ตอนที่ 10: เป็นเพื่อนคนหนึ่งเอง 2
ตอนที่ 10: เป็นเพื่อนคนหนึ่งเอง 2
ผมสังเกตได้ในทันที
แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แทบจะแค่เสี้ยวเดียวก็ว่าได้──แต่เสียงของเธอนั้น กำลังสั่นอยู่จริง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนปกติอาจไม่ทันสังเกต หากไม่ได้ตั้งใจฟัง
“ฉันรู้ว่าคุณน่ะ ซื่อตรง อ่อนโยน และเข้มแข็ง ราวกับตัวเอกในนิยายเรื่องหนึ่งเลยล่ะ และเพราะว่าคุณเข้มแข็งไงล่ะ เพราะอย่างนั้นแหละ ฉันถึงรู้ว่าคุณน่ะ เป็นคนที่แบกรับบาดแผลไว้มากกว่าคนอื่น และยังสามารถฝืนทนกับมันได้อีกด้วย”
ทั้งที่ในใจอยากจะสวนกลับไปว่า「ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นกัน」หรือ「มันไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย」เพราะเราแทบไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ
ผมเองก็แน่ใจว่าความรู้สึกอยากจะโต้เถียงในใจมันมีอยู่แน่ ๆ จากนิสัยที่ไม่ชอบให้ใครมาวิเคราะห์ชีวิตตัวเองมั่ว ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ผมกลับพูดอะไรออกไปไม่ได้
ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนที่ผมยังไม่รู้จักดีด้วยซ้ำ แถมยังพูดเหมือนเข้าใจผมไปหมดอย่างนั้น ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ผมคงจะรู้สึกหงุดหงิดไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะปกติผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว
แต่ในความสงบของเธอ ผมกลับมองเห็นแววบางอย่างที่คุกรุ่นอยู่ข้างใน เป็นบางอย่างที่คนที่ไม่ใส่ใจคงไม่ทันสังเกต
ไม่สิ
นี่มัน──น่าจะเรียกว่า「ความโกรธ」ต่างหากล่ะมั้ง
“ท่าทีที่ไม่เคยห่วงชีวิตตัวเองของคุณน่ะ ฉันก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมจริง ๆ จิตวิญญาณแห่งการเสียสละที่ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อปกป้องคนอื่นแบบนั้น… ฉันเองก็รู้ดีว่ามันคือแก่นแท้ของสิ่งที่ถูกเรียกว่า『ฮีโร่』เพราะมันคือเส้นทางที่คุณเลือกเดินมาตลอด แม้ต้องแลกกับตัวเองก็ตาม――”
แต่ถึงอย่างนั้น, เธอก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“――แต่ว่า ก็ยังมีคนที่ไม่อยากเห็นคุณต้องบาดเจ็บอีกต่อไป มีคนที่หวังให้คุณนับรวมชีวิตของตัวเองไว้ในการตัดสินใจด้วย และยังมีคนที่เชื่อว่า การต่อสู้อย่างเดียวไม่ใช่วิธีเดียวที่จะช่วยเหลือผู้คนได้……คนแบบนั้นน่ะ มีอยู่จริง แม้ว่าคุณจะจำไม่ได้ เพราะคุณได้ช่วยเหลือผู้คนมากมายจนไม่อาจจำพวกเขาได้ทั้งหมดแล้วก็ตาม”
“……มี…คนแบบนั้น…อยู่จริง ๆ ด้วยเหรอ…?”
