ตอนที่71 ตั้งแต่วันนี้ไปคือ ชิฮัน
*(TLnote: 師範 “ชิฮัน” อาจารย์ ที่ออกไปในแนว ครูฝึก)
ทันไดนั้นดาบสั้นของรูดี้ก็พุ่งเข้าหาคาร์ล
คาร์ลรู้ตัวว่าเขาจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่เล็งไปที่ช่องโหว่ที่ต่างไปจากเมื่อสามวันก่อนนั้นได้ทัน จึงถีบเข้าที่ลำตัวของรูดี้ก่อนที่เขาจะโดนฟันเข้าเต็มๆ ซึ่งมันทำให้รูดี้กระเด็นออกไป
“แย่ละสิ เผลอใส่แรงเยอะไปหน่อย!”
คาร์ลพยายามจะขอโทษแต่รูดี้กลับไม่เป็นอะไรแม้จะโดนเตะเข้าเต็มๆ เขาเพียงแต่ปัดฝุ่นออกแล้วยกดาบขึ้นมาตั้งท่าอีกครั้ง
“…..เอาละ มาหยุดกันไว้แต่นี้ก่อน”
“จะพักแล้วเหรอเดส?”
พอได้ยินคาร์ลบอกให้หยุด รูดี้ก็ลดดาบลงแล้วพักหายใจ
“ในช่วงสามวันที่ผ่านมานี่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างแปลกๆนะ”
คาร์ลพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อะไรเหรอเดส?”
“มันก็จริงที่ว่ารูดี้คุงมีพรสวรรค์ ข้ารู้ได้ทันทีตั้งแต่ที่เราเริ่มฝึกกัน แต่ความเร็วในการพัฒนาที่หลุดโลกแบบนั้นมันยังล่ะนั่น?”
พอคาร์ลถามมาแบบนั้น รูดี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
เพราะไอ้ที่เขาเรียกว่าพรสวรรค์นั้นจริงๆแล้วมันเป็นแค่เพียงเพราะเขาอัพเดทข้อมูลชองโปรแกรมการต่อสู้ที่เขาติดตั้งไว้ในสมองอิเลคทรอนิกส์ของเขาเท่านั้น
ความสามารถทางกายภาพของเขาเองก็พุ่งสูงขึ้นเพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนต่อต้านมานาที่เขาฉีดไป เลยทำให้เขาอยู่ในสถานะเหมือนใช้ยากระตุ้นอยู่
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรหลังจากถูกเตะไปเมื่อครู่ก็เป็นเพราะชุดกันกระสุนที่เขาสวมอยู่ซึ่งมันทำมาจากวัสดุที่ไม่มีบนดาวดวงนี้
ซึ่งเรื่องทั้งหมดนั้น นอกจากนาโอมิแล้วมันถือเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ รูดี้จึงตีหน้าตายแล้วพูดออกมา
“มันเป็นคุณสมบัติเดส”
“….ไอ้นั่นมันเป็นประโยคสุดฮิตในบ้านหลังนี้หรือไงน่ะ?”
คาร์ลยิ้มแห้งๆออกมาเมื่อเห็นรูดี้เลียนแบบโซลาริส
และหลังจากที่พวกเขาพักกันอยู่ครู่หนึ่ง คาร์ลก็ยกระดับการฝึกขึ้นไปอีกขั้น
“เอาล่ะ ข้าได้สอนพื้นฐานวิชาดาบไปแล้ว คราวนี้เราจะมาฝึกเรื่องพื้นฐานการต่อสู้กัน”
“หลักการในการต่อสู้เหรอเดส?”
“ตามนั้นแหละ มันไม่ใช่ว่าทุกๆคนที่มาท้าสู้กับเธอจะเข้ามาสู้ตรงๆในระยะประชิดหรอกนะ บางทีเธออาจจะต้องสู้กับคนที่ใช้เวทมนต์ด้วย”
“ไอ้ที่มันเหมือนกับชิโขวเหรอเดส?”
