เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ - ตอนที่ 256.1 : เติบโตขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็นะ...เติบโตแบบนั้นแหล่ะ (ตอนต้น)
- Home
- เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ
- ตอนที่ 256.1 : เติบโตขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็นะ...เติบโตแบบนั้นแหล่ะ (ตอนต้น)
กึง กึง กึง ครืดดดดดด กึง
“ มากันครบเลยนะ ”
“ ว่างายยยทุกคนนน เป็นไงบ้างงง? ”
“ อัลฟ่า รายงานตัวค่ะ เอ่ออ…พี่เอเนอาคะ? ”
ประตูเหล็กค่อยๆปลดล็อกออกที่ละชิ้นตามกลไกของมัน ก่อนจะเลื่อนออกด้านข้างเพื่อให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาได้ และคนที่อยู่ข้างนอกนั้นก็คือยูเรย์กับเพนเทและเอเนอากับอัลฟ่า ทั้งสี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆพร้อมกับกล่าวทักทายทุกคนที่นั่งอยู่ด้านใน ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มืดรอบด้านและมีจุดที่สว่างเพียงโต๊ะกลมที่ตั้งอยู่ตรงกลาง โต๊ะนั้นมีเก้าอี้ขนาดใหญ่อยู่ 16 ตัว โดยเก้าอี้พวกนั้นล้วนมีเลขกำกับไว้เหนือหัว เรียงตั้ง 0 ไปถึง 14 เว้นแต่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปอีก
“ ย ย แย่แล้ววอัลฟ่า!! ยากระตุ้นผมจะหมดแล้วว!! ”
ฉึก
ทว่าเอเนอาก็ไม่ได้เข้ามาดีๆสักเท่าไหร่ เพราะเธอพยายามคลำหาอะไรบางอย่างและบางอย่างนั้นก็เหมือนจะเป็นของสำคัญซะด้วย ซึ่งอัลฟ่าพอได้ยินเช่นนั้นก้เข้าใจได้ว่าเอเนอาลืมอะไรและเธอก็หยิบเข็มขนาดใหญ่ราว 1 ไม้บรรทัดออกมาปักเข้าที่หลังของคนที่กำลังลุกลี้ลุกลนอยู่
“ นี้ค่ะ ก็คิดไว้แล้วว่าต้องลืม ”
“ อาาาาห์ อื้อ อ๊ะ อี๊…อื้ออออ ”
เข็มนั้นจุไปด้วยสารเรืองแสงหลายอย่างแล้วมันก็กำลังไหลเข้าไปในร่างของเอเนอา ทำให้เธอได้แต่ยิ้มกับแสดงสีหน้าที่เหมือนกับกำลังมีความสุขเกินกว่าจะอธิบายได้แถมยังส่งเสียงแปลกๆตลอดโดยไม่สนใจคนที่อยู่ในห้องเลย
“ เห้ออออ อย่าทำให้ชั้นหัวร้อนตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มประชุมได้ไหมเอเนอา ”
“ รีบๆเริ่มประชุมเลยได้หรือเปล่า? นี้ต้องไปเช็คพวกพนักงานที่ลาดตระเวนใต้ทะเลอีก ”
เอนนาและดีย์โอะซึ่งเป็นเหมือนพี่ใหญ่สุดของเหล่าเมดก็บ่นๆกันออกมา พร้อมทั้งเหล่าสมาชิกผู้รับใช้นายท่านผู้ยิ่งใหญ่บัดนี้ได้มารวมตัวกันแล้วบนเรือลำดังกล่าว ทุกคนที่เหลือแม้จะได้บ่นก็มองดูเอเนอาด้วยสายตาแปลกๆแต่บางคนก็ไม่ได้จะอะไรแล้วอย่าง เบต้าวันกับเบต้าทูที่นั่งกินขนมจากถุงในมือของอคโต โดยตามปกติจะไม่มีการรวมตัวประชุมบนยานพหนะใดเช่นนี้ เพราะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตายหมดจนทำให้สิ่งที่พวกเธอดูแลหยุดชะงักลง ทว่าคราวนี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กฎประเพณีนั้นจึงต้องจำงดไปก่อน
