พื้นที่เป้าหมายของการค้นหาบันทึกการแพทย์นั้นน่าจะเป็นมหาวิทยาลัยของเซนต์มาริลินด์ สำหรับเวทมนตร์การแพทย์และเภสัชศาสตร์
ผมเคยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนั้นมาก่อนเพราะว่าผมหลังเคล็ด ผมจึงยังคุ้นเคยกับพื้นที่แถวนี้
ผมลงจากรถม้า แต่การนั่งรถม้าต่อไปเพียงทอดเดียวจนถึงปลายทางนั้นไม่ใช่แผนของผมที่วางไว้
จุดหมายปลายทางอยู่ห่างไปราวๆหนึ่งพันห้าร้อยกิโลเมตรจากเมืองหลวงที่ผมอาศัยอยู่ ดังนั้นมันจะต้องใช้เวลาราวสองถึงสามเดือนในการที่ผมจะเดินทางไปด้วยรถม้าเที่ยวเดียว
ในปัจจุบันนี้ พวกเขายังไม่ได้มีการปูทางด้วยยางมะตอย
เหล่าถนนที่มีการปูพื้นด้วยหินหยาบเท่านั้นเป็นถนนสายหลักของเมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองหลวง ถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองต่างๆก็เก่าคร่ำครึเต็มที ก็ตามปกติของการก่อถนนให้ผู้คนสัญจรไปมานั่นล่ะ
มันคงใช้เวลานานอักโขสำหรับรถที่ใช้ม้าลาก เพราะว่าพวกมันจะช้าเอาเสียมากๆบนพื้นถนนที่ไม่ได้มีการปูทาง
ถ้าหากมีรากต้นไม้หนาๆมากีดขวางทางถนน รถม้าตามปกติคงไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้
ผู้โดยสารจะต้องลงจากรถม้าและช่วยดันจากข้างหลังรถ หรือไม่ก็พวกเขาจะต้องสร้างทางลาดจากเหล่าก้อนหินเพื่อที่จะให้รถม้านั้นสามารถวิ่งข้ามรากไปได้
ถนนที่ไม่มีการปูทางเองก็จะกลายเป็นดินโคลนและมีความลื่นหากว่าถูกฝน ถ้าหากล้อติดอยู่ในโคลนและเลน เหล่าผู้โดยสารเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงไปช่วยดันรถออกมา
มันคงจะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจอย่างมากหากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ดังนั้นหากผู้คนพบเข้ากับเส้นทางที่เป็นโคลนตม ก่อนอื่นพวกเขาจะหยุดรถและนำแผ่นไม้มาวางไว้ด้านบนเพื่อที่ล้อรถจะไม่ได้ติดโคลน
ถ้าหากมีหลุมอยู่บนพื้น ก็จะนำวิธีดังกล่าวมาปรับใช้ด้วยเช่นกัน
เมื่อปีนภูเขา มันจะมีหลายๆสถานที่ที่ม้านั้นไม่สามารถข้ามไปได้ด้วยตัวของพวกมันเอง ดังนั้นเวลาที่ใช้ไปกับการผลักรถม้านั้นมักจะมากกว่าระยะเวลาที่ใช้ไปกับการนั่งรถม้าเสียอีก
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ผมจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยรถม้าจนถึงจุดๆหนึ่งที่ห่างออกมาจากเมืองหลวงนิดหน่อย ผมลงจากรถม้าตรงนั้น และเดินทางในส่วนที่เหลือโดยใช้เวทมนตร์และเหล่าโกเลม
โลกใบปัจจุบันนี้ล้าหลังในเรื่องเวทมนตร์ และไม่มีตัวตนของโกเลมที่เคลื่อนไหวได้อยู่เลย
ด้วยสิ่งที่โลกใบนี้เป็นอยู่ มันคงจะเป็นที่ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าการเดินทางด้วยเวทมนตร์และโกเลม คงจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาไม่ได้หากมีผู้คนมาพบเห็นผมเข้า
พวกเราต้องเดินทางผ่านป่าเขาลำเนาไพรเพราะว่าพวกเราไม่สามารถใช้เส้นทางสัญจรตามปกติในสายตาของผู้คนได้
ผมได้นำรถม้าและม้าไปฝากดูแลไว้ที่ชุมชนที่ห่างจากเมืองประมาณสามวัน และจากนั้นผมก็มุ่งหน้าเดินเข้าไปยังภูเขา
ในที่สุดผมก็จะได้เริ่มเดินทางแบบสุดกำลังเสียที
เส้นทางที่ไวที่สุดก็ต้องเป็นการเดินทางบนอากาศอยู่แล้ว แต่นั่นก็จะเด่นเกินไปหน่อยถึงแม้จะอยู่ไกลๆก็ตาม ผมจึงเลือกเดินทางบนพื้นดินแทน
เหล่าโกเลมเซนทอร์เป็นม้าตั้งแต่ครึ่งล่างลงไป เพราะอย่างนั้นพวกมันจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับพื้นราบ ในขณะที่แมลงแปดขานั้นจะเหมาะกับเส้นทางที่ขรุขระเสียมากกว่า
ผมอัญเชิญโกเลมแมลงออกมาเพื่อขึ้นขี่และอีกสามตัวคอยคุ้มกัน และในที่สุดพวกเราก็ได้เริ่มเดินทางเสียที
ป่านี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์อย่างที่ผมคาดเอาไว้
มีมอนสเตอร์มากมายในโลกใบนี้
ในชาติก่อนไม่มีพวกมันอยู่เลย เพราะอย่างนั้น เมื่อตอนที่ผมได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกผมจึงคิดไปว่าผมได้มายังโลกใบใหม่อีกใบ
แล้วก็ เรื่องมอนสเตอร์พวกนี้น่ะ — พวกมันอาจจะเป็นแค่พวกเงาของสัตว์อสูรสงครามทางการทหารของโลกใบก่อนเท่านั้นเอง
โกเลมทางการทหารมีราคาค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และการฝึกฝนเหล่าผู้ใช้เวทมนตร์ก็มีค่าใช้จ่ายที่มากมายกว่านั้นอีกอักโข
ในตอนนั้นเองที่สัตว์อสูรสงครามได้เข้ามามีบทบาท พวกนั้นเป็นอาวุธทางเลือกสำหรับประเทศยากจนที่ไม่มีเงินเพียงพอสำหรับโกเลม
สัตว์อสูรเหล่านี้ขยายพันธุ์ได้ง่ายตราบใดที่พวกมันได้รับอาหารและเวลาที่เพียงพอ การลงทุนเริ่มแรกนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างต่ำ พวกมันจึงถูกใช้มากมายในประเทศที่กำลังพัฒนา
อย่างไรก็ตาม พวกสัตว์อสูรต่อสู้พวกนี้เองก็มีข้อเสียที่มากมาย
เหล่าสัตว์อสูรตามมาตรฐานที่ไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรได้ถูกยกระดับเพื่อที่พวกมันจะสามารถทำตามแผนการรบได้หากพวกมันจำเป็นต้องไปต่อสู้กับโกเลมทางการทหาร
ถ้าหากเพิ่มเงินที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการยกระดับสัตว์อสูรพวกนี้เข้ามาคิดด้วยแล้ว เช่นนั้นค่าใช้จ่ายของพวกมันก็จะไม่ต่างไปจากค่างวดที่ต้องจ่ายสำหรับโกเลมตัวหนึ่งเลย หักล้างข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนเงินที่พวกมันมีอยู่ไป
เหล่าสัตว์อสูรที่ไม่ได้มีการยกระดับจะโจมตีมนุษย์โดยไม่มีการแบ่งแยก เว้ยเสียแต่ผู้คนที่มีตัวส่งสัญญาณระบุตัวตน
ดังนั้น สถานการณ์ที่พวกมันจะถูกนำมาใช้จึงมีจำกัดเอาเสียมากๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นข้อขัดแย้งกับคนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่าการกำจัดฝ่ายตรงข้าม สัตว์อสูรต่อสู้นี้ถือเป็นตัวเลือกอาวุธที่ดีที่สุดในเมื่อพวกมันนั้นจู่โจมและสังหารโดยไม่มีการแบ่งแยกยิ่งกว่าเรื่องที่ราคาถูกเสียอีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์อสูรต่อสู้พวกนั้นจึงเป็นที่นิยมในประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีข้อพิพาทระหว่างชนกลุ่มน้อยไม่ขาด
สำหรับผม มอนสเตอร์คือสัตว์อสูรที่ได้หลบหนีกลับเข้าป่าและกลายมาเป็นสัตว์ป่า
มอนสเตอร์ได้รับการถ่ายทอดลักษณะพื้นฐานของสัตว์อสูรต่อสู้มา พวกมันจึงโจมตีมนุษย์ที่พวกมันพบ และความสามารถในการต่อสู้นั้นก็ยังถือว่าเป็นภัยต่อมนุษย์ด้วย
พวกสัตว์อสูรพวกนี้อาศัยอยู่ในป่าเขา ดังนั้นมนุษย์ตามปกติแล้วจะไม่ย่างกรายเข้าไปยังพื้นที่พวกนั้น
แต่ว่ามันถือเป็นอีกเรื่องเมื่อเป็นผม
พวกสัตว์ป่าพวกนี้นั้นอ่อนแอเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรต่อสู้ทางการทหาร
การถูกทอดทิ้งมากว่าสองหมื่นปีไม่ใช่อะไรที่หัวเราะออกเลย
แต่ดั้งเดิมแล้ว แม้จะเป็นสัตว์อสูรทางการทหารดาดดื่นที่ราคาถูกที่สุดก็ยังสามารถที่จะใช้เวทมนตร์ตามมาตรฐานได้
