แอ๊ด—แอ๊ด—แอ๊ด—
คำเตือน คำเตือน ขณะนี้ได้มีคำสั่งเรียกรวมพลฉุกเฉิน ขอให้บุคลากรทุกท่านหลบทางให้แฟรี่รอบๆ ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
“รวมพลฉุกเฉินงั้นหรอ…?”
ภายในช่วงบ่ายของวันธรรมดาๆ วันหนึ่งที่เคยสงบสุขนั้นก็ได้มีเสียงพูดพึมพำเบาๆ ของหญิงสาวผมสีเขียวที่กำลังเดินไปตามห้องโถงสีดำดังขึ้นมาด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่ถูกประกาศออกมาจากอุปกรณ์สื่อสารทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกติดตั้งเอาไว้บนเพดาน
ซึ่งเสียงประกาศของหญิงสาวที่ดังออกมาจากตัวอุปกรณ์สื่อสารนั้นก็ได้ทำให้เธอต้องเหลือบตาขึ้นไปมองดูมันด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะต้องรีบหลบไปยืนอยู่ริมกำแพง เมื่อประตูห้องจำนวนมากที่ตั้งเรียงรายอยู่เต็มโถงทางเดินได้ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมๆ กันก่อนที่จะมีกลุ่มสาวใช้ผมสีดำที่สวมใส่หน้ากากสีขาวไร้ลวดลายพากันเดินออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ถึงจะบอกว่าเป็นการรวมพลฉุกเฉินก็เถอะ แต่ว่าแบบนี้มันจะไม่เยอะเกินไปหน่อยหรอน่ะ…”
ถึงแม้ว่าหญิงสาวผมสีเขียวที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบที่ดูเหมือนกับเครื่องแบบทางการทหารจะได้เห็นกลุ่มของสาวใช้ผมสีดำที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนนับร้อยคนทยอยพากันเดินออกมาจากห้องพักแล้วก็ตาม แต่ว่าเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือว่าประหลาดใจออกมาเลยแม้แต่น้อย และทำเพียงแค่พูดพึมพำออกมาด้วยความสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า
“หา…? นั่นมันแฟรี่งานบ้านไม่ใช่หรือไง…?”
แต่ว่าทันใดนั้นเองหญิงสาวผมสีเขียวในชุดเครื่องแบบก็ต้องชะงักไปเมื่อเธอได้สังเกตเห็นสาวใช้อีกสองสามคนที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเหล่าสาวใช้ผมสีดำเดินตามหลังขบวนของเหล่าสาวใช้ผมสีดำไปด้วย และนั่นก็ทำให้เธอได้ตัดสินใจที่จะเดินตามหลังขบวนสาวใช้พวกนั้นไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งขบวนของเหล่าสาวใช้สวมหน้ากากทั้งหลายก็ได้พากันเดินตรงออกจากตัวอาคารสีดำที่พวกเธออยู่ ไปตั้งแถวกันอยู่ที่กึ่งกลางสนามหญ้าที่มีกลุ่มของสาวใช้อีกหลายสิบกลุ่มที่มีลักษณะต่างๆ กันยืนตั้งแถวรออยู่ก่อนแล้วอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
และเมื่อเหล่าสาวใช้นับร้อยคนที่มารวมตัวกันที่สนามหญ้าตั้งแถวกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว บนแผ่นหลังของพวกเธอก็ได้ปรากฏแสงสว่างรูปทรงเหมือนกับปีกผีเสื้อสีต่างๆ กันขึ้นมาก่อนที่พวกเธอจะพุ่งทะยานหายขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมๆ กัน เหลือทิ้งเอาไว้เพียงหญิงสาวผมสีเขียวที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกเพียงคนเดียว
“นอกจากแฟรี่ทหารกับแฟรี่งานบ้านแล้วก็ยังเรียกรวมพลพวกโดรนกับหัวหน้าโดรนด้วยงั้นหรอ… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…”
“พี่เซซิเรีย! นี่พี่เซซิเรียมอบคำสั่งอะไรให้กับพวกน้องๆ แฟรี่กันคะเนี่ย เมื่อกี้อยู่ๆ พวกผู้ช่วยของหนูเขาก็พากันทิ้งงานแล้วก็เดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้แล้วเนี่ย”
ในขณะที่หญิงสาวผมสีเขียวกำลังนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ อยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ฟังดูตื่นตระหนกดังขึ้นมาจนทำให้เธอต้องละสายตากลับลงมาจากท้องฟ้าทางฝั่งตะวันออกที่เหล่าสาวใช้สวมหน้ากากที่ถูกเรียกว่าแฟรี่พากันบินหายไป
และนั่นก็ทำให้เธอได้พบเข้ากับหญิงสาวผมสีแดงยาวที่มีหูสัตว์ทรงกลมที่ดูแตกต่างไปจากหูแหลมๆ แบบเดียวกับคนที่มีหูแมวหรือว่าหูจิ้งจอกที่พบกันได้ตามปกติอยู่บนศีรษะกำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงเข้ามาหาเธออยู่
แต่ทว่าในทันทีที่หญิงสาวผมสีแดงที่มีหูเหมือนกับแพนด้าแดงวิ่งตรงเข้ามาถึง และกำลังจะพูดต่อว่าหญิงสาวผมสีเขียวที่มีชื่อว่าเซซิเรียที่เธอเชื่อว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะออกคำสั่งใช้งานแฟรี่ผู้ช่วยของเธอไปอยู่นั้นเอง เธอก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นสีหน้าสับสนและแฝงเอาไว้ด้วยความกังวลของอีกฝ่าย
“เอ๋ะ? ไม่ใช่ฝีมือของพี่เซซิเรียหรอกหรอคะ? แต่ว่าคนที่มีอำนาจในการสั่งการสูงกว่าหนูมันก็—”
“โคลเอ้! ตอนนี้เธอพอจะยังติดตามตำแหน่งแฟรี่ของเธอได้อยู่หรือเปล่า!?”
“ค—ค่ะ!! ขอเวลาสักครู่นะคะ!!”
หญิงสาวผู้ที่มีหูสัตว์ทรงกลมที่ถูกเรียกว่า โคลเอ้ นั้นได้รีบขานตอบเซซิเรียกลับไปก่อนที่เธอจะวิ่งตรงกลับเข้าไปด้านในตัวปราสาทสีดำอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ทางด้านเซซิเรียเองก็ได้รีบเปิดหนังสือหน้าตาเก่าๆ ในมือของเธอออกก่อนที่เธอจะชะงักไปเมื่อได้เห็นตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ถูกเขียนคาดทับเอาไว้เหนือข้อมูลที่อยู่ภายใน
“อำนาจในการสั่งการถูกแทนที่ไปโดยสมบูรณ์… คนที่ทำได้ขนาดนี้ถ้าไม่ใช่หัวหน้าที่เพิ่งจะออกไปที่อีเรสเต้ก็คงจะเป็นคุณแม่งั้นสินะ…”
“พี่เซซิเรียคะ! ตอนนี้มีคนรายงานเข้ามาว่าเสียสิทธิในการสั่งการพวกแฟรี่กันเต็มไปหมดเลยค่ะ!!”
ในขณะที่เซซิเรียกำลังไล่พลิกเปิดหน้ากระดาษที่ถูกคาดทับเอาไว้ด้วยตัวอักษรสีแดงไปซะทุกหน้ากระดาษอยู่นั้นเอง โคลเอ้ที่วิ่งหายเข้าไปด้านในตัวปราสาทสีดำก็ได้วิ่งกลับออกมาพร้อมกับร้องตะโกนบอกเซซิเรียด้วยความรีบร้อน เธอจึงได้ละสายตาออกมาจากหนังสือเก่าๆ ของเธอที่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ในเวลานี้พร้อมกับหันไปพูดถามโคลเอ้ขึ้นมาแทน
“งั้นก็หมายความว่าคำสั่งเรียกรวมพลไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่นี่งั้นสินะ… แล้วแฟรี่พวกนั้นกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกันล่ะ?”
