อะไรวะเนี่ย!?
นอกจาก Chivalry แล้วก็ยังมีมังกรด้วยเหรอ!!?
ทัตหน้าซีดเผือดแทบไม่เชื่อสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง ทั้งสองตัวมีขนาดร่วม 4 เมตรเห็นจะได้ นั่นไม่ใช่ขนาดที่จะรับมือพร้อมกันได้แบบหายห่วงเลย
กระนั้นก็ต้องรีบยืนยันความแข็งแกร่งของศัตรูก่อน เพราะถึงเป็น Chivalry กับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ แต่ที่นี่ก็มีหัวหน้าหน่วยเลเวลเฉลี่ย 130 อยู่ถึง 6 คน รวมกับทัตและพิมที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน
ทัตเริ่มใช้สกิล ‘วิเคราะห์’ หวังให้เลเวลของพวกมันน้อยกว่า
ทว่า…
อัศวินทมิฬปรมาจารย์หอก (LV-150)
ประเภท : Chivalry
คลาส: Lancer
ความสามารถทางกาย: 300
ความเชี่ยวชาญคลาส : 300
สกิล: ทักษะจู่โจม (Lancer) , ทักษะตั้งรับ (Lancer) , ศิลปะการป้องกันตัว (Lancer) , เสริมพลังกาย , ซิกส์เซนส์ , ประกาศิตนายบ่าว , จิตล่าสังหาร
เวทมนตร์: –
จุดอ่อน : ???
ราชามังกรเพลิง (LV-140)
ประเภท : Boss
ความสามารถทางกาย: 252
สกิล: ซิกส์เซนส์
เวทมนตร์: ไฟ
จุดอ่อน : เวทมนตร์ธาตุน้ำ ดิน
ล้อเล่นรึไงวะเนี่ย!
ตัวนึงเป็น Chivalry เลเวล 150 ส่วนอีกตัวเป็นบอสเลเวล 140 เลยเหรอ?
แค่ไอ้มังกรเวรนั่นตัวเดียวก็แกร่งกว่าพวกเราทุกคนแล้วนะ!
“อึก!” ทัตกลืนน้ำลาย น่าปวดหัวกับผลลัพธ์
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เจ้าพวกนี้เพียงตัวใดตัวหนึ่งก็มีสเตตัสสูงพอจะกำจัดทุกคนที่นี่ได้แล้ว แต่นี่กลับมีถึงสองตัว
…แล้วเวลาก็ไม่เคยคอยให้พักหายใจเลย
“!!!?”
หอกสองง่ามยักษ์ที่แทงทะลุฝ้าแถมด้ามยังยาวจนถึงผนัง จู่ ๆ ก็เริ่มสั่นไหว มันดึงตัวเองออกพุ่งกลับไปทางเดิม เข้าสู่มือของอัศวินดำขี่มังกรเพลิงที่อยู่เบื้องล่าง
สายตาของทุกคนหันตามลงไปดู จนพบกับข่าวร้ายพร้อมกัน
“โอ๊ย… แต่ละมื้อแต่ละเดย์”
“…ซวยชิบ”
น้ำหวานกับทองที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับทัตมองเห็นมันได้ก่อน เซนกับมาร์คที่รีบวิ่งมาดูเองก็ยิ่งหน้าถอดสีเพราะพวกเขามีสกิล ‘วิเคราะห์’ เหมือนกับทัต
ความทรงจำอันแสนเลวร้ายแล่นเข้ามาในหัวของเหล่าผู้มีพลังแรงค์ 2 พร้อมกัน ความน่าขนลุกครั้งเผชิญหน้ากับมันครั้งแรกยังคงฝังอยู่ในส่วนลึกจิตใจ
…แล้วจะนับประสาอะไรกับคนที่ไม่เคยเจอมาก่อน สมาชิกเซฟเวอร์หลายสิบคนที่กำลังย้ายคนหน้าโรงพยาบาลชั้นหนึ่งเริ่มตื่นตระหนกตัวสั่นไปหมด
ยิ่งกับพวกคนธรรมดาที่ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ พวกเขาถึงกับล้มก้นคะมำไร้เรี่ยวแรงจะยืนด้วยซ้ำ
“นะ นั่นมันอะไรกันน่ะ!”
“ไอ้มังกรนั่นมันจะเข้ามาแล้ว!”
“ยะ อย่าเข้ามานะ!”
เพียงแค่สบดวงตาสีแดงฉานภายใต้หน้ากากเหล็กเข้าก็รู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณ จินตนาการได้แต่ภาพที่ถูกเจ้าอัศวินมันแทงหอกยักษ์จนร่างทะลุ หรือถูกมังกรเพลิงบดขยี้เป็นเศษเนื้อ
อัศวินเกราะเหล็กทมิฬเงื้อหอกไปด้านหลัง กระหายท่าทีหนีล้มกลิ้งของผู้คนราวกับเสพความหวาดกลัวเป็นอาหาร แววตาของมันจ้องไปยังจุดที่มีคนมากที่สุด
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ดวงตาของเจ้ามังกรเพลิงก็เริ่มเปล่งแสง ภายในปากของมันสูบลมก่อเกิดความร้อนไว้ในปากประหนึ่งคาบลูกแก้วไฟ เล็งไปยังจุดเดียวกับที่เจ้าอัศวินมอง
“ยะ อย่าบอกนะว่ามันจะโจมตีมาทางนี้”
“ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตายนะโว้ย!”
ความร้อนระอุแผ่ไปถึงชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล ออร่าสีดำทมิฬของอัศวินเกราะดำยิ่งทำให้ขวัญผวา ทำเอาผู้ที่เกิดการตื่นวิ่งหนีตามคนธรรมดาไปติด ๆ
ฟุ่บ!