“ เมื่อมากันครบเช่นนี้แล้ว ดิชั้นขออนุญาตเริ่มการประชุมเลยนะเจ้าคะ ”
ทิเรียที่เห็นว่าทุกคนมากันแล้วก็ลุกขึ้นกล่าวเริ่มการประชุมในทันที ก่อนจะเดินออกไปยืนอยู่ด้านในสุดของห้องประชุมซึ่งอยู่ตรงหน้าเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่ไม่มีโต๊ะใดมาขวางกั้นและมันก็อยู่สูงกว่าเก้าอี้ตัวอื่นๆ มืดมนกว่าตัวอื่น เก้าอี้ที่ไม่มีตัวเลขใดๆ
“ ดิชั้นขอเข้าประเด็นสำคัญเลยนะเจ้าคะ ข้อมูลที่ได้มาจาก…ถาม…สิ่งมีชีวิตที่ถูกตราว่าเป็น จอมมาร เป็นสิ่งที่พวกเรามองข้ามกันไปตั้งแต่ต้นเจ้าค่ะ กองทัพจอมมารนั้นมองจากภายนอกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากตอนบนของทวีปเทอร่า แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย พวกมัน กองทัพจอมมารเป็นสิ่งที่มาจากทวีปที่ถูกทิ้งไว้กลางมหาสมุทรเจ้าค่ะ ”
…
“ ที่ว่าพวกเรามองข้ามไปเพราะแบบนี้สินะ ”
แผนที่ฉายขึ้นกลางห้อง แผนที่ที่มีลูกโลกอยู่ตรงกลางและดาวเทียมจำนวนมากวนอยู่รอบๆ โดยดาวเทียมพวกนั้นก็จะมีการฉายวงไฟที่แสดงให้เห็นว่าพวกมันสามารถมองเห็นได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามดาวเทียมส่วนใหญ่ก็อยู่เหนือทวีปต่างๆกับทะเลที่กองเรือใช้เดินเรือไปมา ซึ่งทิเรียก็ได้ขยายต่อว่า
“ พวกเราต่างไม่มีใครคิดมาก่อนว่ากลางมหาสมุทรนั้นจะมีทวีปอยู่ด้วย นั้นทำให้ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้มีการส่งดาวเทียมไปสำรวจเลยเจ้าค่ะ เพราะมันจะเป็นการเปลืองเวลากับทรัพยากรในการทำแผนที่ทั้งยังเป็นการเสียการมองเห็นบนทวีปอื่นไปด้วย แต่ตอนนี้นั้นไม่ใช่อีกต่อไปเจ้าค่ะ ”
บนลูกโลกนั้นดาวเทียมจำนวน 4 ดวง ได้ลอยเหนือที่หมายพร้อมกับฉายแสงไฟการมองเห็นของมันครอบคลุมทวีปสุดท้ายที่พึ่งได้มีการค้นพบ ขยายภาพให้ทุกคนได้เห็น
“ กองทัพจอมมารที่ทุกคนทุกทวีปเข้าใจว่าเป็นตัวตนของปีศาจร้าย เป็นศัตรูของคนทั้งโลกนั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดเพื่อจะทำการยึดทวีปให้มากพอสำหรับการมาของกลุ่มที่ใหญ่กว่าเจ้าค่ะ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผู้ตามหา ”
จากลูกโลกเปลี่ยนเป็นแผนที่ 2 มิติที่แสดงให้เห็นดินแดนบนทวีปนั้นที่เรียกได้ว่าเน่าเฟะเกินกว่าจะมีการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตได้ พื้นดินเต็มไปด้วยโคลนกับหนองน้ำพิษ ภูเขาไร้ซึ่งต้นไม้มีเพียงเศษซากของก้อนหิน เหนือผืนดินก็มีแต่มอนสเตอร์ขนาดใหญ่กับสัตว์ร้ายมากมายเดินกันไปเดินกันมาราวกับเป็นสัตว์ธรรมดาตามป่าเขา