พอถามแบบนั้นคาร์ลก็ส่ายหัวปฏิเสธ
“รูดี้คุง ถ้าวันที่ต้องสู้กับนาราคุมาถึงละก็ จงรีบหนีเอาตัวรอดให้สุดกำลังซะ อย่าไปเสียเวลาสู้เลย มันเป็นแค่การฆ่าตัวตายเท่านั้นแหละ”
“ชิโขวนี่สุดยอดไปเลยเดส”
รูดี้คึกขึ้นมาเมื่อได้ยินคำแนะนำของคาร์ล ด้วยเหตุผลบางอย่างค่าความชื่นชอบต่อนาโอมินั้นพุ่งสูงขึ้น
“เอาล่ะ กลับมาเข้าเรื่องกัน แม้ว่านักดาบนั้น จะแข็งแกร่งเมื่อสู้ในระยะประชิด แต่พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยถ้าถูกโจมตีโดยเวทมนต์จากระยะไกล เพราะอย่างนั้นเราเลยจำเป็นต้องมีความต้านทานเวทย์ด้วย”
“ฟุมุฟุมุเดส”
“พวกจอมเวท หรือแม้แต่สัตย์เวทย์เองก็สามารถให้เวทมนต์ได้หลากหลาย ถึงโดยทั่วไปแล้วมันจะแค่ยิงเวทย์ใส่ตรงๆ แต่บางครั้งมันมีทั้งเวทย์ที่ทำให้เป้าหมายหลับ,เป็นอัมพาต หรือเทำให้ตาบอดได้ด้วย”
“แดนอันธการของชิโชวเนี่ยแข็งแกร่งที่สุดเลยเดส”
“ไอ้นั่นน่ะแม้แต่ข้าเองก็ต้านไม่ไหวหรอก ฟังให้ดีนะรูดี้คุง เธอเอานาราคุไปเหมารวมกับจอมเวทย์ทั่วไปไม่ได้หรอก แค่ตัวตนของนางเองก็ถือว่าเป็นภัยพิบัติแล้ว”
“คาร์ล ฉันได้ยินนะยะ!”
นาโอมิส่งเสียงโวยวายมาจากจุดที่เธอนั่งดูพวกเขา
“ข้าก็ไม่ได้โกหกสักหน่อยนี่!”
แทนที่จะขอโทษคาร์ลดันแสดงอาการต่อต้านด้วยการโวยกลับไป นาโอมิก็ยักไหลให้ในขณะที่นีน่าหัวเราะคิดคักอยู่ข้างๆเธอ
“ถึงจะโดนขัดจังหวะไปหน่อยแต่เมื่อกี้เราพูถึงเรื่องความต้านทานเวทย์กันอยู่สินะ เอาเป็นว่าข้าจะเสดงให้ดูก่อนแล้วค่อยอธิบายต่อละกัน”
พอว่าแบบนั้นคาร์ลก็เริ่มร่ายเวทย์ แล้วในเวลาต่อมาร่างกายของเขาก็เริ่มเรืองแสง
“นี่คือคาถาเพิ่มความต้านทานเวทมนต์ มันถูกจัดอยู่ในกุ่มของเวทย์ปิศาจ ยิ่งมีความชำนาญมากเท่าไหร่ ความต้านทานต่อเวทย์ของศัตรูก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ทว่า ระหว่างที่มันกำลังทำงานอยู่เนี่ยมันจะกินมานาไปเรื่อยๆ เพราะงั้นเลยต้องใช้แค่ตอนที่จำเป็นเท่านั้น”
“อย่างนี้นี่เองเดส”
“ก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละ ของพวกนี้มันเป็นเวทย์ที่จำเป็นสำหรับนักผจญภัย จะว่าไปเคยมีใครสอนรูดี้คุงเรื่องพวกนี้หรือเปล่า?”
“ไม่มีเดส”
พอรูดี้ตอบอย่างนั้นคาร์ลก็พยักหน้าเข้าใจ
“ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละนะ ข้าได้ยินมาจาก ชอว์น ว่ารูดี้กับโซลาริสไม่มีมานาอยู่ในร่างเลย หรือว่าบางที่พวกเธอกำลังมีอาการขาดแคลนมานากันอยู่ใช่ไหม?”