หอกสองง่ามยักษ์ถูกเขวี้ยงมาอย่างไร้ความปราณี ไปพร้อมบอลไฟบรรลัยกัลป์ของราชันย์มังกรเพลิง กวาดผิวถนนแยกออกพังเป็นระนาบ
ความกลัวและความสิ้นหวังทำเอาหลายคนหยุดเท้า นั่นไม่ใช่ความเร็วที่จะหนีได้พ้น สู้ยืนรับแล้วตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดคงจะสบายกว่าด้วยซ้ำ
ไม่ยอมหรอก!
ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ทัตกระโดดลงไปสร้างเวทเกราะธาตุดินเป็นกำแพงต้านรับบอลเพลิงยักษ์ไว้
เท่านั้นไม่พอ เขายังสร้างอีกอันขึ้นข้าง ๆ เพื่อป้องกันหอกยักษ์ด้วย
“บ้าน่า!!!?”
แต่หอกยักษ์กลับทะลุผ่านกำแพงดินของทัตไปยังกับหั่นเนย ทัตหน้าซีดเผือกเมื่อหันไปเห็นว่ามีคนมากแค่ไหนอยู่ข้างหลัง
จะพุ่งไปปัดมันทิ้งด้วยอาวุธ Chivalry ก็ทำไม่ได้ เพราะแค่ต้านเจ้าบอลเพลิงยักษ์ไว้นี่ก็เติมกลืนแล้ว
…แต่ทัตก็เพิ่งสัมผัสได้ถึงตัวตนของอีกคนกำลังลงมา
“ไม่ยอมหรอกครับ!”
เซนกระโดดลงมาตามหลังทัตแค่เพียงเสี้ยววินาที เขาเรียกอาวุธประจำกายอันเป็นเหมือนผ้าเหล็กมาคลุมมือขวาเป็นเชือกคาดหมัด แล้วจัดการต่อยเข้าใส่คมหอกยักษ์อย่างไม่ลังเล
“อึก! จะหนักไปไหนเนี่ย” แต่หอกก็ไม่มีท่าทีจะผ่อนแรง เซนรู้สึกเหมือนกำลังต้านอยู่กับรถสิบล้อ
“โอ้ววววววว!!!!”
ซู่ม!!!
เซนใช้สกิลเสริมพลังกายจนออร่าสีทองอาบทั่วร่าง ใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดอัดใส่สวนเข้าไปจนหอกยักษ์กระเด็นออกไปอีกทางได้ในที่สุด
ใช้ได้นี่นา
…งั้นก็เอาบ้างแล้วกัน!
“โอววววว!!!!”
ทัตใช้สกิลเสริมพลังเวทเข้าอีกคน ใช้พลังกายที่มากขึ้นออกแรงผลักบอลเพลิงยักษ์ผ่านกำแพงดิน พร้อมกับพลังเวทที่มากขึ้นเสริมแกร่งกำแพงเข้าไปอีก
“หยุดสิโว้ยยย!!!!”
แค่แรงกายไม่พอจึงยิ่งต้องเค้นแรงใจ ทัตส่งเสียงตะโกนลั่นไปพร้อมกับพละกำลังเกินขีดจำกัด ต้านบอลเพลิงสุดแรงเกิด
ตู้ม!!!
จนสุดท้ายก็เป็นผล ลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่กว่าทัตสองเท่าถูกทลายจนแตกเป็นอากาศธาตุไปสิ้น
เด็กหนุ่มทั้งสองคนลงถึงพื้นพร้อมกัน ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมากจนมองไม่ทัน แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเห็นความกล้าหาญของทั้งสองที่พุ่งเข้ามาเป็นเกราะให้ผู้คนอย่างไม่คิดชีวิต
แผ่นหลังหนึ่งคือผู้ถือความรับผิดชอบว่าตัวเอง ‘แกร่งที่สุด’
อีกหนึ่งคือผู้ถือความรับผิดชอบว่าตัวเองเป็น ‘ผู้นำสูงสุด’
ความรับผิดชอบที่ก้าวล่วงความกลัวนั่น ทำให้ทัตและเซนลงมาเผชิญหน้ากับอัศวินเกราะทมิฬและราชันย์มังกรก่อนหน้าใคร ๆ
“นึกว่าหัวหน้าใหญ่จะเอาแต่คอยสั่งซะอีก” ทัตยิ้มมองเซนเหมือนแขวะแซว แต่แน่นอนว่านั่นเป็นคำชม
“เป็นผู้นำก็ต้องอยู่หน้าคนอื่นสิครับ ไม่เห็นจะแปลก”
เซนยักไหล่ยิ้มกลับ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้นำจะต้องอยู่แนวหน้าสุด
ชัดเจนแล้วว่าจิตวิญญาณของเซฟเวอร์ที่เขาก่อตั้งไม่ได้มาจากไหนเลย นอกจากความมุ่งมั่นและหาญกล้าของเซนเอง
“ไม่เป็นไรใช่ไหมทัต!!!”
“พี่ทัต!”
พิมกับฝ้ายกระโดดลงมาข้าง ๆ ทัตด้วยสีหน้าแตกตื่น ทั้งสองคนรีบกลอกตามองทัตทั้งตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบาดแผล ขณะเดียวกันก็ต้องคอยจับตาเจ้าอัศวินและมังกรอยู่ตลอดด้วย เพราะไม่รู้เลยว่ามันจะจู่โจมอีกครั้งตอนไหน
มาร์ค ทอง น้ำหวานและผู้ติดตามของพวกเขา รวมถึงคริสก็ตามลงมาด้วย
“ท่านเซนปลอดดีใช่ไหมคะ!” คริสรีบวิ่งเข้ามาหาเซนก่อนใคร แต่ก็โดนเขาบังมือไม่ให้มาใกล้กว่านี้
“ฉันไม่เป็นไร คนอื่นล่ะครับ?”
