หลังจากที่ผมกลับไปยังคฤหาสน์แวร์แวรี่ ผมก็หมกมุ่นคิดอยู่คนเดียวภายในห้องของตัวเอง
ผมนึกถึงอาการป่วยของแอนนาอีกครั้งเมื่อผมเห็นเธอมีไข้
ความจริงที่ว่าเธอป่วยอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา และผมคิดเพียงแค่ว่าเธอเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น
แล้วโรคนั่นเป็นโรคแบบไหนกันล่ะ?
ในโลกใบนี้ การแพทย์ยังไม่ค่อยก้าวหน้า แต่หากเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพองหรือเนื้องอกอะไรทำนองนั้น ก็อาจจะไม่ถูกคิดว่าเป็น “โรคที่แปลกประหลาด” โดยที่ไม่เคยมีกรณีนั้นเกิดขึ้น
ทันในนั้นผมก็นึกออกถึงสภาวะที่ผมเคยได้ยินเมื่อในโลกก่อน
“โรคสภาวะมานาเกินขีดจำกัด”
มีคนที่เรียกมันว่าอย่างนั้น ถ้าหากจำไม่ผิดล่ะก็นะ
มันเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่มีมานาปริมาณมหาศาล มากพอที่จะได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งจอมเวท” มันไม่ได้อันตรายมากพอที่จะส่งผลถึงชีวิตในทันที แต่ถ้าผมจำไม่ผิด มันคือโรคที่จะทำให้เกิดรอยปูดบวมขึ้นทั่วร่างกาย
ผมเคยดูหนังสารคดีเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งผู้ที่ได้กลายเป็น “เจ้าแห่งมนตรา”
เรื่องเวทมนตร์ของโลกใบนี้เป็นสิ่งที่ล้าหลังไปไกลมากแล้ว
งั้นก็พอจะเข้าใจได้ถ้าหากพวกเขาจะเรียก “โรคสภาวะมานาเกินขีดจำกัด” นี้ ซึ่งเป็ฯโรคที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ทราบที่มา
เจ้าสิ่งที่เรียกกันว่าโรคสภาวะมานาเกินขีดจำกัดนี้เองก็เป็นกรณีที่หาได้ยากในโลกก่อนของผมเหมือนกัน
ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ
มีแค่หนึ่งในพันล้านคนเท่านั้นที่เกิดมาแล้วมีมานามากพอที่จะได้รับฉายาว่า “เจ้าแห่งมนตรา” ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องทนทุกข์กับโรคนี้
ยารักษาก็ได้ถูกคิดค้นและผลิตออกมาในโลกก่อนของผม แต่ผมไม่ได้รู้รายละเอียดในเรื่องนี้เลย
ถ้าหากว่าผมเป็นนักเวทรักษาล่ะก็ ผมคงจะรู้ชื่อโรคนี้ และอาจจะหาทางรักษาโรคให้เธอในทันทีได้เลยก็ได้
โชคร้าย ที่ผมเป็นวิศวกรโกเลมในชาติก่อน
เรื่องการแพทย์นั้นอยู่นอกเหนือสายงานของผมโดยสิ้นเชิง
หืมม
จะยังไงก็ตาม ผมควรที่จะไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าโรคที่เธอเป็นอยู่ใช่สภาวะมานาเกินขีดจำกัดจริงๆหรือเปล่า
ถ้าหากว่าไม่ใช่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหายารักษาโรคนั่น
เอาล่ะ ก่อนอื่นผมจะต้องไปตรวจดูปริมาณและความจุมานาของแอนนาที่เธอมี
มีเพียงคนที่มีคุณสมบัติถึงจะเป็น “เจ้าแห่งมนตรา” ที่จะติดโรคนี้ได้ เพราะงั้นหากแอนนามีโรคนี้อยู่ นั่นก็หมายความว่าปริมาณมานาที่เธอมีควรจะเทียบเท่ากับคนพวกนั้น
ถ้าหากปริมาณมานาของแอนนาน้อยกว่าพวกนั้น งั้นโรคของเธอก็คงจะไม่เกี่ยวข้องกับสภาวะมานาเกินขีดจำกัด
คุ้มค่าที่จะลองดู
อารยธรรมของโลกนี้แตกต่างจากโลกใบก่อนของผมเป็นอย่างมาก มันล้าหลังไปเยอะเลย
พวกเขาคงจะยังไม่ค้นพบวิธีการวัดปริมาณมานาของคนๆหนึ่ง
