ในตอนนี้ฉันได้สำเร็จการศึกษาจากทางสถาบันแล้ว ฉันในตอนนี้จึงถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จึงถึงเวลาที่ฉันจะได้เปิดตัวในวงสังคม
ที่อยู่ของท่านจิโน่ยังคงหาไม่พบ ฉันจึงขอให้ท่านพ่อเป็นคนพาฉันไป
ท่านร่าเริงเป็นอย่างมาก ในเมื่อมันถือเป็นความฝันของท่านพ่อที่จะได้เดินพาฉันไปยังงานเปิดตัว
ถึงอย่างนั้น ท่านแม่ก็ได้ก่นด่าท่านพ่อในขณะที่ถามว่าเพราะความผิดของใครกันที่ท่านพ่อจะต้องเป็นคนไปกับฉัน อารมณ์ที่ดีอยู่ของท่านจึงไปดิ่งลงไปพร้อมกับเสียงครวญคราง
ท่านพ่อและท่านแม่ได้เลือกที่จะจัดงานเลี้ยงเต้นรำอย่างเรียบง่ายเพื่อเป็นการเปิดตัวของฉัน
ดังนั้นแล้ว เรื่องมารยาทจึงจะไม่ถูกสอดส่องเคร่งครัดนัก เพราะงั้นผู้ที่มาเข้าร่วมจะทำผิดพลาดเล็กน้อยก็ไม่เป็นอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่เป็นงานเรียบง่าย แขกเหรื่อไม่จำเป็นที่จะต้องแนะนำตัวก่อนเข้างาน พวกเขาสามารถเข้างานได้ทันทีที่พากันมาถึง
มันเป็นธรรมเนียมที่ผู้เปิดตัวจะต้องได้รับมงกุฎดอกไม้จากท่านแม่ของเธอ และออกไปเปิดตัวในโลกสังคมด้วยผมที่ประดับด้วยมงกุฎนั้น
ในขณะที่ฉันก้าวไปข้างหน้าโดยมีท่านพ่อติดตามไปด้วย พร้อมกับมงกุฎดอกไม้ที่งดงามบทศรีษะ ห้องจัดงานเลี้ยงถึงกับกู่ก้องไปทั้งห้อง
ใบหน้าของดยุคนั้นเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ด้วยการที่เป็นหัวหน้าของตระกูล เขาจึงถูกจดจำได้ในทันที แต่กลับไม่มีใครเลยสักคนที่รับรู้ถึงตัวตนของ “สาวงามที่สวมมงกุฎดอกไม้” ที่ท่านพ่อพามาด้วยในทันที
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่หลังจากคิดไตร่ตรองแล้ว ได้พยายามที่จะคาดเดาว่านั่นคือฉัน อิงจากสีของผมและดวงตา อายุ พร้อมกับเบาะแสอื่นๆ
พวกเขาทุกคนล้วนมองมาที่ฉันอย่างตกตะลึงและหื่นกระหายด้วยดวงตาที่โตราวกับไข่ห่าน
ท่านพ่อและฉันเต้นรำด้วยกันสำหรับในเพลงแรก และหลังจากนั้นพวกเราก็ได้พูดคุยกันสักพักหนึ่งก่อนท่านจะเดินออกไปพูดคุยกับเหล่าผู้ชายคนอื่นๆด้วยเรื่องงาน
ฉันถูกทิ้งอยู่ตัวคนเดียว ตามปกติแล้ว ฉันคงจะไปหลบตามุมห้องของงานไปแล้ว
แต่ในวันนี้นั้นมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาวนเวียนรอบๆ ตัวฉัน
พวกเขาทุกคนล้วนชวนฉันเต้นรำ และบางคนก็ยังพยายามที่จะชวนฉันออกเดตด้วย
คนที่ได้เคยรู้จักกับฉันเพราะพวกเราเคยได้ดูตัวกันมาก่อนต่างก็เข้ามาหาฉันเช่นกัน
เหล่าอดีตคู่หมั้นของฉันที่ไม่แม้แต่จะพยายามปกปิดความน่ารังเกียจและสะอิดสะเอียนของพวกเขาที่มีต่อฉันในระหว่างการดูตัวของพวกเรา บัดนี้ได้พยายามที่จะแข่งกันเอ่ยชมเชยต่อรูปลักษณ์ภายนอกของฉันในตอนนี้ และกระหน่ำคำเชิญชวนเต้นรำและยกยอปอปั้นฉันกันไม่ขาด
