“แล้วฉันก็เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าถึงเธอจะสนิทกับคุณไมเคิลก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะเข้าไปหยิบ— อ่ะ กลับมาแล้วหรอคะท่านเอริกะ หวังว่าเจ้าหนูนี่คงจะไม่ได้ทำอะไรอันตรายจริงๆ ใช่มั้ยคะ…”
ในทันทีที่เอริกะและเพื่อนนายแพทย์ของเธอกลับมาถึงห้องรับรองแล้ว หญิงสาวผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าผู้ที่มีหูจิ้งจอกและเส้นผมสีน้ำตาลที่ดูเหมือนว่าจะกำลังอบรมเด็กสาวหูจิ้งจอกผมสีแดงอยู่ก็ได้รีบหันไปพูดถามเอริกะขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงจนทำให้เอริกะต้องรีบพูดตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เรื่องนั้นพวกฉันจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยแล้วล่ะ… ว่าแต่นี่พวกเธอไม่ได้เข้าไปตรวจสอบห้องของพวกเด็กๆ ดูกันบ้างเลยหรอน่ะ?”
“เรื่องนั้น… ปกติแล้วพวกเราจะให้พวกเด็กๆ จับตาดูกันเองน่ะค่ะว่าเพื่อนร่วมห้องทำอะไรที่ดูอันตรายหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดว่ามีอะไรดูน่าสงสัยหรือว่าอาจจะเป็นอันตรายก็ค่อยให้แอบมาแจ้งให้พวกฉันทราบพวกดิฉันถึงจะค่อยเข้าไปตรวจดูด้วยตัวเอง… ไมเคิลเขาบอกว่าถ้าทำแบบนี้เด็กๆ จะสนิทสนมกันได้มากกว่าแล้วก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกจำกัดอิสรภาพอะไรมากนักเวลาอยู่ที่นี่น่ะค่ะ…”
“แต่บังเอิญว่าน้องสาวของแม่หนูน้อยนี่ที่น่าจะอยู่ห้องเดียวกันดันถูกรับเลี้ยงไปคนเดียวก่อนก็เลยไม่มีใครคอยช่วยดูสินะ”
“ค่ะ… แล้วพวกเด็กๆ คนอื่นๆ ที่สนิทกับเพื่อนร่วมห้องกันแล้วก็ไม่อยากจะย้ายออกจากห้องเดิมของตัวเองกันด้วย พวกดิฉันก็เลยได้แต่ต้องรอจนกว่าจะมีเด็กคนใหม่เข้ามานี่แหล่ะค่ะ…”
“เฮ้อ… เรื่องแบบนั้นถ้าไม่มีก็น่าจะดีกว่าล่ะมั้งเนอะ ถ้างั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะรับเด็กคนนี้ไปดูแลให้เองละกัน เธอพาคุณหมอสุดหล่อตรงนั้นไปจัดการเรื่องเอกสารแทนฉันได้เลย”
เอริกะที่ได้ยินคำพูดของผู้ดูแลได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะถ้าเกิดว่าไม่รอจนกว่าจะมีเด็กคนใหม่เข้ามาเอง ผู้ดูแลก็คงจะต้องบังคับให้เด็กสักคนแยกออกจากเพื่อนตัวเองเพื่อมาจับตาดูไม่ให้เด็กสาวหูจิ้งจอกผมสีแดงทำอะไรน่าสงสัย หรือถ้าจะรอจนกว่าจะมีเด็กคนใหม่เข้ามาที่นี่จริงๆ มันก็หมายความว่าโลกใบนี้มีเด็กกำพร้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว
ซึ่งการตัดสินใจของเอริกะนั้นก็ได้ทำให้ผู้ดูแลถึงกับกระดิกหูจิ้งจอกของเธอด้วยความดีใจ เพราะเธอมั่นใจว่าไม่ว่าเอริกะจะรับตัวเด็กๆ ไปจากพวกเธอสักกี่คนเอริกะก็จะดูแลเหล่าเด็กๆ ให้เป็นอย่างดีอย่างแน่นอน
