แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
ในช่วงเช้าวันหนึ่งภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่เต็มไปด้วยหลอดแก้วขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายกันไปแทบจะทั่วทั้งห้องนั้นได้มีเสียงเสียงกดแป้นพิมพ์ของหญิงสาวผมสีแดงยาวที่มัดผมของเธอเป็นทรงทวินเทลดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
และที่ด้านหลังของเธอเองก็ยังมีชายหนุ่มร่างเล็กผมสีขาวยาวสลวยที่มัดเอาไว้เป็นทรงหางม้าต่ำกำลังจ้องมองเข้าไปภายในหลอดแก้วหนาทึบที่ปรากฏร่างเงาจางๆ ของใครบางคนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ ที่แฝงเอาไว้ด้วยความกังวลเล็กน้อย
ซึ่งถึงแม้ว่าชายหนุ่มผมสีขาวจะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่ว่าทางด้านหญิงสาวผมสีแดงก็เหมือนกับจะทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงได้รัวนิ้วลงไปที่แป้นพิมพ์เบื้องหน้าของเธออีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยปากพูดบอกสหายของเธอที่ยืนอยู่เบื้องหลังขึ้นมา
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
“ถึงฉันจะเชื่อฝีมือของนายก็เถอะนะ แต่ว่ายังไงก็ลองให้ระบบมันตรวจสอบดูให้อีกทีนึงก่อนก็ละกันเนอะ~”
“อ่า… มันก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองล่ะนะ…”
ปิ๊บ—
ทันทีที่สิ้นเสียงของชายหนุ่มผมสีขาว ตัวหน้าจอขนาดเล็กๆ ที่ติดอยู่ทางด้านบนของแป้นพิมพ์ที่หญิงสาวผมสีแดงกำลังใช้งานอยู่ก็ได้ส่งเสียงสัญญาณออกมาเบาๆ ก่อนที่มันจะแสดงข้อมูลต่างๆ ของเงาร่างที่อยู่ภายในหลอดแก้วออกมาให้พวกเขาทั้งคู่ได้เห็น
[ชีพจร: คงที่]
[ระดับออกซิเจน: มาตรฐาน]
[สภาพร่างกายโดยรวม: สมบูรณ์แบบ]
“อื้ม……..”
ถึงแม้ว่าตัวข้อมูลหลักๆ ที่ดูน่าจะสำคัญจะดูไม่มีปัญหาอะไรก็ตามที แต่ว่าหญิงสาวผมสีแดงก็ยังคงไล่อ่านข้อมูลยิบย่อยต่างๆ ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนจอภาพอย่างช้าๆ จนกระทั่งเธอไม่เห็นว่ามีตรงไหนที่น่าเป็นห่วงแล้ว เธอจึงได้เหล่ตาไปมองชายหนุ่มผมสีขาวด้านหลังของเธอและพูดถามเขาขึ้นมาบ้าง
“เท่าที่ฉันดูแล้วทุกอย่างก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ แล้วทางด้านคุณหมอผู้เชี่ยวชาญในเรื่องแบบนี้อย่างนายคิดว่ายังไงบ้างล่ะ~?”
“ก็แปลก… แต่ก็ไม่ถึงกับผิดคาดสักเท่าไหร่… เพราะว่าถ้าเป็นเธอคนนี้ล่ะก็จะกลับมาเป็นปกติในเวลาไม่นานแบบนี้มันก็คงจะไม่น่าประหลาดใจอะไรขนาดนั้นหรอกล่ะมั้ง…”
“ถ้างั้นก็เหลือแค่เปิดออกมาดูแล้วงั้นสินะ เอาล่ะ~ โอ้เพ้นนนนนน!!”