แต่ไม่มีใครเลยที่ทำให้ฉันมีความสุขนัก
ผู้คนที่เคยบอกกับฉันว่า “อย่ามาพูดกับข้านะ ยัยผู้หญิงอัปลักษณ์” และ “ออกไปให้ห่างๆ เลย แกทำฉันขนลุกหมดแล้ว” ในตอนนี้ต่างก็ประจบประแจงฉัน ขอให้ฉันไปออกเดตด้วยเสียงสูงขึ้นจมูก — ทำตัวพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้ฉันขยาดจริงๆ
อดีตคู่หมั้นมากมายของฉันเองก็ได้มาเชิญชวนฉันให้ไปเดตด้วยกัน
ฉันเองก็ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดกับการที่ถูกถอนหมั้นไป ฉันรู้สึกได้เพียงแต่รังเกียจและดูถูกพวกเขาเท่านั้น
ไม่มีผู้ชายในนี้สักคนที่ยอมลดตัวลงมาพูดคุยกับฉันในตอนที่ฉันยังมีรอยปูดโปนปกคลุมอยู่เลย
ฉันได้แต่ยืนอยู่ตามลำพังข้างๆ กำแพงห้องระหว่างงานเลี้ยง และฉันทำได้เพียงมองดูเหล่าผู้หญิงที่หน้าตางดงามหัวเราะร่าในขณะที่ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้ชายจากห่างๆด้วยลมหายใจที่เบาบาง
แต่ในตอนนี้ฉันได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกคุณหนูเหล่านั้นแล้ว ฉันกลับได้แต่คิดว่ามันยุ่งยาก
บางที ถ้าหากเราไม่ได้มีคนที่รักอยู่ในหัวใจ เราอาจจะหลงระเริงไปกับความสนใจที่ได้รับทั้งหมดนี้ ความสนใจที่ฉันได้แต่มองด้วยสายตาที่น่าสงสารและถวิลหาอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
แต่ในตอนนี้ฉันมีเพียงท่านจิโน่อยู่ในหัวใจ เพราะงั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิเสธคำเชิญชวนทั้งหมดนั้นไป
วงจรการเชิญชวนแล้วเชิญชวนอีกไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกเสียจากเรื่องธรรมดาไร้ซึ่งความน่าสนใจ
“อ๊า คุณนี่ช่างมีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาเสียจริง สะสวยเกินกว่าคำใดจะบรรยายได้ ได้โปรดให้เกียรติผมได้ร้องเพลงให้คุณด้วยเถอะครับ”
“ฉันก็รู้สึกยินดีอยู่หรอกค่ะ แต่ว่าคงต้องขอปฏิเสธ มันถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่จนเกินไปค่ะ”
ด้วยถ้อยคำหยาดเยิ้มที่เหมาะกับมารยาททางสังคม ฉันยังคงปฏิเสธพวกเขาซ้ำไปมา และในตอนนั้นเองที่ความรู้สึกตัวไปแล่นเข้ามาในหัว
ฉันไม่เคยต้องการที่จะถูกชมว่า “งดงาม” จากทุกๆ คน
ฉันแค่ต้องการที่จะได้ยินท่านจิโน่เรียกฉันอย่างหวานหูว่าน่าเอ็นดู
ฉันหวังที่จะได้ยินเสียงกระซิบของเขาเข้ามาในหูว่าฉันนั้นน่ารัก ด้วยเสียงต่ำที่มีเสน่ห์ของเขา
ท่านจิโน่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้นะ…
ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาฉันนั้นทำเพียงแต่อวดเบ่งตนเอง ถ้าให้ข้าพูดล่ะก็ เด็กน้อยชะมัด
ท่านจิโน่นั้นพึ่งพาได้มาก เขาสามารถที่จะหลบหลีกคนคุ้มกันลับของตระกูลเซเว่นสเวิร์ธ แต่เรากลับไม่เคยได้ยินเขาโอ้อวดตนเองเลย
เขายังมีเทคนิคขั้นสูงที่สามารถทำให้เหล่าสายลับของตระกูลเรา ที่ได้ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดในอาณาจักรของพวกเรา พากันแสดงความเคารพนับถือต่อเขากันอย่างบ้าคลั่ง
เขาจะมาโอ้อวดต่อหน้าฉันก็ได้ ฉันไม่ถือเลยสักนิด…
ฉันรู้ตัวเองดีว่าไม่น่าไว้วางใจขนาดไหนถึงขั้นที่เขาไม่ยอมเปิดใจคุยกับฉันไม่ว่าเขาจะกังวลเรื่องอะไรอยู่ก็ตาม
แต่ฉันก็หวังว่าเขาจะให้ตัวเองได้ภูมิใจเสียบ้าง
ที่เขาไม่บอกอะไรฉันเลยสักอย่างนั้นมันน่าเสียใจจนเกินไป
นอกเหนือจากเรื่องที่พวกเขาโอ้อวดกันอย่างย่ามใจแล้ว การรับรู้เรื่องราวต่างๆ และมารยาทที่แสดงออกถึงสิ่งที่พวกเขาคิดและสะท้อนให้เห็นถึงความทะนงตัว ความมั่นใจในตัวเอง และความคิดคับแคบที่พวกเขามี แน่ล่ะ พวกเขานี่ช่างเด็กน้อยจริงๆ
ฉันครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น
เมื่อตอนที่ใบหน้าของฉันยังถูกปกคลุมไปด้วยรอยปูดโปน ผู้คนเหล่านี้ต่างทำตัวเย็นชาต่อเรา
แล้วในตอนนี้ ความคิดของพวกเขากลับได้แปรเปลี่ยนไป และพากันมาทำให้ฉันถูกใจราวกับว่าทุกสิ่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องโกหก
แล้วท่านจิโน่ล่ะ?
ถึงฉันจะมีรอยปูดโปนอยู่ทั่วใบหน้า แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่บอกว่าเราน่ารัก เขาเป็นเพียงคนเดียวที่แสดงความรักต่อเราแม้ว่าจะมีใบหน้าที่อัปลักษณ์
เมื่อยามที่รูปลักษณ์ฉันเปลี่ยนไป เหล่าผู้ชายมากมายก็ได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉัน
งั้น ท่านจิโน่เองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งจะไม่เปลี่ยนวิธีปฏิบัติตัวกับเราหรือ?
น่าสะพรึงนัก
ถ้าหากว่าเรามีรูปลักษณ์เหมือนแต่ก่อน มันก็คงจะไม่เป็นอะไรในเมื่อท่านจิโน่ชมเราว่าสวยอยู่แล้ว
ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าท่านจิโน่จะยังคงชอบฉันที่น่ารัก หากฉันมีรูปลักษณ์เหมือนก่อนที่เคยเป็น
เขาจะยังคงชมฉันว่า “น่ารัก”
แต่แล้วถ้าหากเป็นรูปลักษณ์ของเราในตอนนี้ล่ะ?
ถ้าหากท่านจิโน่ผิดหวังในตอนที่เขาเห็นเราเข้า…
ท่านจิโน่เมินเรามาประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่เราจะจบการศึกษาจากสถาบัน
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากท่านจิโน่เลิกสนใจเราแล้วกลับกลายเป็นเย็นชาไม่ต่างจากเดิมล่ะ?