ผมได้แต่นิ่งอึ้งกับคำพูดนั้น ก็เพราะในความรู้สึกของผม คนรอบตัวล้วนแต่คอยสนับสนุนให้ผมสู้ต่อไปทั้งนั้น ไม่เคยมีใครคัดค้าน หรือแสดงความเป็นห่วงในทางตรงข้าม จนผมไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้แบบนั้นเลย ทั้งที่ตามเหตุผลแล้ว มันควรจะต้องมีคนที่รู้สึกเช่นนั้นบ้าง
สำหรับผมแล้ว การต่อสู้นั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาโดยไม่ต้องสงสัย เพราะผมสืบทอดสายเลือดจากเหล่าวีรบุรุษที่เคยกอบกู้โลก และในฐานะสมาชิกชมรมฮีโร่พลเมือง ผู้ยืนหยัดต่อสู้แทนคนที่ไม่สามารถจับอาวุธได้ด้วยตนเอง นั่นก็คือเหตุผลแห่งการดำรงอยู่ของผมเลยก็ว่าได้
ก็จริงอยู่ ตอนที่เพิ่งเข้าเรียนที่นี่ใหม่ ๆ ผมยังมัวแต่คิดถึงแค่เรื่องของตัวเอง แต่หลังจากที่ได้พบกับเหล่าสาว ๆ ในโรงเรียนนี้ และได้เห็นโลกกว้างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมก็เริ่มเข้าใจ ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่มีเพียงผมเท่านั้นที่สามารถทำได้จริง ๆ
“……แต่ผมก็จะสู้ต่อไป เพราะผมเชื่อว่าการต่อสู้เพื่อผู้คน คือความหมายของการที่ผมเกิดมาพร้อมสายเลือดของวีรบุรุษ”
“…………เฮ้อ วีรบุรุษบ้าง ฮีโร่บ้าง พวกคำพวกนั้นน่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”
“คะ-โคคุ? ดะ-เดี๋ยวก่อนสิ……”
เธอถอนหายใจ ซึ่งไม่ใช่อาการที่เห็นได้บ่อยนัก จากนั้นก็ลุกขึ้น ก้าวข้ามโต๊ะมายืนตรงหน้าผม
ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น──จู่ ๆ แก้มผมก็โดนบีบแรงเข้าให้
“อิ๊ยะฮะฮะฮะ! ดะ-เดี๋ยวสิ! อะ-อะไรเนี่ย!?”
“เร็กกะ・ไฟเออร์ เป็นแค่เด็กหนุ่มมัธยมปลายอายุสิบหก ไม่ใช่วีรบุรุษผู้กล้าหาญจากตำนานที่มีตำแหน่งใหญ่โตอะไรหรอก แต่เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเวทมนตร์……ไม่ใช่เหรอ?”
“อ๊าก… เจ็บนะ… มะ-ไม่เชิงว่าจะไม่ใช่หรอกนะ…”
โคคุละมือออกจากแก้มผม แล้วกลับไปนั่งที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น――เมื่อกี้มันอะไรกันแน่เนี่ย
“การที่ปล่อยให้พันธกิจผลักดันตัวเองจนถึงขั้นยอมสละชีวิตเพื่อต่อสู้น่ะ มันล้าสมัยแล้ว”
“ล้ะ-ล้าสมัย……?”
นี่ผมกำลังโดนเทศน์อยู่เหรอ?
จากเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าผมอยู่ตั้งหนึ่งหัวเนี่ยนะ……?
“ถ้าสมมุติว่าเร็กกะต้องตายในระหว่างการต่อสู้กับเหล่าร้ายล่ะก็ นายคิดว่าจะมีคนเสียใจบ้างไหม?”
“ก็…น่าจะมีอยู่บ้างแหละมั้ง… ไม่สิ แต่ว่า――”
“คำตอบแบบนั้นน่ะ『กระจอก』ชัด ๆ เลย”
กะ-กระจอกงั้นเหรอ!?
“การที่นายทำท่ายอมรับได้หน้าตาเฉยแบบนั้นน่ะ มันไม่ได้เรื่อง ล้าสมัยเกินไป ยุคโจมงไปแล้ว* นายควรจะคิดให้มากกว่าว่า คนที่ยังอยู่จะรู้สึกยังไงถ้านายตายไป เพราะการสู้เพื่อตัวเองมันไม่เท่ากับการสู้เพื่อตัวตนที่มีผลต่อใครบางคน”
(*หมายเหตุ: “ยุคโจมง” เป็นยุคโบราณของญี่ปุ่น ใช้เปรียบเปรยว่าความคิดล้าหลังมาก)
“วะ-วิธีคิดยุคนี้…?”
