ตอนที่ 4 อเวจีในเศษซากวิญญาณ
เอซยืนพิงผนังถ้ำอันเย็นเยียบและลื่นเหนียวในเงามืดของทางเดินแคบๆ ที่เขาเพิ่งถอยร่นเข้ามาอย่างทุลักทุเล หัวใจของเขายังคงเต้นระรัวราวกับกลองสงครามที่ตีประโคมความตาย
อสูรกายโลกันตร์ที่ยืนตระหง่านขวางทางอยู่เบื้องหน้าในโถงถ้ำนั้น คือฝันร้ายที่กลายเป็นความจริงอันน่าสะพรึงกลัว ข้อมูลอันน้อยนิดที่ระบบแสดงผลยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังจนแทบจะบดขยี้จิตวิญญาณที่เหลือรอดของเขาให้แหลกสลายเป็นธุลี เลเวลที่คาดการณ์ว่าสูงกว่า 350 พลังชีวิตมหาศาลที่ระบบไม่สามารถคำนวณได้ และข้อมูลอื่นๆ ที่ถูกปิดกั้นหรือเสียหายจนไร้ประโยชน์… มันคือศัตรูที่เขาในสภาพนี้ไม่มีทางต่อกรได้แม้เพียงเศษเสี้ยววินาที การเผชิญหน้ากับมันคือการเดินเข้าสู่ความตายสถานเดียว
ความอ่อนแอของร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสจนแทบจะปริแตก อุปกรณ์ที่พังยับเยินจนกลายเป็นเศษขยะไร้ค่า สกิลที่ถูกผนึกจนเหมือนเป็นเพียงความทรงจำอันเลือนราง และสถานะ “ข้อมูลประสบการณ์รั่วไหลต่อเนื่อง” ที่ยังคงสูบฉีดพลังงานและตัวตนของเขาออกไปอย่างไม่หยุดยั้งราวกับท่อที่แตกไม่สามารถอุดได้… ทั้งหมดนี้ถาโถมเข้าใส่เขาพร้อมกัน ความคิดที่จะสู้ต่อดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกที่โหดร้ายที่สุด เป็นเพียงเสียงกระซิบเย้ยหยันจากก้นบึ้งของความสิ้นหวัง
“ไม่ไหว… สภาพแบบนี้… จะเอาอะไรไปสู้กับมัน…”
เอซพึมพำเสียงสั่นเครือ ดวงตาเหม่อลอยมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้า
“…มันจบแล้ว… ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว… ไม่มีทาง… ไม่มีทางรอด…”
ความมืดที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด และพร้อมจะกลืนกินเขาได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวที่ใกล้จะแตกสลายของเขา… ทางหนี… ทางหนีเดียวที่เขาพอจะนึกออกในตอนนี้ แม้จะรู้ดีว่ามันอาจจะเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ
“ล็อกเอาท์…”
เสียงนั้นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผากและแตกเป็นขุย
“ใช่… ล็อกเอาท์ออกไปก่อน… ออกไปพัก… ออกไปจากความเจ็บปวดบ้าๆ นี่สักที! ขอร้องล่ะ… ให้ข้าออกไปที! ได้โปรด!”
ความปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากความทรมานนี้มันรุนแรงเสียจนกลบความกลัวและความสิ้นหวังอื่นๆ ไปชั่วขณะ เขาต้องการเพียงแค่ได้พักผ่อนในโลกแห่งความเป็นจริง ได้หลีกหนีจากความโหดร้ายในเกมเสมือนจริงนี้ แม้จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม มันคือความหอมหวานเดียวที่เขานึกถึงได้ในห้วงนรกนี้ เป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
เขาพยายามรวบรวมสมาธิที่เหลืออยู่น้อยนิด ใช้คำสั่งเสียงที่แผ่วเบาและสั่นเครือยิ่งกว่าเดิม เสียงนั้นแทบจะจมหายไปกับเสียงหยดน้ำในถ้ำ
“ระบบ… ยืนยันคำสั่ง… ล็อกเอาท์!”
เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต กลั้นหายใจจนหน้าอกแทบระเบิด หวังเพียงจะเห็นหน้าต่างยืนยันการออกจากระบบปรากฏขึ้น ปิดฉากความทรมานนี้ลงเสียที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นเสียงแจ้งเตือนอิเล็กทรอนิกส์อันเย็นชาและไร้ความรู้สึกเดิมๆ ที่เขาเคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง และมันก็เป็นเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้ เสียงที่เหมือนค้อนทุบลงบนเศษเสี้ยวความหวังสุดท้ายของเขา:
[คำสั่งไม่สามารถดำเนินการได้]
[สถานะผู้เล่น: อยู่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัย/เขตต้องห้าม (Unsafe Zone/Restricted Area) – การเข้าถึงระบบภายนอกถูกปฏิเสธโดยสมบูรณ์]
[การออกจากระบบถูกจำกัดในพื้นที่นี้เพื่อความปลอดภัยของผู้เล่นและป้องกันการแทรกแซงข้อมูล – นี่คือคำเตือนสุดท้าย]
“อะไรนะ!?”
เอซเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ หัวใจที่เคยเต้นแรงด้วยความหวังเล็กๆ พลันหยุดเต้นไปชั่วขณะ ก่อนจะหล่นวูบลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า ความเย็นเยียบแล่นจับขั้วหัวใจจนชาไปทั้งร่าง
“ล็อกเอาท์ไม่ได้… อีกแล้วงั้นเหรอ!? หมายความว่ายังไงกันแน่!? คำเตือนสุดท้ายงั้นเหรอ!? พวกแกจะทำอะไรข้า!?”
เขาพยายามอีกครั้ง ตะโกนออกไปสุดเสียงที่แหบแห้งจนแทบไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“ระบบ! ยืนยันคำสั่ง! ล็อกเอาท์เดี๋ยวนี้! ฉันสั่งให้ออกจากระบบ! ได้ยินไหม!? ไอ้ระบบเฮงซวย! ปล่อยข้าออกไป! ปล่อยกูไปเดี๋ยวนี้!”
[คำสั่งซ้ำซ้อน: ไม่สามารถดำเนินการได้ – ผู้เล่นอยู่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัย/เขตต้องห้าม – การพยายามฝ่าฝืนอาจส่งผลกระทบต่อสถานะคอร์ของผู้เล่นโดยตรง]
[โปรดเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่กำหนดไว้สำหรับการออกจากระบบ – หากยังมีพื้นที่ดังกล่าวอยู่]
“พื้นที่ปลอดภัยงั้นเหรอ!?”
เอซตะคอกใส่ความว่างเปล่าด้วยความเดือดดาลและสิ้นหวังจนแทบคลั่ง เสียงของเขาแตกพร่าและสั่นเครือ
“ในนรกขุมนี้มันจะมีพื้นที่ปลอดภัยให้ข้าได้ยังไงวะ! ไอ้เกมเวรตะไล! ไอ้ระบบบัดซบ! พวกแกมันจงใจ! จงใจจะขังข้าไว้ที่นี่! ให้ข้าตายอยู่ที่นี่!”
ความหวังสุดท้ายที่จะได้หลุดพ้นจากความทรมานนี้พังทลายลงต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เหลือชิ้นดี ความจริงอันโหดร้ายกระแทกเข้าใส่เขาอย่างจัง… เขาไม่ได้แค่บาดเจ็บสาหัส เลเวลลดฮวบ อุปกรณ์พังยับ และถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเท่านั้น แต่เขายังถูก “ขัง” อยู่ในสถานที่อัปมงคลแห่งนี้อย่างแท้จริง! ไม่สามารถหนีออกไปได้แม้กระทั่งการล็อกเอาท์! มันคือกับดัก คือคุก คือขุมนรกที่พวก ‘เงาพิฆาต’ สร้างขึ้นเพื่อทรมานเขาจนตายอย่างช้าๆ!
“นี่มัน…กับดักชัดๆ! พวกมันวางแผนไว้หมดแล้ว! ไอ้พวกชั่ว!”
เอซกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนแทบจะปริแตก ความรู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุมและไร้ทางหนีมันบีบคั้นหัวใจของเขาจนแทบจะแหลกสลาย น้ำตาแห่งความอัปยศ ความโกรธแค้น และความสิ้นหวังสุดขีดเริ่มไหลรินอาบแก้ม
“ทำไม… ทำไมต้องเป็นข้า! ข้าไปทำอะไรให้พวกแก!”
นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว! เกมบ้าๆ นี่มันกำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของเขากันแน่! หรือว่านี่คือจุดจบของเขาจริงๆ? ตายอย่างโดดเดี่ยวและน่าสมเพชในถ้ำมืดๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจดจำ…
ความมืดมิดรอบตัวดูเหมือนจะยิ่งหนาแน่นและกดดันมากขึ้นทุกขณะ กลืนกินทุกสรรพสิ่ง เสียงหยดน้ำและเสียงลมหวีดหวิวในถ้ำฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะเยาะเย้ยในความโง่เขลาและความอ่อนแอของเขา เสียงกระซิบจากความมืดที่เริ่มแยกไม่ออกว่าจริงหรือหลอน
“แกจะตายอยู่ที่นี่… เอซ… ตายอย่างทรมาน… อย่างช้าๆ… และไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของแก…”
“ฮึ…ฮึๆ…ฮ่าๆๆๆ!”
เอซเริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น สิ้นหวัง และความปวดร้าวแสนสาหัส มันดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งถ้ำ สร้างบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
“อยากจะขังข้าไว้นักใช่ไหม… อยากจะเห็นข้าตายอย่างทรมานในที่แบบนี้ใช่ไหม… ได้! ถ้าพวกแกอยากจะเล่นสงครามประสาทกับข้านัก… ข้าก็จะสู้ให้ถึงที่สุด! ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้ให้พวกแกได้เห็น! ข้าจะลากพวกแกทุกคนลงนรกไปพร้อมกับข้าให้ได้! แม้ว่าข้าจะต้องกลายเป็นปีศาจเสียเองก็ตาม! ฮ่าๆๆๆ! ได้ยินไหม! ปีศาจ! ข้าจะเป็นปีศาจที่น่ากลัวกว่าพวกแกทุกคนรวมกันเสียอีก!”
ประกายตาของเอซเปลี่ยนไปอีกครั้ง ความสิ้นหวังถูกแทนที่ด้วยความบ้าคลั่งและความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดอย่างถึงที่สุด ในเมื่อไม่มีทางหนี… เขาก็ต้องสู้! สู้ด้วยทุกสิ่งที่เหลืออยู่ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเพียงเศษซากของจิตวิญญาณที่แตกสลายก็ตาม!
ทว่า แม้จิตใจจะลุกโชนด้วยไฟแค้นและปณิธานอันบ้าคลั่ง สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดพื้นฐานก็ร้องเตือนขึ้นมา ร่างกายของเขากำลังประท้วงอย่างหนัก ความกระหายน้ำที่ถูกระงับไว้ด้วยความตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ บัดนี้มันกลับมารุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า คอของเขาแห้งผากจนเหมือนกระดาษทราย ลิ้นฝืดเฝื่อนจนรับรสไม่ได้ และพลังชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดก็พร้อมจะดับวูบได้ทุกเมื่อ ราวกับเปลวเทียนที่ใกล้จะหมดไส้
“อึก… น้ำ… ข้าต้องการน้ำ… อย่างน้อยก็ขอให้น้ำมันช่วยดับไฟในอกข้าได้บ้าง…”
“ก่อนอื่น… ต้องหาน้ำดื่ม… แล้วก็… พักสักหน่อย”
เอซตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แม้จะยังคงเดือดดาลกับชะตากรรมที่ถูกยัดเยียด แต่เขารู้ดีว่าถ้ายังฝืนต่อไป มีหวังได้ตายก่อนที่จะได้ทำอะไรแน่ๆ ตายอย่างน่าสมเพชโดยที่ยังไม่ได้ชำระแค้น
“ข้ายังตายไม่ได้… ยังตายไม่ได้! พวกมันต้องชดใช้!”
เขาค่อยๆ ถอยกลับเข้าไปในทางเดินแคบๆ ที่เขาเพิ่งเดินผ่านมาอย่างระมัดระวังที่สุด ทุกย่างก้าวเชื่องช้าและหนักอึ้ง พยายามไม่ให้เกิดเสียงใดๆ ที่จะดึงดูดความสนใจของอสูรกายโลกันตร์ที่อาจยังวนเวียนอยู่ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ปริแยก
“อ๊ากกก! เจ็บ! เจ็บจนอยากจะควักหัวใจออกมา! แต่ข้าต้องทน!”