“ถ้างั้นเชิญตามมาทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะพาไปจัดการเอกสารที่ห้องทำงานของไมเคิลเขาให้เอง”
“เฮ้อ… ถ้างั้นเธอก็จัดการคุยเรื่องที่เธออยากจะคุยกับเจ้าหนูนั่นให้เรียบร้อยก็แล้วกันนะเอริกะ…”
นายแพทย์หนุ่มที่ถูกเอริกะโยนงานมาให้นั้นได้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและพูดบอกเอริกะกลับไปด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยอมเดินตามหลังผู้ดูแลไปแต่โดยดี เพราะเขารู้ว่าเอริกะเพียงแค่อยากจะพยายามไล่ผู้ดูแลออกไปจากห้องนี้เพื่อให้เธอได้มีเวลาสอบถามเด็กสาวอย่างเป็นส่วนตัวเท่านั้น
ซึ่งท่าทีเหนื่อยหน่ายแต่ว่าก็ยังยอมร่วมมือทำตามแผนการแต่โดยดีของนายแพทย์หนุ่มก็ได้ทำให้เอริกะผุดรอยยิ้มกวนๆ ออกมาพร้อมกับพูดจาหยอกล้อเขากลับไปเล็กน้อย
“จ๋าจ๊ะ~ เอาไว้เดี๋ยวหลังจากนี้ถ้านายอยากจะแวะกินอะไรฉันจะเป็นคนเลี้ยงเองก็แล้วกัน~ อ๊ะ— แต่ถ้าอยากจะกินอย่างอื่นนอกจากอาหารนี่ไม่ได้นะจ๊ะ~”
“ตลกตายล่ะ…”
นายแพทย์หนุ่มพูดตอบเอริกะกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายยิ่งกว่าเดิมและเดินตามหลังผู้ดูแลออกไปในทันที จนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่เอริกะและเด็กสาวหูจิ้งจอกผมสีแดงผู้ริเริ่มการทดลองปริศนาเพียงแค่สองคน
“คิกคิก~ เอาล่ะ ทีนี้ก็เหลือแค่ฉันกับเธอแล้วนะแม่หนูน้อย~”
“เมื่อกี้นี้พี่สาวบอกว่าจะรับหนูไปเลี้ยงหรอคะ…?”
“หืม~ มันก็อะไรประมาณนั้นแแหล่ะจ้ะ~ ทำไมท่าทางเธอดูเหมือนจะไม่ค่อยดีใจสักเท่าไหร่เลยล่ะ? หรือว่าเธออยากจะอยู่ที่นี่ต่องั้นหรอจ๊ะ?”
“มันก็… ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกค่ะ…”
เด็กสาวพูดตอบเอริกะกลับไปด้วยท่าทีที่ดูเหมือนว่าจะกังวลใจเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริกะสามารถมั่นใจได้ในทันทีว่าเด็กสาวเบื้องหน้าของเธอคงจะกำลังกังวลเรื่องของการทดลองลับๆ ที่เธอแอบทำโดยไม่ให้ใครรู้อยู่อย่างแน่นอน
“เธอกำลังกังวลเรื่องการทดลองลับๆ ที่เธอแอบทำหลังจากที่น้องสาวถูกรับไปเลี้ยงดูอยู่ใช่มั้ยล่ะ เจ้าขวดโหลที่เธอซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าพวกนั้นน่ะ~”
“พ–พี่สาวเจอพวกมันแล้วหรอคะ? ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วทำไมยังคิดจะรับหนูไปเลี้ยงอยู่อีกล่ะ…”
“อื้ม~ จะว่ายังไงดีล่ะ… ถ้าจะให้บอกตามตรงแล้วสาเหตุที่ฉันตัดสินใจจะรับเธอไปเลี้ยงนี่มันก็เป็นเพราะการทดลองลับๆ ของนั่นแหล่ะ เพราะถ้าเกิดว่าเธอแค่เด็กเล่นซนธรรมดาๆ ที่เผลอทำห้องระเบิดเฉยๆ ล่ะก็พวกฉันก็คงจะสอนแค่เรื่องของความปลอดภัยในการทดลองนิดๆ หน่อยแล้วก็กลับไปกันแล้วล่ะ”
“…ล–แล้วพี่สาวไม่รังเกียจเรื่องที่หนูกำลังพยายามทำอยู่หรอคะ?”