บางทีผมอาจจะเข้าใจผิดมาตลอดก็ได้
โคคุอาจไม่ใช่เด็กสาวลึกลับที่น่าจะเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงอย่างที่เคยคิด แต่อาจเป็นเด็กสาวยุคใหม่ที่มีความรู้ทันโลกก็เป็นได้
หรือไม่แน่ว่า…ในบรรดาผู้คนมากมายที่ผมเคยช่วยไว้ อาจจะมีเธอรวมอยู่ด้วยงั้นเหรอ…?
“ไม่ใช่แค่ฉันหรอก… แต่นายน่ะควรคิดถึงเพื่อนของตัวเองให้มากกว่านี้ต่างหาก”
“พูดอะไรน่ะ แน่นอนอยู่แล้วว่าผมคิดถึงเพื่อนของตัวเองมากที่สุดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะปกป้องเขาให้ได้”
“พูดว่า『จะปกป้อง』ออกมาแบบไม่คิดอะไรแบบนั้นน่ะ ท่าทีแบบนั้นมันดูเหมือนมองจากที่สูงเลยนะ มันน่าแหยงสุด ๆ”
“น่ะ… น่าแหยงเหรอ……!?”
เธอปากร้ายกว่าที่คิดอีกแฮะ……?
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมยังคิดว่าเธอเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีความเป็นตัวของตัวเองแท้ ๆ แต่บางทีนั่นอาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดของผมก็ได้
ภายในตัวเธอมีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคง และผมสามารถรู้สึกได้ถึงมันอย่างชัดเจน
“เพื่อนน่ะ คือคนที่เท่าเทียมกัน นายเคยลองคิดบ้างไหม ว่าการผลักไสทุกอย่างออกไปแล้วทำตัวเป็นฝ่ายที่ต้องถูกปกป้องอยู่ฝ่ายเดียว มันทำให้คนอีกฝ่ายรู้สึกยังไง”
“……ก็ ก็เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนต้องเจ็บตัวนี่นา……”
“ทั้งที่อีกฝ่ายก็อาจจะรู้สึกแบบเดียวกัน แต่นายกลับไม่ใส่ใจ ไม่ยอมปรึกษาอะไรเลย เอาแต่พูดว่า「นายไม่เกี่ยว」ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปฏิเสธข้อเสนอที่จะช่วย แล้ววันรุ่งขึ้นหลังจากต่อสู้ก็ไปโรงเรียนพร้อมรอยแผลเต็มตัว พอใครถามก็มีแต่พูดว่า「ไม่ต้องห่วง」อย่างเดียว นายแบบนั้นน่ะ วันหนึ่งจะตายเอานะ”
อะ-เอ๊ะ… โคคุ…น้ำเสียงของเธอดูเดือดขึ้นแฮะ
“……เพื่อนที่เร็กกะพูดถึงน่ะ เป็นเพื่อนจริง ๆ เหรอ? หรือว่านายแค่ใช้เขาเป็น『สัญลักษณ์ของชีวิตประจำวัน』ที่เอาไว้หลบหนีความจริงก็เท่านั้น?”
“หา!? อย่าพูดเหมือนรู้ดีนักหนาหน่อยเถอะ! หมอนั่นน่ะ… อพอลโลน่ะไม่ใช่คนแข็งแกร่งอะไรสักหน่อย! อ่อนแอ แถมยังซุ่มซ่ามอีก! ถ้าพาไปที่สนามรบก็มีแต่จะตายแน่ ๆ อยู่แล้ว!”
“ว่าไงนะ มึงว่าใครนะ!!?”
“หาาาาา!?”
ทั้งที่ไม่ใช่เจ้าตัวแท้ ๆ แต่ผมกลับโดนตะคอกเข้าให้
ทั้งที่มันน่าจะไม่ยุติธรรมสุด ๆ แต่ทำไมมันถึงน่ากลัวขนาดนี้กันนะ…
“……แล้วก็นะ เพื่อนของนายนั่นก็คงจะโกรธเหมือนกันแหละ เอาเข้าจริง นายเองก็แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาเลยด้วยซ้ำใช่ไหมล่ะ ถึงจะไปฝึกกับพวกผู้หญิงด้วยกันมาแล้ว แต่เคยนั่งซ้อมหรือฝึกอะไรกับเพื่อนของตัวเองบ้างรึเปล่า?”