กริ๊ก—ฟู่วววว—
ในทันทีที่หญิงสาวผมสีแดงเคาะนิ้วของเธอลงไปบนปุ่มที่ใหญ่ที่สุดบนแป้นพิมพ์นั้น หลอดแก้วเบื้องหน้าของเธอก็ได้ถูกเลื่อนจนเปิดออกพร้อมกับปลดปล่อยไอเย็นสีขาวจำนวนมากออกมาจากภายใน
และหลังจากที่ไอเย็นพวกนั้นจางหายลงไปบางส่วน พวกเขาทั้งสองคนก็ได้พบเข้ากับเด็กสาวผมสีขาวร่างเล็กที่นอนหลับอยู่ภายใน ซึ่งเมื่อหญิงสาวผมสีแดงได้เห็นเงาร่างที่เธอคุ้นเคยแบบนั้นเธอก็ได้เผยรอยยิ้มเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นออกมาก่อนที่เธอจะโบกมือไล่ชายหนุ่มผมสีขาวให้หันไปมองทางอื่นก่อน
“มัวแต่มองอะไรของนายอยู่กันหะ ส่งชุดนั่นมาแล้วก็หันไปมองทางอื่นก่อนไปชิ้วๆ”
“เฮ้อ… ถ้าเธอแต่งตัวให้เขาเสร็จแล้วก็ค่อยเรียกฉันกลับมาก็แล้วกัน…”
ชายหนุ่มผมสีขาวที่ถูกเอ่ยปากไล่ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับส่งชุดเดรสสีน้ำตาลเข้มที่เขารับฝากเอาไว้ไปให้หญิงสาวผมสีแดงก่อนจะเดินไปหลบอยู่ส่วนอื่นของห้องอย่างเงียบๆ
และเมื่อหญิงสาวผมสีแดงได้รับเสื้อผ้าไปแล้วเธอก็ได้จัดการสวมใส่มันให้กับร่างของเด็กสาวผมสีขาวที่ยังคงนอนหลับอยู่ด้วยความรวดเร็วจนกระทั่งเด็กสาวผมสีขาวในหลอดทดลองที่กำลังถูกจับแต่งตัวราวกับว่าเป็นตุ๊กตาได้ลืมตาตื่นขึ้นมา
“อื้ม…?”
“อ๊ะ— รู้สึกตัวแล้วหรอ~ รู้หรือเปล่าว่าถ้ามีการจัดอันดับคนที่นอนเยอะที่สุดในโลกล่ะก็เธอก็น่าจะติดอันดับหนึ่งได้ไม่ยากเลยล่ะ… ว่าแต่เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง มีตรงไหนผิดปกติบ้างมั้ยเอ่ย~?”
“ก็รู้สึกสบายดีจนถึงตอนที่เห็นว่าเธอเพิ่งจะเอาชุดอะไรก็ไม่รู้มาใส่ให้ฉันเนี่ยแหล่ะ…”
“ว๊าย~ เสียมารยาท~ นี่คนเขาอุตส่าห์เตรียมชุดที่น่าจะเหมาะกับเธอที่สุดมาให้เลยนะเนี่ย~”
หญิงสาวผมสีแดงทวินเทลที่ถูกเด็กสาวผมสีขาวพูดต่อว่าขึ้นมานั้นได้พูดเถียงกลับไปด้วยท่าทีทีเล่นทีจริงจนทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กที่เดินหลบไปทางอื่นเมื่อสักครู่นี้ได้ตัดสินใจที่จะเดินกลับมาทักทายเด็กสาวผมสีขาวที่เป็นคนรู้จักของเขาด้วยเช่นกันขึ้นมาบ้าง
“เฮ้อ… ถ้าเกิดว่าพวกเธอคุยเล่นกันได้แบบนั้นงั้นก็คงจะไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ… พวกเรารีบออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ…”
“อื้ม นั่นสิเนอะ อ่ะ มานี่สิ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงให้เอง~”
หญิงสาวผมสีแดงพูดตอบเพื่อนนายแพทย์ของเธอกลับไปพร้อมกับยื่นมือไปช่วยพยุงเด็กสาวผมสีขาวออกจากห้องที่เต็มไปด้วยหลอดทดลองแห่งนี้โดยมีเสียงพูดถามเบาๆ ของเด็กสาวผมสีขาวดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน
“แล้ว… ที่เธอปลุกฉันขึ้นมาแบบนี้นี่หมายความว่าพวกเธอเตรียมแผนการนั้นเรียบร้อยแล้วงั้นสินะ… นี่ฉันหลับไปนานเท่าไหร่กันแน่เนี่ย?”
“ก็เอาเป็นว่ามันนานเกินกว่าที่พวกฉันอยากจะจำก็ละกัน ส่วนเรื่องแผนการที่ว่านั่นน่ะมันก็ยังไม่ถึงเวลาสักทีเดียวหรอก… แค่ว่าพวกฉันคุยกันแล้วตกลงกันได้ว่าจะปลุกเธอขึ้นมาก่อนเวลาสักหน่อยเพื่อให้เธอได้มีเวลาคิดตัดสินใจอีกครั้งนึงน่ะ”
“ตัดสินใจงั้นหรอ…? ในโลกใบนี้ของพวกเธอยังจะมีอะไรที่จะทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้อีกหรือไง?”