แต่ความคิดที่จะได้ดื่มน้ำก็ช่วยผลักดันให้เขาก้าวต่อไปอย่างยากลำบาก
เขาเดินย้อนกลับไปตามเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ที่เคยเป็นเพื่อนนำทางในตอนแรก ในที่สุด เขาก็มาถึงจุดที่เขาตื่นขึ้นมาครั้งแรก ข้างโขดหินขนาดใหญ่และลำธารสายเล็กๆ ที่มีน้ำสีคล้ำเหมือนเลือดเก่าไหลผ่าน
เอซทรุดตัวลงนั่งข้างลำธารอย่างหมดแรง มือที่สั่นเทาและเปรอะเปื้อนเลือดแห้งกรังค่อยๆ วักน้ำขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย ความเย็นของน้ำช่วยบรรเทาความแห้งผากในลำคอได้เพียงเล็กน้อย แต่รสชาติของมันกลับเฝื่อนปร่าและมีกลิ่นดินโคลนปะปนกับกลิ่นสนิมโลหะจางๆ อย่างน่าสะอิดสะเอียน มันเหมือนดื่มน้ำครำจากนรก
“แค่ก…แค่ก… รสชาติหมาไม่แดก! แต่อย่างน้อยก็เป็นน้ำ… หวังว่าคงไม่เป็นพิษนะ… หรือถ้าเป็นพิษ ก็ขอให้ตายเร็วๆ หน่อยแล้วกัน… ข้าเหนื่อยเหลือเกิน…”
เขาคิดในใจอย่างสิ้นหวังและเหนื่อยหน่าย พลางดื่มเข้าไปอีกหลายอึก กลืนความขมเฝื่อนนั้นลงคอไปพร้อมกับความเจ็บปวดและความขยะแขยง
ทันทีที่น้ำสัมผัสกับกระเพาะที่ว่างเปล่าและบอบช้ำของเขา ร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรง เอซรู้สึกคลื่นไส้จนหน้ามืด เขาโก่งคออาเจียนอย่างหนักหน่วง
“อ้วกกกก! แหวะะะ! อ่อกกก!”
ของเหลวสีคล้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปพร้อมกับน้ำดีสีเหลืองขมปร่าและเศษเลือดที่คั่งค้างอยู่ภายในพุ่งทะลักออกมาเปรอะเปื้อนพื้นหินเบื้องหน้า เขารู้สึกเหมือนเครื่องในทั้งหมดกำลังจะถูกขย้อนออกมา กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของอาเจียนคลุ้งจนแทบสำลัก ทุกครั้งที่อาเจียน บาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าอกก็ปริแยกจนเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาอีกระลอก
“อ๊าาาากกก! บาดแผล! มันจะฉีกออกแล้ว! ทรมาน! ทรมานเหลือเกิน! พอแล้ว! ได้โปรดพอที!”
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เขากัดฟันแน่นจนกรามสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากด้วยความทรมานอย่างสุดแสน
หลังจากอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงจนไม่มีอะไรจะออกมาอีกนอกจากลม เอซก็ทรุดฮวบลงกับพื้นหินอย่างหมดเรี่ยวแรง เขานอนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายสั่นเทิ้มราวกับลูกนกที่ถูกพายุซัด ความตายดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม มันกำลังอ้าแขนรอรับเขาอย่างใจเย็น แต่แล้ว… ท่ามกลางความเจ็บปวดที่ใกล้จะดับลมหายใจ เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไป…
ความรู้สึกอุ่นวาบจางๆ เริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณบาดแผลที่หน้าอก มันไม่ใช่ความร้อนจากอาการอักเสบ แต่เป็นความรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างกำลังซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ฉีกขาดอย่างเชื่องช้า… ช้าเหลือเกิน… ช้าจนแทบจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตอนแรก แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเลือดที่เคยไหลทะลักออกมาเริ่มซึมน้อยลง ปากแผลที่เคยอ้ากว้างเริ่มสมานตัวทีละนิด… ทีละเศษเสี้ยวของมิลลิเมตร มันเป็นการฟื้นฟูที่ทรมานและเชื่องช้าอย่างที่สุด ราวกับกำลังถูกหนอนนับพันตัวค่อยๆ ชอนไชเย็บแผลให้เขาอย่างช้าๆ โดยไม่มียาชา
“อึ่ก… อ๊า… มัน… มันกำลัง… สมาน… แต่ทำไมมันถึงเจ็บปวดอย่างนี้…”
และในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนหน้าต่างสถานะที่กะพริบอยู่ตรงมุมสายตา… ตัวอักษรสีแดงที่เคยแจ้งเตือนสถานะ “ข้อมูลประสบการณ์รั่วไหลต่อเนื่อง” มัน… มันหายไปแล้ว! หายไปอย่างเงียบงันไร้ร่องรอย
หัวใจของเอซกระตุกวูบหนึ่ง ความประหลาดใจเล็กๆ แทรกผ่านความรู้สึกชาชินและความสิ้นหวัง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะแม้การรั่วไหลของประสบการณ์จะหยุดลง ซึ่งอาจหมายความว่าเลเวลของเขาจะไม่ลดลงไปต่ำกว่า เลเวล 25 ที่น่าสมเพชนี้อีกแล้ว (หากเขายังมีชีวิตรอดพอที่จะได้ใช้มัน) แต่มันจะมีความหมายอะไร? ในเมื่อสภาพร่างกายและจิตใจของเขามันเกินกว่าคำว่าย่ำแย่ไปไกลโข มันคือเศษซาก คือความว่างเปล่า
“หยุดแล้ว… แล้วไงล่ะ? แล้วมันจะเปลี่ยนอะไรได้!? หรือนี่คือการเล่นตลกอีกอย่างของพวกแก!?”
