“ค่ะ ต้องขอบคุณยาที่พัฒนาโดยท่านจิโนเรียส ฉันถึงได้รับการรักษาค่ะ”
ฉันไม่ควรที่จะเรียกว่าท่านจิโน่ด้วยชื่อเล่นเหมือนเมื่อก่อนที่เรายังเป็นคู่หมั้นของเขา
ฉันจึงเรียกเขาว่าท่านจิโน่เรียส
ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกเขาว่าจิโน่อีกต่อแล้ว
ฉันจะต้องรู้สถานะของตัวเองว่าเป็นผู้หญิงที่ถูกทิ้งโดยการทิ้งระยะห่างออกมาจากเขา และเริ่มเรียกชื่อเขาอย่างมีมารยาท
ท่านจิโน่เองก็ถูกขับออกจากตระกูลแวร์แวรี่ และยังไม่ได้รับอนุญาติให้กลับไปยังตระกูลอดอร์นิ ในตอนนี้เขาจึงยังคงไม่มีสกุล
ดังนั้นการที่เราเรียกชื่อเขาอย่างนี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเป็นการเน้นย้ำว่าฉันนั้นทิ้งระยะห่างตัวเองจากเขามาแล้ว
“อ้อ จริงด้วย เขาเองก็บอกฉันเรื่องนั้นด้วยนี่นา ก็คิดเอาไว้อยู่แหละ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำยาได้สำเร็จจริงๆด้วยสินะเนี่ย”
คุณหนูเคตยิ้มออกมา
เธอดูเป็นคนสดใสที่ยิ้มได้ไม่หยุดหย่อนจริงๆ
ด้วยนิสัยเศร้าหมองของเราแล้ว เรายังสงสัยเลยว่าเราฝืนยิ้มได้ยังไง
ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าคงจะมีความสุขมากกว่าในการใช้เวลาไปกับคนที่เบิกบานอย่างคุณหนูเคตเมื่อเทียบกับการใช้เวลาเหล่านั้นไปกับคนที่เซื่องซึมอย่างเรา
ไม่ว่าเราจะมองคุณหนูเคตยังไง มันก็มีแต่ทำให้เรารู้สึกแย่เท่านั้น
“ค่ะ ฉันต้องการที่จะแสดงความขอบคุณต่อเขาที่ช่วยมอบยารักษานั้นมาให้ ฉันจึงได้มาพบคุณในวันนี้ ขอทราบที่อยู่ของท่านจิโนเรียสได้ไหมคะ?”
“ฉันไม่รู้น่ะ”
เธอคงจะระแวงตระกูลเซเว่นสเวิร์ธกระมัง
“อย่าได้กลัวไปเลยค่ะ ตระกูลเซเว่นสเวิร์ธไม่ได้ตั้งจะทำอะไรท่านจิโนเรียสอีกต่อไปแล้ว
การกระทำที่เป็นการดูถูกที่เขาได้ทำต่อตระกูลของพวกเราได้ถูกชดเชยด้วยเรื่องที่เขาช่วยรักษาฉันแล้วค่ะ”
“อ้อ งั้นหรอกเหรอ? แต่ว่าฉันไม่รู้จริงๆ เนี่ยสิว่าเขาอยู่ที่ไหนน่ะ”
เธอหมายความว่ายังไงกัน?
ฉันไม่เชื่อว่าท่านจิโนเรียสจะเป็นคนที่หนีและทิ้งภรรยาที่ตั้งครรภ์เอาไว้…
ฉันมองคุณหนูเคตอย่างเชื่อไม่ลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ขอโทษนะคะ แต่คุณไม่ทราบว่าคู่หมั้นของคุณอยู่ที่ไหนงั้นหรือคะ?”
“อ้อ ท่านจิโน่ถอนหมั้นฉันไปแล้วล่ะ”
“เอ๋อ๋อ๋!?”
มันน่าตกใจเสียจนฉันร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่างไม่สมเป็นสตรีเสียจริง
“ถ้าหากคุณไม่ว่าอะไร ขอฉันคุยเรื่องความจริงและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้กับคุณได้ไหมคะ คุณหนู? ฉันก็เป็นเพียงแค่สามัญชน ฉันเลยรักษามารยาทไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ถ้าหากว่าไม่ถือกันล่ะก็ ว่าไงล่ะ?”
คุณหนูเคตยิ้มกริ่มมาที่ฉัน
“วางใจได้ค่ะ พวกเราขุนนางจะไม่นำขนบของเหล่าขุนนางมาใช้กับสามัญชน ถึงอย่างนั้น มันจะไม่เป็นอะไรหรือคะที่ให้คนนอกอย่างฉันมาคุยเรื่องส่วนตัวอย่างนี้? ถึงจะเป็นสิ่งที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากก็เถอะค่ะ”
ฉันรู้สึกสงสัยจนทนไม่ไหว แต่ช่างน่าเสียดาย มันไม่ใช่ที่ของเราที่จะไปถามเรื่องอย่างนั้น เราไม่ได้เป็นคู่หมั้นของท่านจิโนเรียสแล้ว
ด้วยการคิดถึงฐานะตำแหน่งของตัวเองอยู่ในใจ ฉันถามเพื่อยืนยันกับเธอว่าจะไม่เป็นไรหรือที่จะให้บุคคลที่สามอย่างตัวฉันไปข้องเกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของพวกเขา
“แน่นอน สัญญาที่ฉันได้ทำกับท่านจิโน่คือ ‘แกล้งทำเป็นหมั้นหมายกับเขาจนกว่าเขาจะถอนหมั้นกับองค์หญิงเรียบร้อย’ เขาไม่ได้พูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับ ‘เปิดเผยความจริงหลังจากถอนหมั้นเรียบร้อยไปแล้ว” อยู่แล้วนี่นา”
“เอ๋!? แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาหรือคะ!?”
ฉันสะดุ้งตัวโยนอีกครั้ง ลืมภาพลักษณ์ในฐานะกุลสตรีไป ก่อนที่จะแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
คุณหนูเคตฉีกยิ้มกรุ้มกริ่มกว้างขึ้นไปอีกในขณะที่มองตัวฉันที่กำลังสับสนอยู่
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไปกันเถอะ ไปกันเถอะน้า ที่นี่คงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะงั้นย้ายไปที่ห้องนั่งเล่นกันดีกว่าเนอะ~ ♪“
คุณหนูเคตผลักหลังฉัน
คนคุ้มกันฉันเกือบจะตอบสนองไปแล้ว แต่ฉันส่งสัญญาณเตือนให้ทางสายตา
คุณหนูเคตยังคงดันหลังไปจนพวกเราไปถึงยังห้องที่สุดทางเดินของร้าน
◆◆◆◆◆
“งั้นคุณจะบอกว่าที่ท่านจิโนเรียสถอนหมั้นกับฉันเพื่อที่จะเป็นการปูทางเพื่อที่ไม่องค์ชายลำดับที่หนึ่งก็องค์มกุฎราชกุมารจะได้หมั้นกับฉันหรือคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ ท่านจิโน่น่ะรักองค์หญิงจะตาย ก็รู้นี่ เขาร้องห่มร้องไห้ใหญ่เลยหลังจากที่เลิกกับคุณไป”
คุณหนูเคตยังคงเล่าให้ฉันฟังว่าท่านจิโน่ร้องห่มร้องไห้ออกมาในสถาบันศึกษา ในขณะที่คอยเย้าแหย่เขาตลอด
เป็นเรื่องน่าโล่งใจที่เธอเปลี่ยนเรื่องราวให้กลายเป็นเรื่องขบขัน
ไม่อย่างนั้น ฉันคงจะได้ล้มลงไปทั้งน้ำตาแน่หากเธอเล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วยความเอาจริงเอาจัง
ต้องขอขอบคุณเธอ ฉันจึงเสียน้ำตาเพียงไม่กี่หยด
แต่ฉันก็ยังคงไม่สามารถที่จะยอมรับความจริงที่ว่าท่านจิโน่ซุกหน้าของเขาลงไปในอกอวบอึ๋มของเธอ
คุณหนูเคตได้สาธิตฉากนั้นให้ฉันเห็นโดยการใช้หมอน เปลี่ยนให้มันกลายเป็นเรื่องตลก
ฉันฟังเธออย่างอารมณ์ดีในขณะที่ยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ แต่ภายในลึกๆ ในอกของฉันเต็มไปด้วยอารมณ์อันมืดมนวนเวียนอยู่ภายใน
ไร้สาระน่า!!
ซุกหัวลงไปในอกของผู้หญิงคนอื่นนอกจากเรา… ไม่สิ เราเองก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพอปล่อยให้ตัวเองทำอย่างนั้นกับเราหรอก
แต่ถ้าหากท่านจิโน่ยืนกรานล่ะก็ คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง…
พวกเราได้ขจัดข้อกังวลใหญ่สุดของฉันไป คุณหนูเคตเล่าว่าพวกเธอไม่เคยแม้แต่จูบกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีเด็กหรอก
มันรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก
ฉันพูดอ้อมค้อมพยายามที่จะไปให้ถึงหัวข้อนั้นเฉกเช่นกุลสตรี แต่เธอกลับตอบฉันกลับมาอย่างตรงประเด็น ทำเอาฉันค่อนข้างกริ่งเกรงเลย
สามัญชนนี่เป็นคนที่เปิดเผยกันมากๆ เลยสินะ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เคยสนทนากับสามัญชน แต่ฉันไม่เคยรู้เลยว่าผู้หญิงเองก็จะสามารถแสดงออกมาได้หลากหลายอารมณ์แบบเธอคนนี้
เหล่าสามัญชนเองก็ได้เรียกผู้อื่นนอกเหนือจากคนในตระกูลและคู่หมั้น อย่างเช่นเหล่าสหายที่สนิทกันด้วยชื่อเล่น
ฉันไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเรื่องนี้เองก็อาจจะมีความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ต่อการสนทนาระหว่างฉันกับคุณหนูเคต
สำหรับขุนนางทั้งหญิงและชาย ที่เรียกกันด้วยชื่อเล่นนั้นมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง
แต่สำหรับสามัญชนแล้ว ชื่อเล่นนั้นหาได้มีความวิเศษวิโสแต่อย่างใด
คุณหนูเคตยังคงอธิบายให้ฉันฟังต่อว่าเธอเองก็ถูกเพื่อนผู้ชายสมัยเด็กๆ เรียกด้วยชื่อเล่นเช่นกัน
ดังนั้นการที่เธอเรียกท่านจิโน่ด้วยชื่อเล่นนั้นไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร
ฉันรู้สึกโล่งอก
ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณหนูเคตไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อท่านจิโน่ และฉันเองก็ได้รู้สึกพึงพอใจแล้วจริงๆ
เธอเป็นคนเบิกบาน เป็นมิตร และขบขัน ที่มีหน้าอกขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้เธอดูยั่วยวนเสียมากๆ แม้แต่กับผู้หญิงอย่างฉันก็ด้วย
ฉันไม่มีความมั่นใจว่าฉันจะเอาชนะเธอได้หากเราต้องมาแข่งกันเพื่อแย่งความรักของท่านจิโน่
ฉันเผยความคิดเช่นนั้นออกมาต่อคุณหนูเคต
“เอ๋!? ไม่ ไม่ นี่คุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย? ท่านจิโน่อาจจะทั้งหล่อ ใจดี แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษถึงที่สุดอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ไม่มองฉันด้วยสายตาที่หื่นกระหาย และยังเป็นคนๆ เดียวที่คุณจะสามารถเชื่อใจได้ แต่เขายังไม่เคยมองใครอื่นนอกจากองค์หญิงเลย ฉันก็เลยยอมแพ้เรื่องเขาไปแล้วล่ะ รู้ไหม?”
ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจผิดเมื่อตอนที่ฉันคิดว่าคุณหนูเคตไม่ได้รักใคร่ท่านจิโน่เลย
คุณหนูเคตบอกฉันว่าเธอยอมแพ้เรื่องเขาไปแล้ว ฉันจึงไม่เชื่อว่าเธอจะไล่ตามเขาอย่างโจ่งแจ้ง
แต่มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่คนที่มีเสน่ห์มากมายขนาดนี้มาชอบพอท่านจิโน่ แม้จะเป็นแค่ความรู้สึกเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังจำต้องใช้ความกล้าในการที่จะพูดออกมาว่า ‘ยอมแพ้ไปแล้ว’ มันเป็นอะไรที่มีทางเลือกที่จะไม่พูดถึงอยู่ด้วย
เธอเป็นคนที่ทั้งน่ารักและซื่อตรงเสียจริง
ฉันสงสัยว่าท่านจิโน่จะรู้สึกอย่างไรในตอนที่เอาหน้าของเขาซุกลงไปในอกอวบอึ๋มของคนที่น่ารักเช่นนั้น
โอ๊ะ ตายแล้ว เรารู้แล้ว
นี่เรากำลังหัวเสียอยู่หรือ?
ถ้าหากบุตรของขุนนางเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงและเป็นคนที่จะไม่นอกใจภรรยาของตน อย่างมากที่สุดที่เขาจะทำได้เมื่อพูดถึงเรื่องการแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนอื่นก็คงเป็นแค่การจับมือ
ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นครั้งแรกที่ท่านจิโน่ได้เคยเอาหน้าซุกลงไปในอกของผู้หญิง
ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันต้องการที่จะให้ครั้งแรกนั้นเป็นของฉัน
แน่ล่ะ อารมณ์มืดมนที่วนเวียนอยู่ในตัวเรานี้ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความอิจฉาริษยา
“ฉันเองก็อยากที่จะพูดคุยกับองค์หญิงเพราะว่าท่านจิโน่น่ะจะน่าสงสารจนเกินไป เพื่อตัวองค์หญิงแล้ว เขายอมที่จะโยนความเป็นขุนนางทิ้งและกลายเป็นสามัญชนด้วยความเต็มใจ แล้วยังยอมปล่อยมือจากธุรกิจของเขานี้ แล้วอาศัยอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อีก มันเป็นการใช้ชีวิตที่ไม่มั่นคงในฐานะผู้ลี้ภัย ไม่คิดว่างั้นบ้างหรือ? มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ ถึงแม้ว่าท่านจิโน่จะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยน่ะ?”
คำพูดเฉียบแหลมนี้คือสิ่งเดียวที่เธอเอ่ยออกมาโดยไร้ซึ่งความเหลาะแหละใดๆ
“ฉันเห็นด้วยค่ะ ท่านจิโน่นั้นน่าสงสารจริงๆ ฉันให้สัญญากับคุณว่าฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ในอำนาจของฉันเพื่อช่วยเขานำสิ่งที่สูญเสียไปทั้งหมดคืนกลับมา”
คุณหนูเคตนั้นซื่อตรงกับฉันอย่างถึงที่สุด จนถึงจุดที่เธอยอมพูดถึงเรื่องที่เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกเรา
เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความซื่อตรงของคุณหนูเคตด้วยความจริงใจ ฉันเองก็ได้แสดงออกอย่างซื่อตรงต่อเธอด้วยความรู้สึกของฉัน
ดังนั้นฉันจึงเรียกท่านจิโน่ด้วยชื่อเล่นของเขา
นี่คือสัญลักษณ์ของความแน่วแน่ของฉัน
ฉันจะไม่ยอมแพ้ที่จะมีความสุขอีกต่อไปแล้ว
“ฉันขอฝากด้วยล่ะ คุณองค์หญิง ยังไงนั่นก็เป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ สำหรับสามัญชนอย่างฉันอยู่แล้วล่ะนะ”
คุณหนูเคตเอ่ยออกมาด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุด
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
พิสูจน์อักษรโดย: Rain K.
MANGA DISCUSSION