“มะ-ไม่… ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย ก็เลยไม่ยอมให้ฝึกเวทมนตร์เลย……”
“เหอะ… พ่อคนตามใจเกินเหตุ”
“……เอ๊ะ เดี๋ยวนะ บุคลิกเปลี่ยนไปหรือเปล่า?”
เด็กคนนี้จะว่าไปแล้ว อาจจะมีสองบุคลิกจริง ๆ เหรอ? เพราะบุคลิกตอนนี้มันต่างจากภาพที่ผมรู้จักจนคนละคนเลย……。
“ถ้าฝึกด้วยกันล่ะก็ เขาอาจจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นก็ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ได้อ่อนแออย่างที่เร็กกะคิดก็ได้นะ แต่นายกลับตัดสินไปเองว่าเขาเปราะบาง แล้วผลักไสออกไป แล้วพูดว่า『เป็นเพื่อนที่ต้องปกป้อง』แบบนั้นน่ะ นายไม่คิดเหรอว่ามันเอาแต่ใจเกินไปหน่อยน่ะ?”
“……ทำไมฉันต้องมานั่งฟังเรื่องแบบนี้จากเธอด้วยล่ะ”
“ก็เพราะฉันรู้จักเพื่อนคนนั้นของนายไงล่ะ ฉันก็แค่พูดแทนความรู้สึกของเขาเท่านั้นเอง”
เธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอพอลโล ซึ่งเป็นคนที่คอยช่วยเหลือผมอยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?
สำหรับเธอ คนที่เต็มไปด้วยปริศนาแบบนั้น การจะล่วงรู้เรื่องเหล่านี้ล่วงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหรอก ถึงจะสงสัยว่าเธอรู้ได้ยังไง แต่ก็น่าแปลกที่เธอกลับพูดออกมาตรง ๆ โดยไม่ลังเลแบบนี้
……แต่ถึงอย่างนั้น
ผมไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของอพอลโลมาก่อนเลยจริง ๆ
ไม่ใช่ว่าผมเชื่อว่าการปกป้องเขาคือสิ่งที่ถูกต้องอะไรหรอกนะ แค่คิดว่า『มันควรจะเป็นแบบนั้น』ก็เลยทำตามความรู้สึกนั้นมาโดยตลอด
พูดอีกอย่างก็คือ ผมหยุดใช้ความคิดไปแล้ว
ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไร อพอลโลกับผมน่ะ อยู่ในอันดับท้าย ๆ ของชั้นเรียนด้านเวทมนตร์เลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น ก็เพราะได้ฝึกฝนร่วมกับโคโอริหลังจากที่เจอกันในวันปฐมนิเทศ และได้เข้าชมรมฮีโร่พลเมือง ตั้งแต่นั้นผมก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็สามารถปลุกพลังไฟในตัวเองขึ้นมา และได้พลังแบบทุกวันนี้มา
ไม่ใช่เพราะหลงตัวเองอะไรหรอก――อพอลโลเองก็อยากจะเป็นกำลังให้กับผมมาตลอด ผมก็พอจะดูออกจากท่าทีของเขานานแล้วแท้ ๆ แต่กลับเลือกจะผลักเขาออกไป แล้วพรากโอกาสที่เขาจะได้แข็งแกร่งขึ้นไปด้วยมือของตัวเอง
เขาแค่『ยัง』ไม่แข็งแกร่งก็เท่านั้น ถ้าได้รับโอกาสแบบเดียวกับที่ผมเคยได้รับ เขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้เหมือนกันแท้ ๆ
──แต่พอคิดดูดี ๆ แล้ว มันก็เกินไปเหมือนกันนะ
ถึงอพอลโลจะชอบแซวผมอยู่บ่อย ๆ แต่เขาเองก็เป็นพวกจิตใจดีเกินเหตุไม่ต่างกันเลยไม่ใช่เหรอ
เขาคอยเป็นห่วงผมอยู่ตลอด พยายามทำอะไรสักอย่างให้อยู่เรื่อย ทั้งที่ความต่างของพลังมันเห็นชัดขนาดนั้นแท้ ๆ……ปกติแล้วคนทั่วไปก็คงจะยอมรับว่าการต่อสู้น่ะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วก็เคยชินกับการเป็นฝ่ายที่ถูกปกป้องไปแล้วแท้ ๆ
……ห่วงเกินไปแล้วนะ ไอ้เจ้าโง่เอ๊ย!