“…ไม่มีใครเป็นอะไรหรอกค่ะ”
คริสตอบพร้อมกับทำแก้มป่องใส่เซน ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เขาสนคนอื่นก่อนตัวเอง
…แต่ทัตที่กำลังเห็นใจเซนก็กำลังจะโดนอย่างเดียวกัน จากพิมและฝ้ายที่เดินมาอยู่หน้าเขา
“ทำอะไรเสี่ยงอีกแล้วนะ”
“เข้าใจอยู่หรอกค่ะว่าจำเป็น แต่เดี๋ยวหนูก็ลงไปแทนอยู่แล้วแท้ ๆ”
“กะ ก็มันช่วยไม่ได้นี่” ทัตแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าเถียงทั้งสองสาวตามเคย
แต่ว่าก็ว่าเถอะ… พวกเธอนี่จะประคบประหงมกันไปหน่อยแล้วไหมเนี่ย?
ทัตยิ้มแหยเมื่อพวกเธอขยับเข้ามาจนเกือบตัวติด ถูกประกบซ้ายขวาจนเข้าใจคำว่าไข่ในหินขึ้นมาทันตา …ถึงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ทัตรู้สึกอบอุ่นก็เถอะ
มาร์คเดินขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับเขาในจังหวะนั้น
“บ้าบิ่นดีเหลือเกินนะ” มาร์คทำเสียงแข็งใส่ทัต ทำเขารู้สึกเหมือนโดนครูคณิตดุ แต่ว่า…
“…ถึงจะน่าชื่นชมก็เถอะ”
“หืม?”
อะไรเนี่ย… ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
โดนมาร์คปิดท้ายคำขมด้วยคำหวาน ทำเอาทัตเผลอคิดไปเลยว่ากำลังฟังผิดคน
อีกคนที่แปลกใจคือทองที่เดินตีคู่มาร์คขึ้นมา
“ไม่ยักรู้ว่าชมคนอื่นเป็นด้วยนะ”
“…แล้วนายเห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย”
มาร์คถอนหายใจ ท่าทางเหมือนกับน้อยใจนั่นทัตเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“โฟกัสกันหน่อยหนุ่ม ๆ มันจะเคลื่อนไหวอีกแล้วนะ!”
“ “ “ “ “!!?” ” ” ” ”
น้ำหวานตะโกนเตือนทุกคน เธอมองเห็นหอกสองง่ามเริ่มขยับจากด้านหลัง ทุกคนเลยจำต้องสลับมองทั้งหอกและเจ้าอัศวินมังกรเพื่อเป็นการไม่ประมาท
หอกสองง่ามที่ถูกเซนต่อยกระเด็นไปเริ่มลอยขึ้นทำให้ทุกคนยึดเท้าเตรียมรับมือ แต่มันแค่ลอยกลับไปเข้ามือของเจ้าอัศวิน
อัศวินดำสะบัดหอกลงราวข่มขู่ สายตาจับจ้องมาทางพวกทัตเหมือนดูท่าที
ต่างกับเจ้ามังกรเพลิงที่กำลังส่งเสียงขู่และย่ำเท้าเหมือนจะเข้ามา แต่คนที่ดึงเชือกยั้งมันไว้คืออัศวินเกราะทมิฬเอง
ไม่เข้ามาแบบบุ่มบ่ามสินะ ยังฉลาดเหมือนเดิมเลยไอ้เวรนี่
ทัตเหงื่อตกกับสติปัญญาของศัตรูอีกครั้ง เจ้าอัศวินดำมันคงรู้แล้วว่าพวกทัตไม่ได้รับมือง่ายเหมือนกับพวกคนธรรมดาหรือผู้มีพลังแรงค์ 1 ที่วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้
แล้วพอพูดถึง… สถานการณ์ของคนกลุ่มนั้นก็น่าเป็นห่วงพอกัน
“คริส ช่วยพาทุกคนอพยพไปจากบริเวณนี้ด้วยนะครับ ทุกคนเลย” เซนรีบสั่งการคริสตอนที่ยังมีโอกาส เธอรีบโค้งให้เบา ๆ ก่อนจะวิ่งไปสมทบกับคนที่หนีไปก่อน
ทองกับมาร์คมองตามแล้วก็เห็นควรทำตาม
“พวกนายก็ด้วย”
“ไปช่วยทุกคนอพยพซะ”
ทองกับมาร์คเลยสั่งลูกน้องของตัวเองที่กระโดดตามลงมาแบบเดียวกัน ทางน้ำหวานเองก็ส่งสัญญาณมือให้ตามคริสไป เหล่าผู้ติดตามของหัวหน้าหน่วยต่างออกไปจากสมรภูมิเดือด
…แต่ที่ทำให้น้ำหวานแปลกใจคือพิมยังยืนอยู่ข้าง ๆ ทัต
ให้ตายสิ… จะรักจะชอบกันขนาดไหนก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถอะน่า
น้ำหวานเริ่มขมวดคิ้ว ทั้งรำคาญแต่ก็สงสาร ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของคนมีความรัก
“เธอน่ะหลีกไปดีกว่า ถ้าตายขึ้นมาทัตจะเป็นของฉันเอานะ” น้ำหวานพ่นคำขู่ซึ่งหน้า ทำพิมคิ้วกระตุก
“…อ๋อเหรอคะ? ถ้าเป็นงั้นฉันจะเป็นผีมาหักคอคุณก่อนเลย”
แต่พิมไม่ได้ครั่นคร้าม ไม่สนใจว่าน้ำหวานหวังดีหรือแค่รำคาญ
เธอเรียกคาตานะสีดำออกมาจากความว่างเปล่า ลวดลายประณีตบนคมดาบและออร่าสีดำทมิฬนี้คือเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเธอ
“วิ๊ว! ใช้ได้นี่นา” น้ำหวานหลุดยิ้มผิวปาก พิมก็ยิ้มเยาะกลับมาเหมือนกับจะบอกว่า ‘เป็นไงล่ะ?’
