รึ… ท่านหญิงทั้งสอง?” เสียงทุ้มต่ำและเย็นเยียบดังขึ้น ทำให้ลีอาน่าและเอลาร่าสะดุ้งสุดตัว! พวกเธอหันขวับไปเผชิญหน้าทันที ลีอาน่าคว้าคันธนู เอลาร่ากำมีดสั้นแน่น
ชายในชุดคลุมสีเข้มปิดบังใบหน้าเกือบทั้งหมด ยืนสงบนิ่งในเงามืด มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่ทอประกายวาววับในความสลัว “ข้อความของพวกเจ้า… และ ‘ข้อมูลจากสนามรบ’ ที่ว่า… น่าสนใจ” เขากล่าว น้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก “คอร์วัสส่งข้ามาดูว่า ‘ข้อมูลล้ำค่า’ ของพวกเจ้ามันคืออะไรกันแน่”
เอลาร่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มความตื่นเต้นและความหวาดระแวง “เรามี… บันทึกการต่อสู้และข้อสังเกตโดยละเอียดจากการเผชิญหน้ากับ ‘มังกรกระดูกทมิฬ’ บอสระดับตำนาน”
ดวงตาในเงามืดของชายชุดคลุมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเรียบเฉยดังเดิม “มังกรกระดูกทมิฬรึ… ข้อมูลนั่นย่อมมีค่า” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “ตามข้ามา… แต่ถ้าคิดจะตุกติก… ตรอกนี้ก็มีที่ว่างสำหรับศพเพิ่มเสมอ”
ลีอาน่าและเอลาร่ามองหน้ากันอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินตามชายลึกลับคนนั้นไป วัลคัสที่ซุ่มดูอยู่ปากตรอกเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาขมวดคิ้วด้วยความกังวล แต่ก็ยังคงทำตามแผนที่วางไว้ คือรออยู่ที่เดิมและเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์
ชายชุดคลุมนำพวกเธอลัดเลาะไปตามตรอกซอยที่มืดมิดและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้ผุๆ บานหนึ่งที่ดูเหมือนจะนำไปสู่ห้องใต้ดิน เขาเคาะประตูเป็นจังหวะแปลกๆ สามครั้ง แล้วประตูนั้นก็แง้มเปิดออกเองอย่างเงียบเชียบ เผยให้เห็นความมืดมิดที่อยู่ภายใน
“คอร์วัสรออยู่ข้างใน” ชายชุดคลุมกล่าว ก่อนจะผายมือเชิญ “แต่จำไว้… เขาไม่ชอบคนพูดมาก และไม่ชอบเสียเวลา”
ลีอาน่าและเอลาร่าก้าวเข้าไปในความมืดนั้นอย่างระมัดระวัง ภายในห้องมีแสงสลัวจากเทียนไขเพียงไม่กี่เล่ม เผยให้เห็นห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆ ม้วนกระดาษ และวัตถุโบราณหน้าตาประหลาดวางระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด กลางห้องมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่ และที่หลังโต๊ะนั้น… มีร่างหนึ่งนั่งอยู่ในเงามืด มองเห็นเพียงดวงตาสีเหลืองซีดคู่หนึ่งที่จ้องมองมายังพวกเธออย่างเย็นชา
“พวกเจ้ามีอะไรจะเสนอ… แลกกับความรู้ที่ต้องการ?” เสียงแหบแห้งและฟังดูแก่ชราของคอร์วัสดังขึ้นจากในเงามืด
