ตอนที่ 3 ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด
บทที่ 3: ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด
เสียง “ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!” ที่ดังซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องและน่ารำคาญ แทรกซึมผ่านความมืดมิดเข้าสู่ระบบประสาทสัมผัสของเอซ มันเป็นเหมือนเสียงกระซิบจากยมทูตที่กำลังนับถอยหลัง ลากดึงสติที่เลือนลางของเขาให้ตื่นขึ้นมารับรู้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ราวกับถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงมาในขุมนรกแห่งนี้
ระบบหายใจของเขาทำงานติดขัดอย่างรุนแรง ทุกครั้งที่พยายามสูดอากาศเข้าไป ก็รู้สึกเหมือนมีเศษแก้วแหลมคมนับพันทิ่มแทงในอก ลมหายใจตื้นเขินจนแทบขาดห้วง เขารู้สึกได้ถึงพลังงานชีวภาพที่อ่อนเปลี้ยเต็มที ใกล้จะดับสูญ สัญชาตญาณกรีดร้องเตือนด้วยความหวาดผวาว่าเขากำลังอยู่ในโซนอันตรายระดับสูงสุด!
เขาลองขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับมีแผ่นเหล็กหลอมทับไว้ แสงสลัวๆ เพียงน้อยนิดที่ลอดผ่านเข้ามา ทำให้เขามองเห็นภาพเบื้องหน้าได้เลือนรางและบิดเบี้ยว เต็มไปด้วยจุดรบกวนสัญญาณสีแดงกะพริบถี่ๆ
ร่างของเขานอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นหินที่เย็นเฉียบเสียดกระดูกและขรุขระจนรู้สึกได้ถึงความแหลมคมของมันบาดผิวหนังทะลุชุดเกราะที่ขาดวิ่น ข้างกายคือโขดหินขนาดใหญ่ที่เปียกชื้นและลื่น มีเมือกเหนียวๆ ปกคลุมบางส่วน และติดกันนั้นคือลำธารสายเล็กๆ ที่มีน้ำสีคล้ำเหมือนเลือดเก่าไหลเอื่อยๆ ผ่านไปในความมืดมิดอย่างไร้จุดหมาย กลิ่นอับชื้นของดิน กลิ่นสนิมโลหะจางๆ และกลิ่นประหลาดคล้ายกำมะถันที่รุนแรงขึ้นโชยมาแตะจมูก ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้จนแทบอาเจียน เสียงหยดน้ำที่ไหนสักแห่งดังเป็นจังหวะซ้ำๆ ก้องสะท้อนไปมาในความเงียบอันน่าอึดอัด ผสมกับเสียงน้ำไหลซ่าๆ สร้างบรรยากาศที่วังเวง เย็นยะเยือก และน่าขนลุกจนแทบหยุดหายใจ
เอซพยายามรวบรวมสติและเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายที่อาจจะไม่มีเหลือ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าอกก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับถูกกระชากเครื่องในออกมาทั้งเป็น เขาทรุดลงไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงครางต่ำในลำคออย่างทรมาน
เขาก้มมองบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัวบนหน้าอก เลือดสีแดงคล้ำยังคงไหลซึมออกมาไม่หยุด ย้อมชุดเกราะหนังที่ขาดวิ่นของเขาจนเปียกโชก และที่น่าขนหัวลุกยิ่งกว่านั้นคือ เขาสังเกตเห็นตัวเลขและสัญลักษณ์ดิจิทัลสีเขียวเรืองรองแปลกๆ ขนาดเล็กจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังไหลปะปนออกมากับของเหลวเหล่านั้นเป็นสาย ราวกับข้อมูลดาต้าสำคัญบางอย่างกำลังรั่วไหลออกจากระบบร่างกายของเขาอย่างควบคุมไม่ได้! มันคือเศษเสี้ยวของพลังงานและประสบการณ์ที่กำลังจะสูญสลายไป!
“อึ่ก… นี่มัน… โลเคชั่นไหนวะเนี่ย…”
เอซพึมพำกับตัวเอง เสียงของเขาแหบแห้งและสั่นเครือจนแทบจะจับใจความไม่ได้
“…แล้วไอ้สัญลักษณ์บ้าๆ พวกนี้มัน…อะไรกันแน่… หรือว่า…”
ความจริงอันโหดร้ายเริ่มกระแทกเข้าใส่จิตใจของเขา
เขามองไปรอบๆ อย่างสิ้นหวัง เห็นเพียงผนังถ้ำที่ขรุขระและมืดมิดทึบตัน หินงอกหินย้อยรูปร่างประหลาดห้อยลงมาจากเพดานราวกับเขี้ยวของอสูรกาย ไม่มีวี่แววของทางออกหรือแสงสว่างใดๆ จากเบื้องบน ดูเหมือนว่าเขาจะดิ่งลงมาลึกมาก… ลึกจนกระทั่งความหวังริบหรี่ที่สุดก็ยังมองไม่เห็น หรือบางที… เขาอาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้ และที่นี่คือขุมนรกที่แท้จริงตามชื่อเรียกของมัน
ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่ระบบจะตัดการรับรู้ไปคือภาพรอยยิ้มอันชั่วร้ายของเร็กซ์ ดาบใหญ่ที่แทงทะลุคอร์พลังงานของเขา และความรู้สึกที่พลังงานและระดับเลเวลถูกดูดกลืนไปอย่างรวดเร็ว… สกิล [จิตสูบวิญญาณ (Soul Siphon)] บัดซบนั่น! ความโกรธแค้น ความอัปยศ และความสิ้นหวังพลุ่งพล่านขึ้นมาในอกอีกครั้งราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดออกมาเป็นลาวาเพลิง!