“เพิ่งจะเคยได้ยินเรื่องอาการขาดแคลนมานาเป็นครั้งแรกนี่ล่ะเดส แต่มันก็จริงที่ผมกับโซลาริสไม่มีมานาเดส”
“…..ขอบใจที่พูดความจริงให้ฟังนะ งั้นข้าก็จะพูดตรงๆเลยละกัน คาถาเพิ่มความต้านทานเวทย์นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเหล่านักรบเลยล่ะ แล้วท่า ฮาซัน ของข้าเองก็เป็นการผสานของเวทย์ปิศาจและเวทย์ลมเข้าด้วยกันอีกด้วย เพราะงั้นต่อให้ข้าสอนท่า ฮาซัน ให้ แต่เธอก็จะใช้มันไม่ได้หรอกนะ”
คาร์ลบอกกับรูดี้ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วรอดูการตอบสนองของเขา
แต่รูดี้กลับไม่แสดงอาการผิดหวังหรือใส่ใจอะไรมากนักออกมาเลยแม้แต่น้อย
“คาร์ล เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปเดส ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะเดส”
“…..งั้นเหรอ”
“แต่ว่าช่วยใช้ท่า ฮาซัน ให้ดูหน่อยเดส”
“แค่ทำให้ดูก็พอแล้วเหรอ?”
พอคาร์ลถาม รูดี้ ก็พยักหน้ารับ
“เข้าใจละ นั่นสินะ ถ้ามีอะไรมาใช้เป็นเป้าซ้อมได้ละก็……”
พอคาร์ลมองหาเป้าซ้อมไปรอบๆก็เห็นว่ามีตุ๊กตาดินโผล่ขึ้นมาในระยะที่ไม่ห่างออกไปมากนัก
“คาร์ล ใช้ไอ้นั่นเลย!”
“สมกับที่เป็นอาจารย์เห่อลูกศิษย์เลยนะ!”
พอเห็นนาโอมิทำตุ๊กตาดินให้คาร์ลก็หันไปพูดแหย่เธอ
ดูเหมือนว่าเธอจะเขินขึ้นมา นาโอมิจึงหันหน้าหนี
“ยัยนั่นเปลี่ยนไปแล้วจริงๆด้วยล่ะนะ”
นาโอมิที่คาร์ลรู้จักนั้นมันจะแยกตัวออกห่างจากคนอื่นๆ แม้ว่าคาร์ลและเหล่าผองเพื่อนนักผจญภัยจะยิงมุขเล่นกับเธอ แต่เธอนั้นกลับไม่เคยหัวเราะออกมาเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าพอเขาได้มาเห็นนาโอมิในตอนนี้ มันทำให้ภาพลักษณ์ที่เขามีต่อเธอนั้นกลับตาลปัฏไปอย่างสิ้นเชิง
“คาร์ล อย่าไปใส่ใจกับอดีตของผู้หญิงสิเดส นี่มันถึอเป็นมารยาทของสุภาพบุรุษเดส”
“ฮาๆๆ จะว่าไปมันก็จริงนะ”
จะว่าไปแล้วนี่ดูเหมือนนี่จะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมจนถึงตอนนี้ รูดี้ไม่เคยถามถึงอดีตของนาโอมิเลย
คาร์ล จับด้ามของดาบใหญ่ของเขาขึ้นไปพาดไว้เหนือไหล่ด้วยมือทั้งสองข้าง
“ข้าจะทำให้ดูแค่ครั้งเดียวนะ จับตาดูให้ดีล่ะ”
“ขี้ตืดจังเลยเดส”
พอได้ยินรูดี้ว่าแบบนั้นคาร์ลก็ขมวดคิ้ว
“…..มันก็จริงอยู่ที่ไม่ใช่ว่าให้ดูแล้วจะสึกหรออะไร แต่ว่าพอพูดแบบนั้นแล้วมันทำให้ฟังดูมี่คุณค่ามากขึ้นไงล่ะ ข้าเลยอยากพูดแบบนั้นดูบ้างน่ะ”
“คำพูดที่ทำให้ฟังดูหล่อเดส”
“อย่าวอกแวกล่ะ ฮาซัน!”