เอลาร่าก้าวไปข้างหน้า วางม้วนบันทึกข้อมูลที่เธอคัดลอกมาลงบนโต๊ะ “นี่คือข้อมูลการต่อสู้โดยละเอียด รูปแบบการโจมตี จุดอ่อนที่อาจยังไม่เป็นที่รู้จัก และกลไกพิเศษบางอย่างของ ‘มังกรกระดูกทมิฬ’ ที่พวกเราได้ประสบและบันทึกไว้จากการเผชิญหน้าโดยตรงจนถึงเฟสสุดท้ายของมัน”
ดวงตาสีเหลืองซีดในเงามืดจ้องมองม้วนบันทึกนั้นนิ่งนาน ก่อนที่มือเหี่ยวย่นข้างหนึ่งจะค่อยๆ เอื้อมออกมาหยิบมันไปอย่างช้าๆ คอร์วัสคลี่ม้วนบันทึกออกอ่านอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงพลิกกระดาษเบาๆ ที่ดังขึ้นเป็นระยะ เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จนน่าอึดอัด
“หึ… ข้อมูลนี้… ไม่เลวจริงๆ” คอร์วัสเอ่ยขึ้นในที่สุด น้ำเสียงของเขาแฝงแววพึงพอใจเล็กน้อย “ข้อมูลจากผู้รอดชีวิตที่เผชิญหน้ากับอสูรระดับนั้นจนถึงก้นบึ้ง… ย่อมมีค่ามากกว่าทองคำสำหรับผู้ที่กระหายความรู้เช่นข้า” เขาม้วนบันทึกกลับอย่างระมัดระวัง “แล้วสิ่งที่พวกเจ้าต้องการคืออะไร?”
“กลุ่ม ‘เงาพิฆาต’ และชายที่ชื่อ ‘เร็กซ์'” ลีอาน่าตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พวกมันอยู่ที่ไหน? มีจุดอ่อนอะไรบ้าง? และพวกมันเกี่ยวข้องอะไรกับสุสานเรืออับปาง?”
คอร์วัสหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “คำถามมากมาย… แต่ข้อมูลที่พวกเจ้านำมาก็คุ้มค่าที่จะตอบ” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ข้าจะให้ข้อมูลพวกเจ้าสามอย่าง แลกกับสิ่งที่พวกเจ้านำมา และ… หากพวกเจ้ามีชีวิตรอดกลับมาจาก ‘สุสานเรืออับปาง’ และมีข้อมูลที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้… ข้าอาจจะพิจารณาให้ ‘ส่วนลด’ สำหรับการแลกเปลี่ยนครั้งต่อไป”
“ตกลง” ลีอาน่าตอบรับทันที
“อย่างแรก… ‘เงาพิฆาต’ น่ะเป็นที่รู้จักในวงใน ว่าเป็นเครือข่ายนักฆ่าที่โยงใยซับซ้อนและมีผู้หนุนหลังที่ไม่ธรรมดา ส่วนชายที่พวกเจ้าเรียกว่า ‘เร็กซ์’… ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนจริงๆ ของมันยังคงเป็นแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้างเสียส่วนใหญ่ แม้แต่กับข้าเองก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันได้แน่ชัดว่าเขาคือใคร มาจากไหน หรือกระทั่งว่า ‘เร็กซ์’ เป็นชื่อจริงหรือเป็นเพียงฉายาของผู้นำคนปัจจุบันของกลุ่มเงาพิฆาตกันแน่ รู้แต่เพียงว่ามันเป็นฟันเฟืองสำคัญและอันตรายอย่างยิ่งขององค์กรนั้น และเป็นผู้ใช้สกิล [จิตสูบวิญญาณ (Soul Siphon)] ที่น่าสะพรึงกลัวนั่น”
“อย่างที่สอง… สุสานเรืออับปางไม่ได้มีแค่ ‘แผนที่ดาวโบราณ’ ที่ทีมของพวกเจ้ากำลังตามหา แต่ยังมี ‘สิ่งอื่น’ ที่อันตรายกว่านั้นมากซ่อนอยู่… สิ่งที่ ‘เงาพิฆาต’ เองก็กำลังตามล่าเช่นกัน และดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้เรื่องนี้ก่อนใครๆ”
ลีอาน่าและเอลาร่าใจหายวาบ “สิ่งอื่นที่ว่านั่นคืออะไร?”