“ไอ้พวกเวรนั่น… ไอ้พวกทรยศสารเลว!”
เอซกัดฟันกรอดจนได้ยินเสียงดังกร๊อบ ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง
ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ เขาใช้คำสั่งเสียงแผ่วเบาเพื่อเปิดหน้าต่างสถานะ แสงโฮโลแกรมจางๆ ของอินเทอร์เฟซปรากฏขึ้นเบื้องหน้า สั่นไหวเล็กน้อยราวกับสัญญาณไม่ดี เผยให้เห็นรายละเอียดที่ตอกย้ำความสิ้นหวังของเขาจนแทบอยากจะล็อกเอาท์ออกจากชีวิตเฮงซวยนี้ไปซะ:
Character
Name: Ace
Race: Human
Class: Twin Blade (นักดาบคู่) – (สถานะ: ฟังก์ชันคลาสถูกจำกัดอย่างรุนแรง – ระบบไม่ตอบสนอง)
Level: 25 (ดาวน์เกรดจาก ~280 – ข้อมูลเสียหายอย่างรุนแรง)
HP: 5/540 (Critical – Danger Zone! – ระบบชีวภาพใกล้ล่มสลาย!)
Status Ailments:
[บาดแผลฉกรรจ์: แกนกลางลำตัว (Severe Wound: Torso Core)] – ส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกายและการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง – ประสิทธิภาพลดลง 95% – [มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง]
[การสูญเสียของเหลวระดับวิกฤต (Critical Fluid Loss)] – ค่าสถานะโดยรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง – [สติสัมปชัญญะเลือนราง – มีโอกาสหมดสติถาวร]
[ระบบร่างกายอ่อนแอขั้นรุนแรง (Severely Weakened System)] – ประสิทธิภาพการโจมตีและป้องกันลดลง 90% – ไม่สามารถใช้ทักษะพิเศษได้
[ผลกระทบจากสกิลต้องสาป (Cursed Skill Effect): ข้อมูลประสบการณ์รั่วไหลต่อเนื่อง (Continuous EXP Data Leak)] – ระดับเลเวลอาจลดลงได้อีก – [การฟื้นฟูค่าประสบการณ์ถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์]
Equipment
ชุดเกราะ (Armor): ชุดเกราะหนังสังเคราะห์ (Synthetic Leather Armor) – [ระบบเสียหายหนัก (Severely Damaged System)] – ความทนทาน: 1/100 – [สภาพ: เศษซาก – ไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไป]
กางเกง (Pants): กางเกงเสริมเส้นใย (Reinforced Fiber Pants) – [ระบบเสียหาย (Damaged System)] – ความทนทาน: 15/80 – ประสิทธิภาพการป้องกันลดลงอย่างมาก
รองเท้า (Boots): รองเท้าบูทคอมแบต (Combat Boots) – [ชำรุด (Worn Out)] – ความทนทาน: 30/70 – ส่งผลต่อความเร็วในการเคลื่อนที่อย่างเห็นได้ชัด
อาวุธ (Weapon): ดาบพลังงานคู่ใจ (Trusted Energy Blades) – [ออฟไลน์/สูญหาย (Offline/Lost)] – [ไม่พบสัญญาณตอบรับ]
เครื่องประดับ (Accessory): – (ไม่มี)
Skill
Active Skill: (Locked – ระดับเลเวลไม่ถึงเกณฑ์การใช้งาน – ข้อมูลสกิลเสียหายอย่างหนัก)
Passive Skill: (Locked – ระดับเลเวลไม่ถึงเกณฑ์การใช้งาน – ข้อมูลสกิลเสียหายอย่างหนัก)
ข้อมูลที่ปรากฏตรงหน้าทำให้คอร์ประมวลผลของเอซแทบจะหยุดทำงาน! ความเย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั่วร่างยิ่งกว่าอุณหภูมิในถ้ำนรกแห่งนี้เสียอีก! เลเวลที่เขาสั่งสมมาด้วยความยากลำบากนานนับปีหายไปเกือบทั้งหมด! อุปกรณ์ที่เคยเป็นดั่งส่วนหนึ่งของร่างกายก็เสียหายจนแทบจะกลายเป็นเศษขยะ ซ้ำร้ายอาวุธคู่ใจที่ใช้สังหารศัตรูนับไม่ถ้วนก็ยังหายไปอีก ฟังก์ชันสกิลต่างๆ ที่เคยเป็นความภาคภูมิใจก็ไม่สามารถใช้งานได้!