“ ในขณะที่นายท่านพยายามสร้างสวรรค์… แต่ที่นั้นคือตรงข้ามกันเลยสินะ ”
“ นั้นสิเคนโทร สภาพแบบนั้นถ้าพวกเราไปอยู่ก็คงลำบากเอาเรื่องเลย ”
“ ดูจากภาพเฉยๆ ยังไม่อยากไปเลย ”
ทุกคนที่ได้เห็นก็ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่านั้นเป็นอะไรที่เกินกว่าจะอยู่อย่างสบายๆได้ อย่างไรก็ดีในหลายๆพื้นที่ก็มีเมืองตั้งอยู่ ไม่ ต้องเรียกว่าปราการเสียมากกว่า ปราการขนาดใหญ่ที่มีกำแพงเหล็กล้อมรอบและด้านในก็มีดินแดนที่อาจจะเรียกได้ว่า “ ปลอดภัยกว่า ” หากเทียบกับด้านนอก บ้านเมืองทำจากหินผสมอิฐ ถนนที่ปูด้วยแผ่นไม้และกรวดหยาบๆ ทุ่งไร่ที่ปลูกผักมากมายที่กำลังฆ่ากันอย่างกับมอนสเตอร์ในขณะที่เด็กๆเองก็กำลังดูพวกมันอย่างสนุกสนาน ประชาชนที่เดินไปมาพอเจอมอนสเตอร์ก็รุมกันซัดราวกับกำลังระบายอารมณ์ ทว่าทุกคนนั้นเหมือนกันคือ…แปลก
“ โดยภาพจากดาวเทียมทั้งหมด รวมไปถึงการส่งเครื่องบินสอดแนมเข้าไปตรวจสอบพบว่าพื้นฐานผู้คนบนทวีปนั้น ล้วนแล้วแต่วิวัฒณาการไปในรูปแบบที่แปลกเกินกว่าจะเข้าใจได้หากไม่ได้เอาตรวจสอบอย่างละเอียดเจ้าค่ะ รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ แต่ว่ารายละเอียดปลีกย่อยอย่างหูที่ยาวกว่าเล็กน้อย หรือพละกำลังที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ สิ่งเหล่านี้เป็นภัยอันตรายต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่งหากต้องบุกขึ้นฝั่งไปเจ้าค่ะ ”
“ ก็นั้นสินะ อยู่กันในที่แบบนั้นไม่พัฒนาก็ตาย ”
“ ยังไงก็เถอะเอนนา? ถ้าต้องบุกจะต้องทำยังไงล่ะ? ทางน้ำชั้นเองก็คุมไหวนะ แต่บนบกนี้… ”
“ อืม เกินไปเลยละ สภาพภูมิประเทศเอย การคิดถึงเรื่องกำลังพลต้องพักอีก เห้ออ ”
ภาพนี้มันทำให้เห็นได้ว่าที่นั้น มันเป็นดินแดนที่บิดเบี้ยว ดินแดนที่ไม่เหมาะจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย การจะตายนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและการอยู่รอดได้ก็คงเป็นการพิสูจน์ตัวเองรูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งพอทุกคนได้รับทราบถึงสถานที่ที่เป้าหมายอยู่ก็เป็นเหตุให้วนกลับมาเรื่องสำคัญนั้นคือ…
“ อย่างไรก็ตามนะเจ้าคะท่านพี่เอนนา ท่านพี่ดีย์โอะ วันนี้เรื่องพวกนั้นอาจจะต้องเอาไว้คิดหลังจากที่พวกเราออกเสียงเลือกกันว่าจะทำอย่างไรต่อ ระหว่างหนึ่งล่าคนที่ทำแบบนี้มาเพื่อลงโทษในสิ่งที่มันได้ทำ กับสองหาทางพานายท่านกลับมาจากการหลับไหลนี้เจ้าค่ะ ”
ทิเรียที่ได้ฟังผู้บังคับบัญชาการรบทั้งบนบกและในน้ำ ก็ได้พูดขึ้นมาเพื่อให้ทั้งสองแรงไว้คิดเรื่องบุกหรือการไปยังดินแดนนั้นเอาไว้ก่อน พร้อมกับหันไปมองทุกคนแล้วพูดถึงสิ่งที่เธอต้องการให้ทุกคนตัดสินใจ มันเป็นการกำหนดเป้าหมายหลักที่จะนำไปสู่การวางแผนการณ์ในอนาคต ซึ่งนี้มันเป็นจุดสำคัญเธอไม่คิดจะตัดสินใจเองเด็ดขาด