“นั่นคือข้อมูลที่สาม… และเป็นข้อมูลที่ข้าจะให้พวกเจ้าเป็น ‘พิเศษ’ เพราะดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะยังไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนของพวกเจ้ากำลังเดินเข้าไปหาอะไร” คอร์วัสพูดพลางหยิบลูกแก้วคริสตัลสีดำสนิทลูกเล็กๆ ออกมาจากเงามืด มันส่องแสงวูบวาบเมื่อต้องกับแสงเทียน “ที่สุสานเรืออับปาง… มันไม่ใช่แค่ที่สถิตของวิญญาณหรืออสูรกลายพันธุ์… แต่เมื่อหลายวันก่อน มีพลังงานมหาศาลปะทุขึ้นจากใจกลางเกาะนั้น พลังงานที่สามารถ ‘บิดเบือน’ ความเป็นจริงและปลุก ‘ผู้พิทักษ์โบราณ’ ให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล และที่สำคัญกว่านั้น… ข้อมูลล่าสุดที่ข้าเพิ่งได้รับมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน… คือกลุ่มของเร็กซ์ไม่ได้อยู่ที่ไซฟาร์อีกต่อไปแล้ว พวกมันมุ่งหน้าไปยังสุสานเรืออับปางทันทีที่รู้ข่าวการปะทุของพลังงานนั่น… บางทีอาจจะไปถึงที่นั่นก่อนทีมของพวกเจ้าเสียอีก”
คำพูดของคอร์วัสเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของลีอาน่าและเอลาร่า! ทีมของเรเวนไม่ได้แค่ไปหาแผนที่ แต่กำลังจะเดินเข้าสู่ใจกลางของหายนะที่แม้แต่ ‘เงาพิฆาต’ ยังให้ความสนใจ! และพวกมันอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับเร็กซ์และพรรคพวกอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว!
“ไม่จริงน่า…” ลีอาน่าพึมพำ ใบหน้าซีดเผือด “วัลคัสอยู่ที่ไหน! เอลาร่า! เราต้องรีบไปที่นั่น! เดี๋ยวนี้!”
ทั้งสองรีบออกจากห้องใต้ดินของคอร์วัสด้วยความร้อนรน วัลคัสที่รออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของทั้งคู่ก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล
“เกิดอะไรขึ้น!?” เขาถามเสียงเครียด
“เร็กซ์… มันไปที่สุสานเรืออับปาง!” ลีอาน่าตอบเสียงสั่น “พวกเรเวนกำลังตกอยู่ในอันตราย! เราต้องรีบไปช่วยพวกเขา!”
“แต่เราจะไปที่นั่นยังไง? กัปตันฟินน์ก็ไม่อยู่แล้ว” วัลคัสท้วงขึ้นอย่างมีเหตุผล เรือของกัปตันฟินน์มีกำหนดการรอทีมของเรเวนเพียงสองวัน ซึ่งมันผ่านไปแล้ว
“เราต้องหาเรือลำอื่น! เดี๋ยวนี้!” เอลาร่ากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ทุกนาทีมีค่า!”
ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังท่าเรือหลักของไซฟาร์ทันที มันแตกต่างจากท่าเรือเก่าทางใต้อย่างสิ้นเชิง ที่นี่เต็มไปด้วยเรือสินค้าขนาดใหญ่ เรือใบที่หรูหรา และเรือรบของทางการจอดเทียบท่าอย่างเป็นระเบียบ ผู้คนพลุกพล่านจอแจ มีทั้งพ่อค้า กะลาสี ทหาร และนักผจญภัยหลากหลายเชื้อชาติเดินสวนกันไปมา
“เราต้องหาเรือที่เร็วที่สุดและกล้าพอที่จะไปยังสุสานเรืออับปาง” ลีอาน่ากล่าว พลางกวาดตามองหาเรือที่น่าจะเข้าเค้า “แต่ด้วยเงินที่เรามีตอนนี้…”
พวกเขาเดินสอบถามตามท่าเรือต่างๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันทีที่ได้ยินชื่อ “สุสานเรืออับปาง” บางคนก็เรียกค่าจ้างสูงลิบลิ่วจนพวกเขาได้แต่ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง เวลาเริ่มเหลือน้อยลงทุกที
ขณะที่ความหวังเริ่มริบหรี่ ลีอาน่าก็เหลือบไปเห็นเรือใบขนาดกลางลำหนึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือที่ค่อนข้างจะเงียบสงบกว่าที่อื่น มันเป็นเรือที่ดูเก่าแต่ก็ยังคงความแข็งแรงทนทาน ชื่อเรือ “วายุคำรณ (Howling Gale)” ถูกสลักไว้อย่างสวยงาม บนดาดฟ้าเรือมีกลุ่มคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือหญิงสาวร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่ยืนคุมงานอยู่ เธอมีผมสีแดงเพลิงราวกับเปลวไฟมัดรวบไว้หลวมๆ ดวงตาสีเขียวมรกตคมกริบมองตรงมายังพวกเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ชุดหนังเข้ารูปสีดำขับเน้นรูปร่างที่สมส่วนและเต็มไปด้วยมัดกล้ามบ่งบอกถึงการฝึกฝนอย่างหนัก ข้างเอวของเธอมีดาบโค้งเล่มงามเหน็บอยู่
“ลองไปคุยกับเรือลำนั้นดูไหม?” เอลาร่าเสนอ “ท่าทางพวกเขาดูไม่เหมือนพวกขี้ขลาด”
ก่อนที่ลีอาน่าจะได้ตอบ ชายชราคนหนึ่งท่าทางเหมือนต้นหนเรือก็เดินลงมาจากเรือลำนั้น เขาเห็นกลุ่มของลีอาน่าที่กำลังมองมายังเรือของพวกเขาด้วยท่าทีสนใจจึงเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงห้าวๆ แต่ก็เป็นมิตร “มองหาเรืออยู่รึ พ่อหนุ่มแม่สาว? พวกเรา ‘วายุคำรณ’ กำลังจะออกเดินทางในอีกไม่ช้า ถ้าจุดหมายไม่ไกลเกินไปนัก บางทีเราอาจจะพอช่วยได้”
ลีอาน่ามองหน้าเพื่อนทั้งสองคนแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป “พวกเราต้องการเดินทางไปยัง… สุสานเรืออับปางค่ะ”
คำพูดนั้นทำให้ชายชราและหญิงสาวผมแดงที่เดินตามลงมาสมทบถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 21 แสงยามค่ำคืนและเงื่อนงำในความทรงจำ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 20 เสียงสะท้อนในหอศิลป์ลอยฟ้า มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 19 รอยแผลในความทรงจำ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 18 ราชโองการ เปลวสงคราม และพันธมิตรใหม่ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 17 ตัวตนของเรเวน พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 16 สังเวยเลือดอัญเชิญอสูร พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 15 สามก๊กสังหาร ณ สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 14 ร่องรอยเลือด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 13 เทียบท่า...สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 12 การเดินทางอันตรายสู่เกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 11 คำเตือนจากเงามืด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 10 ฝ่าคมเขี้ยวอสูรแมงมุม พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 9 เสียงเพรียกจากเกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 8 เสียงกระซิบจากซากเรือรบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 7 เงื่อนงำในม่านหมอก พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 6 พันธสัญญาแห่งการเริ่มต้น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 5 เมื่อความตายไม่ใช่จุดจบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 4 อเวจีในเศษซากวิญญาณ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 3 ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 2 การทรยศกลางเปลวเพลิง พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 1 เงาในหมู่ผู้เล่น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำการแตกสลาย (Rewrite) พฤษภาคม 30, 2025
MANGA DISCUSSION