“น่าๆ ยังไงเธอก็ลองมาดูนี่ก่อนสิ”
หญิงสาวผมสีแดงที่ได้ยินคำพูดค่อนแคะจากเด็กสาวก็ได้พยุงตัวเด็กสาวผมสีขาวมาที่หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กันเพื่อให้เด็กสาวข้างกายได้เห็นตึกรามบ้านช่องรูปทรงสี่เหลี่ยมสูงใหญ่จำนวนมากที่มีหน้าจอขนาดใหญ่แสงภาพเคลื่อนไหวติดอยู่ตามตัวตึก ในขณะที่ตามซอกตึกพวกนั้นเองก็มีพื้นที่สีเขียวอย่างสวนสาธารณะขนาดเล็กใหญ่โผล่มาให้เห็นเป็นบางส่วน และที่เส้นทางสัญจรอันเป็นถนนสีดำเองก็มียานพาหนะทรงสี่เหลี่ยมสีต่างๆ วิ่งผ่านไปมาให้เห็นเป็นระยะ
อีกทั้งทางเดินข้างตัวถนนสีดำเองก็เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ที่อยู่ริมข้างทาง
ซึ่งในหมู่ผู้คนเหล่านั้นเองก็มีบางรายที่มีหูสัตว์เหมือนกับหูแมวหรือว่าหูแหลมๆ ฟูๆ เหมือนกับหูจิ้งจอกอยู่บนศีรษะในขณะที่ผู้คนบางส่วนเองก็มีเขาสีดำหรือไม่ก็มีเขาสีขาวที่ดูแข็งแกร่งงอกออกมาจากบริเวณข้างศีรษะด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งภาพของเหล่าผู้คนที่กำลังใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่อย่างสงบสุขนั้นก็ได้ทำให้สีหน้าแข็งกระด้างของเด็กสาวผมสีขาวดูอ่อนลงเล็กน้อย จนทำให้หญิงสาวผมสีแดงที่เห็นแบบนั้นได้ตัดสินใจที่จะรีบพูดชักจูงเด็กสาวออกมาในทันที
“ถึงมันจะไม่เหมือนกับที่ที่เธอเคยอยู่มาก่อนก็เถอะแต่ว่ามันก็ไม่ได้แย่สักทีเดียวใช่มั้ยล่ะ คือแบบว่าอย่างน้อยๆ พวกเขาก็ใช้ชีวิตกันได้อย่างสงบสุขโดยไม่ต้องกลัวว่าอยู่ดีๆ จะมีใครโผล่มาระเบิดพวกเขาทิ้งน่ะนะ นี่ๆ นายเองก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”
“ถ้าจะบอกว่าสงบสุขมันก็สงบสุขล่ะมั้ง…”
ชายหนุ่มผมสีขาวที่ถูกหญิงสาวผมสีแดงดึงตัวไปเป็นแนวร่วมเพื่อช่วยพูดเกลี้ยกล่อมนั้นได้เหลือบตามองลงไปเบื้องล่างอยู่ชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้นมาสั้นๆ แต่ทว่าคำพูดของเขานั้นกลับทำให้เด็กสาวผมสีขาวมีสีหน้าหม่นหมองลงไปแทนจนทำให้หญิงสาวผมสีแดงต้องหันไปมองค้อนเขาก่อนจะรีบพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา
“เธอยังไม่ต้องให้คำตอบพวกฉันตอนนี้ก็ได้นะอ—… อ๊ะ—จะว่าไปถ้าตามที่พวกเราคุยกันก่อนที่เธอจะโดดเข้าแคปซูลนั่นไปนี่เธอไม่คิดจะใช้ชื่อนั้นอีกต่อไปแล้วนี่นะ… ถ้างั้นเธอจะให้พวกเราเรียกเธอว่าอะไรดีล่ะ? ได้คิดชื่ออะไรเอาไว้แล้วหรือเปล่าเอ่ย~?”
“ไม่… ตอนนั้นฉันเองก็ไม่ได้คิดเตรียมอะไรเอาไว้ก่อนเหมือนกัน”
“เห… ถ้าอย่างงั้นเอาเป็นว่านับจากนี้ไปชื่อของเธอคือ อลิซ เหมือนกับเด็กผู้หญิงในนิทานดีมั้ย? เพราะว่าเดี๋ยวหลังจากนี้เธอจะต้องเข้าไปยังดินแดนที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็รู้จักมันดีเหมือนกับเด็กคนนั้นยังไงล่ะ”
ในทันทีที่หญิงสาวผมสีแดงได้รับคำตอบจากเด็กสาวไปแล้วเธอก็ได้เผยรอยยิ้มที่ดูซุกซนออกมาพร้อมกับพูดเสนอชื่อที่เธอคิดเอาไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวชื่อที่เธอเสนอขึ้นมานั้นก็ได้ทำให้ชายหนุ่มผมสีขาวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนที่เขาจะพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อคิดถึงแผนการที่เด็กสาววางแผนเอาไว้กับพวกเขา
“ก็ฟังดูเป็นอะไรที่น่าจะเหมาะกับเด็กที่ชอบวิ่งเข้าไปหาปัญหาอย่างเธอดีนะ…”
“อลิซ…งั้นหรอ…”
MANGA DISCUSSION