ร่างกายของฉันสั่นเทิ้มไปด้วยความคิดเช่นนั้น
ใช่แล้ว จริงด้วย
ฉันเชื่อว่ามีวิธีการทางการแพทย์ที่จะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคนๆ หนึ่งได้
ฉันจำต้องเรียกหมอมาและพูดคุยเรื่องนี้กับเธอเดี๋ยวนี้
◆◆◆◆◆
คุณหมอซูซานน่า คุณหมอที่มาหาฉัน เดินเข้ามาเป็นการตอบรับการเรียกของฉัน
“คุณหมอซูซานน่า มีเรื่องที่ฉันอยากจะถามซักหน่อยค่ะ”
“ได้เลยค่ะ ถามฉันมาได้เลยค่ะ ถ้าหากว่าฉันพอจะตอบให้ได้ ฉันจะตอบอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”
“ฉันรู้สึกดีใจที่จะบอกว่าฉันรักษาหายแล้วค่ะ รอยปูดโปนบนใยหน้าของฉันหายไปจนหมดแล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณหนู”
“ฉันจึงอยากจะขอปรึกษากับคุณในเรื่องนี้ค่ะ ฉันสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่จะทำให้รอยปูดโปนพวกนั้นกลับมาอีกครั้งน่ะค่ะ?”
“…อ๊ะ เอ๊ะ…หมายความว่ายังไงกันคะ?”
คุณหมอซูซานน่าถามฉันเป็นการตอบกลับ
“ฉันอยากที่จะสร้างรอยปูดโปนบนใบหน้าของฉันอีกครั้งเพื่อที่ฉันสามารถที่จะกลับไปมีรูปลักษณ์แบบตัวฉันก่อนหน้านี้ได้อีกครั้ง ด้วยทักษะทางการแพทย์ของคุณหมอแล้วพอจะเป็นไปได้ไหมคะ?”
“………”
“………………”
ดวงตาของคุณหมอซูซานน่าเบิกโพลง อ้าปากค้างด้วยความตะลึงใส่ฉันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ดวงตาของบริดจ์เจ็ตเองก็โตราวกับไข่ห่านในขณะที่เธอเองก็มองมาที่ฉันอย่างประหลาดใจด้วยเช่นกัน
“คุณหมอคะ?”
“…เอ๊ะ? อ๊ะ ค่ะ แน่นอนว่าทำได้ค่ะ มันอาจจะยากในการที่จะลบรอยพวกนั้น แต่การสร้างมันขึ้นมานั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ดิฉันแค่ต้องฉีดของเหลวบางอย่างเข้าไปภายใต้ผิวหนังของคุณหนูเท่านั้นค่ะ”
“วิเศษจริง เอาล่ะ งั้นช่วยดำเนินการกับฉันเดี๋ยวนี้เลยด้วยค่ะ”
“ดะ-ดะ-เดี๋ยวก่อนสิคะ ได้โปรดรอก่อนเถอะค่ะ คุณหนู!!”
บริดจ์เจ็ตเรียกชื่อฉันออกมา ดูเหมือนเธอลนลานอย่างถึงที่สุดอยู่
“โอ๊ะ แหม มีอะไรเหรอ?”
“ดิฉันเชื่อว่าควรจะไปปรึกษากับท่านดยุคและนายหญิงก่อนนะคะ ใช่ไหมคะ คุณหมอซูซานน่า?”
“คะ-ค่ะ ใช่แล้วค่ะ พวกเราจำเป็นต้องได้รับอนุญาติจากท่านดยุคและดัชเชสก่อนสำหรับการทำการรักษาค่ะ”
“งั้นหรือคะ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปขออนุญาติจากท่านพ่อและท่านแม่ก่อนแล้วกัน”
ท่านแม่เสียใจที่ท่านไม่ได้ให้กำเนิดฉันที่มีหน้าตาสะสวย ฉันจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฉันด้วยความตั้งใจของตัวเอง ฉันจึงควรที่จะไปทำให้ชัดเจนว่าไม่จำเป็นที่ท่านแม่จะต้องมาเสียใจกับเรื่องนี้
◆◆◆◆◆
“เพราะอย่างนั้นลูกถึงได้มาหาแม่หรือจ๊ะ”
ท่านแม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาหลังจากพูดออกมาเช่นนั้น
“แอนนาลูกรัก ลูกจะรับการรักษานั่นเพื่อเอารอยปูดโปนกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมลูกไม่ลองให้ท่านจิโน่เป็นคนเลือกด้วยตัวเขาเองล่ะจ๊ะว่าเขาต้องการแบบไหน?”
“ตายจริง ท่านแม่เก่งที่สุดเลยค่ะ จริงด้วย ฉันจะเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเพื่อท่านจิโน่ งั้นให้เขาเลือกก็คงจะดีที่สุด”
ฉันตัดสินใจที่จะทำตามคำแนะนำของท่านแม่โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านจิโน่
จะว่าไป ไม่มีใครสักคนในโลกใบนี้ที่จะมาเข้าใจว่าทำไมฉัร ผู้ที่เกลียดรอยปูดโปนที่อยู่บนใบหน้ามากขนาดนั้น จะต้องการที่จะนำหน้าตาเช่นนั้นกลับมาอีกครั้ง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือการได้กลับไปอยู่กับท่านจิโน่
ฉันได้ประสบด้วยตนเองแล้วว่าการที่ถูกรายล้อมด้วยผู้ชายมากมายนั้นเป็นยังไงอย่างที่ใจปรารถณา และมันก็ไม่ได้สนุกเท่าคิดเอาไว้ ที่จริงแล้ว มันออกจะน่ารำคาญเอาเสียมากๆ
ในตอนนี้ ฉันไม่สนใจแม้แต่น้อยถึงแม้ฉันจะต้องย้อนกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อน
◆◆◆◆◆
สามเดือนผ่านไปตั้งแต่ที่ท่านจิโน่หายตัวไป และก็ยังตามหาตัวเขาไม่พบ
เหล่าสายลับบอกกับพวกเราว่าไม่ว่าคนๆ หนึ่งจะหนีและซ่อนตัวได้เก่งขนาดไหน มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะลบร่องรอยของการใช้ชีวิตได้โดยสมบูรณ์
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเหล่าขุนนางที่จะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสามัญชน
เพื่อที่จะมีชีวิตและอยู่รอด พวกเขายังจำเป็นที่จะต้องจัดหาของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ว่ากันว่าขุนนางที่ตกต่ำที่สุดที่ได้กลายเป็นสามัญชนลงเอยที่ใช้ชีวิตข้างถนนเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถหาเงินเลี้ยงชีพได้
แต่ท่านจิโน่นั้นต่างออกไป เพราะว่าเขาได้ดำเนินบริษัทการค้าของเขาเองในอดีต
มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะใช้ชีวิตในฐานะพ่อค้า
ดังนั้นพวกสายลับและคนคุ้มกันลับได้ออกตามหาและสืบเสาะพวกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามท้องถนน ผู้คนที่พึ่งจะถูกจ้างเข้าทำงานบริษัทเมื่อเร็วๆ นี้ และพวกที่พึ่งก่อตั้งกิจการของตัวเองจนไปถึงพวกคนที่สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่จำเป็นต้องทำงาน คิดจากที่พวกเขาอาจจะใช้เงินทุนที่เหลือในการใช้ชีวิต ดูเหมือนว่าการค้นหาได้ขยายออกไปถึงยังนานาอาณาจักรและประเทศอื่นๆ
แต่พวกเราก็ยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่อาจจะเป็นท่านจิโน่เลย
เพราะอย่างนี้ จึงเหลือความเป็นไปได้แค่ไม่กี่อย่าง ไม่ท่านจิโน่ได้จากโลกใบนี้ไปแล้ว เขาก็คงได้ถูกจับตัวไปโดยขุนนางของต่างประเทศ และโอกาสที่จะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้มีค่อนข้างสูง เมื่อฉันได้รับรายงานของข้อมูลลับ ความวิตกกังวลก็ได้ถูกเติมเต็มเข้ามาในหัวใจ และฉันก็ได้ระเบิดน้ำตาออกมา
ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้เลยนอกจากภาวนา
ดังนั้น ฉันจึงไปโบสถ์ทุกวันเพื่อภาวนาให้เขาปลอดภัย
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.
MANGA DISCUSSION