น้ำที่ดื่มเข้าไป (และอาเจียนออกมาจนหมด) ไม่ได้ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตที่ใกล้จะหมดหลอดแม้แต่น้อย มันแค่ช่วยให้คอที่แห้งผากชุ่มชื้นขึ้นชั่วขณะก่อนจะถูกขับออกมา แต่ความอ่อนล้าอย่างสุดขีดกลับถาโถมเข้าใส่เขารุนแรงกว่าเดิม ราวกับว่าร่างกายได้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดชั่วขณะเพียงเพื่อจะตระหนักถึงความเสียหายที่แท้จริงทั้งหมด กล้ามเนื้อทุกมัดปวดเมื่อยจนแทบขยับไม่ได้ กระดูกทั่วร่างลั่นกรอบแกรบทุกครั้งที่หายใจ ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หน้าอกซึ่งกำลัง “ฟื้นฟู” อย่างเชื่องช้าและทรมานนั้น ยังคงแผ่ซ่านราวกับไฟนรกที่ไม่มีวันมอดดับ เผาผลาญสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขาให้มอดไหม้
“ไม่ไหวแล้ว… ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ… ปล่อยข้าไปเถอะ… ปล่อยข้าไปตายอย่างสงบ…”
จิตใจของเขาตึงเครียดจนแทบระเบิด ความพยายามที่จะล็อกเอาท์แล้วล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพใบหน้าอันเหี้ยมเกรียมของเร็กซ์ เสียงกรีดร้องของเพื่อนร่วมทีม ความรู้สึกถูกทรยศหักหลัง ความอัปยศอดสู ทั้งหมดมันวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนม้าหมุนที่ไม่มีวันหยุด ความคิดฟุ้งซ่านจนแทบควบคุมไม่ได้ จิตใจของเขาเปราะบางราวกับแก้วที่พร้อมจะแตกละเอียดได้ทุกเมื่อ
[เริ่มฉากจิตตกที่เพิ่มความเข้มข้นสูงสุด ครั้งที่ 5 – เน้นความกดดัน สิ้นหวัง บทตะโกน และการสูญเสียตัวตน]
ทันใดนั้น โลกของเอซก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ผนังถ้ำไม่ได้เป็นเพียงผนังถ้ำอีกต่อไป มันคือกระเพาะของอสูรกายขนาดยักษ์ที่กำลังบีบรัดเขาอย่างช้าๆ ลมหายใจของมันคือกลิ่นอับชื้นและกลิ่นกำมะถันที่รุนแรงเสียจนเขารู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงไปในบ่อของเหลวเน่าเฟะที่ไม่มีก้นบึ้ง หินงอกหินย้อยกลายเป็นเขี้ยวเล็บที่แหลมคมและเปื้อนเลือดเก่าที่พร้อมจะฉีกกระชากเนื้อหนังของเขาได้ทุกเมื่อ ทุกตารางนิ้วของถ้ำนี้คือความตาย คือความทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ที่นี่มันนรก! นรกชัดๆ! ข้าอยู่ในนรก! ข้ากำลังถูกย่อยสลาย! อ๊ากกก! ร้อน! มันร้อนเหลือเกิน!”
ภาพหลอนของเร็กซ์ไม่ได้เป็นเพียงใบหน้าที่แสยะยิ้มอีกต่อไป แต่มันคือตัวตนของเร็กซ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ ร่างกายของมันบิดเบี้ยวผิดส่วน ดวงตาแดงก่ำลุกเป็นไฟราวกับถ่านนรก มันหัวเราะเสียงแหบโหย เสียงนั้นกรีดลึกลงไปในแก้วหู ทะลุทะลวงเข้าไปในสมอง
“ดูสารรูปแกสิ เอซ… น่าสมเพชยิ่งกว่าหนอนแมลงวันเสียอีก! จิตวิญญาณของแกมันเน่าเฟะไปพร้อมกับร่างกายที่ใกล้จะพังนั่นแล้ว! แกมันไม่ใช่แค่อ่อนแอ แต่แกมันคือความว่างเปล่า! คือความผิดพลาดที่น่าขยะแขยง! คือสิ่งที่ไม่มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่! ตายซะ! ตายไปซะเอซ! ไม่มีใครต้องการแกอีกแล้ว! ไม่มีใครรักแก! ไม่มีใครสนใจแก!”