คำพูดของเอริกะได้ทำให้เด็กสาวถึงกับต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ และนั่นก็ทำให้เอริกะตัดสินใจที่จะยกมือขึ้นไปลูบหัวของเธอและพูดอธิบายออกมาให้เธอฟัง
“อื้ม ถ้าเธอพูดอย่างงี้ก็แปลว่าเธอรู้สินะว่าสิ่งที่เธอกำลังพยายามทำอยู่มันไม่ใช่อะไรที่คนทั่วๆ ไปเขายอมรับกันน่ะ…”
“…ค่ะ”
“แต่ทั้งๆ ที่เธอรู้อย่างนั้นเธอก็ยังแอบไปขุดของพวกนั้นขึ้นมาทำการทดลองอยู่ดี… ที่มันเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะว่าเธอมีเป้าหมายอะไรบางอย่างอยู่ในใจใช่มั้ยล่ะ… เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างพวกฉันที่จะต้องสอนเธอเกี่ยวกับเรื่องของอันตรายพวกนี้เอง เธอจะได้ไม่โดนวังหลวงของที่นี่รวบไปก่อนที่จะได้ทำตามเป้าหมายของตัวเองยังไงล่ะ~”
“พี่สาวสอนหนูเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้หรอคะ!?”
ในทันทีที่เด็กสาวหูจิ้งจอกได้ยินคำพูดของเอริกะ เธอก็ร้องขึ้นมาเสียงดังด้วยความดีใจปนประหลาดใจ เพราะว่าที่ผ่านมาเธอจำเป็นต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาตลอดโดยไม่มีใครให้สอบถามจนเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมามากมายและในท้ายที่สุดก็มาลงเอ่ยที่การเผลอทำห้องระเบิดอย่างที่เกิดขึ้นนี่ เพราะแบบนั้นถ้าเกิดว่าหญิงสาวเบื้องหน้าของเธอจะสามารถสอนในสิ่งที่เธออยากรู้ได้ล่ะก็ เธอก็คงจะไม่ลังเลที่จะยอมตามอีกฝ่ายไปอย่างแน่นอน
“อื้ม ถึงฉันจะไม่ได้ถนัดเรื่องแบบนี้เท่ากับเพื่อนเก่าบางคนของฉันก็เถอะ แต่ฉันก็มั่นใจว่าจะสามารถสอนเรื่องพื้นฐานแล้วก็ให้คำแนะนำให้เธอเอาไปต่อยอดได้แน่ๆ ล่ะ… แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยนะว่าการเรียนรู้เรื่องอะไรแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เธอจะทำความเข้าใจได้ภายในเวลาไม่กี่ปีนะเออ ได้ยินแบบนี้แล้วเธอคิดว่าจะอดทนเรียนมันไหวมั้ยล่ะ~?”
“ก็ต้องไหวอยู่แล้วสิคะ!!”
“แหม่ ตอบแบบไม่คิดเลยนะเธอเนี่ย~ ถ้ายังไงก็มาฟังข้อตกลงกันก่อนดีกว่า ฉันสามารถสอนเรื่องที่เธออยากรู้ให้เธอได้ แต่ว่ามันต้องแลกกับการที่ว่าพอเธอโตไปแล้วเธอต้องจะพิจารณาว่าจะช่วยงานของฉันหรือเปล่าดีมั้ยล่ะ เพราะว่าทางด้านพวกฉันเองก็มีเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จอยู่ด้วยเหมือนกัน”
“ได้อยู่แล้วสิคะ!! แต่…”
ในทีแรกที่เด็กสาวหูจิ้งจอกได้ยินเงื่อนไขของเอริกะเข้าเธอก็รีบพูดตอบกลับไปด้วยความมั่นใจในทันที แต่ว่าเมื่อเธอได้คิดทวนคำพูดของอีกฝ่ายดีๆ แล้วเธอก็พบว่าเงื่อนไขของอีกฝ่ายเป็นแค่การขอให้เธอคิดว่าจะช่วยงานหรือเปล่าโดยไม่ได้เป็นการบังคับกันจนเธออดไม่ได้ที่จะต้องพูดถามออกไป
“เงื่อนไขแบบนั้นพี่สาวจะไม่เสียเปรียบแย่หรอ ถ้าเกิดว่าพอหนูโตไปแล้วเลือกที่จะไม่ช่วยงานของพี่สาวน่ะ…”
“แหม่ ถ้าเธอเลือกที่จะไม่ช่วยแบบนั้นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยสิ เพราะว่างานที่ฉันบอกน่ะมันไม่ใช่อะไรที่จะปลอดภัยมากนักหรอกนะ~”
“ไม่ปลอดภัย…? นี่พวกพี่สาวเป็นใครมาจากไหนแล้วเป้าหมายที่ว่านั่นคืออะไรกันแน่คะเนี่ย?”
“อื้ม… ถ้างั้นก็มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่าเนอะ~ ฉันชื่อว่า เอริกะ เป็นนักประดิษฐ์จากเมืองรีมินัสที่อยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ของเมืองแพนเทร่านี่น่ะจ้ะ ส่วนเรื่องเป้าหมายของพวกฉันนั่นมันก็… แค่อยากจะพยายามจะหยุดยั้งแผนการของเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานแสนนานแล้วเท่านั้นเอง”
“แผนการหรอคะ?”
“จ้ะ… มันก็แค่แผนการอันแสนเศร้าของเธอคนนั้นที่พวกฉันไม่ได้พบมานานแล้วเท่านั้นแหล่ะ แถมดีไม่ดีมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้หรือว่าภายในช่วงอายุของเธอด้วยซ้ำล่ะมั้ง… แต่เรื่องเก่าๆ น่ะช่างมันไปก่อนเถอะเนอะ~ ไหนๆ ตอนนี้ตาเธอแนะนำตัวบ้างแล้วล่ะแม่สาวน้อย~”
ในขณะที่เอริกะกำลังพูดถึงเรื่องในอดีตของเธอออกมาอยู่นั้นเอง อยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องพูดไปกะทันหันและบอกให้เด็กสาวหูจิ้งจอกเบื้องหน้าของเธอเป็นฝ่ายแนะนำตัวขึ้นมาบ้าง
ซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กสาวหูจิ้งจอกผมสีแดงได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้มของตัวเองเบาๆ แล้วจึงค่อยพูดอธิบายออกมาให้เอริกะฟัง
“เอ่อ… หนูยังไม่ได้คิดชื่อของตัวเองเลยน่ะค่ะ… พี่ไมเคิลเขาบอกว่าชื่อของตัวเองก็จงคิดขึ้นมาด้วยตัวเองสิ เสร็จแล้วก็บอกพวกเราว่าห้ามใช้ชื่อเก่าที่เคยใช้ก่อนจะมาอยู่ที่นี่อีก… ถ้าจะเอาตามที่คนอื่นๆ เขาเรียกกันก็น่าจะเป็นหนูจิ้งจอกล่ะมั้งคะ…”
“โอ๊ยตายล่ะ… ถึงจะฟังดูงี่เง่าไปหน่อยแต่ก็ฟังดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไมเคิลเขาชอบทำดีล่ะนะ… ถ้างั้นเอาเป็นว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเรียกเธอว่า เอริซาเบธ แล้วก็เรียกสั้นๆ ว่า เอริ ไปก่อนก็ละกัน ถ้าเกิดว่าหลังจากนี้เธอคิดชื่ออื่นที่อยากจะให้เรียกได้แล้วก็ค่อยมาบอกฉันก็แล้วกันเนอะ~”
“อื้อ!”
MANGA DISCUSSION