“ ขออนุญาตนะคะ ดิชั้นเห็นว่าตอนนี้สิ่งที่นายท่านได้สร้างเอาไว้กำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่าจะเมืองกับกลุ่มองค์กรที่ต้องการการบริหารอย่างการกำหนดเป้าหมายหลักโดยตัวนายท่านเพื่อตัวนายท่าน และที่สำคัญในด้านการรบ การที่พวกเราจะบุกไปที่ทวีปดังกล่าวตรงๆเลยมีแต่จะเสี่ยงเพราะศัตรูที่ทรงพลังขนาดตอนที่มันบุกมายังทวีปของเราคนเดียว พวกเรายังไม่สามารถจะล้มมันได้ง่ายๆเลย นี้เป็นดินแดนที่ส่งมันมาการขาดกำลังของนายท่านไปเป็นเรื่องที่เสี่ยงจนเหมือนการเข้าไปตาย และแบบนั้นก็จะเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง “ห้ามตาย” ของนายท่านอีกด้วยค่ะ ”
“ อย่างที่อคโตว่ามา เค้าเห็นด้วยนะ ต่อให้เอาหน่วยทหารเกราะไปก็ไม่รู้ว่าจะต้านไหวหรือเปล่า สภาพพื้นที่มีแต่โคลนแบบนั้น แถมถ้าเราไปแล้วเกิดอาการของนายท่านแย่ลงอีกล่ะ? ”
“ นั้นสินะ พอมาคิดๆดูแล้วเอปต้าเองก็พูดถูก อาการของนายท่านสำคัญกว่าเยอะ สำคัญกว่าชีวิตของไอคนที่ลงมืออีก ดังนั้นยังไงก็ต้องช่วยนายท่านก่อน ”
อคโตเริ่มเสนอขึ้นมา ตามด้วยความเห็นของไอดอลอย่างเอปต้าและตัวเพนเทที่นั่งเงียบๆมาสักพัก ซึ่งทุกคนเองก็ต่างแสดงสีหน้าออกมาเป็นทำนองเดียวกันว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่อคโตพูด แม้แต่ยูเรย์เองก็ไม่ค้านขึ้นมาเลยสักนิดเดียวนั้นทำให้ข้อสรุปนี้จบลงอย่างไม่ยาก ขนาดที่ทิเรียเองก็ประหลาดใจจนเธอนั้นมองไปยังยูเรย์ ผู้เป็นดั่งพี่สาวของเธอคนหนึ่ง เธอ
ความรู้สึกนั้นคือ พี่สาวคนนี้ของเธอเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ที่หากเกิดเรื่องแบบนี้คงหายตัวไปแล้วลงมือจัดการตามล่าแบบไม่สนความเห็นใครแล้วแน่ๆ ทว่าตอนนี้เธอกลับร่วมประชุมแล้วก็รับฟังคำพูดของคนอื่นนอกจากนายท่าน มันทำให้เห็นได้ว่า ยูเรย์นั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้างแล้วจากเด็กสาวที่ติดพี่ชายและมักจะยึดการตัดสินใจของตนเองมาเป็นผู้หญิงที่รับฟังและตัดสินใจไปบนความเป็นเหตุเป็นผล
“ ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทุกคนเห็นต้องกันว่าพวกเราควรจะช่วยนายท่านก่อนนะเจ้าค่ะ ดังนั้น…เทเสล่าพอจะจัดการหาทางได้หรือเปล่าเจ้าคะ? ”
อย่างไรก็ตามเมื่อได้แนวทางว่าจะทำอะไร ทิเรียก็ได้ถามถึงประเด็นถัดไปพร้อมมองไปยังผู้ที่จะต้องให้คำตอบ เทเสล่า ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะถามเทเสล่าเพราะเธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่จะรู้คำตอบของการหาทางเอามีดที่ปักออกมาได้ไวที่สุด เธอคือผู้มีสติปัญญาด้านเวทย์มนต์กับวัตถุเสริมเวทย์ในระดับสูงแต่กลับเอาไปใช้ในทางที่ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเทเสล่าจึงถูกทุกคนจ้องแบบนั้นก็ส่ายหน้าในทันที
“ เดี๋ยววว ไหงมองกันมาแบบนี้ล่ะ!! งื้ออออ ก็ได้ ก็ได้ งั้นขอพูดเลยนะว่าชั้นน่ะทำแบบนั้นได้ด้วยตัวเองซะที่ไหนล่ะ!! มีดนั้นมันของอันตรายสุดๆเลยนะ จะทำเป็นดึงออกมาด้วยตัวคนเดียวล่ะก็ ไม่ไหว ไม่ไหว!! ก็เคยบอกไปในข้อมูลก่อนประชุมแล้วไม่ใช่อ๋อ!! หรือว่า?!? ไม่ได้อ่านกันน่ะ หาาาา!! ”
ใช่ ก่อนหน้าประชุมเทเสล่าได้ส่งเอกสารไปหาทุกคนถึงข้อมูลของมีดเล่มนั้น มันเป็นมีดที่ถ้าแทงไปแล้วและอักขระเวทย์ก็เริ่มกระจายเข้าออกกับร่างของนายท่าน การจะเอาออกเลยมีแต่จะเสี่ยงทำให้เขาตายจากการที่มีดนั้นถูกดึงออกในทันที มันจะเข้าใจว่าตัวเองโดนแยกออกจากเป้าหมายและลงมือทำลายกระแสมานาอย่างพินาศสมบูรณ์จนเป็นการเริ่มของการรั่วไหลมานาออกมาอย่างต่อเนื่อง และยิ่งเป็นนายท่านนี้แหล่ะ ยิ่งยากเพราะมานาของเขามันล้นจนดึงออกเลยเมื่อไหร่คงโลกครึ่งใบได้หายไปแน่ๆ อย่างไรก็ตามดูเหมือนผู้มาประชุมจะมีไม่กี่คนที่ได้อ่านเอกสารนั้นเพราะส่วนใหญ่ก็นั่งมึนสงสัยในสิ่งที่เทเสล่าพูด
“ ดิชั้นได้อ่านแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าอย่างที่เทเสล่าได้บอกมา ถ้าเป็นคนเดียวเหมือนจะทำไม่ได้แต่ถ้ามีคนอื่นมาช่วยแล้วพอจะทำได้สินะเจ้าคะ? ”
แต่ทั้งนี้ทิเรียที่ฟังกับอ่านเอกสารมาอย่างระเอียด เธอก็มองเห็นจุดบางอย่างที่พอจะนำมาใช้ได้ เพราะอย่างที่เทเสล่าบอกเธอทำมันคนเดียวไม่ได้ แต่ทิเรียคิดว่าถ้าช่วยกันมันก็อาจเป็นไปได้ ตามทฤษฎีที่ทิเรียได้ไปลองทบทวนมาการใช้เพียงเวทย์มนต์กับสกิลเพื่อเอามันออกเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว แต่ถ้าเป็นการแพทย์และวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยล่ะ นั้นคือสิ่งที่เธออยากจะรู้
“ อ่า… จริงด้วย นั้นสินะ? นั้นสิ? อืมมมม โอะ!! ใช่ๆ วิธีที่ถ้าช่วยกันก็จะประมาณนี้ ”
“ พึ่งจะคิดได้สินะเจ้าคะ ”
เทเสล่าพอถูกถามเข้าไปแบบนั้น ในหัวก็หมือนจะแล่นขึ้นมาทันทีจนสามารถคิดหาวิธีขึ้นมาได้ แล้วนั้นก็ทำให้เธอได้วาดมันลงกระดาษที่หยิบออกมาให้ทุกคนในห้องได้ดูตามพร้อมกับอธิบายภาพของแขนกลกำลังแหวกหน้าอกของนายท่านไปพร้อมกับพยายามแซะเนื้อรอบๆมีดออก ส่วนทิเรียเองพอเห็นท่าทีเช่นนี้ก็รู้ได้เลยว่าถึงเทเสล่าจะฉลาดขนาดไหนแต่เธอก็มีปัญหาด้านการคิดเพิ่มเติมจริงๆ