ทุกคำพูดคือตะปูที่ตอกย้ำลงบนโลงศพของความเป็นมนุษย์ของเขา
“หุบปาก! หุบปากนะโว้ย! ไอ้สารเลว! แกมันปีศาจ! แกต่างหากที่สมควรตาย! ข้าจะฆ่าแก! ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ! ข้าจะควักหัวใจแกออกมาบดขยี้!”
เอซตะโกนสุดเสียง แต่เสียงที่ออกมากลับแหบพร่าและแผ่วเบาเหมือนเสียงแมลงหวี่ที่กำลังจะตาย เขาพยายามยกมือกุมหัว แต่แขนขากลับหนักอึ้งเหมือนถูกตรึงด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น ร่างกายของเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งอีกต่อไป มันกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อที่ทรยศ เป็นภาระที่เขาต้องแบกรับอย่างทุกข์ทรมาน
“ทำไม! ทำไมข้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย! ข้าทำอะไรผิด! บอกข้าที! บอกข้าสิวะ!”
เงาของเพื่อนร่วมทีมที่ถูกสังหารไม่ได้เป็นเพียงภาพลวงตา พวกเขาลุกขึ้นมาจากพื้นดินที่เปียกแฉะ ร่างกายเน่าเปื่อยจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม หนอนและแมลงชอนไชยั้วเยี้ยไปตามโพรงตาและปากที่อ้าค้าง พวกเขายื่นมือที่เหลือแต่กระดูกและเศษเนื้อเน่าๆ มาทางเอซ ดวงตาที่โบ๋กลวงจ้องมองมาที่เขาด้วยความว่างเปล่าอันน่าสะพรึงกลัว
“ทำไม… ทำไมแกถึงยังมีชีวิต… ในเมื่อพวกเราต้องตายอย่างทรมาน… แกมันเห็นแก่ตัว… แกมันขี้ขลาด… แกมันสมควรถูกฉีกเป็นชิ้นๆ… ให้พวกเราได้ลิ้มรสความตายของแกบ้าง… มาสิ… มาเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา… ในความมืดมิดนี้… มาทรมานด้วยกัน! มาเน่าเปื่อยด้วยกัน! มากรีดร้องด้วยกัน!”
เสียงกระซิบนั้นไม่ได้มาจากภายนอก แต่มันดังก้องมาจากส่วนลึกที่สุดในจิตใจของเขาเอง ราวกับว่าส่วนหนึ่งของตัวเขาเห็นด้วยกับคำสาปแช่งเหล่านั้น มันคือเสียงเรียกจากอเวจีที่เขาไม่อาจต้านทาน
“ไม่! ไม่จริง! ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ข้าพยายามแล้ว! ปล่อยข้าไป! ได้โปรดปล่อยข้าไป! อย่าทรมานข้าอีกเลย! ข้าขอโทษ! ข้าขอโทษ!”
เอซร่ำไห้ออกมาเป็นสายเลือด (หรืออย่างน้อยเขาก็รู้สึกเช่นนั้น น้ำตาของเขาปะปนกับเลือดที่ไหลซึมจากรอยขีดข่วน) เขาพยายามดิ้นรน แต่ร่างกายกลับแข็งทื่อเหมือนถูกสาป เขาเริ่มทุบหัวตัวเองกับพื้นหินอย่างแรงซ้ำๆ
“อ๊ากกก! เจ็บ! แต่ยังไม่พอ! ต้องเจ็บกว่านี้! ให้มันแตกไปเลย! ให้สมองข้ามันไหลออกมา! ให้ข้าตาย! ให้ข้าตายไปซะที!”
เสียงกะโหลกกระทบกับหินดังกึกๆ อย่างน่าหวาดเสียว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันรุนแรงจนแทบจะทำให้สติดับวูบ แต่มันก็ยังไม่สามารถกลบเสียงสาปแช่งในหัวของเขาได้
“มันไม่ใช่ความผิดของข้า! ไม่ใช่! พวกแกมันอ่อนแอเอง! พวกแกมันสมควรตาย! ตาย! ตายให้หมด! ตายกันให้หมดเลย! แล้วทิ้งข้าไว้คนเดียวทำไม! ทำไม! ทำไม!”
