บทที่ 32 เมล็ดจักระ

แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกที่ตอนนี้คิงพินมีเจ้านาย แต่ความกลัวของพวกเขาที่มีต่อเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาไม่สามารถยืนหยัดต่อพลังที่มองไม่เห็นของชายสวมหน้ากากได้นับประสาอะไรกับคิงพิน!

ตัวอย่างที่ดีคือบูลส์อาย

พลังของเขาไม่ได้เป็นปัญหา แต่เขาพ่ายแพ้ให้กับคิงพินในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว!

ดร.ออคโทปัส กรีนก็อบลิน และสกออร์เปี้ยนคิง ต่างก็เคลื่อนไหวอย่างช้าๆในเวลาเดียวกัน

พวกเขาเข้าไปใกล้คิงพินและลดศีรษะลงช้าๆ พวกเขาไม่เพียงแค่ขอความตายเมื่อพวกเขาไม่สามารถต้านทานหรือวิ่งหนี แต่ก็ยังไม่ยอมรับความผิดพลาดของพวกเขา?

คนเลวจำเป็นต้องอยู่รอด

“ไม่ต้องห่วงพวกแก เมื่อฉันต่อสู้กับเลสเตอร์เสร็จแล้วก็ถึงตาพวกแกแล้ว” คิงพินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

คำพูดเหล่านี้ทำให้วายร้ายทั้งสามตัวแข็งทื่อและพวกเขาทั้งหมดก็อ้าปากค้างที่บูลส์อายซึ่งถูกคิงพินยึดไว้ราวกับว่าพวกเขาจะสูญเสียความคิด

บูลส์อายตายแน่!

คำอธิบายนี้ง่ายมากคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจอิทธิพลของคิงพินได้

และถึงแม้จะมีความสามารถทางกายภาพของบูลส์อายซึ่งเทียบเท่ากับนักกีฬา แต่เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

ด้วยวิธีนี้แม้ว่าคิงพินจะถูกต่อยสองครั้ง แต่เขาก็สามารถสั่งบริการ ‘โลงศพสีดำ’ ให้กับบูลส์อายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อเทียบกับสิ่งนี้แล้วพวกเขาทั้งสามคนที่สวมชิ้นส่วนกลไกในร่างกายกลับมีความหวังในการอยู่รอดมากขึ้น

บูลส์อายตระหนักดีถึงเรื่องนี้ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนปลาเค็มที่สูญเสียความฝันไป

เมื่อหวู่เฉินเห็นสิ่งนี้เขาก็ตระหนักว่าเขามีโอกาสที่จะปราบเหล่าร้ายได้เต็มที่เขาจึงพูดว่า

“คิงพินอย่าต่อสู้ที่นี่ไปเปลี่ยนสถานที่กันเถอะ”

“ครับเจ้านาย” คิงพินพูดอย่างรวดเร็ว

“มีห้องฝึกอยู่ชั้นล่างของบ้านและมีพื้นที่เหลือเฟือ”

“ไปที่ของฉันดีกว่า” ชายสวมหน้ากากพูดพร้อมกับส่ายหัว

ในขณะที่เขาพูดกระแสหมุนวนบางอย่างได้ปะทุออกมาจากตาขวาของชายสวมหน้ากากค่อยๆขยายออกและกลืนทุกคนในสำนักงาน

วูบ!

สำนักงานขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุดของอาคารว่างลงทันที

ภายในมิติคามุย

ชายสวมหน้ากากยืนเงียบๆที่มุมหนึ่งของเวทีจ้องมองไปที่วายร้ายบนเวที

เมื่อมาถึงห้องดังกล่าวทั้งห้าต่างก็ผงะ

ไม่มีอะไรอยู่ที่นั่นไม่มีอะไรเลย ทั้งห้องเป็นสีเทาโดยมีเพียงแท่นวางอยู่

“ที่นี้คือมิติคามุยของฉัน สิ่งที่นายทำภายในจะไม่มีผลกับอะไรภายนอก”

“คิงพินมันไม่สนุกถ้าพวกเขาล้มลงด้วยการชกเพียงไม่กี่ครั้ง ต้องงมีการต่อสู้ที่ยุติธรรม สี่ต่อหนึ่ง!”

“ให้ฉันทดสอบความแข็งแกร่งของนาย”

“ตามที่ท่านต้องการ” คิงพินกล่าวขณะที่เขาก้มศีรษะเพื่อแสดงความเคารพต่อหวู่เฉินจากนั้นเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับสามคนที่ยืนอยู่และอีกคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้น

“ถึงตาพวกแกแล้ว!”

สี่ต่อหนึ่ง?

กรีนก็อบลินและคนอื่นๆสบตากันและบูลส์อายก็กระโจนเข้าหาเขา

หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็มีโอกาสชนะอย่างแน่นอน!

หากทั้งสี่คนร่วมมือกันพวกเขาอาจสามารถเอาชนะคิงพินและได้รับความไว้วางจากนายท่าน!

วายร้ายทั้งสี่นี้ไม่ได้โง่ พวกเขาทั้งหมดได้พิจารณาแล้ว

เกี่ยวกับความจริงที่ว่าตอนนี้พวกเขาสลับตำแหน่งกันอย่างรวดเร็วจนถือว่าไม่สุภาพ

นี่ไม่น่าแปลกใจเลย วายร้ายไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว

เหล่าวายร้ายทั้งสี่ได้ละทิ้งความคิดเล็กๆของพวกเขาและกลายเป็นแฟนของหวู่เฉินนับตั้งแต่เขาย้ายพวกเขามาที่นี่

วายร้ายทั้งฉลาดแกมโกงและตรงไปตรงมาในเวลาเดียวกัน

เนื่องจากพวกเขาจะไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหลอกถ้าพวกเขาดีพอ

หากใครไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายพวกเขาก็จะต่อต้านและแทงใส่พวกเขาได้ตลอดเวลา

พลังของหวู่เฉินนั้นยิ่งใหญ่กว่าคิงพิน ดังนั้นวายร้ายทั้งสี่จึงมีแนวคิดที่จะทิ้งคิงพินและไปหาชายสวมหน้ากาก

ดังนั้นภายใต้การจับตามองของหวู่เฉิน ม่านของการต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่งจึงถูกดึงออกมาอย่างเป็นทางการ

เนื่องจากพวกเขาไม่มีความสามารถใดๆทุกคนจึงโจมตีทางกายภาพดังนั้นการทำลายล้างจึงไม่มากนัก แต่การแสดงก็ยังค่อนข้างดี

หวู่เฉินกำลังดูด้วยความสนใจ

และผลของการต่อสู้ไม่เป็นที่คาดคิดโดยหวู่เฉิน คิงพินเป็นคนชนะในท้ายที่สุด

ยังไงซะ คิงพินเมื่อนานมาแล้วเอาชนะทั้งสี่คนนี้ทีละคน ตอนนี้แม้ว่าทั้งสี่คนจะรวมกันเพื่อโจมตีคิงพินเขาก็สามารถหาจุดอ่อนของพวกเขาและกำหนดเป้าหมายได้

นอกจากนี้วายร้ายทั้งสี่ยังคุ้นเคยกับการต่อสู้ด้วยตัวเองดังนั้นความร่วมมือของพวกเขาจึงแย่มาก

มันไม่ได้ไปถึงจุดที่หนึ่งบวกหนึ่งบวกหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสี่ แต่มากที่สุดสามและครึ่ง

พวกเขาถ่วงกันไปถ่วงกันมา

สิ่งนี้ทำให้คิงพินได้เปรียบมากขึ้น

ในที่สุดคนร้ายทั้งสี่ก็ล้มลงกับพื้นโดยมีอาการฟกช้ำและบวม เลือดไหลออกจากร่างของคิงพิน และเสื้อผ้าของเขาขาดเล็กน้อย แต่อย่างอื่นก็ไม่มีความเสียหายอื่นใด

“ดีมาก” หวู่เฉินเข้ามาตรงหน้าคิงพินและยกมือขึ้นตบไหล่ของเขา

คิงพินก้มลงทันทีปล่อยให้หวู่เฉินทำเช่นนั้น

หากคิงพินจริงใจในการภักดีต่อหวู่เฉิน หวู่เฉินก็มีความคิดที่จะมอบเมล็ดจักระให้เขา

เมล็ดจักระที่เรียกว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายผลิตจักระได้

ท้ายที่สุดหวู่เฉินมีสีแดงและตราบใดที่เขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินเขาก็สามารถได้รับสิ่งเหล่านี้