เดี๋ยวก่อนนะ มันก็มีโอกาสที่เรื่องนี้จะยังไม่ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนอยู่ด้วยนี่นา
ยังไงพวกนักเวท พ่อมด และเหล่าผู้ใช้อาคมทั้งหลายของโลกนี้ต่างก็เคร่งเรื่องป้องกันวิชาและความสามารถเรื่องเวทมนตร์ของพวกเขา และไม่มีใครกล้าจะเปิดเผยตัวกับคนหมู่มากอยู่แล้ว
ในโลกใบก่อนของผมเอง ผู้คนที่ได้คิดค้นพัฒนาเวทและเทคโนโลยีเวทมนตร์ใหม่ๆต่างก็ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ และพวกเขายังได้เงินทองมากมายถ้าหากจดสิทธิบัตร
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้อยากที่จะเผยแพร่เวทมนตร์ของตนสู่สาธารณะและยังแข่งขันกับคนอื่นๆในการค้นพบเทคโนโลยีเวทมนตร์ใหม่ๆ
มันช่างต่างกับโลกในปัจจุบันนี้อย่างสิ้นเชิง
ก็นะ จะเปิดเผยสู่สาธารณะชนรึเปล่าก็ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก
ผมเคยสร้างแบบทดสอบลิตมัสที่จะสามารถวัดมานาและส่วนประกอบของเวทมนตร์ในระหว่างการทดลองเคมีเวทมนตร์ในสมัยมัธยมปลาย
มันยากจริงๆที่จะสร้างอุปกรณ์ที่มีความเที่ยงตรงที่ทดสอบและวัดค่าได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่ก็แสดงถึงปริมาณมานาที่คนๆหนึ่งครอบครองอยู่ด้วย แต่ความแม่นยำไม่ใช่เรื่องใหญ่ในตอนนี้
เป้าหมายก็คือตรวจสอบมานาของเธอว่าเทียบเคียงกับ “เจ้าแห่งมนตรา” หรือไม่ เพราะงั้นเราแค่ต้องดูว่ากระดาษจะเปลี่ยนสีหรือเปล่า และดูถึงปริมาณเวทมนตร์ที่เธอมีอย่างคร่าวๆ
เอาล่ะ งั้นไว้ให้ที่บริษัทรวบรวมวัตถุดิบมาให้ดีกว่า
ผมผล็อยหลับไปหลังจากที่วางแผนการในวันพรุ่งนี้เสร็จ
วัตถุดิบที่จำเป็นในการสร้างกระดาษลิตมัสสำหรับทดสอบมานาไม่ได้ยากที่จะหามา
มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะว่าพวกมันหาได้ง่ายถึงขนาดที่ใช้เป็นปกติในระหว่างช่วงการทดลองของมัธยมปลายได้
ไม่นานผมจึงรวบรวมวัตถุดิบมาครบครัน
และสำหรับห้องปฏิบัติการ ผมเที่ยวค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมทั่วทุกที่ผ่านตัวแทนอสังหาฯ แทนที่จะไปผ่านบริษัท
ก็นั่นเป็นห้องปฏิบัติการส่วนตัวของผมนี่นา เพราะงั้นผมเลยวางแผนไว้ว่าจะแบกภาระค่าใช้จ่ายเรื่องการซื้อของกับอุปกรณ์ด้วยตัวเอง
ผมรู้ว่าจำเป็นต้องใช้หลายๆสิ่ง ผมเลยตะลอนหาผู้ยืมชื่อในเมืองและวางชื่อเจ้าของสถานที่ของห้องปฏิบัติการให้เป็นชื่อของเขา
หลังจากที่ผมได้มาเป็นพ่อค้า ผมก็ได้รู้ว่ามีธุรกิจที่ให้ยืมชื่อสำหรับเป็นเจ้าของอสังหาฯอยู่ด้วย
ชื่อที่ผมใช้ก็มาจากชื่อของคนที่ให้ยืมนี้เอง
ผมไม่ได้พบกับผู้ให้ยืมโดยตรง แทนที่จะเป็นอย่างนั้นผมมอบเงินจำนวนมหาศาลให้กับเหล่าสมาชิกครอบครัวของพนักงานในบริษัทเพื่อให้พวกเขาเป็นคนกลางให้
ผมมีความรอบคอบและระมัดระวังเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์
และดังนั้น ในที่สุดผมก็ได้ลองสร้างกระดาษลิตมัสสำหรับทดสอบมานาในห้องปฏิบัติการที่ผมได้รับมา
มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็น ดังนั้นการทดลองจึงเป็นไปได้ด้วยดี และประสบผลสำเร็จในที่สุด
◆◆◆◆◆
“ฉันแค่ต้องคาบกระดาษนี่ไว้ในปากงั้นหรือคะ?”