เขาเริ่มสบถโทษทุกสิ่งทุกอย่าง ปากคอเริ่มบิดเบี้ยว น้ำลายเหนียวหนืดไหลยืดออกจากมุมปาก ดวงตาเหลือกถลนจนเห็นแต่ตาขาว เส้นเลือดในตาแตกปริ
“ข้าเกลียดพวกแก! เกลียด! เกลียดที่สุด! เกลียดโลกนี้! เกลียดตัวเอง! เกลียดทุกอย่าง!”
เขากรีดร้องสลับกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของเขาสูงแหลมและฟังดูวิปลาสเสียจนไม่เหมือนเสียงของมนุษย์อีกต่อไป มันคือเสียงของอสูรกายที่กำลังถูกปลดปล่อยจากก้นบึ้งของจิตใจ
“แสง… แสงมันอยู่ที่ไหน… ทำไมมันมืดอย่างนี้… ฮ่าๆๆ… ไม่มีแสง… ไม่มีทางออก… มีแต่ความมืดกับความตาย! และข้าคือส่วนหนึ่งของมัน! ข้าคือความมืด! ข้าคือความตาย! ข้าคือความว่างเปล่า! ข้าคือความเจ็บปวด! อ๊ากกก~!”
เขาพยายามใช้เล็บจิกข่วนใบหน้าและลำคอของตัวเอง แต่เล็บของเขากลับอ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้ง เขาอยากจะควักลูกตาที่เห็นแต่ภาพหลอนน่าสะพรึงกลัวนี้ทิ้งไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด อยากจะทำลายทุกส่วนของร่างกายที่น่ารังเกียจนี้ แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ราวกับว่ามันกำลังเย้ยหยันความพยายามที่จะทำลายตัวเองของเขา มันกำลังบอกว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปในสภาพนี้
“ทำไม! ทำไมข้าทำอะไรไม่ได้เลย! ไอ้ร่างกายบัดซบ! ไอ้จิตใจขี้ขลาด! ข้าเกลียดแก! เอซ! ข้าเกลียดแก! เกลียด! เกลียด! เกลียด!”
ความรู้สึกขยะแขยงตัวเองพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงจนแทบจะสำรอกเอาเครื่องในออกมา เขาคือความล้มเหลว เขาคือคนทรยศ เขาคือสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในจักรวาลนี้ เขาไม่สมควรมีชีวิตอยู่ เขาควรจะถูกลบหายไปจากความทรงจำของทุกคน เขาควรจะเน่าเปื่อยอยู่ในความมืดมิดนี้ไปชั่วนิรันดร์ จิตวิญญาณของเขากำลังถูกกัดกินจนไม่เหลือชิ้นดี
“ข้ามันไร้ค่า… ไร้ค่าสิ้นดี… เป็นแค่เศษขยะ… ที่รอวันถูกเผาทำลาย… ไม่มีใครต้องการข้า… ไม่มี…”
สติสัมปชัญญะของเอซแตกสลายเป็นผุยผง เขากรีดร้องออกมาเป็นเสียงสุดท้าย เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของมนุษย์อีกต่อไป มันคือเสียงของจิตวิญญาณที่ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด คือเสียงของความสิ้นหวังอันไร้ที่สิ้นสุด คือเสียงโหยหวนจากก้นบึ้งของอเวจี “อ๊ากกก~!” ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง… โลกทั้งใบของเขากลายเป็นสีดำสนิท ทิ้งไว้เพียงร่างกายที่สั่นกระตุกเกร็ง ชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา ปัสสาวะและอุจจาระไหลนองออกมาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และเสียงครางแผ่วเบาที่ฟังดูเหมือนเสียงลมหายใจสุดท้ายในความเงียบอันน่าสะพรึงกลัวของถ้ำ
[จบฉากจิตตกที่เพิ่มความเข้มข้นสูงสุด ครั้งที่ 5]
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความบ้าคลั่งอันมืดมิดที่สุดไปนานเท่าใดก็ไม่อาจทราบได้ สติที่เลือนรางของเอซก็ค่อยๆ กลับคืนมาอย่างช้าๆ เขานอนขดตัวอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบ ร่างกายยังคงสั่นสะท้านจากอาการช็อกและความเหนื่อยล้าสุดขีด ความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันพร่าเลือนเหมือนฝันร้ายที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แต่ความรู้สึกเจ็บแสบจากรอยขีดข่วนบนใบหน้าและลำคอ กลิ่นเหม็นของเสียที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าและร่างกาย และความปวดร้าวในจิตใจที่ยังคงกัดกินอยู่ เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาได้ผ่านพ้นขุมนรกที่แท้จริงมาแล้ว และบางส่วนของเขาก็ได้ตายจากไปในนั้น
“ฮ่า… ฮ่า… หยุดรั่วไหลแล้วงั้นเหรอ…”
เอซแค่นหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง เสียงนั้นแหบโหยและฟังดูน่าสมเพช เสียงหัวเราะที่ไร้ซึ่งความสุข มีแต่ความว่างเปล่า
“แล้วมันจะช่วยอะไรได้… ในเมื่อข้ายังติดอยู่ในนรกนี่… ยังต้องเจอกับไอ้ตัวบ้านั่น… ยังไม่มีอะไรเลย… ไม่มีเลยสักอย่าง! หรือว่านี่คือรางวัลสำหรับการทนทุกข์ทรมานของข้างั้นรึ? น่าหัวเราะสิ้นดี!”
ความหวังเพียงเล็กน้อยจากการหยุดรั่วไหลของข้อมูลและบาดแผลที่เริ่มสมานตัวอย่างเชื่องช้า ถูกบดบังด้วยความเจ็บปวดทางกายและความทรมานทางใจที่รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า แม้สถานะ “ข้อมูลประสบการณ์รั่วไหล” จะหยุดไปแล้ว และการฟื้นฟูค่าประสบการณ์ก็ยังถูกจำกัดอย่างมาก แต่ความมุ่งมั่นที่เคยลุกโชนด้วยความบ้าคลั่งเมื่อครู่ บัดนี้มันถูกกดทับด้วยความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจที่ถึงขีดสุด เหลือเพียงถ่านคุแดงๆ ที่พร้อมจะมอดดับได้ทุกเมื่อ และความรู้สึกที่ว่าทุกอย่างมันไร้ความหมาย
“เอาล่ะ… มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกันแน่… ไอ้พวกสารเลว ‘เงาพิฆาต’!”
ประโยคที่เคยตะโกนก้องด้วยความบ้าคลั่ง บัดนี้มันเป็นเพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบา เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายและปณิธานอันเยือกเย็นที่ถูกบีบคั้นจนถึงที่สุด ปณิธานที่เกิดจากความสิ้นหวัง ไม่ใช่ความหวัง
บัดนี้เหลือเพียงเงาของตัวตนที่แหลกสลาย จิตวิญญาณถูกฉีกกระชากจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ความมืดมิดเบื้องหน้าเต็มไปด้วยอันตรายและความไม่แน่นอนที่เกินจะหยั่งถึง ภายในใจที่แตกสลายและว่างเปล่านั้น ความอาฆาตแค้นที่บิดเบี้ยวและความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดอย่างทุรนทุรายเกาะกุมอยู่ มันไม่ใช่ปณิธานอันสูงส่ง แต่เป็นเพียงสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่กระซิบสั่งให้เขาต้องลากสังขารผุพังนี้ต่อไปในความทรมาน แม้ว่าทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจจะเหมือนตกนรกทั้งเป็นก็ตาม
Chapters
Comments
- ตอนที่ 21 แสงยามค่ำคืนและเงื่อนงำในความทรงจำ 2 วัน ago
- ตอนที่ 20 เสียงสะท้อนในหอศิลป์ลอยฟ้า 2 วัน ago
- ตอนที่ 19 รอยแผลในความทรงจำ 2 วัน ago
- ตอนที่ 18 ราชโองการ เปลวสงคราม และพันธมิตรใหม่ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 17 ตัวตนของเรเวน พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 16 สังเวยเลือดอัญเชิญอสูร พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 15 สามก๊กสังหาร ณ สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 14 ร่องรอยเลือด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 13 เทียบท่า...สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 12 การเดินทางอันตรายสู่เกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 11 คำเตือนจากเงามืด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 10 ฝ่าคมเขี้ยวอสูรแมงมุม พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 9 เสียงเพรียกจากเกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 8 เสียงกระซิบจากซากเรือรบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 7 เงื่อนงำในม่านหมอก พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 6 พันธสัญญาแห่งการเริ่มต้น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 5 เมื่อความตายไม่ใช่จุดจบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 4 อเวจีในเศษซากวิญญาณ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 3 ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 2 การทรยศกลางเปลวเพลิง พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 1 เงาในหมู่ผู้เล่น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำการแตกสลาย (Rewrite) พฤษภาคม 30, 2025
MANGA DISCUSSION