“ขอโทษนะ โคคุ ฉันขอออกไปข้างนอกแป๊บนึง”
“ไปไหนเหรอ?”
“ไปหาอพอลโลน่ะ คงอยู่ที่ซูเปอร์ประจำแถวนั้นเหมือนทุกทีแหละ”
“เพราะห่วงเรื่องมือขวา ก็เลยจะไปช่วยเขาใช่ไหม?”
“เปล่าสักหน่อย จะไปดุเจ้าบ้าที่ฝากบ้านให้ผู้หญิงแปลกหน้าดูต่ะต่างหาก”
“งั้นเหรอ ไปดีมาดีนะ”
ทันทีที่พูดจบ ผมก็ไปที่ประตูทางเข้าใส่รองเท้า แล้วรีบออกจากบ้านทันที
เรื่องของโคคุ ไว้ทีหลังก็แล้วกัน
แค่น้ำเสียงกับท่าทีจริงจังของเธอเมื่อครู่นี้ ผมก็พอจะตัดสินได้แล้วว่าอย่างน้อยเธอไม่ใช่ศัตรูแน่ ๆ
ถึงเธอจะยังไม่ยอมเล่ารายละเอียดอะไรมากนัก แต่ในเมื่ออยู่ที่บ้านของอพอลโล ยังไงซะก็มีโอกาสได้ถามจนได้ล่ะนะ
ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำที่สุด คือไปขอโทษเพื่อนสนิทของตัวเองให้ได้ก่อน
แล้วพอมือขวาของเขาหายดีเมื่อไหร่ ผมก็จะพึ่งพาเขาแบบเต็มที่เลย จะได้รู้ซะบ้างว่าการเป็นผู้ช่วยของผมน่ะมันเหนื่อยแค่ไหน
เขาไม่ใช่แค่คนที่ผมต้องคอยปกป้องอีกต่อไปแล้ว
ผมจะเปิดใจ พูดตรง ๆ แล้วก็ปรึกษากับเขา──เพื่อที่จะได้เป็น『เพื่อนแท้』กันจริง ๆ
ด้วยความรู้สึกเพียงแค่นั้น ผมก็วิ่งฝ่าชานเมืองที่ถูกย้อมด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นไปอย่างมุ่งมั่น
◇◆◇◆◇
(พอเลิกแปลงร่างแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็แกล้งทำเป็นเจอเร็กกะโดยบังเอิญแล้วกัน…)
◇◆◇◆◇
To Be Continued…
≪โดเนทสนับสนุน≫
「ทรูมันนี่วอลเล็ท : 087-411-5198 (ชื่อ: นาย ธนัตถ์ ศรีเทียมทอง)」
Chapters
Comments
- ตอนที่ 14: โลลิ กับ นินจา และสาวน้อย TS 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 13: อยากเล่นเป็นสาวน้อยลึกลับให้มากกว่านี้อีก!! 3 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 12: อยากเล่นเป็นสาวน้อยลึกลับให้มากกว่านี้อีก!! 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 11: อยากเล่นเป็นสาวน้อยลึกลับให้มากกว่านี้อีก!! 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10: เป็นเพื่อนคนหนึ่งเอง 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9: เป็นเพื่อนคนหนึ่งเอง 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8: ผลกรรมของคนขี้แกล้ง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7: ทำตัวเป็นนางเอกหลัก2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 6: ทำตัวเป็นนางเอกหลัก1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 5: มาเริ่มต้นคุยกันใหม่เถอะ พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 4: ลองทำตัวลึกลับดูสักหน่อย 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 3: ลองทำตัวลึกลับดูสักหน่อย 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 2: ความรู้สึกที่โคตรใหญ่เกินจะรับไหว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 1: ก่อนอื่นต้องแปลงร่างเป็นสาวน้อยก่อน! พฤษภาคม 17, 2025
MANGA DISCUSSION