“ เอาล่ะ!! มีดนี้น่ะนะ มันจะทำการหยุดการไหลเวียนของมานาและดึงมานารอบๆเข้าไปใช้ในการทำงานของมัน ดังนั้นการดึงออกได้จำเป็นต้องระวังเรื่องของมานาเป็นหลักแต่ก็ต้องไม่ลืมว่าต้องแยกมันออกมาให้ ขั้นแรกจึงเป็นการแยกการสัมผัสระหว่างมีดกับตัวของนายท่านก่อนเลย โดยปกติจะทำได้ยากเพราะแค่คนธรรมดาเข้าใกล้มันขนาดสัมผัสก็ศูนย์เสียมานาไปได้อย่างรวดเร็วถึงตายได้ แต่กับพวกเราที่มี-วิทยาศาสตร์กับการแพทย์-ก็จะไม่ต้องกลัวอะไรมาก นั้นทำให้ขั้นแรกจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ของฝ่ายพัฒนาอย่างมือกลมาผ่าตัดแยกมีดกับร่างของนายท่านให้มีความห่างไม่เกินกว่าตามที่คิดก็ 0.008 เซนติเมตร เพื่อให้มีดยังได้รับมานาจากนายท่านไม่ต่างจากเดิม อืม…ตรงนี้ต้องพึ่งเอเนอากับอัลฟ่าที่เป็นหมอแหล่ะ ”
“ ได้เลยฮะ! การผ่าตัดแบบนี้มั่นใจในตัวผมได้เลย! ”
“ เข้าใจแล้วค่ะท่านพี่เทเสล่า ต้องห้ามเกิน 0.008 เซนติเมตรสินะคะ อืมม คงต้องขอซ้อมมือสักพักแล้วล่ะค่ะแล้วก็ท่านพี่เอเนอา ไอที่บอกว่ามั่นใจในตัวท่านพี่เองเนี่ย? พี่เคยผ่าตัดที่ใช้ความละเอียดขนาดนี้ด้วยเหรอคะ? เห็นปกติเทยาเอาตลอดเลยไม่ใช่เหรอคะ? ”
เธอวาดต่อ ภาพของการใช้แผ่นโลหะต่อท่อบางอย่างแทรกลงไปรอบๆมีดนั้นก่อนจะเลื่อนตัวมีดขึ้นอย่างช้าๆมาเก็บในหลอดแก้วที่มีการต่อสายระโยงระยางมากมาย เทเสล่าอธิบายต่อเพิ่มเติมโดยสายตาจ้องไปที่เอ็กซิกับเดคกะที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อเพราะพวกเธอกำลังจะได้รับหน้าที่สำคัญสุดๆ
“ นี้จะเป็นขั้นตอนถัดไปที่สำคัญมากๆ มากจนห้ามพลาดเด็ดขาด มันคือการหลอกให้มีดเชื่อว่ามานายังถูกส่งเข้ามาอยู่แล้วจะไม่ทำการปลดสลักมานาหรือทำให้กระแสมานาของตัวนายท่านเกิดการรั่วไหล โดยวิธีการก็คือค่อยๆเลื่อนมีดขึ้นพร้อมกับใช้แผ่นโลหะมาทำหน้าที่ส่งมานาแทน การส่งมานานี้ต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเมื่อมันสำเร็จจนดึงมีดออกมาได้เกือบถึงระดับหน้าอก จะเป็นการทำในสิ่งสุดท้ายของขั้นตอนนี้คือการเอามีดเข้าไปในหลอดแก้วแล้วเทมานาสกัดเข้าไปเรื่อยๆเพื่อเลี้ยงมัน ก่อนจะนำไปสู่ขั้นสุดท้ายนั้นคือการเอามันไปทิ้งให้ไกลที่สุด ของพวกนี้ทั้งสองคน เอ็กซิ เดคกะ ต้องคิดแล้วสร้างอุปกรณ์เพื่อการนี้ออกมาล่ะ ”
“ อ โอ้!! เข้าใจแล้ว! ไว้ใจพวกเราได้เลย!! ”
“ อื้ออ!! แต่ว่ามานาสินะ ขอเวลาสักหน่อยแล้วกัน! ”
“ เช่นนี้นอกจากอุปกรณ์ทั้งหลายดูเหมือนจะต้องหาสถานที่ไว้เพื่อด้วยแล้วสินะเจ้าคะเทเสล่า ”
“ อ อ่า…จริงด้วย เพราะตามที่คิดนะหลังจากดึงมีดออกมาแล้วเชื่อมมานาก็ต้องรีบเอาไปทิ้ง แต่ถ้าเคลื่อนไหวเร็วไปก็จะเกิดการเร่งการดูดมานาอีก ฮ่าห์ แย่เลยแหะ งั้นก็ฝากหาที่ด้วยนะทิเรีย ”
“ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ”
ทุกคนนั้นพอได้ยินแผนก็พอเข้าใจแล้วว่าจะต้องทำยังไง และรู้เลยว่าสิ่งแรกที่ต้องทำนอกจากการเริ่มผ่าตัดเอามีดออกคือการหาสถานที่ที่จะทำ ซึ่งสถานที่ที่ว่าก็ควรจะอยู่ใกล้กับดินแดนของกลุ่มผี บ้านหลังเดียวที่นายท่านสร้างขึ้นมานั้นคือยูโทเปียที่นั้นจะเป็นสถานที่ก่อสร้างห้องผ่าตัดสำหรับนายท่านได้ก็จริงแต่การจะระเบิดมานาที่นั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเลยสักนิด ดังนั้นทิเรียจึงได้แทรกขึ้นมาเช่นนั้นก่อนจะเปิดแผนที่ดูสถานที่ที่เหมาะสม
“ ถ้างั้นทิเรีย เรื่องของนายท่านพวกเธอที่ใช้สมองก็รับผิดชอบไปเลยนะ ส่วนพวกเราที่เป็นสายรบก็ขอตัวไปจัดการกับศัตรูที่เหลือก่อนก็แล้วกัน อ๋อมีการติดต่อมาจากโซลิทานกับเนิลเกลด้วยคงจะจบไวอยู่ล่ะ ”
“ เจ้าค่ะท่านพี่เอนนา อย่างไรก็ตามหากมีการเรียกรวมตัวอีกก็ขอให้ท่านพี่มากันด้วยนะเจ้าคะ ”
เอเนอาในฐานะผู้บังคับบัญชาการรบจึงได้เสนอต่อทิเรียฝ่ายวางแผนว่า เธอจะพาเมดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดไปทำการบุกยึดพื้นที่ของกองทัพจอมมารต่อ โดยคราวนี้โซลิทานจะเข้าสนับสนุนจากทิศตะวันตกและยังได้คนจากทวีปเนิลเกลมาช่วยด้วย ซึ่งคนที่ถูกเลือกไปก็จะมีแต่ฝ่ายทหารอย่างเอเนอา ดีย์โอะ เพนเท เอปต้า อคโต เบต้าวัน เบต้าทู และ ชาลี
“ ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะกว่าจะถึงตอนนั้นชั้นก็คงได้ไปนั่งเล่นรอเรียกประชุมตามปกตินั้นแหล่ะ เอ้า!! ไปกันได้แล้ว … เพนเท เธอก็ด้วย!! ”
“ เหหห!! แต่เค้าเป็นนักฆ่านะไม่ใช่นักรบซะหน่อยยยย อ๊าาา!! อย่าดึงๆ!! ”
ทว่าในตอนที่กำลังจะออกไปนั้น เพนเทก็ไม่ได้ลุกเดินตามแต่อย่างใดเพราะเธอเป็นนักฆ่าไม่ใช่นักรบอย่างที่บอก งานของเธอส่วนใหญ่จะอยู่กับฝ่ายบริหารอย่างทิเรียไม่ก็ยูเรย์ ทว่าข้ออ้างนั้นก็ไม่ได้ผลและสุดท้ายก็โดนดีย์โอะเดินเข้ามาลากคอออกไป
“ ถ้างั้นก็แยกย้ายเนอะ ทิเรียเดี๋ยวไปกับชั้นส่วนที่เหลือก็ตามงานของตนเองเลย ”
และนั้นก็ทำให้การประชุมจบลงด้วยคำพูดไล่ของยูเรย์แล้วสิ่งที่คุยกันไว้ก็ได้เริ่มขึ้น ยูเรย์เดินไปกับเพนเทเพื่อจะทำการติดต่อกลับไปยังฐานที่อยู่บนยูโทเปียเพื่อแจ้งคำสั่ง การเตรียมการสร้างศูนย์รองรับการผ่าตัดนายท่านของพวกเธอ เอ็กซิเดคกะก็แยกย้ายไปยังห้องของตนเองแล้วลงมือวาดแบบกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยอัลฟ่ากับเอเนอาก็กลับไปห้องวิจัยของตนก่อนจะลงมือสแกนร่างของนายท่านเพื่อวางแผนผ่าตัดต่อไป ในระหว่างนั้นเอเนอาก็ได้นำทีมเมดฝ่ายทหารออกลงจากเรือเพื่อกลับไปยังแนวหน้าแล้วจัดการกับศัตรูที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยเมื่อพวกเธอก้าวเท้าลงจากเรือไปแล้ว เรือบรรทุกเครื่องบินก็เริ่มดึงสมอขึ้นทันทีแล้วถอยออกจากอ่าวไปพร้อมกับเรือลาดตระเวนจำนวนหนึ่งเพื่อเดินทางกลับไปยังยูโทเปีย
……
…