รวมกับเหล่าหัวหน้าหน่วย กำลังรบจากพิมทำให้มีตัวเลือกมากขึ้นอีก
“มีคำแนะนำไหมหัวหน้า” ทัตเอ่ยถามเซนโดยที่ตายังมองเจ้าอัศวินมังกร นั่นแอบทำเซนอมยิ้มที่ถูกทัตยอมรับ
ถึงจะต้องรีบปรับสีหน้ากลับมาจริงจังก็ตาม
“พวกเราทั้ง 8 คนเป็นสายระยะประชิดทั้งหมด ก่อนอื่นเราจะบุกจู่โจมแบบระมัดระวังเพื่อเก็บข้อมูลว่ามันทำอะไรได้บ้าง ไปพร้อมกับสร้างความเสียหายเท่าที่จำเป็น จากนั้นเราจะรุมสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากในครั้งเดียวเพื่อจัดการมันให้เร็วที่สุดครับ”
“นั่นสินะ”
“คงต้องแบบนั้นแหละ”
ทองกับมาร์คพยักหน้าเห็นด้วย นั่นเป็นแบบแผนที่ดีที่สุดแล้วแม้แต่ในความคิดของทัต
จริงอย่างว่า… พวกเราทั้ง 8 คน เคยสู้กับ Chivalry มาก่อนทั้งนั้น ต้องรู้อยู่แล้วว่าการเคลื่อนไหวของมันซับซ้อนและอ่านทางยากขนาดไหน
เป็นทางเลือกที่ฉลาดถ้าจะปล่อยให้มันทำตามใจอยากก่อน จะได้คุ้นชินกับการเคลื่อนไหวและพยายามหาจังหวะสวนกลับ
พอจังหวะที่มั่นใจว่าปิดฉากได้ ก็ให้ทุกคนใช้เสริมพลังกายกับเสริมพลังเวท แล้วก็เข้าไปรุมเบิร์สดาเมจในครั้งเดียว
ถึงพวกมันจะมากันสองตัว แต่พวกเราก็มีกันตั้ง 8 คน เริ่มจะเห็นทางรอดแล้ว
ว่าแต่… พูดถึง 8 คน
ผู้หญิงที่ชื่อควินน์หายไปไหนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้———
“เปิดก่อนได้เปรียบ วู้ววววว!!!!!”
ควินน์กระโดดเข้ามาในสนามรบแทนการตอบคำถาม กระโดดข้ามหัวทุกคนจากห้องประชุมชั้นบน พุ่งเข้าใส่อัศวินดำกับมังกรเพลิงโดยไม่สนสถานการณ์
แบบนี้… ถ้าไม่เรียกว่าบ้าดีเดือดแล้วจะเรียกว่าอะไร
ก๊าซซซซซซซซซซซซ
มังกรเพลิงคำรามลั่นต่อความบ้าคลั่งของควินน์ ราวกับยอมรับไม่ได้ที่เธอเหยียบย่ำแรงข่มขู่จากมัน
แต่อัศวินดำที่อยู่บนหลังมังกรเพลิงใจเย็นกว่า มันกวาดหอกไปด้านหลังเตรียมจะฟาดคมหอกใส่ควินน์ทันทีที่เธอเข้ามาในระยะ
“อันตราย!”
พิมตะโกนเตือนควินน์ เธอเห็นภาพอนาคตนั่นด้วยความเก่งกาจที่มากขึ้น แต่ว่า…
“ฮิฮิ!”
ควินน์กลับไม่เสียรอยยิ้ม เธอเรียกดาบประจำตัวสีดำสนิทออกมาถือ มันไม่ได้มีคมอยู่เลยทั้งสองด้าน เหมือนเป็นดาบไม้ฝึกที่ทำจากเหล็กดูแปลกตา
ทว่าผู้ใช้นั้นแปลกยิ่งกว่า… ควินน์ลอยเข้าหาเจ้าอัศวินโดยไม่เสียความเร็ว แถมยังเริ่มหมุนตัวเป็นสว่านกลางอากาศแม้คมหอกจะใกล้เข้ามาตัดร่าง
เคร๊ง!
พริบตาที่คมหอกฟาดเข้าใส่เธอก็ใช้ดาบรับไว้ถูกมุม เลยกลายเป็นสร้างแรงหมุนให้เธอพุ่งเข้าหาอัศวินดำแรงและเร็วขึ้นอีก
“ฮะฮ่า!!! ไปตายซร้าาาาา!!!!”
ควินน์พุ่งใส่หัวของเจ้าอัศวินดำที่เพิ่งออกอาวุธไป เธอฟาดดาบใส่หัวมันอย่างจังก่อนที่จะลอยผ่านไปลงพื้น
“อ้าว?”