“ถ้าจากรายงานที่ของพวกพี่ๆ ที่อยู่แถวๆ นี้เขาบอกว่าเห็นพวกแฟรี่บินไปทางตะวันออก ส่วนพวกพี่ๆ ที่ถูกส่งไปประจำการอยู่ที่เมืองซายูกิบอกว่าเห็นพวกแฟรี่บินไปทางตะวันตกค่ะ!”
“ถ้างั้นก็แปลว่าคงจะมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นในเมืองอีเรสเต้ที่อยู่ตรงกลางงั้นสินะ…”
“เอ๋–? จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะคะ วันนี้หัวหน้าเขาพาพี่โอริเวอร์กับพี่เอริกะไปเป็นบอดี้การ์ดด้วยไม่ใช่หรอ!?”
คำพูดสันนิษฐานของเซซิเรียได้ทำให้โคลเอ้ร้องขึ้นมาเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเซซิเรียก็ไม่คิดว่าจะมีความเป็นไปได้อย่างอื่นอีกเธอจึงได้พูดพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ถ้างั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าที่พี่ชายของเธอจะจัดการได้ หัวหน้าเขาก็เลยต้องออกคำสั่งเรียกรวมพลฉุกเฉินล่ะมั้ง…”
“ร—เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะคะ! ต่อให้จะเป็นกองทหารของเมืองอีเรสเต้ก็เถอะ แต่ว่าถ้าเป็นพี่โอลิเวอร์ล่ะก็ต่อให้จะต้องรับมือกับกองทหารของทั้งเมืองพร้อมๆ กันก็ไม่คณามือหรอกค่ะ! แล้วไหนจะยังมีพี่เอริกะที่ตามไปพร้อมกันด้วยอีกคนนึงอีก…”
โคลเอ้ที่ได้ยินคำพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดของเซซิเรียได้พยายามที่จะพูดให้เธอใจเย็นลงมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเซซิเรียก็กลับไม่สามารถคิดหาสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างอื่นได้อีก เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะออกไปพิสูจน์ดูด้วยตาของตัวเองแทน
“ฉันก็เข้าใจนะว่าเธอไม่อยากจะให้ฉันเป็นห่วงพวกหัวหน้าเขามากเกินไปน่ะโคลเอ้… แต่ว่ายังไงเดี๋ยวฉันขอไปดูที่อีเรสเต้ด้วยตาตัวเองก่อนดีกว่า เพราะว่าถ้าคำสั่งเรียกรวมพลมันรวมไปถึงพวกแฟรี่งานบ้านด้วยแบบนี้ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆ แล้วล่ะ”
“ถ…ถ้าพี่เซซิเรียว่าอย่างนั้นหนูก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
“อื้ม ถ้างั้นฉันฝากเธอดูแลที่นี่ด้วยก็แล้วกันนะโคลเอ้”
“ค—ค่ะ! พี่เซซิเรียเองก็ระวังตัวด้วยนะคะ!!”
เสียงพูดตอบรับของโคลเอ้ได้ทำให้เซซิเรียพยักหน้ากลับไปให้เธอเล็กน้อยก่อนที่เธอจะปิดหนังสือเก่าๆ ในมือของเธอลง พร้อมๆ กับที่กลางอากาศข้างกายของเธอได้ปรากฏก้อนคริสตัลสีเขียวเม็ดเล็กๆ ขึ้นมาและขยายตัวออกอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหอกคริสตัลสีเขียวให้เซซิเรียได้ยื่นมือออกไปคว้ามันเอาไว้ และหลังจากนั้นเธอจึงได้พุ่งตัวออกไปในทิศทางเดียวกับที่เหล่าสาวใช้บินหายไปด้วยความรวดเร็ว
“หวังว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรลงไปนะหัวหน้า…”
MANGA DISCUSSION