“ไอ้สกิลเวรตะไลนั่น… [จิตสูบวิญญาณ]… มันไม่ได้แค่ลดเลเวลชั่วคราว แต่มันดูดกลืนดาต้าประสบการณ์ของข้าไปอย่างถาวร! แถมยังทำให้… ข้อมูลประสบการณ์ของข้ารั่วไหลไม่หยุดอีกงั้นเรอะ!?”
ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของเอซ ทำให้ความสิ้นหวังยิ่งกัดกินจิตใจของเขาจนแทบคลั่ง! นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกรีเซ็ตระบบกลับไปเป็นผู้เล่นหน้าใหม่… ไม่สิ! มันอาจจะแย่กว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะเขายังติดอยู่ในโลเคชั่นอันตรายแห่งนี้พร้อมกับร่างกายที่ใกล้จะพังเต็มที และพลังงานที่กำลังจะหมดไปเรื่อยๆ! นี่มันไม่ใช่แค่การพ่ายแพ้… แต่มันคือการถูกทำลายจนย่อยยับ! ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือซาก!
เขาพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจที่แสนจะเจ็บปวดและเย็นเฉียบเข้าไปลึกๆ มันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้บาดแผลที่อกยิ่งปวดร้าว เขาสลัดความสิ้นหวังและความโกรธแค้นที่กำลังจะกลืนกินเขาออกไปชั่วขณะอย่างยากลำบาก
“ต้อง…ต้องทำอะไรสักอย่าง…ก่อนที่จะสิ้นใจอยู่ที่นี่อย่างน่าอนาถ…”
เอซคิดอย่างเด็ดเดี่ยว แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความมืดมิด พลางมองไปรอบๆ อย่างยากลำบาก ดวงตาพยายามปรับให้ชินกับความมืดที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ
เขาพยายามเปิดช่องเก็บของ (Inventory) ด้วยคำสั่งเสียงแผ่วเบา หวังเพียงเศษเสี้ยวของปาฏิหาริย์ว่าจะพอมีไอเทมบ้าๆ อะไรหลงเหลืออยู่บ้าง แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นในอินเทอร์เฟซช่องเก็บของก็มีเพียงความว่างเปล่าเกือบทั้งหมด! แพ็คฟื้นฟู HP ระดับสูงที่เคยมีเต็มช่อง บัดนี้เหลือเพียงแพ็คเกจเปล่าๆ ที่เปรอะเปื้อนคราบเลือดแห้งกรังไม่กี่ชิ้น อาหารและน้ำสำรองที่พกไว้เผื่อฉุกเฉินก็แทบไม่เหลือ อาวุธสำรองหรือชุดเกราะสำรองก็ไม่มี! เขาไม่เคยเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดขนาดนี้มาก่อน เพราะไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ในชีวิต! ใครมันจะไปคิดว่าผู้นำ Raid ที่ดูน่าเชื่อถือและเป็นที่เคารพ จะกลายเป็นหมาป่าในคราบแกะที่พร้อมจะฉีกกระชากลูกทีมของตัวเอง!
“บ้าชะมัด! ให้ตายสิโว้ย! อย่างน้อยก็น่าจะมีชุดปฐมพยาบาลฉุกเฉินเหลือบ้างสิวะ!”
เอซสบถออกมาอย่างหัวเสียและทุบกำปั้นลงบนพื้นหินอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อนิ้ว เขารื้อค้นในช่องเก็บของอย่างละเอียดอีกครั้ง ปัดทุกอย่างที่ไม่จำเป็นทิ้งด้วยความหงุดหงิด และในที่สุด… ปลายเล็บของเขาก็สัมผัสกับบางสิ่งที่คุ้นเคย… เศษวัสดุปิดแผลแบบเก่าที่เขาเคยเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินจริงๆ อยู่สองสามชิ้น มันดูเก่าและอาจจะไม่ได้มาตรฐานเท่าไหร่ แต่มันอาจจะไม่ดีเท่าชุดฟื้นฟูอัตโนมัติ หรือโพชั่นระดับสูง แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลยในตอนนี้!
“ยังพอมีหวัง…นิดหน่อยก็ยังดีวะ… อย่างน้อยก็ขอให้มันช่วยห้ามเลือดได้บ้างเถอะ”
ด้วยมือที่สั่นเทาและเรี่ยวแรงที่แทบจะไม่เหลือ เอซพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำแผลเบื้องต้นให้กับตัวเอง เขาใช้ฟันฉีกซองวัสดุปิดแผลอย่างทุลักทุเล เนื้อผ้ามันหยาบและเก่าจนแทบจะขาด ค่อยๆ แปะทับบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าอกอย่างช้าๆ และระมัดระวังที่สุด ทุกครั้งที่วัสดุสัมผัสกับปากแผล ความเจ็บปวดก็แล่นริ้วขึ้นมาจนเขาแทบจะกัดลิ้นตัวเองจนขาด เหงื่อกาฬเม็ดเท่าหัวแม่มือผุดขึ้นเต็มใบหน้า แต่เขาก็ยังคงกัดฟันทำต่อไป
“ต้อง…รอดไปให้ได้… ไอ้พวกเวรนั่น… พวกมันทุกคน…จะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำ! ข้าสาบานด้วยชีวิตที่เหลืออยู่นี่แหละ!”
ความคิดที่จะล้างแค้นเริ่มก่อตัวขึ้นในใจอย่างชัดเจน มันเป็นเหมือนเชื้อเพลิงสีดำทมิฬที่ปะปนไปกับความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด มันช่วยให้เขายังคงมีสติและพยายามดิ้นรนต่อไป
หลังจากปิดแผล (ที่ดูเหมือนจะช่วยห้ามเลือดได้เพียงเล็กน้อย และบรรเทาความเจ็บปวดได้บ้างเล็กน้อยจริงๆ) เสร็จ เขาก็รู้สึกอ่อนเพลียลงกว่าเดิมจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น บาดแผลยังคงปวดระบมอย่างต่อเนื่อง และสถานะ “ข้อมูลประสบการณ์รั่วไหล” ก็ยังคงปรากฏอยู่บนหน้าต่างสถานะ คอยย้ำเตือนว่าเขากำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทำให้เขารู้สึกเหมือนพลังงานและข้อมูลประสบการณ์อันล้ำค่ากำลังถูกสูบออกไปจากร่างอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน…
“อย่างน้อย…ก็ต้องรู้ว่าที่นี่มันส่วนไหนของนรกกันแน่”
เอซพึมพำกับตัวเองอย่างอ่อนล้า ลมหายใจของเขาแผ่วเบา พลางพยายามใช้คำสั่งเสียงอีกครั้ง
“เปิดแผนที่… ระบุตำแหน่งปัจจุบัน”
แสงโฮโลแกรมของแผนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาครู่หนึ่ง แต่มันก็เต็มไปด้วยสัญญาณรบกวนและข้อความแจ้งเตือนสีแดงกะพริบถี่ๆ จนน่าปวดหัว:
[ERROR: UNABLE TO DETERMINE CURRENT LOCATION – SEVERE GEOMAGNETIC INTERFERENCE DETECTED – SYSTEM NAVIGATION OFFLINE]
[MAP DATA CORRUPTED OR UNAVAILABLE FOR THIS UNCHARTED SECTOR – DANGER LEVEL: UNKNOWN]
“ให้ตายสิ… แม้แต่แผนที่ก็ยังใช้ไม่ได้! ระบบมันรวนไปหมดแล้วรึไง! หรือว่าที่นี่มัน…ไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลของเกมด้วยซ้ำ”
เอซสบถอย่างหัวเสียและสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก
เขาพยายามอีกครั้งด้วยความหวังริบหรี่สุดท้าย “เปิดรายชื่อเพื่อน… ติดต่อ… ใครก็ได้! ได้โปรด! ช่วยด้วย!”
หน้าต่างรายชื่อเพื่อนปรากฏขึ้น แต่ชื่อของเพื่อนทุกคนที่เคยออนไลน์อยู่กลับกลายเป็นสีเทาทึบ พร้อมกับสัญลักษณ์ [OFFLINE – LAST SEEN: UNKNOWN] หรือ [UNREACHABLE – CONNECTION TERMINATED – NO SIGNAL] ข้างๆ ชื่อ เอซลองกดเลือกชื่อเพื่อนสนิทสองสามคนเพื่อพยายามส่งข้อความหรือติดต่อ แต่ระบบก็แจ้งกลับมาด้วยข้อความเดิมๆ ที่เย็นชาและไร้ความหวัง: [COMMUNICATION LINK FAILED: TARGET USER IS CURRENTLY UNAVAILABLE OR OUTSIDE ESTABLISHED SERVICE AREA – ATTEMPTING TO RECONNECT… CONNECTION PERMANENTLY FAILED]
“ตัดขาด…งั้นเหรอ? หรือว่าที่นี่มัน…เป็นโซนที่ระบบเข้าไม่ถึงจริงๆ? ไม่มีใครรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่…”
ความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง และถูกทอดทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบถาโถมเข้าใส่เขาอย่างหนักหน่วงราวกับคลื่นยักษ์ ความมืดรอบตัวดูเหมือนจะหนาแน่นและกดดันขึ้นทุกขณะ กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง ระบบการมองเห็นของเขาปรับตัวได้เพียงเล็กน้อย แต่ระยะการมองเห็นก็ยังคงจำกัดอย่างมาก ทุกอย่างดูเป็นเงาตะคุ่มที่น่าหวาดระแวงและเลือนราง เขาต้องพึ่งพาการคลำทางไปตามผนังถ้ำที่เย็นเฉียบและลื่น และเสียงจากลำธารข้างๆ เพื่อกำหนดทิศทางคร่าวๆ
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ… นอกจากจะต้องคลานออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเอง… ถ้ายังมีแรงเหลือพอจะคลานได้นะ”
เอซกัดฟันกรอด น้ำตาแห่งความเจ็บใจและสิ้นหวังเริ่มเอ่อคลอหน่วยตา
“อาจจะเจออะไรที่พอใช้เป็นอาวุธได้บ้าง… หรือสมุนไพร… หรืออย่างน้อยก็…ทางออกก็ได้… แม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่มีหวังเลยก็ตาม”
เอซตัดสินใจ แม้ร่างกายจะประท้วงด้วยความเจ็บปวดและอ่อนล้าจนแทบจะขยับไม่ได้ แต่จิตใจที่ยังคงลุกไหม้ด้วยความแค้นและความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอดก็ผลักดันให้เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ทรงตัวอย่างยากลำบากราวกับคนชราที่ใกล้จะหมดลม และเริ่มก้าวเดินไปในความมืดมิดอันน่าสะพรึงกลัวของถ้ำอย่างระมัดระวังที่สุด มือข้างหนึ่งกุมบาดแผลที่หน้าอกไว้แน่น พยายามไม่ให้มันปริออก ส่วนอีกข้างก็ยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อคลำทาง… ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเจ็บปวดที่เสียดแทง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้… ยังไม่ยอมตายในที่แบบนี้!
เอซสูดลมหายใจที่เย็นเฉียบและอับชื้นของถ้ำเข้าไปอีกครั้ง พยายามข่มความเจ็บปวดที่ยังคงเสียดแทงอยู่ทั่วร่าง แสงสลัวๆ จากที่ไหนสักแห่งในส่วนลึกของถ้ำ (หรืออาจจะเป็นเพียงจินตนาการของเขาที่กำลังจะดับวูบ) ทำให้ผนังถ้ำที่ขรุขระและเปียกชื้นปรากฏเป็นเงาตะคุ่มน่าหวาดหวั่น ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงกัดฟันเดินต่อไป
“ต้อง…หาทางออก…หรืออย่างน้อยก็…ที่ที่พอจะปลอดภัยกว่านี้” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงของเขาสะท้อนก้องในความเงียบของถ้ำอย่างน่าขนลุก
มือข้างหนึ่งยังคงกุมบาดแผลที่หน้าอกไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อคลำทางไปตามผนังถ้ำที่เย็นเฉียบและลื่น ความมืดทำให้การมองเห็นของเขาแทบจะเป็นศูนย์ เขาต้องอาศัยประสาทสัมผัสอื่นๆ ทั้งหมดเพื่อนำทาง เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ จากลำธารสายเล็กๆ ที่เขาตื่นขึ้นมาข้างๆ กลายเป็นเหมือนเพื่อนนำทางเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ เขาตัดสินใจเดินทวนกระแสน้ำขึ้นไป หวังว่ามันอาจจะนำไปสู่แหล่งน้ำที่สะอาดกว่า หรือบางทีอาจจะเป็นทางออก… แม้ความหวังนั้นจะดูริบหรี่เต็มทน
พื้นถ้ำขรุขระและเต็มไปด้วยหินแหลมคม รองเท้าบูทคอมแบตที่ชำรุดของเขาแทบจะไม่สามารถป้องกันฝ่าเท้าจากความเจ็บปวดได้เลย ทุกย่างก้าวต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงเพื่อไม่ให้ลื่นล้มหรือสะดุดหินในความมืด ซึ่งอาจจะทำให้บาดแผลของเขาเปิดออกอีกครั้ง
“แค่ก…แค่ก…” เอซไอออกมาอย่างแรง ความเจ็บปวดที่หน้าอกกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงรสคาวเลือดในลำคอ “บัดซบเอ๊ย… ถ้ายังเสียเลือดไม่หยุดแบบนี้… ไม่นานคงได้นอนตายอยู่ที่นี่แน่ๆ… ต้องรีบกว่านี้”
เขายังคงเดินต่อไปอย่างช้าๆ แต่ก็พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเท่าที่ร่างกายจะอำนวย พยายามเพ่งสมาธิไปที่เสียงน้ำไหลและสัมผัสจากมือที่คลำผนังถ้ำ ความมืดมิดและความเงียบสงัดของถ้ำเริ่มส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขา ความโดดเดี่ยวและความสิ้นหวังเริ่มคืบคลานเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ภาพใบหน้าอันชั่วร้ายของเร็กซ์และพรรคพวก ‘เงาพิฆาต’ ก็ยังคงลอยเด่นอยู่ในความคิด มันเป็นเหมือนยาพิษที่คอยกระตุ้นความโกรธแค้นและปลุกสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเขาให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกแก…จะต้องชดใช้… ข้าจะไม่มีวันยอมตายในที่แบบนี้เด็ดขาด! จะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้!” เขาพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น พยายามปลุกใจตัวเองท่ามกลางความมืดมิดและความเจ็บปวด
หลังจากเดินคลำทางในความมืดมิดอันเย็นเยียบมาได้สักพัก เอซก็เริ่มชินกับความมืดมากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเริ่มปรับตัว ทำให้พอจะมองเห็นโครงร่างของสิ่งต่างๆ ในระยะใกล้ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเงาตะคุ่มที่แยกแยะได้ยากและน่าหวาดระแวง
ทันใดนั้น! โสตประสาทของเขาก็จับได้ถึงเสียงบางอย่าง… มันไม่ใช่เสียงหยดน้ำหรือเสียงน้ำไหลที่เขาคุ้นเคย แต่เป็นเสียง ครืด… คราด… ที่หนักหน่วงและสม่ำเสมอ ราวกับก้อนหินขนาดใหญ่กำลังถูกลากไปบนพื้นถ้ำ ดังมาจากข้างหน้าไม่ไกลนัก พร้อมกับกลิ่นกำมะถันและกลิ่นไหม้จางๆ ที่รุนแรงขึ้น โชยมาตามลมที่พัดมาจากส่วนลึกของถ้ำ
“เสียงอะไรวะ?” เอซหยุดนิ่งทันที หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นด้วยความระแวงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก สัญชาตญาณนักสู้ที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดร้องเตือนถึงอันตรายร้ายแรงที่กำลังคืบคลานเข้ามา เขาพยายามเพ่งมองฝ่าความมืด แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรชัดเจน
เสียงขูดลากนั้นดังใกล้เข้ามาอีก! พร้อมกับเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงและแหบพร่าราวกับเสียงคำรามของอสูรจากขุมนรก! เอซกลั้นหายใจ พยายามมองหาที่กำบังอย่างรวดเร็ว แต่ในถ้ำแคบๆ แห่งนี้แทบจะไม่มีที่ให้หลบซ่อน เขาเหลือบไปเห็นซอกหินเล็กๆ ข้างผนังที่พอจะเบียดตัวเข้าไปได้ จึงรีบพาร่างที่บาดเจ็บและอ่อนแรงของตัวเองเข้าไปแอบอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาขดตัวอยู่ในเงามืดของซอกหินนั้น พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดและกลั้นหายใจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังเพียงว่ามันจะไม่สังเกตเห็นเขา
แล้วเขาก็เห็นมัน…
เงาดำทะมึนขนาดมหึมาค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านแสงสลัวๆ ที่ลอดมาจากรอยแยกบนเพดานถ้ำ มันสูงใหญ่กว่ามนุษย์เกือบสองเท่า รูปร่างของมันดูบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ คล้ายกับสัตว์ร้ายจากฝันร้ายที่ถูกปลุกให้มีชีวิต ผิวหนังของมันหนาและหยาบกระด้างราวกับเปลือกไม้ที่ถูกเผาไหม้ มีสีดำสนิทจนกลืนไปกับความมืดมิดของถ้ำ หากไม่ได้แสงสะท้อนจากดวงตาคู่ใหญ่ที่ลุกโชนเป็นสีแดงเพลิงราวกับถ่านไฟนรก ก็แทบจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของมันเลย กรงเล็บยาวแหลมคมราวกับใบมีดของมันขูดไปกับพื้นหินทุกครั้งที่มันก้าวเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ส่งเสียงครืดคราดที่น่าสะพรึงกลัว และทุกย่างก้าวของมัน ทิ้งรอยไหม้เล็กๆ ที่มีควันกรุ่นๆ ไว้บนพื้นหิน!
“น-นี่มัน…มอนสเตอร์ระดับนรกชัดๆ! (Hell-Tier Monster)” เอซคิดในใจ ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นผ่านสันหลังจนแทบจะหยุดหายใจ เขายังจำได้ดีถึงสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของตัวเอง อาวุธก็ไม่มี สกิลก็ใช้ไม่ได้ พลังชีวิตก็เหลือแค่ขีดแดง ถ้าต้องปะทะกับอสูรกายระดับนี้ในตอนนี้… โอกาสรอดของเขาไม่ใช่แค่ศูนย์ แต่ติดลบอย่างไม่ต้องสงสัย!
เจ้าอสูรกายจากขุมนรกตัวนั้นดูเหมือนจะยังไม่ทันสังเกตเห็นเขา มันเดินผ่านซอกหินที่เขาแอบอยู่ไปอย่างช้าๆ โดยไม่ได้หันมามองแม้แต่น้อย มันส่งเสียงขู่คำรามต่ำๆ ในลำคอเป็นระยะ เสียงนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วผนังถ้ำ ทำให้เศษหินเล็กๆ ร่วงหล่นลงมา เอซยังคงกลั้นหายใจและอยู่นิ่งที่สุด รอให้มันเดินผ่านไปไกลพอสมควร
เมื่อเห็นว่ามอนสเตอร์เดินลับหายไปในความมืดแล้ว เอซจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่หัวใจของเขายังคงเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวสุดขีด
“เกือบไปแล้ว… ถ้ามันเห็นเข้าล่ะก็… แค่กลิ่นอายของมันก็แทบจะทำให้ข้าหมดสติแล้ว” เขาไม่อยากจะคิดภาพต่อเลย
เขาค่อยๆ โผล่ออกมาจากซอกหินอย่างระมัดระวัง พยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุด ดวงตายังคงสอดส่ายมองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจริงๆ เขาตัดสินใจที่จะเดินตามเส้นทางที่อสูรกายตัวนั้นเพิ่งเดินผ่านไป เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นทางที่ดูเหมือนจะ “ไปต่อได้” แม้จะไม่รู้ว่าปลายทางคืออะไร และการเผชิญหน้ากับมันอีกครั้งก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะคิดถึงที่สุด