…แต่รอยแผลและควันที่เกิดจากการโจมตีดันเกิดขึ้นที่แขนของอัศวินดำ ดูเหมือนมันจะยกแขนอีกข้างที่ว่างอยู่มากันไว้ได้ก่อน
“แหม กันไว้ได้ด้วย! สมแล้วล่ะนะตัวเอง”
แต่ควินน์กลับไม่ได้เสียดายแม้แต่น้อย รอยยิ้มของเธอเหมือนพองโตมาจากหัวใจ นึกสนุกแค่ว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรใหม่ ๆ ออกมางัดกับเธอ
เรื่องความเพี้ยนของเธอนั้นเป็นเรื่องนึง แต่จังหวะการจู่โจมเมื่อกี้ยังทำทัตลืมหายใจอยู่เลย
เมื่อกี้หลบกลางอากาศเหรอ? แล้วการเคลื่อนไหวนั่นมันอะไรกัน!?
ไม่สิ! ยัยนั่นไม่ได้ใช้เวทมนตร์ เธอหลบกลางอากาศไม่ได้อยู่แล้ว
หรือว่า… รู้อยู่แล้วว่าจะโดนโจมตีสวน ก็เลยกระโดดโดยส่งแรงหมุนตัวไปแต่แรก จะได้พร้อมหมุนตัวหลบหรือเร่งความเร็วในการหมุนได้ตลอดเวลา?
คิดเรื่องซับซ้อนแบบนี้ไว้แล้วเหรอ? สรุปผู้หญิงคนนี้โง่หรือฉลาดกันแน่เนี่ย
ทัตไม่อยากจะเชื่อ หากเป็นงั้นจริงก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
เพราะถึงเธอจะสุดยอดแค่ไหน แต่เล่นบุกเดี่ยวแบบนี้ทุกคนก็เสียขบวนกันหมด
“เฮ้อ… ให้มันได้อย่างงี้สิ” แม้แต่ทองที่เงียบที่สุดยังต้องถอนหายใจหน่าย เขาเรียกปืนลูกซองแฝดสีดำคู่ใจออกมาพร้อมทำศึก
“ยัยนั่นในสมองมีแต่เรื่องสู้รึไง”
มาร์คเค้นเสียงในลำคอตามทอง เขาดูหงุดหงิดกว่าทุกที
แต่ก็เรียกสนับมือหนามออกมาสวม เดินเข้าหาเจ้าอัศวินไปพร้อมกับทองอย่างไม่มีทางเลือก
“ฮึ่ย! เดี๋ยวสู้จบเมื่อไหร่แม่จะตีก้นให้ยับเลยคอยดู!!!”
น้ำหวานเองก็เรียกมีดสั้นสีดำสนิทออกมาถือในมือ มันเป็นมีดที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับมีดทำครัว หากแต่ด้ามมีดมีลวดสีดำสนิทโยงอยู่ด้วย
น้ำหวานมัดลวดนั้นไว้กับมือขวาแล้วเริ่มเหวี่ยงมีดไปมาเหมือนใช้มีดเป็นลูกตุ้ม
ทัตเห็นแล้วขมวดคิ้วเพราะยังไม่มีแผนที่เข้าที แต่จะไม่เข้าไปช่วยก็ไม่ได้
“ให้ตายสิ… งั้นเราก็ต้องเอาบ้างแล้ว” ทัตเรียกถุงมือเหล็กติดโซ่ของตัวเองออกมาสวม พิมก็ตอบรับด้วยการกำชับคาตานะสีดำในมืออยู่ใกล้ ๆ
“ช่วยไม่ได้สินะ… ถึงเป็นคนบ้า แต่ถ้าปล่อยให้ตายล่ะฝันร้ายชัวร์เลย”
“แต่ยังไงก็ห้ามฝืนนะคะ พวกพี่เพิ่งจะขึ้นแรงค์ 2 กันได้ไม่นานเอง”
ฝ้ายย้ำเตือนทั้งสองคนน้ำเสียงจริงจังกว่าทุกที พร้อมกับเรียกหอกสีดำทมิฬคู่ใจออกมาเคียงคู่ทัต ราวกับเป็นปีกอีกข้างที่พร้อมจะสนับสนุนเขาทุกอย่าง
เซนเหลือบเห็นภาพเหล่านั้น จึงรู้ว่าทุกคนพร้อมเข้าปะทะแล้ว
“ฉันจะเข้าไปก่อน ทุกคนหาช่องเอาเองเลยนะครับ!” เซนให้คำแนะนำทุกคนก่อนจะส่งแรงเท้าเหยียบพื้น เตรียมออกตัว
“ลุยล่ะนะ!”
เสียงตะโกนเลือนหายไปพร้อมกับการถีบพื้นของเจ้าตัว
เซนพุ่งเข้าหาอัศวินดำ ง้างผ้าสีดำอันเป็นอาวุธประจำตัวไปข้างหลังจนปลิวไสวตามลม
อัศวินดำมองเห็นเซนพุ่งเข้าไปใกล้มันมากกว่าควินน์ แววตาดุดันของมันจดจ้องลงมาที่เขาแทน
แต่เซนไม่สนใจเรื่องนั้น เขาวิ่งอ้อมไปด้านข้างเพื่อหลบสายตาของมังกรที่ยังขู่ควินน์อยู่
แล้วฉวยโอกาสใช้ผ้าที่ดูอ่อนไหวแต่กลับทนทานเทียมเหล็กนั่น สะบัดเข้าไปม้วนพันหอกของเจ้าอัศวินแน่นจนใช้การไม่ได้
“จ๊ะเอ๋! ตัวเอง!”