“ใช่ครับ”
ผมหว่านล้อมแอนนาให้ลองเจ้า ‘สินค้าทดลองตัวใหม่’ นี้ เพื่อที่ผมจะได้วัดปริมาณมานาที่เธอมีอยู่
“โอ๊ะ? มันเปลี่ยนเป็นสีดำปี๋แล้วล่ะค่ะ..”
แอนนากล่าวอย่างนั้นในขณะที่เอากระดาษออกจากปากและมองไปที่มัน
“โว้ววว!! เราคิดถูก!! เยี่ยมเลย! นี่มันสุดยอดไปเลย แอนนา!!”
ผมตื่นเต้นถึงขนาดที่กระโดดตัวลอยและตะโกนออกมา
แอนนามองมาที่ผม อย่างตื่นตะลึง อาจจะกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ถึงผมก็คาดไว้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องมีปฏิกิริยาแบบนั้นก็เถอะ
กระดาษลิตมัสสำหรับทดสอบมานาจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นตามปริมาณมานาที่ผู้ใช้มี
สีของมันจะสะท้อนให้เห็นถึงองค์ประกอบในของมานาที่คนๆนั้นครอบครอง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นกรณีที่หาได้มากเวลาที่ลิตมัสไม่สามารถจะวัดค่าปริมาณมานาได้
และกรณีนั้นคือกรณีของ “เจ้าแห่งมนตรา” และการถือกำเนิดของพวกเขา
เพราะว่าปริมาณของมานาที่มีจำนวนมหาศาล การทดสอบจึงเปลี่ยนเป็นสีเข้มมาก กระทั่งดำปี๋ จนมันไม่สามารถที่จะตรวจสอบองค์ประกอบจำเพาะในมานานั้นได้
นี่เป็นการยืนยันแล้วว่าแอนนานั้นคือการถือกำเนิดของ “เจ้าแห่งมนตรา” บุคคลที่เกิดมาด้วยโอกาสหนึ่งในพันล้าน
ถ้าหากว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนของเราล่ะก็ พวกนักข่าวคงจะแห่กันมาที่คฤหาสน์ของแอนนา และหนังสือพิมพ์ทุกเล่มคงจะมีรูปแอนนาแปะอยู่บนหน้าปก
รายการทีวีก็คงจะมีการฉายข่าวช่วงพักเบรค และเธออาจจะถึงขนาดต้องไปออกรายการทีวีพิเศษที่จัดขึ้นมาเพื่อเธอ
เจ้าของฉายา “เจ้าแห่งมนตรา” เป็นตัวตนเหนือธรรมชาติที่สามารถจะบดขยี้กองทัพของประเทศด้วยตนเอง และพวกเขายังสามารถที่จะแปรเปลี่ยนพื้นโลกให้กลายเป็นทะเลเพลิงได้
การที่จะปฏิบัติตัวแบบนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ
โลกใบนี้ล้าหลังเป็นอย่างมากหากพูดเรื่องเรื่องเวทมนตร์
หากว่าผมใช้ความรู้จากในโลกก่อนและสอนเวทมนตร์ให้กับแอนนา เธอคงจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจอมเวทในโลกนี้ไม่ผิดแน่
แต่ว่า ผมไม่ได้มีแผนจะสอนเวทมนตร์ให้แอนนาในตอนนี้
“เจ้าแห่งมนตรา” นับเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ในโลกใบนี้ที่อารยธรรมยังถือได้ว่าล้าหลังไปโข “เจ้าแห่งมนตรา” เพียงคนเดียวก็สามารถสร้างจักรวรรดิ์ที่สามารถครอบครองทั้งผืนทวีปได้อย่างที่ไม่มีใครเคยพบเคยเห็นแล้ว
ถ้าหากแอนนากลายเป็นนักเวท พวกที่กระหายในพลังอำนาจก็จะไม่มีทางเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อพลังที่ล้นเหลือของเธอ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้หลุดมือไป และเธอก็จะถูกบังคับให้ใช้ชีวิตในฐานะอาวุธตลอดเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอ
ในความจริงแล้ว หลายๆคนที่ได้กลายเป็น “เจ้าแห่งมนตรา” ก็ใช้ชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ แต่จำนวนของผู้ที่ต้องจมอยู่ในโศกนาฏกรรมเช่นนั้นก็มีอยู่พอๆกัน
แอนนาเป็นคนที่อ่อนโยน จิตใจดีงาม เพราะงั้นชีวิตของเธอจะต้องกลายเป็นโศกนาฏกรรมแน่ๆหากเธอถูกบังคับฝืนใจให้ต้องใช้ชีวิตในฐานะ “อาวุธระดับยุทธวิธี” ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
ไม่ว่าทหารฝ่ายศัตรูจะถูกเธอฆ่าล้างบางไปกี่คน เธอก็จะไม่มีทางโม้ถึงเรื่องนั้น หรือไม่แม้แต่จะยอมรับเกียรติยศที่เธอทำลายเมืองให้พินาศไป — เพียงแค่ได้อยู่ในสภาพแบบนั้น — เพียงพริบตาเดียว หัวใจของแอนนาคงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แตกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าหากว่าเธอจะต้องใช้ชีวิตในฐานะของอาวุธ
เพราะอย่างนั้นผมจะยังไม่สอนเวทมนตร์ให้กับเธอ ไม่ใช่ในตอนนี้
ถ้าหากผมจะต้องสอนเธอ ผมจะสอนโดยไม่ให้ใครล่วงรู้ถึงเรื่องนั้น ผมจะต้องเตรียมการอย่างระมัดระวังถึงที่สุดในช่วงนั้น
ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะสอนเธอ
ความน่าจะเป็นที่โรคร้ายของแอนนาคือสภาวะมานาเกินขีดจำกัดนั้นมีอยู่สูง
นั่นคือข้อสรุปของผม
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ได้ทำงานในฐานะวิศวกรโกเลมตั้งแต่ตอนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงทำงานจนถึงวัยเกษียณ
ถ้าหากเป็นเรื่องโกเลม การวางแปลน ออกแบบการจัดวาง สายการผลิต ขอแค่เอ่ยออกมา ผมทำให้ได้ทั้งหมด แต่ผมไม่ได้มีความรู้ในศาสตร์การแพทย์ เวชภัณฑ์ หรือเวทมนตร์ฟื้นฟูเลย
ถึงแม้จะเป็นในโลกใบก่อน ยาครอบจักรวาลที่สามารถรักษาได้ทุกสิ่ง หรือเวทมนตร์รักษาที่สามารถรักษาโรคภัยทุกอย่างได้ด้วยมนตร์แค่บทเดียวก็ไม่ได้มีอยู่จริง
มันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตัวยาจำเป็นจะต้องตรงกับอาการที่เป็น และเวทรักษาก็ควรที่จะเหมาะสมกับอาการของคนไข้
เพราะอย่างนั้น แม้ผมจะรู้ถึงชื่อของโรคนี้แล้ว ผมก็ยังคงไม่มีหนทางรักษาได้อยู่ดี
ถ้าหากไม่รู้วิธีรักษา งั้นก็แค่ต้องหามาให้พบ
แต่ว่า การที่ผมจะเดินก้าวต่อไป ผมจำเป็นที่จะต้องไปยังสถานที่อันตราย
ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จำเป็นที่จะต้องสร้างโกเลมเพื่อปกป้องตัวเอง
พวกเราจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการสร้างโกเลมคุณภาพสูง เพราะงั้นผมจึงต้องหาเงินจำนวนนั้นเอาไว้ก่อน
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
MANGA DISCUSSION