“ต้องหาน้ำ… แล้วก็… อะไรก็ได้ที่พอจะใช้เป็นอาวุธ… หรืออย่างน้อยก็… ที่ซ่อนที่ดีกว่านี้” เอซพึมพำกับตัวเอง เสียงของเขาแหบพร่า บาดแผลที่หน้าอกยังคงปวดแปลบทุกครั้งที่เขาขยับตัว และความรู้สึกอ่อนเพลียก็เริ่มถาโถมเข้ามาอีกระลอก
เขาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆ ของถ้ำที่มืดมิดและชื้นแฉะ มือข้างหนึ่งยังคงกุมบาดแผลไว้ ส่วนอีกข้างก็ใช้คลำผนังถ้ำเพื่อนำทาง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบากและความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงฝืนเดินต่อไปด้วยความหวังริบหรี่ที่จะเจอทางออก หรืออย่างน้อยก็เจออะไรที่พอจะช่วยให้เขารอดชีวิตไปได้
หลังจากเดินไปได้อีกสักพัก เขาก็เริ่มเห็นแสงสลัวๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายทางเดินอีกครั้ง แต่คราวนี้มันดูสว่างกว่าเดิมเล็กน้อย และดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่กว้างขึ้น
“หรือว่า…จะเป็นทางออก?” ความหวังเล็กๆ ผุดขึ้นในใจของเอซ เขารีบเร่งฝีเท้าที่อ่อนล้าของตัวเองให้เร็วขึ้น
แต่เมื่อเขาเดินมาถึงปลายทางเดินนั้น ความหวังของเขาก็พังทลายลงอีกครั้ง…
เบื้องหน้าของเขาคือโถงถ้ำขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่า แต่ก็กว้างพอสมควร แสงสลัวๆ ที่เขาเห็นนั้นมาจากตะไคร่น้ำเรืองแสงสีเขียวอมฟ้าบางชนิดที่เกาะอยู่ตามผนังถ้ำเป็นหย่อมๆ ทำให้พอจะมองเห็นสภาพแวดล้อมได้บ้าง ผนังถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา บางอันก็ดูเหมือนเขี้ยวของสัตว์ร้าย บางอันก็ดูเหมือนกระดูกที่ถูกแขวนไว้ แต่สิ่งที่ทำให้เอซต้องหยุดชะงักและหัวใจหล่นวูบก็คือ…
เจ้าอสูรกายระดับนรกตัวเดิมที่เขาเพิ่งจะหลบมันมาได้!
มันยืนตระหง่านอยู่กลางโถงถ้ำนั้น ราวกับเป็นยามเฝ้าทางเดินต่อไปที่อยู่ลึกเข้าไปอีกด้านหนึ่งของโถงถ้ำ มันกำลังใช้กรงเล็บแหลมคมของมันขูดกับพื้นหินอย่างช้าๆ ส่งเสียงครืดคราดน่าขนลุก ดวงตาสีแดงเพลิงของมันยังคงสอดส่ายไปมาอย่างระแวดระวัง กลิ่นไหม้และกำมะถันจากตัวมันรุนแรงขึ้นกว่าเดิมในพื้นที่ปิดแห่งนี้ เสียงลมหายใจของมันดังฟืดฟาดน่ากลัว
“บัดซบเอ๊ย! มันมาดักอยู่ตรงนี้ได้ยังไงวะเนี่ย! หรือว่ามันรู้ว่าข้าตามมา! หรือว่านี่คือรังของมัน!?” เอซสบถในใจอย่างหัวเสียและตื่นตระหนก เขารีบถอยกลับเข้าไปในเงามืดของทางเดินที่เขาเพิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เจ้าอสูรกายตัวนั้นดูเหมือนจะยังไม่ได้สังเกتเห็นเขา
เขายืนพิงผนังถ้ำ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
“ทางไปต่อ…มันอยู่หลังเจ้าตัวบ้านั่น… ถ้าไม่กำจัดมัน เราก็ไปต่อไม่ได้แน่ๆ”
เอซคิดอย่างเคร่งเครียดและสิ้นหวัง เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาตามไรผม
เขาลองประเมินสถานการณ์อีกครั้ง สภาพร่างกายของเขาตอนนี้ย่ำแย่มาก พลังชีวิตเหลือน้อยเต็มที อุปกรณ์ก็พังหมด อาวุธก็ไม่มี สกิลก็ใช้ไม่ได้ การจะเข้าไปสู้กับอสูรกายระดับนรกตัวนั้นตรงๆ ไม่ต่างอะไรกับการเดินเข้าไปหาความตายอย่างชัดเจน
“ต้องหาวิธี… ต้องมีวิธีสิ… แม้จะริบหรี่แค่ไหนก็ตาม”
เอซพยายามเค้นสมองคิดอย่างหนัก
“อย่างน้อย…ก็ควรจะรู้ว่ากำลังเจอกับอะไร… ข้อมูล… ข้าต้องการข้อมูล!”
เอซลองใช้จิตสั่งการไปยังอินเทอร์เฟซของระบบเกม พยายามดึงข้อมูลของเป้าหมายเบื้องหน้า แม้จะไม่คาดหวังอะไรมากนักในสภาพระบบที่ดูเหมือนจะรวนไปหมด และเขาก็ไม่เคยซื้อหรือมีข้อมูลของมอนสเตอร์ในสถานที่แบบนี้มาก่อน
เขาเพ่งสมาธิไปที่ร่างทะมึนของอสูรกายนั้น พยายามเรียกข้อมูลของมันขึ้นมา แสงโฮโลแกรมจางๆ ของหน้าต่างข้อมูลปรากฏขึ้นครู่หนึ่ง สั่นไหวไม่มั่นคง ก่อนจะแสดงข้อความที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกสิ้นหวังและมืดแปดด้าน:
[กำลังประมวลผลข้อมูลเป้าหมาย…]
[คำเตือน: ข้อมูลไม่สมบูรณ์ – ระบบตรวจจับความเสียหายรุนแรงต่อฐานข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่น และไม่พบข้อมูลที่ตรงกันในฐานข้อมูลกลางสำหรับพื้นที่นี้ – สัญญาณรบกวนสูง]
[แสดงผลข้อมูลเท่าที่ระบบพื้นฐานสามารถวิเคราะห์ได้จากลักษณะภายนอก – ความแม่นยำต่ำ]
Monster Data:
Name: [ไม่สามารถระบุชื่อเฉพาะได้ – ไม่พบในฐานข้อมูล] … อสูรกายโลกันตร์ (Infernal Fiend) (ชื่อที่ระบบพยายามจำแนกประเภท – ความน่าเชื่อถือต่ำ)
Level: ??? (คาดการณ์: สูงกว่า 350+ – ระดับอันตรายสูงสุด – ไม่สามารถยืนยันได้ – ควรอัปเดตข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้โดยด่วน!)
HP: [ไม่สามารถแสดงผลได้ – ระบบตรวจจับพลังงานชีวิตมหาศาล]
Type: [ข้อมูลเสียหาย – คาดว่าเป็นประเภทอสูร/ปีศาจ – มีพลังงานธาตุมืดรุนแรง]
Weaknesses: [ไม่สามารถแสดงผลได้ – ข้อมูลถูกปิดกั้นหรือเสียหาย – แนะนำให้สืบค้นหรือทดลองโจมตีด้วยธาตุต่างๆ อย่างระมัดระวังที่สุด]
Resistances: [ไม่สามารถแสดงผลได้ – คาดว่ามีความต้านทานสูงต่อการโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์ส่วนใหญ่]
Abilities: [ข้อมูลไม่เพียงพอ – สังเกตพฤติกรรมเพื่อวิเคราะห์ – คำเตือน: ตรวจพบพลังงานอันตรายหลายรูปแบบ]
“ให้ตายเถอะ! รู้แค่ชื่อที่ระบบมันเดาให้มั่วๆ กับเลเวลที่สูงจนน่าขนลุกเนี่ยนะ!?”
เอซสบถในใจ ข้อมูลที่ได้มาแทบจะไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากการตอกย้ำว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้ามันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ในตอนนี้หลายขุมนัก
“ไม่มีข้อมูลจุดอ่อน ไม่มีข้อมูลการต้านทาน ไม่มีข้อมูลสกิล… แล้วจะสู้กับมันยังไงวะเนี่ย! นี่มันส่งข้ามาตายชัดๆ!”
เขาเหลือบมองไปรอบๆ ในความมืดอีกครั้ง ดวงตาพยายามกวาดหาสิ่งของอะไรก็ได้ที่พอจะใช้เป็นประโยชน์ได้บ้าง หินแหลมๆ สักก้อน? กิ่งไม้ผุๆ? ความหวังที่จะหาอาวุธดีๆ หรือไอเทมฟื้นฟูในถ้ำลึกลับที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายแบบนี้มันช่างดูเลือนรางและน่าสมเพชเต็มทน
Chapters
Comments
- ตอนที่ 21 แสงยามค่ำคืนและเงื่อนงำในความทรงจำ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 20 เสียงสะท้อนในหอศิลป์ลอยฟ้า มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 19 รอยแผลในความทรงจำ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 18 ราชโองการ เปลวสงคราม และพันธมิตรใหม่ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 17 ตัวตนของเรเวน พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 16 สังเวยเลือดอัญเชิญอสูร พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 15 สามก๊กสังหาร ณ สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 14 ร่องรอยเลือด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 13 เทียบท่า...สุสานเรือ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 12 การเดินทางอันตรายสู่เกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 11 คำเตือนจากเงามืด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 10 ฝ่าคมเขี้ยวอสูรแมงมุม พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 9 เสียงเพรียกจากเกาะมรณะ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 8 เสียงกระซิบจากซากเรือรบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 7 เงื่อนงำในม่านหมอก พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 6 พันธสัญญาแห่งการเริ่มต้น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 5 เมื่อความตายไม่ใช่จุดจบ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 4 อเวจีในเศษซากวิญญาณ พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 3 ก้นบึ้งแห่งความมืดมิด พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 2 การทรยศกลางเปลวเพลิง พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 1 เงาในหมู่ผู้เล่น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำการแตกสลาย (Rewrite) พฤษภาคม 30, 2025
MANGA DISCUSSION