ควินน์กระโดดใส่ด้านหลังของเจ้าอัศวินราวกับสิงโตรอตระครุบเหยื่อตอนเผลอ
ทว่าเจ้าอัศวินดำก็ประสาทไวพอหรือไม่งั้นมันก็ระแวงควินน์อยู่แล้ว มันชักแขนอีกข้างขึ้นแล้วเอี้ยวตัวเตรียมจะหลังแหวนใส่ควินน์ไม่ให้พลาดแบบครั้งที่แล้ว
“?”
แต่แขนข้างนั้นกลับถูกโซ่เข้ามารัดแล้วดึงรั้งไว้ก่อน …มาจากทัตที่อ่านการเคลื่อนไหวของอัศวินดำออกและทำแบบเดียวกับเซน
แขนของมันถูกตรึงไว้ทั้งสองข้าง กลายเป็นเป้านิ่งดี ๆ ให้ควินน์
“อาโช๊ะ!!!!”
ควินน์ฟาดดาบใส่กลางแผ่นหลังของเจ้าอัศวินดำจนเสียงเหล็กดังสนั่น ทำมันตัวกระตุกชะงักเจ็บปวด
เพราะสำหรับ Chivalry แล้ว เกราะเหล็กก็ไม่ต่างจากผิวหนังแท้ ๆ ของมันเลย
โฮรกกกกกกก!!!!
เจ้ามังกรเพลิงคำรามลั่น ความโกรธที่สุมเพราะควินน์เหมือนจะทะลุปรอทจนตามันเปลี่ยนเป็นสีแดง
“เอ้ย!”
ควินน์สัมผัสความคลั่งของมันได้เลยถีบพื้นหนี เจ้ามังกรเพลิงฟาดหางใส่พื้นในจุดที่เธอเคยอยู่อย่างฉิวเฉียด
มังกรเพลิงยังแค้นไม่มีที่ลง มันหันขวับไปเห็นทัตกับเซนที่กำลังยื้อยุดกับเจ้านายบนหลังของมัน
เขี้ยวแหลมคมของมันเผยราวแสยะยิ้มมาทางทั้งสองคน
เวรแล้ว! ถ้ามันเข้ามาตอนนี้ล่ะเสียจังหวะแน่!
ทัตเหงื่อตกรู้สึกถึงอันตรายจนอยากจะปลดโซ่ตรวน แต่ถ้าเจ้าอัศวินกลับมาขยับได้นั่นจะยิ่งอันตรายไปใหญ่
“จับไว้อย่างนั้นแหละ!”
“!!!?”
มาร์คตะโกนจากด้านหลังทำให้ทัตกับเซนไม่ปล่อยมือ เขาถีบพื้นพุ่งทะยานเข้าไปประชิดลำตัวของมังกรเพลิงในชั่วอึดใจ
“โอววววววว!!!!!”
มาร์คออกหมัดขวาอัดใส่กลางลำตัวของมันจนตัวเอียง หนามเหล็กจากสนับมือแทงร่างมังกรจนเกล็ดสีแดงเพลิงของมันร้าว
ก๊าซซซซซซ
ราชันย์มังกรเพลิงร้องเจ็บปวด คำรามเกรี้ยวกราด มันเอี้ยวหัวกลับมาแยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่มาร์คราวกับอสรพิษพุ่งฉกเหยื่อ
“อย่าหวัง”
ปัง!
ทองเข้ามาแทรกกลาง จัดการยิงลูกซองแฝดใส่กลางกบาลของเจ้ามังกรจนมันร้องลั่นอีกรอบ
…เท่านั้นไม่พอ
เอาไปอีก!!!
ทองควงลูกซองแฝด รีโหลดแล้วยิงซ้ำต่ออีกสองนัดทำมันสะบัดเบือนหน้าหนี ดิ้นไปดิ้นมาจนอัศวินดำต้องพยายามทรงตัวบนหลังของมัน
“ใช่ ๆ …เซไปมาแบบนั้นแหละ”
น้ำหวานสังเกตเห็นช่องว่าง เธอกระโดดขึ้นลอยเหนือหัวเจ้าอัศวินไปอีก แต่ในจังหวะที่ลอยผ่านเธอก็สะบัดลวดเข้าคล้องคอของเจ้าอัศวินด้วย
เธอลงไปถึงพื้นใกล้กับควินน์ แล้วดึงรั้งคอมันจนหงายขึ้นฟ้า
“อั๊ยยะ! เหมือนเล่น SM เลย!”
“เงียบแล้วก็โจมตีเข้าไปเถอะน่ายัยโรคจิต!”
น้ำหวานเร่งเร้าอดหงุดหงิดไม่ไหว แต่ไม่ทันจะหันไปตะคอก ควินน์ที่ดูเหมือนติดเล่นก็กระโดดเข้าใส่ด้านหลังของเจ้าอัศวินดำก่อนแล้ว
แถมควินน์ก็ไม่ใช่คนเดียวที่รอโอกาสตอนเหยื่อขยับไม่ได้ …พิมกับฝ้ายกระโดดเข้าใส่ด้านหน้าของเจ้าอัศวินพร้อมกัน
“พี่พิมทำตามใจชอบเลยค่ะ เดี๋ยวหนูตามเอง”
“งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ!”
พิมพุ่งเข้าไปโดยมีฝ้ายลอยตามมาข้าง ๆ พวกเธอกำดาบคาตานะและหอกในมือแน่นเตรียมส่งแรง
ทางควินน์ก็ง้างดาบตัวเองขึ้นเหนือหัว
พริบตานั้นคมหนามก็แทงออกมารอบใบดาบแล้วหมุนเลื่อนด้วยความเร็วสูง เผยรูปลักษณ์แท้จริงของมัน
…กลายเป็นดาบเลื่อยยนตร์
“หม่ำ ๆ กู๊ดบอยยย! แดกให้อิ่ม ๆ เลยนะค้า!”