ระหว่างที่รูดี้กำลังจับตามองอยู่ คาร์ลก็ฟันลงมาด้วยความเร็วสูง
ทันไดนั้นสายลมสีดำที่ถูกปล่อยออกมาจากใบดาบก็พุ่งทะลุผ่านตุ๊กตาดินออกไป
แม้ว่าตุ๊กตาดินนั้นจะโดนตัดไปแล้วแต่กลับแน่นิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอผ่านไปครู่หนึ่งมันก็เริ่มไถลไปตามรอบตัดแล้วแยกออกเป็น2ส่วน
“โคตรเท่ห์ เลยเดส”
รูดี้วิ่งเข้าไปดูตุ๊กตาดินที่โดนตัดอย่างตื่นเต้น
รอยตัดที่เรียบเนียนสนิทของมันนั้นทำให้เขาตื่นตาตื่นใจไปกับความคมในการฟาดฟันครั้งนี้
“อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ มันเป็นการผสมผสานกันระหว่างเวทย์ปิศาจและเวทย์ลม ตัวคาถาเองก็ถูกทำให้ใช้ได้ง่ายขึ้นจนเหลือแค่คำสั่งใช้งานเพียงคำเดียว”
“แค่คำเดียวเหรอเดส?”
“ตอนที่สู้กับศัตรูน่ะ ข้าไม่มีเวลามาร่ายคาถายาวๆหรอกนะ ข้าเลยฝึกใช้งานมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งร่างกายของข้าจดจำมันได้เลยกลายมาเป็นแบบนี้ไงละ”
รูดี้พยักหน้ารัวๆระหว่างที่ฟังคาร์ลอธิบายให้เขาฟัง
นอกจากนั้นเขายังใช้ตาเทียมของเขาบันทึกท่าฮาซันและคาถาต้านทานเวทย์ของคาร์ล แล้วก็ส่งมันเข้าไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของยานไนกี้ไปด้วย
“นั่นมันเป็นเรื่องที่ฉันไม่มีทางที่จะทำได้เลยละนะ”
ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว นาโอมิก็ได้เข้ามาดูรอยตัดของตุ๊ตาดินแล้วบ่นพึมพำออกมา
“ก็เจ้ามันเป็นจอมเวทย์ไม่ใช่รึ ไอ้การเข้าไปสู้ระยะประชิดเนี่ยมันใช่เรื่องจำเป็นที่ไหนล่ะ”
“มันก็เป็นเหมือนกับที่พวกนักดาบศึกษาเรื่องเวทมนต์เพื่อเอาไว้ต่อกรกับจอมเวทย์นั่นแหละ มันก็ไม่แปลกถ้าจอมเวทย์จะศึกษาเรื่องของนักดาบบ้างไงล่ะ”
“สมกับที่เป็นชิโชว พูดได้ถูกเผงเลยเดส”
รูดี้พยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของนาโอมิ
คาร์ล ที่พูดไม่ออกก็ได้แต่ขมวดคิ้ว แต่ทันไดนั้นเขาก็นึกวิธีแก้เผ็ดนาโอมิขึ้นมาได้จึงกระหยิ่มยิ้มออกมาแล้วพูดกับรูดี้
“นี่ รูดี้คุง ไม่คิดว่าข้าเองก็เป็นอาจารย์(ชิโชว)อีกคนให้เธอได้เหมือนกันเหรอ?”
รูดี้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา
“ถ้าเรียกทั้งสองคนว่าชิโชวมันจะทำให้งงเอาเปล่าๆ เพราะงั้นต้องแต่วันนี้ไปผมจะเรียกคาร์ลว่า ชิฮันเดส!”
“ฮาๆๆๆ! งั้นเรอะ ชิฮัน หรอกเรอะ!”
คาร์ลหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินรูดี้ว่าแบบนั้น ส่วนนาโอมิที่ยึดครองรูดี้ไว้คนเดียวมาตลอดรู้สึกเหมือนโดนแย่งบางอย่างไปเลยรู้สึกงอนเล็กน้อย
*(TL note: ใครสนใจจะรับแมวไปเลี้ยง ยังติดต่อมาได้เน่อ https://discord.gg/qca5hJRK ถึงผมจะอยากเลี้ยงไว้เองแต่เลี้ยงไม่ได้ เพราะพ่อไม่ชอบแมว เขากะจะจับไปปล่อยเร็วๆนี้แหละ)
MANGA DISCUSSION