“ขออนุญาตนะคะ..”
ตึ้ง!!
ในขณะที่นัวร์กำลังขยี้ศีรษะของนูลิสเล่นอยู่นั้นเอง ทางด้านสาวใช้ตัวน้อยก็ได้ปัดมือของนัวร์ในร่างของหญิงสาวออกไปก่อนที่เธอจะวางอาวุธของเธอที่ในขณะนี้มีลักษณะเหมือนกับกล่องเหล็กขนาดใหญ่ธรรมดาๆ ลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังลั่นและนั่งลงกับพื้นอย่างเรียบร้อย
ส่วนทางด้านนัวร์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้เดินหายกลับเข้าไปในห้องที่โมโกะกำลังนอนพักอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงเดินกลับออกมาพร้อมกับกล่องพยาบาลขนาดพอประมาณก่อนที่เธอจะย่อตัวนั่งลงที่ข้างๆ นูลิสเพื่อเริ่มต้นทำแผลให้กับสาวใช้ตัวน้อยพร้อมกับเอ่ยปากพูดเจื้อยแจ้วออกมาด้วย
“จะว่าไปไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว พวกเราก็มาแนะนำตัวกันสักหน่อยดีมั้ย ฉันชื่อว่านัวร์ ส่วนเด็กคนนี้ชื่อว่านูลิส พวกเราเป็นเพื่อนสนิทสุดซี้ของเอริกะจังที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดีน่ะ~”
“เธอกับฉันก็แค่เพื่อนเก่ากันต่างหากล่ะยัยตัวแสบ”
“แหม่~ ใจร้ายจังเลยนะเธอเนี่ย ตอนนี้พวกเราก็ยังนับว่าเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่ใช่หรอ~ ว่าแต่พวกเธอก็คือเด็กๆ สามคนที่ชื่อ นากา คอนแนล แล้วก็โมโกะที่เอริกะเขาพูดถึงสินะ~ อ๊ะๆ ใช่แล้วสิ เมื่อเช้านี้พวกเราก็เคยเจอกันแล้วด้วยนี่เนอะ ยังจำกันได้อยู่หรือเปล่าเอ่ยคอนแนลคุง~?”
“ก็ต้องจำได้อยู่แล้วสิครับ…”
คอนแนลที่ถูกนัวร์พูดถามขึ้นมานั้นได้พูดตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกับว่าจะทำตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าเมื่อเช้านี้เอริกะยังพูดบอกกับเขาอยู่เลยว่าถ้าเธอไม่ได้กลับขึ้นมาจากสุสานใต้ดินพร้อมกับนัวร์ล่ะก็ให้เขารีบตามพวกนากามาจัดการนัวร์ให้ไม่เหลือซากอยู่เลย
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเอริกะที่เป็นผู้ออกคำสั่งนั้นก็กลับดูเหมือนว่าจะไม่สนใจการพูดคุยของนัวร์กับพวกเด็กๆ สักเท่าไหร่นัก เมื่อหญิงสาวนักประดิษฐ์ได้หันไปพูดถามนูลิสที่กำลังถูกนัวร์ทำแผลให้อยู่ขึ้นมา
“ขนาดเธอยังโดนยิงมาตั้งขนาดนี้ก็คงจะหมายความว่าการป้องกันของปราสาทนั่นคงจะหนาพอสมควรเลยงั้นสินะ?”
“ต้องบอกว่าพลาดที่พยายามจะทำให้มั่นใจว่าจะขัดขวางการยกตัวของวังแห่งมาร์นาร์ฟให้ได้มากกว่าค่ะ…”
“หมายความว่าหลังจากที่นาร์เซียรู้ตัวแล้วเธอก็ยังพยายามจะยิงซ้ำอีกนัดนึงอีกงั้นหรอ…? เอาเถอะ แต่ก็สมกับที่เป็นป้อมปืนใหญ่ของเมืองมาร์นาร์ฟดีล่ะนะที่ถึงขนาดขัดขวางพี่ใหญ่ของพวกแฟรี่อย่างเธอได้น่ะ… ว่าแต่นูลิสเขาบาดเจ็บขนาดนี้นี่ไม่เป็นอะไรแน่ๆ ใช่มั้ยน่ะนัวร์?”
เอริกะยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะของตนเองเล็กน้อยพลางพูดถามนัวร์ขึ้นมาบ้าง และนั่นก็ทำให้นัวร์ไม่รอช้าที่จะยิ้มแป้นพูดตอบเพื่อนสนิทสุดซี้ของเธอกลับไป
“เท่าที่ดูแล้วก็มีแค่แผลไหม้กับแผลช้ำจากกระสุนพลังงานวิซนั่นแหล่ะ จะมีที่ดูน่ากลัวหน่อยก็ตรงหัวที่น่าจะโดนกระสุนนัดใหญ่เข้าไปสักโป้งนึงได้ล่ะมั้ง แต่ว่าโดยรวมๆ แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ทายาให้นิดๆ หน่อยๆ ก็หายแล้วล่ะ~”
“ว่าแต่แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อล่ะเอริกะ? เห็นว่า… คุณนูลิส เขายิงขวางไม่ให้ปราสาทนั่นขยับขึ้นไปข้างบนได้แล้วไม่ใช่หรอ จะให้พวกฉันกลับลงไปข้างล่างนั่นอีกรอบมั้ย?”
ในขณะเดียวกันทางด้านนากาที่ได้ยินว่าแผลของนูลิสดูเหมือนว่าจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นอีกทั้งอาการของโมโกะก็ค่อนข้างจะพ้นขีดอันตรายแล้วก็ได้พูดถามแผนการขั้นต่อไปของเอริกะขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเอริกะก็กลับส่ายหน้าไปมาก่อนที่เธอจะพูดตอบเด็กหนุ่มกลับไป
“เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ กระสุนของนูลิสแค่นัดเดียวหยุดปราสาทนั่นเอาไว้ไม่ได้นานหรอก อย่างมากก็ได้แค่ซื้อเวลาสักพักนึงเท่านั้นแหล่ะ”
“หมายถึงกระสุนที่ยิงนัดเดียวปราสาทก็สั่นไปทั้งหลังนั่นก็ยังหยุดคุณนาร์เซียเขาเอาไว้ไม่ได้อีกงั้นหรอครับคุณเอริกะ…?”
คำพูดของเอริกะได้ทำให้คอนแนลต้องหันมาพูดถามเธอด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าสำหรับเขาที่อยู่ใกล้ๆ กับจุดปะทะของกระสุนแท่งเหล็กของนูลิสแล้วเขาได้เห็นมากับตาว่าอาวุธของนูลิสมีพลังทำลายล้างมากกว่าอาวุธต่างๆ ของทางเมืองรีมินัสที่เขาเคยเห็นมาก่อนมากนัก ในขณะที่ทางด้านเวก้าเองก็ได้พูดอธิบายขึ้นมาให้แทนเอริกะกับนัวร์ที่ดูเหมือนว่าไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องวิทยาการของเมืองใต้ดินสักเท่าไหร่นัก
“เห็นคุณนัวร์เขาบอกว่าถึงเมืองมาร์นาร์ฟเก่าจะเป็นเมืองโบราณแต่ว่าวิทยาการของพวกเขาหลายๆ อย่างมีพื้นฐานที่มาแตกต่างจากพวกเราก็เลยมีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างกันน่ะครับ”
“แล้วถ้างั้นพวกเราจะเอายังไงกันต่อดีล่ะ ในเมื่อแผนการส่งพวกฉันลงไปข้างล่างนั่นมันล้มเหลวไปแล้วน่ะ?”
ถึงแม้ว่าคำพูดของนากาจะฟังดูห้วนๆ เหมือนกับตัดบทคำพูดของเวก้าก็ตามที แต่ว่าน้ำเสียงของเขาก็กลับไม่ได้ฟังดูแข็งกร้าวเหมือนกับเมื่อตอนที่เขาไล่ตามเวก้าไปพร้อมกับไมเคิลเมื่อวันก่อนจนไปเจออีกฝ่ายกำลังไล่ต้อนนาร์เซียอยู่เลยแม้แต่น้อย บ่งบอกว่าเขาเองก็พอจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เวก้าต้องหายตัวไปและปล่อยให้ทีเอร่าทำงานคนเดียวในเมืองแพนเทร่าอยู่บ้าง
ส่วนทางด้านเอริกะที่ได้ยินคำถามของนากาเองก็ได้ยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดตอบเด็กหนุ่มกลับไป
“ก็นะ แต่เดิมแผนในส่วนของพวกเธอมันก็มีโอกาสสำเร็จน้อยมากอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องคิดมากไปหรอก”
“เดี๋ยวสิ นี่สรุปว่าเธอส่งพวกฉันลงไปข้างล่างนั่นทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าพวกฉันจะเอาชนะได้หรือเปล่าเนี่ยนะ?”
นากากะพริบตาปริบๆ พูดถามเอริกะกลับไปด้วยความแปลกใจ เพราะแต่เดิมแล้วพวกเขาก็เข้าใจว่าเอริกะใช้กองทหารของแพนเทร่าเพื่อล่อกองกำลังส่วนใหญ่ของเมืองใต้ดินออกไปเพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสลอบเข้าไปจัดการกับนาร์เซียที่หลบอยู่ข้างในตัวปราสาทเสียอีก ซึ่งท่าทางของนากาที่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดไปไกลนั้นก็ได้ทำให้เอริกะต้องพูดอธิบายขึ้นมา
“มันก็ไม่เชิงว่าแบบนั้นหรอก เท่าที่ฉันดูแล้วน่ะ ถ้าเกิดว่าพวกเธอทั้งสามคนได้มีโอกาสเข้าไปรุมนาร์เซียเขาพร้อมๆ กันก็อาจจะพอมีหวังอยู่บ้าง แต่ว่าที่ฉันหวังเอาไว้จริงๆ น่ะก็คือการที่นาร์เซียเขาอาจจะยอมฟังคำพูดของพวกเธอแล้วยอมวางมือลงซะมากกว่าน่ะ”
“แต่ว่าก็ดันมีผมแค่คนเดียวที่เข้าไปถึงตัวคุณนาร์เซียเขาได้แถมยังเจรจาไม่สำเร็จอีกสินะครับ… เป็นเพราะผมแท้ๆ การเสียสละของพวกทหารเมืองแพนเทร่ากับโมโกะเขาถึงได้สูญเปล่าแบบนั้นน่ะ…”
คอนแนลพูดพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอัดอั้น แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเอริกะก็กลับส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาต่อ
“ไม่หรอกคอนแนลคุง ถึงเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาได้ไม่สำเร็จก็เถอะ แต่ว่าการที่เธอได้เข้าไปลองพูดคุยกับเขาก่อนแบบนั้นโดยไม่ได้มีการต่อสู้กันตั้งแต่แรกก็นับว่าดีเกินกว่าที่ฉันคาดเอาไว้แล้วล่ะ”
“ต่อให้สุดท้ายแล้วคุณนาร์เซียเขาจะไม่ยอมฟังเลยงั้นหรอครับ?”
“อื้ม แต่ว่าอย่างน้อยพวกเราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรไป แล้วมันก็ยังทำให้พวกเราได้รู้ด้วยว่ายังเหลือทางเลือกอะไรต่อจากนี้บ้าง… ฉันจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังเหมือนครั้งที่แล้วน่ะ…”
ถึงแม้ว่าเอริกะจะพูดประโยคสุดท้ายออกมาเบาๆ จนไม่มีใครได้ยินเลยก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่านัวร์ที่นั่งทำแผลให้กับนูลิสอยู่ห่างออกไปจะได้ยินประโยคนั้น เธอจึงได้เหลือบมองไปทางเอริกะอยู่ชั่วขณะและเผยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูกออกมา
ส่วนทางด้านนากาที่ยืนฟังอยู่ด้วยนั้นก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเอริกะอยู่บ้าง เพราะการเดิมพันเพื่อที่จะได้ลดการสูญเสียเลือดเนื้อแบบนั้นเขาก็เคยทำมาก่อนเมื่อตอนที่พยายามจะหยุดยั้งชายหูแมวไม่ให้อีกฝ่ายใช้ระเบิดพลีชีพที่หน้าประตูเมืองรีมินัสอยู่เช่นเดียวกัน และในเมื่อแผนการของเอริกะไม่ได้ผลแบบนั้นเขาเองก็อยากรู้ว่าเอริกะได้วางแผนขั้นต่อไปเอาไว้แล้วหรือยัง
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อล่ะเอริกะ? จากที่บอกเมื่อกี้นี้ดูเหมือนว่ากระสุนของคุณนูลิสเขาจะหยุดปราสาทนั่นเอาไว้ได้ไม่นานใช่มั้ยล่ะ”
นากาพูดถามเอริกะขึ้นมาพลางหันไปมองดูทางด้านนูลิสที่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาตัดสินใจจะเดิมคำนำหน้าอย่างสุภาพให้ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีอายุน้อยกว่าเขาซะด้วยซ้ำไปเล็กน้อยเนื่องด้วยท่าทางที่ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ของอีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้นูลิสที่กำลังถูกนัวร์ทำแผลให้อยู่เอ่ยปากพูดอธิบายขึ้นมา
“เรื่องนั้นพวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ เพราะถึงจะบอกว่ากระสุนนั่นทำอะไรไม่ได้มาก แต่ว่ามันก็น่าจะชะลอแผนการของพวกนาร์เซียเขาไปได้สักสิบถึงสิบสองชั่วโมงค่ะ”
“ที่นูลิสจังเขาพูดนั่นเขาหมายถึงเวลาโดยประมาณที่ต้องใช้ในการซ่อมแซมกลไกการยกตัวของปราสาทน่ะ แถมยังเป็นในกรณีที่นูลิสจังหรือเอริกะจังเป็นคนลงไปซ่อมให้ด้วยตัวเองด้วยนะ~ ถ้าเกิดว่าเป็นพวกนาร์เซียจังในตอนนี้ล่ะก็น่าจะต้องใช้วิธีเปิดระบบซ่อมแซมตัวเองของปราสาทเอาล่ะมั้ง เผลอๆ จะต้องใช้เวลาเป็นวันเลยล่ะ”
นัวร์ที่นั่งทำแผลให้นูลิสอยู่ที่ข้างๆ กันได้พูดอธิบายออกมาเพิ่มเติมให้นากาได้ฟัง แต่ว่าสิ่งที่เธอพูดขึ้นมานั้นก็ได้ทำให้เวก้าที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ กันต้องพูดขึ้นมาบ้าง
“แต่ว่าเวลาแค่นั้นน่าจะไม่พอนะครับ เพราะตอนที่ผมบินกลับขึ้นไปข้างบนมาเมื่อสักครู่นี้พวกทหารเขาเพิ่งจะเริ่มทำการอพยพชาวเมืองกันเอง… ถ้าเกิดว่าสายบัญชาการของเมืองแพนเทร่าไม่ได้แตกต่างกับเมืองรีมินัสมากนักล่ะก็เวลาแค่วันเดียวคงจะไม่พอแน่ๆ ล่ะครับ”
“ถ้างั้นพวกเราก็ต้องรีบกันแล้วไม่ใช่หรอไง— ว่าแต่ถ้าพวกเรากลับขึ้นไปหมดแบบนี้แล้วจะเอายังไงกับอีฟดีล่ะเอริกะ? จะปล่อยให้อีฟอยู่กับโมโกะข้างล่างนี่คงจะไม่ดีมั้ง”
นากาพูดถามเอริกะขึ้นมา ซึ่งคำถามของเขาที่มีชื่อของเด็กสาวผมสีขาวดังขึ้นมานั้นก็ได้ทำให้อีฟไม่รอช้าที่จะเดินเตาะแตะเข้ามาเงยหน้ามองเขา ในขณะที่ทางด้านเอริกะก็ได้สะบัดมือไปมาเหมือนกับไม่ใส่ใจนักและเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ก็เดี๋ยวน่าจะต้องพาขึ้นไปข้างบนด้วยนั่นแหล่ะ เพราะถึงถ้าเป็นนูลิสจะยังพอว่า แต่ว่าจะปล่อยให้อีฟเขาอยู่กับโมโกะข้างล่างนี่คงจะไม่ไหวหรอก… แถมฉันยังมีหน้าที่สำคัญที่ต้องให้อีฟจังเขาช่วยซะด้วยสิ”
“เธอหมายความว่ายังไงที่ว่ามีหน้าที่สำคัญให้อีฟน่ะ?”
“ค-คุณเอริกะคงไม่ได้หมายความว่าจะให้อีฟเขาออกไปสู้ด้วยใช่มั้ยครับ!? ถ้าเกิดว่าทำแบบนั้นล่ะก็ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะครับ!”
คำตอบของเอริกะได้ทำให้นากาและคอนแนลสะดุ้งไปเล็กน้อยและรีบพูดถามเอริกะกลับไปในทันที ซึ่งท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยไว้วางใจของเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็ได้ทำให้เอริกะต้องรีบพูดแก้ตัวออกมา
“จะบ้าหรอ ใครเขาจะปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ อย่างอีฟเขาออกไปสู้กับคนอื่นข้างนอกกันล่ะ”
“……….”
คำตอบของเอริกะได้ทำให้ทั้งนากาและคอนแนลต้องหันไปมองดูนูลิสที่ดูจากภายนอกแล้วก็มีอายุไม่ได้แตกต่างไปจากอีฟสักเท่าไหร่นักเป็นสายตาเดียวกันก่อนที่พวกเขาจะหันกลับไปทางเอริกะด้วยสายตาคาดคั้น และนั่นก็ทำให้เอริกะจำเป็นต้องพูดอธิบายแผนการในส่วนของอีฟที่เธอคิดเอาไว้ออกมา
“ก็ได้ๆ ก็แบบว่าที่เมืองแพนเทร่าเขามีอุปกรณ์ต้นแบบที่ไม่กล้าจะเอามาใช้งานเพราะกลัวว่ามันจะทำให้ระบบแจกจ่ายวิซของทั้งเมืองพังพินาศขึ้นมาในตอนที่ต้องป้อนวิซจำนวนมากให้กับมันน่ะสิ… แล้วถ้าพูดถึงวิซจำนวนมาก พวกเธอก็จำได้ใช่มั้ยล่ะว่าอีฟเขาทำอะไรได้น่ะ”
“…..!”
ในขณะที่เอริกะกำลังพูดอธิบายออกมาอยู่นั้นเอง อีฟที่ดูเหมือนจะเข้าใจว่าพวกพี่ๆ ผู้ปกครองของเธอกำลังพูดคุยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธออยู่ เธอจึงได้เดินตรงเข้าไปหาเอริกะและชูมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าให้การให้นักประดิษฐ์สาวอุ้มเธอขึ้นสูงเพื่อเข้าใกล้บทสนทนามากขึ้นนั่นเอง
แต่ถึงแม้ว่าอีฟจะแสดงท่าทางขอให้อุ้มแบบน่ารักน่าชังก็ตามที ทางด้านเวก้าที่เพิ่งเคยได้เห็นอีฟเป็นครั้งแรกก็ได้แสดงท่าทีแปลกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ถ้าคุณเอริกะพูดแบบนั้นก็หมายถึงว่าอุปกรณ์ที่ว่านั่นต้องใช้วิซจำนวนมากจนมีความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบแจกจ่ายวิซของเมืองเกิดความเสียหายขึ้นมาได้ถ้าเกิดว่าเชื่อมต่อมันเข้ากับอุปกรณ์ที่ว่านั่นสินะครับ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเด็กคนนี้จะช่วยแก้ปัญหานั้นได้ยังไงล่ะครับ?”
“มันก็พอจะมีวิธีอยู่นั่นแหล่ะ แต่เอาจริงๆ ถึงจะเดินเครื่องนั่นได้พวกเราก็ยังมีปัญหาเรื่องที่ว่าไม่มีของที่แรงพอจะจัดการนาร์เซียเขาได้อยู่ดี… เอายังไงดีล่ะเนี่ย…”
เอริกะพูดบอกปัดเวก้าไปก่อนที่เธอจะพูดพึมพำออกมาเบาๆ ซึ่งท่าทางของเอริกะในขณะที่เธอพูดเหมือนว่ามันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากที่จะต้องสังหารนาร์เซียเพื่อหยุดเรื่องทุกอย่างลงที่ดูคุ้นตาของนากาอย่างบอกไม่ถูกนั้นก็ได้ทำให้เด็กหนุ่มต้องเลิกคิ้วมองดูเอริกะด้วยท่าทางแปลกใจก่อนที่อยู่ๆ ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของนัวร์ดังขึ้นมาให้เขาได้ยินในระยะประชิดที่ข้างหู
“เวลาเอริกะจังเขาเศร้าก็จะชอบพยายามทำตัวเป็นปกติไม่ก็พยายามทำตัวร่าเริงแบบนั้นนั่นแหล่ะ ตีหน้าซื่อได้เก่งพอสมควรเลยเนอะว่ามั้ย~”
“เหวอ—!?”
“ยัยคนไร้ความรู้สึกอย่างเธอน่ะไม่ต้องมาพูดเลยยัยนัวร์! จริงสิ นูลิส ฉันขอยืมเจ้านั่นของเธอไปใช้ก่อนจะได้หรือเปล่า?”
เอริกะหันไปพูดต่อว่าปิศาจตัวน้อยในคราบของหญิงสาวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปเห็นอาวุธเครื่องยิงแท่งเหล็กของนูลิสที่ในขณะนี้อยู่ในสภาพของกล่องเหล็กธรรมดาๆ และเอ่ยปากพูดถามสาวใช้ตัวน้อยขึ้นมา และนั่นก็ทำให้นูลิสต้องพูดถามกลับไปด้วยความสงสัย
“หมายถึงอาวุธของฉันงั้นหรอคะ? ท่านเอริกะคงจะยังไม่ลืมสินะคะว่าคนที่นี่เขาใช้อาวุธของฉันไม่ได้น่ะ หรือต่อให้ใช้ได้ก็คงจะไม่มีใครทนแรงสะท้อนของมันได้หรอกนะคะ”
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วแหล่ะน่า แค่ว่าฉันอยากจะเอามันมาใช้เป็นต้นแบบในการสร้างของที่คล้ายๆ กันขึ้นมาเฉยๆ น่ะ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อาวุธของฉันใช้หลักการแม่เหล็กไฟฟ้านะคะ ถ้าจะสร้างของที่คล้ายๆ กันขึ้นมาอย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้วิซธาตุไฟฟ้าในการใช้งาน ซึ่ง… ทุกคนที่นี่ไม่มีใครมีวิซธาตุไฟฟ้าเลยไม่ใช่หรอคะ?”
นูลิสพูดตอบเอริกะกลับไปพร้อมกับกวาดตามองดูเหล่า ‘คนของที่นี่’ อย่างนากา คอนแนล เวก้า และอีฟเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเอริกะก็กลับยักไหล่แบบไม่ใส่ใจมากนัก เนื่องจากเธอมั่นใจว่าคนที่มีวิซธาตุไฟฟ้าที่เธอต้องการจะให้ใช้อาวุธอันนั้นกำลังเดินทางตรงดิ่งมาที่เมืองแพนเทร่าแห่งนี้อยู่แน่ๆ
“น่าๆ เรื่องนั้นเดี๋ยวเอาไว้ค่อยคิดทีหลังก็ได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำเกินขอบเขตเรื่องการส่งมอบอาวุธและเทคโนโลยีที่เคยสัญญากับหัวหน้าเอาไว้ด้วยเลยเอ้า”
“เรื่องนั้นฉันไม่เป็นห่วงหรอกค่ะ เพราะโปรเจคการพัฒนาอาวุธของพวกฉันให้เข้ากับพลังงานวิซมันก็เคยมีอยู่แล้ว… เพราะงั้นถ้าเกิดท่านเอริกะคิดว่าจะสามารถหาคนใช้วิซธาตุไฟฟ้ามาใช้งานมันได้ก็เชิญเถอะค่ะ”
“เอ๋~ อย่าบอกนะว่าที่เธอถามขึ้นมาตะกี้นี้ก็เพราะเป็นห่วงว่าเอริกะจังเขาจะเสียแรงฟรีๆ ถ้าหาคนมาใช้งานมันไม่ได้น่ะ~ ใจดีไม่เหมือนหน้าตานิ่งๆ สุดคูลเลยนะเนี่ย~”
ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ นัวร์ที่นั่งฟังการสนทนาของเอริกะและนูลิสอยู่ก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงล้อเลียน และนั่นก็ทำให้นูลิสนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ของเธอ
“…ฝากตีท่านนัวร์สักทีสิคะท่านเอริกะ”
“เยี่ยม! ฉันก็รออะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว!”
โป๊ก!!
“แอ๋—”
เอริกะที่ได้ยินคำขอของนูลิสไม่รอช้าที่จะเขกกำปั้นเข้าใส่ที่กลางศีรษะของนัวร์จนเกิดเสียงดังลั่นขึ้นมา และเมื่อเธอจัดการจนนัวร์ลงไปนั่งกุมหัวอยู่ที่พื้นแล้วเธอก็ได้อุ้มอีฟที่เดินเล่นไปมาอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาแล้วจึงก้าวเดินนำคนอื่นๆ ตรงไปยังทางขึ้นลงเมืองใต้ดิน
“เอาล่ะ เสียเวลากันมากพอแล้วล่ะ ฝากพวกเธอยกกล่องของนูลิสตามมาหน่อยสิ”
“เข้าใจแล้วครับ! ฮึ๊บ—….”
คอนแนลที่ขานตอบเอริกะกลับไปด้วยความยินดีดั่งเช่นทุกครั้งที่เอริกะพูดสั่งงานอะไรเขานั้นได้เดินเข้าไปใกล้กล่องเหล็กขนาดใหญ่ของนูลิสและออกแรงยกมันขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นตัวกล่องที่ถูกนูลิสตั้งวางเอาไว้กับพื้นก็กลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยจนทำให้เขาต้องกะพริบตามองมันด้วยความสงสัยแล้วจึงค่อยลองออกแรงยกมันขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮึ๊บ—…. เอ๋…”
“ทำอะไรของนายเนี่ยคอนแนล มานี่เดี๋ยวฉันยกเอง เอ้า ฮึ๊บ—…. ด–เดี๋ยวสิ!? ทำไมมันหนักอย่างงี้เนี่ย!?”
ถึงแม้ว่านากาจะพยายามออกแรงเต็มที่ในการยกกล่องเหล็กที่เป็นอาวุธของนูลิสขึ้นมาจากพื้นแล้วก็ตาม แต่ว่ามันก็ขยับลอยสูงขึ้นจากพื้นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่เด็กหนุ่มจะต้องรีบวางมันกลับลงไปที่เดิมและตัดสินใจที่จะขอแรงคอนแนลช่วยกันขนมันตรงไปยังทางขึ้นลงเมืองใต้ดิน
ส่วนทางด้านนัวร์ที่เดินตามหลังพวกเด็กๆ เพื่อกลับขึ้นไปยังตัวเมืองเบื้องบนเองก็ได้อาศัยจังหวะนี้ในการกระซิบพูดบอกเอริกะขึ้นมาเบาๆ
“อ่ะ จริงด้วยสิเอริกะจัง ถ้าเป็นไปได้พอเธอจัดการธุระด่วนข้างบนนั่นเสร็จแล้วก็หาเวลากลับลงมาข้างล่างนี่ด้วยก็ดีนะ เพราะถึงฉันจะรักษาแม่หนูหูแมวคนนั้นได้ก็เถอะ แต่ว่าเท่าที่ฉันฟังดูแล้วปัญหาที่แท้จริงมันอาจจะอยู่ที่ข้างในนี้มากกว่าก็ได้นะ~”
นัวร์ที่พูดบอกเอริกะขึ้นมานั้นได้เคาะนิ้วไปที่ด้านข้างศีรษะของเธอสองสามทีและเดินผ่านเอริกะเข้าไปด้านในทางขึ้นลงโดยไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอีก และนั่นก็ทำให้เอริกะต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงเหมือนกับโดนเขกศีรษะอย่างแรงดังขึ้นมาจากที่ข้างตัวเธอ
ป๊อก
“…….!!”
เจ้าของเสียงเขกศีรษะหรือก็คืออีฟที่ดูเหมือนว่าจะเลียนแบบท่าทางของนัวร์ที่เธอเห็นผ่านนัยน์ตาที่ปิดสนิท แต่ถึงอย่างนั้นแรงที่เธอทำก็กลับต่างกันมากจนเด็กสาวต้องยกมือขึ้นมากุมหัวจนทำให้เอริกะที่เห็นแบบนั้นหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเดินตามหลังพวกนากา คอนแนล เวก้าและนัวร์เข้าไปข้างในทางขึ้นลงเมืองใต้ดินโดยทิ้งให้นูลิสนั่งพักอยู่เบื้องล่างพร้อมกับเอ่ยปากพูดบอกเด็กสาวในอ้อมแขนไปด้วย
“เธอไม่ต้องไปสนใจนัวร์เขาหรอกอีฟ รายนั้นเขาก็ชอบพูดเล่นไปเรื่อยอยู่แล้วล่ะ”
“……!”
อีฟเอียงคอให้เอริกะเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพยักหน้าถี่ๆ กลับมาให้เป็นเชิงตอบรับและจากนั้นทุกๆ คนจึงได้กลับขึ้นไปยังผืนดินของเมืองแพนเทร่าเบื้องบนกัน
ปิ๊ง~ ครื่ดดดดดด—
“คุณเอริกะกลับมาแล้วค่ะพี่อลิซ อ่ะ—”
“เอ๋ะ? อลิซ? แล้วก็คาร์เทียร์ด้วย!?”
ในทันทีที่ประตูทางขึ้นลงเมืองใต้ดินถูกเปิดออกที่ชั้นใต้ดินของปราสาทแพนเทร่านั้นเอง ก็ได้มีเสียงของคาร์เทียร์ที่ควรจะอยู่ที่เมืองรีมินัสดังขึ้นมาให้ทุกคนได้ยิน
ซึ่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเด็กสาวที่เวก้าและเจน หัวหน้าสาวใช้ผู้เป็นภริยาลับๆ ของเขารักดั่งเช่นลูกสาวแท้ๆ ก็ได้ทำให้อดีตขุนนางหนุ่มชะงักนิ่งไปก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปอย่างอีกฝ่ายและเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ
“แมรี่…”
“…คุณพ่อ”
“เดี๋ยวสิ! นี่เธอมาทำอะไรที่นี่กันเนี่ยอลิซ!? แถมยังพาคาร์เทียร์มาด้วยกันอีก!?”
แต่ว่าก็ยังไม่ทันที่สองพ่อลูกจะเอ่ยปากพูดคุยอะไรกัน เอริกะที่เห็นว่ามีคนที่ไม่ควรจะโผล่มาที่นี่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยก็ได้รีบเดินตรงเข้าไปหาอลิซและพูดคาดคั้นขึ้นมาในทันที
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านอลิซก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะใส่ใจกับท่าทางของเอริกะเลยแม้แต่น้อยแถมยังพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ เสียด้วย
“ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจจะให้เซซิเรียเขาหลุดปากจนคาร์เทียร์เขาขอตามมาด้วยอยู่แล้วหรอกหรอ แล้วแทนที่จะรอให้คาร์เทียร์เขามาที่นี่พร้อมกับพวกกลุ่มดอว์นคนอื่นๆ สู้ให้ฉันพามาก่อนจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรอไง”
“ให้ตายสิอลิซ! ถึงเธอจะพูดไม่ผิดก็เถอะแต่ฉันก็ไม่ได้กะจะให้สองคนนั้นมาเจอหน้ากันตรงๆ ตั้งแต่—”
“อ่ะ– ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เอริกะ เห็นว่ามีเรื่องอะไรจะให้หนูช่วยงานที่นี่ด้วยไม่ใช่หรอคะ?”
ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ คาร์เทียร์ที่ควรจะยืนพูดคุยกับเวก้าอยู่ก็กลับเดินตรงเข้ามาหาเอริกะและเอ่ยปากพูดถามหญิงสาวนักประดิษฐ์ขึ้นมาเสียแทนโดยปล่อยให้เวก้ายืนอยู่ที่เดิมราวกับว่าเธอไม่สนใจเขาซะด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้เอริกะสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะรีบพูดตอบกลับไป
“อ–อื้ม มันเป็นสิ่งที่ต้องให้คนที่มีวิซธาตุไฟฟ้าเป็นคนทำน่ะ เธอคิดว่าพอจะควบคุมพลังของตัวเองได้แล้วหรือยังน่ะคาร์เทียร์จัง”
“ถึงจะไม่มั่นใจเท่าไหร่แต่ก็คิดว่าน่าจะดีกว่าก่อนหน้านี้แน่ๆ ล่ะค่ะ”
“เข้าใจล่ะๆ ถ้าอย่างงั้นพวกหนุ่มๆ วางกล่องนั่นเอาไว้ตรงนี้แล้วตามยัยนัวร์ไปที่แนวหน้ากันได้เลย ส่วนเธอกับอีฟเดี๋ยวตามฉันไปข้างบนก็แล้วกัน”
“อ่า เข้าใจแล้ว / เข้าใจแล้วครับ!”
“……..”
ในขณะที่นากาและคอนแนลได้พูดตอบเอริกะกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทางด้านเวก้านั้นกลับนิ่งเงียบไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไป ซึ่งท่าทางของเวก้าที่ดูเหมือนว่าจะเศร้าก็ไม่ใช่รู้สึกผิดก็ไม่เชิงนับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นหน้าคาร์เทียร์อีกครั้งหนึ่งนั้นก็ได้ทำให้เอริกะต้องส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดสั่งเขาขึ้นมา
“จะมามัวยืนอะไรอยู่ตรงนี้กันล่ะ รีบๆ ไปได้แล้ว แล้วก็คาร์เทียร์ ฝากเธอแบกกล่องนั่นให้ฉันหน่อยสิ”
“อ่ะ— ค่ะ!”
คำสั่งของเอริกะที่พูดสั่งคาร์เทียร์ขึ้นมานั้นได้ทำให้เด็กสาวผมสีเทาต้องรีบเดินไปหยิบเอากล่องโลหะขนาดใหญ่ของนูลิสขึ้นมาสะพายหลังเอาไว้ ซึ่งภาพของเด็กสาวที่สามารถยกเอากล่องเหล็กที่พวกนากาและคอนแนลต้องช่วยกันออกแรงยกถึงจะเคลื่อนย้ายมันไหวขึ้นมาสะพายหลังเอาไว้ได้อย่างสบายๆ นั้นก็ได้ทำให้เวก้าผู้เป็นต้นเหตุต้องหลุบสายตาหลบเธอลงต่ำก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินตามพวกนัวร์ออกไปอีกทางหนึ่ง
ซึ่งภาพของเวก้าที่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรอยากจะพูดกับคาร์เทียร์แต่ก็ไม่กล้า และภาพของเด็กสาวที่พยายามจะทำเป็นเมินพ่อบุญธรรมของเธอแต่ก็แอบเหลือบมองอยู่บ่อยๆ นั้นก็ได้ทำให้อลิซต้องถอนหายใจออกมาก่อนที่เธอจะพูดถามเอริกะขึ้นมาบ้าง
“แล้วนี่เดี๋ยวเธอจะกลับลงไปจัดการเรื่องของโมโกะเลยหรือเปล่า?”
“หะ? นี่เธอรู้ได้ยัง— อ่อ…ก็นั่นสินะ… ฉันว่าจะกลับลงไปจัดการเรื่องนั้นหลังจากไปคุยกับไนน์ฮาร์ทเสร็จน่ะ”
“พระราชาของเมืองแพนเทร่าน่ะนะ? แบบนั้นกว่าจะคุยเสร็จมันจะไม่นานเกินไปหน่อยหรอ?”
อลิซพูดถามเอริกะกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ติดจะออกกังวลเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้เอริกะยักไหล่พูดตอบกลับมา
“เธอจะกังวลอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ดีอยู่แล้วหรอ?”
“……..!”
“……..”
คำพูดของเอริกะนั้นได้ทำให้อีฟที่เหมือนจะรู้ว่าคำว่ากังวลเป็นอะไรที่ไม่ดีนั้นหันไปทางอลิซและพยายามที่จะยื่นมือเล็กๆ ของเธอไปลูบหัวของเด็กสาวผมสีขาวเหมือนกับพยายามจะปลอบใจ
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านอลิซก็กลับเดินหลบฝ่ามือเล็กๆ ของอีฟไปได้อย่างง่ายดายและเอ่ยปากพูดตอบเอริกะกลับไปเบาๆ
“นั่นสินะ… ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่ว่าในเมื่อเดี๋ยวเธอจะกลับลงไปข้างล่างนั่นอยู่แล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอลงไปรออยู่ข้างล่างนั่นเลยก็แล้วกัน”
“หุ… จะรีบไปหานูลิสเขาในตอนที่ยังมีโอกาสอยู่ก็บอกมาเถอะ~ แต่ว่ามีอะไรจะคุยกับนูลิสเขาก็รีบๆ คุยก่อนที่ยัยนัวร์จะกลับมาก็แล้วกัน ยัยนั่นยิ่งหัวไวในเรื่องแปลกๆ แบบนี้อยู่ด้วย”
“ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วล่ะน่า…”
MANGA DISCUSSION