ควินน์กระโจนใส่ด้านหลัง พิมและฝ้ายกระโจนใส่ด้านหน้า ฟาดอาวุธคู่ใจใส่เจ้าอัศวินดำเต็มข้อทั้งสองทิศทาง
ตู้ม!!!!
โฮรกกกกก!!!!
เจ้าอัศวินดำคำรามลั่น การโจมตีของผู้มีพลังแรงค์ 2 ทำให้มันรู้สึกเหมือนโดนรถสองคันอัดบดจนหลังแอ่น
มันเกรี้ยวโกรธและพยายามดึงต้านทัต เซนและน้ำหวานที่รั้งมันด้วยโซ่ ผ้าเหล็กและลวด
“อึก!”
ทั้งสามคนพยายามดึงรั้งไว้สุดแขน พร้อมกับเหลือบมองควินน์ พิมและฝ้ายให้ลงถึงพื้น
พอพวกเธอถอยออกไปในระยะที่ปลอดภัย เจ้าอัศวินดำก็สะบัดหลุดได้พอดีอย่างฉิวเฉียด
กระนั้น… มันก็ยังไม่ได้พุ่งเข้ามาล้างแค้นเหมือนเดิม
พอทุกคนกลับมารวมตัวกันหน้าตึกโรงพยาบาล สิ่งที่มันทำก็ดันเหมือนเดิมคือจดจ้องพวกทัตอย่างระแวดระวัง
“โคตรฟินเลยอ่ะค่ะ พวกเราอย่างเจ๋ง!” ควินน์พูดไปบิดตัวดีใจใหญ่
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย… เป็นเพราะเธอ พวกเราเลยต้องบุกทั้งที่ยังไม่ได้จัดรูปแบบกันเลย” มาร์คเค้นเสียงหงุดหงิด ไม่ได้สนุกไปกับควินน์ด้วย ทองเลยตบไหล่ปลอบใจ
“น่า ๆ ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้”
“กังวลน้อยกว่านี้ก็ประมาทแล้ว”
มาร์คถอนหายใจ รู้สึกว่ายังไงควินน์ก็หละหลวมเกินไป
“แต่ได้ผลก็ดีแล้วนี่”
แม้ทัตจะคิดอย่างเดียวกับมาร์ค แต่ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นมันก็ไม่ได้แย่เลย
เจ้าราชันย์มังกรยังโกรธจัดทำท่าจะพุ่งคลานเข้ามา เจ้าอัศวินก็ยังดึงไว้เหมือนเดิม
แต่แววตาที่มองมาของมันดูจะหรี่ลงจนเข้ม ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่พวกทัตเล่นงานมันฝ่ายเดียว
แบบนี้… หากไม่เรียกว่าได้เปรียบแล้วจะเรียกว่าอะไร
“ก็จริงแหละ…” มาร์คพยักหน้าเห็นด้วยกับทัต เช่นเดียวกับเซน
“นั่นสินะครับ… การมีจำนวนมากกว่านี่เป็นข้อได้เปรียบจริง ๆ พวกเราชนะแน่ครับ!”
เซนยิ้มเสริมความมั่นใจให้ทุกคน ทำทุกคนผ่อนคลายขึ้น
น้ำหวานเลยมีเวลากลับมาสนใจพิมอีกหน
“เธอเองก็ใช้ได้นี่ ชื่ออะไรเหรอ?”
“…พิม” พิมลังเลนิดหน่อยแต่ก็ตอบไปตามตรง ถ้าไม่นับเรื่องแซว น้ำหวานก็ดูเป็นคนดีอยู่
แล้วก็ได้รอยยิ้มสดใสกลับมาตามคาด
“แหม! ชื่อน่ารักเหมือนฝ้ายเลยน้า แต่นิสัยไม่ยักกะน่ารักเหมือนชื่อเลย”
“หา!? หนอย… คุณนี่จะกวนประสาทไปไหนคะเนี่ย!” พิมกระทืบเท้าแรง หงุดหงิดจนเกือบลืมไปว่ามีศัตรูอยู่ข้างหน้า ฝ้ายเลยต้องดึงแขนพิมไว้ก่อน
“อย่าเลยค่ะพี่พิม เถียงไปก็เหนื่อยเปล่า”
“เอ๋… ใจร้ายจังเลยนะ”
โดนฝ้ายตอบหน้านิ่ง น้ำหวานก็ยิ้มหงอย …แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้สึกอย่างงั้นจริง ๆ หรอก
บรรยากาศของสาว ๆ พลอยทำทัตยิ้มแห้ง แต่ความกังวลจนแน่นหน้าอกก็หายไปเหมือนกัน
ถึงทีแรกพวกเราจะดูเข้ากันไม่ได้จนน่ากังวลก็เถอะ แต่ตอนสู้นี่เข้ากันกว่าที่คิดอีก
คงเพราะประสบการณ์ด้วยที่ทำให้สู้ได้แบบไม่ต้องสื่อสาร แถมปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนยังเร็วพอจะรับมือกับการเคลื่อนไหวที่เดายากของมันด้วย
แบบนี้เราชนะแน่!
ทัตกำหมัดมั่นใจ ขอแค่จู่โจมแบบก่อนหน้านี้ไปเรื่อย ๆ ยังไงชัยชนะก็เป็นเรื่องของเวลา
…แต่หากจะมีอะไรที่ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยน
ก็คงเป็นการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ได้ทำในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่สามารถทำได้ขึ้นมา
พรึ่บ!