แต่ว่าถึงแม้มอสเตอร์ในโลกใบนี้จะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ พวกมันก็ใช้ได้เพียงแค่มนตร์เสริมแกร่งร่างกายระดับต่ำ ซึ่งพวกมันเกือบทุกตัวไม่สามารถที่จะใช้เวทมนตร์ได้เลยสักนิด
ก็อบลินที่เป็นต้นแบบของคำดูถูกของแอนนาเองก็เป็นเช่นนั้น
ย้อนไปวันวานที่พวกมันยังเป็นสัตว์อสูรสู้รบ ก็อบลินสามารถใช้เวทมนตร์ที่ทรงอาณุภาพได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากพวกมันถูกยกระดับ พวกมันก็จะกลายเป็นอาวุธที่น่าเกรงกลัวในหมู่พวกสัตว์อสูรทางการทหารระดับสูงเลยทีเดียว และพวกมันยังสามารถทำตามคำสั่งแผนปฏิบัติการได้อย่างมั่นอกมั่นใจ
ถึงแม้จะหายากเอามากๆ แต่ก็มีพวกสัตว์อสูรทางการทหารที่สามารถยิงเวทมนตร์โจมตีระยะไกลได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ระดับของพลังนั้นก็ยังห่างไกลจากเวทมนตร์ที่ถูกใช้โดยทางกองทัพ มันเทียบเท่ากับระดับของเวทมนตร์ต่อสู้ของนักเรียนมัธยมต้นในโลกใบก่อนของผม
สัตว์อสูรเองก็อ่อนแอลงไปมากจนมันไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นอาวุธทางการทหารอีกต่อไป เพราะงั้นถึงจะเป็นแค่โกเลมรักษาความปลอดภัยพื้นๆที่นำลิมิตเตอร์และเซฟการ์ดออกก็มากพอที่จะจัดการกับพวกมันได้แล้ว
เส้นทางของผมปลอดภัยจากเหล่ามอนสเตอร์ต้องขอบคุณเหล่าโกเลมเลย แต่มันก็ยากลำบากนิดหน่อยที่ต้องมาตั้งแคมป์ข้างนอกต่อเนื่อง
ยังคงเดินทางต่อไปในป่าเก่าแก่ที่ไม่เคยมีใครย่างกราย และผมก็ยังโดนแมลงสัตว์กัดต่อยและเหล่าพืชพันธ์และต้นไม้ที่ทำให้ผมผื่นขึ้นเพียงแค่สัมผัส แถมยังมีช่วงที่ผมไม่สามารถจหาที่หลบจากฝนได้อีก — มันค่อนข้างที่จะวุ่นวายเอาการ
ในท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ได้มาถึงยังจุดหมายในเวลาเพียงยี่สิบวันหลังจากที่ออกมาจากเมืองหลวง
ไม่มีมนุษย์คนใดอาศัยอยู่บริเวณรอบๆนี้ ผมจึงยังสามารถใช้งานโกเลมตัวใหญ่ได้เท่าที่ผมต้องการ
แหม ยังไงผมก็เลือกสถานที่ที่ผมจะสามารถใช้โกเลมตัวใหญ่ได้โดยไม่มีใครเห็ฯอยู่แล้วนี่นะ
ผมนำโกเลมที่ผมมีออกมาทั้งหมด และเริ่มเตรียมสิ่งที่จำเป็น และการขุดเจาะก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ช่วยไม่ได้ที่ผมจะส่งสัยว่าทำไมโลกใบก่อนของผมถึงได้ถูกทำลาย
ถ้าหากผมจำไม่ผิด มหาวิทยาลัยเซนต์มาริลินด์สำหรับศึกษาการแพทย์และยาเวทมนตร์นั้นอยู่บนเขาลูกเล็ก ซึ่งต้องขึ้นไปอีกกว่าร้อยเมตรเหนือสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด
ผมจำได้ว่านั่งรถบัสมาจากสถานีเพราะว่าเขาลูกนั้นชันจนเกินไป
มันสูงขึ้นไปมากๆ ผมจึงคิดว่ามันไม่น่าจะถูกฝังอยู่ใต้ดินลึก แต่ก็ผิดคาด แม้แต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังถูกฝังลึกใต้ดินกว่าห้าเมตร
ถ้าอย่างนั้นสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคงจะต้องถูกฝังลึกลงไปอีกกว่าร้อยเมตรแน่ๆ
ความเป็นไปได้ที่ผมพอจะคิดออกคือ [ราชันย์จอมเวท] แห่งดินได้ฝังทั้งประเทศลงไปด้วยเวทมนตร์ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วไหง [ราชันย์จอมเวท] จะต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ?
มันก็เป็นถึงอาณาจักรที่พัฒนาแล้วอย่างมาก และค่อนข้างก้าวหน้าถึงขนาดนั้น มันจะไม่เป็นประโยชน์กว่าเหรอที่จะแค่พิชิตยึดครองและทำให้เป็นประเทศราชแทนที่จะฝังลงใต้ดินแบบนี้
นี่ประเทศของผมไปทำอะไรให้ [ราชันย์จอมเวท] โมโหเข้างั้นเหรอ?
คงจะทำลงไปสินะ
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex
MANGA DISCUSSION