“หา?”
“เฮ้ย ๆ”
“นั่นคงไม่ใช่ว่า…”
ทัต มาร์คและทองเหวอไปตาม ๆ กันเมื่อเห็นเจ้าราชันย์มังกรแผ่สยายปีกของตัวเองออกกว้าง
สังหรณ์ไม่ดีทำงานจนขนลุกแลหน้าถอดสีเมื่อมันเริ่มกระพือปีก สร้างแรงลมพัดเข้ามาจนพวกทัตต้องยั้งยืนไม่ให้ตัวเองปลิว
แล้วเจ้ามังกรเพลิงมันก็ลอยสูงขึ้น เสียยิ่งกว่าชั้นบนสุดของโรงพยาบาล
“บะ บินได้เฉยเลย” น้ำหวานเบิกตากว้าง กลืนน้ำลายและใจสั่น
“เกลียดเซนส์ของตัวเองชะมัด” ทองเองก็กัดฟันเสียแน่น ไม่ดีใจเลยกับความหัวไวของตัวเอง
“ทุกคนเตรียมพร้อมครับ! มันจะมาอีท่าไหนก็ไม่รู้!”
เซนตะโกนเตือนทั้งที่เหงื่อผุดเต็มใบหน้า ทุกคนรีบตั้งการ์ดเพราะรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป
ซู่มมมมมม
ลมพายุก่อตัวขึ้นในปากของราชามังกรเหนือเวหาอีกครั้งทำให้พวกทัตขมวดคิ้วแน่น ความร้อนระอุนั่นแผ่ขยายมาถึงจุดที่ทุกคนยืนอยู่เลยทีเดียว
เวรแล้ว ไอ้นี่ดูจะแรงกว่าลูกบอลยักษ์ตอนแรกอีก
มันตั้งใจจะทำอะไรวะเนี่ย?
จะเข้าไปโจมตีขัดจังหวะก็สูงเกินไปอีก บ้าเอ้ย!
ทัตกัดฟันกรอดเพราะไม่มีวิธีหยุดมัน เขาวิ่งขึ้นนำทุกคน รีบสร้างกำแพงดินแบบเดียวกับที่เคยใช้ได้ผลก่อนหน้านี้
…แต่เจ้ามังกรหาได้ชะงักเพราะขาดความมั่นใจไม่
ก๊าซซซซซซซ!!!!
ราชันย์มังกรเพลิงคำรามสนั่นท้องฟ้าสะเทือนปฐพี ยิงลำแสงเพลิงทำลายล้างลงมาเป็นเส้นตรงราวกับเลเซอร์
นี่มันต่างจากครั้งที่แล้ว!
“หลบเร็ว!!!”
ทัตรีบหันกลับไปตะโกนเตือนทุกคน พิมกับฝ้ายรีบพุ่งเข้ากอดทัตพาเขาออกไปจากแนวยิง คนอื่นเองก็กระโดดหลบออกข้าง
เลเซอร์วิ่งตัดกำแพงดินยังกับตัดกระดาษตามที่กลัว แถมยังผ่านไปจนถึงตึกโรงพยาบาลด้านหลังอีก
ตู้ม!!!!!!
“อึก!!!”
เกิดระเบิดขึ้นด้านหลังของทั้งกลุ่มทำทุกคนกระเด็นไปคนละทาง พิมกับฝ้ายที่กอดทัตเลยกระเด็นไปด้วยกันทั้งสามคน
เวรเอ้ย!
ทัตรีบบังคับสายตาตัวเองขึ้นมองศัตรู เพราะกลัวว่าเจ้าอัศวินดำจะโจมตีซ้ำ
แต่สายตาที่มันมองลงมากลับไม่มีเจตนาจะเข้าสู้ กลับกัน… ทัตรู้สึกเหมือนโดนมันดูถูกมากกว่า
“โกหกใช่ไหมเนี่ย”
“อะฮะฮะ…”
เสียงแห้งผากของมาร์คกับน้ำหวานดังมาจากข้างหลัง บังคับทัตเหลือบไปมองตาม
ทำให้เห็นสิ่งที่เหลืออยู่หลังเลเซอร์เพลิงโลกันตร์ตัดผ่าน… คือตึกโรงพยาบาลที่ถูกตัดขาดครึ่ง ราวกับถูกแบ่งเป็นอาคารสองหลัง แถมบ้านเรือนถัดจากนั้นก็ถูกเพลิงเผาสิ้นราวกับนรกบนดิน
ภาพนั้นทำเอาทัตตัวชา รู้สึกเหมือนหัวใจปลิวหายไปถึงไหนต่อไหนกับพลังทำลายล้างของมัน
ล้อเล่นใช่ไหมวะเนี่ย…
พอมีเวลาร่ายนานขึ้น พลังมันมากขนาดนี้เลยเหรอ?
งั้นก็แสดงว่าพวกมัน… ยังไม่ได้เอาจริงสักนิดเลยนี่หว่า!
ทัตหันกลับไปมองราชันย์มังกรและอัศวินดำ แววตาเขาเค้นแค้นที่พวกมันทำเหมือนพวกตนเป็นของเล่น
สวนทางกับเจ้าอัศวินดำ… มันมองพวกทัตที่อยู่เบื้องล่างอย่างเวทนา เฉกเช่นเทพเจ้าที่มองลงมายังผืนดิน
มองมนุษย์น่าอเนจอนาถ ผู้ไม่อาจเอื้อมถึงสรวงสวรรค์
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION