ตอนที่ 70 ความกลัดกลุ้มของไวเคาท์การ์บาเรส
ไวเคาท์ รูดอล์ฟ การ์บาเรส ผู้ครองอาณาเขตุของป่ามรณะ นั้นกำลังเจอกับปัญหาที่แก้ไม่ตก
เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับการที่ อัลเฟร็ด ไปทำลายหนึ่งในหมู่บ้านของเขาแต่อย่างได เพราะเขาเองก็เคยจับพวกชาวบ้านที่เข้ามาอ้อนวอนเรื่องที่พวกเขาจ่าภาษีไม่ไหวไปขายให้พ่อค้าทาสทั้งหมู่บ้านมาแล้วเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าเรื่องที่เสียทหารไป500นายเองก็จะค่อนข้างสาหัสอยู่ก็ตาม แต่ปัญหาระดับมันก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้เงิน
แต่ทว่าการหายตัวไปของ อัลเฟร็ด ลูกชายของเขานั้นเป็นปัญหาที่หนักที่สุดสำหรับเขา
ภรรยาของเขานั้นเสียชีวิตไปหลังจากที่คลอด อัลเฟร็ดได้ไม่นานา เพราะการพักฟื้นหลังคลอดที่ย่ำแย่
แม้ว่าเขาจะแต่งงานใหม่อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารมีทายาทกับใครได้เลย จึงทำอัลเฟร็ดเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เขามี
ถ้าหากว่าเขาพบศพของ อัลเฟร็ด รูดอล์ฟอาจจะยอมตัดใจไปแล้วก็เป็นได้ แต่ทว่ายังไม่มีใครสามารถหาร่างของ อัลเฟร็ดได้จากที่ไหนเลย มันจึงทำให้เขายังมีความหวังว่า อัลเฟร็ด ยังยังมีชีวิตอยู่
อันที่จริงแล้ว อัลเฟร็ดนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างที่เขาหวังไว้นั้นแหละ แต่แทนที่จะเรียกได้ว่าเป็นคนเลี้ยงผึ้ง กลับกลายเป็น คนที่โดนผึ้งเลียงแทนไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะออกคำสั่งให้ปิดถนนที่เชื่ออมต่อไปยังหมู่บ้านแห่งนั้น แสะสั่งให้ปิดข่าวเอาไว้แล้วก็ตาม แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามไม่ให้ชาวบ้านซุบซิบนินทากัน
ข่าวลือสารพัดเริ่มที่จะหลุดรอดออกมาจากปากของหน่วยทหารที่เข้าไปเก็บกวาดหมู่บ้านแห่งนั้น และเนื่องจากการที่ว่ามันเป็นฝีมือของ แม่มดแห่งขุมนรก อันเลื่องชื่อจึงทำให้ ข่าวลือที่ว่ายิ่งกระจายออกไปเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
“ถ้าหากเจ้าน้องชายของข้าที่อยู่ในเมืองหลวงได้ยินเรื่องนี้เข้าละก็….”
รูดอล์ฟเอามือขึ้นมากุมหัวตัวเอง
เขาไม่ถูกกับน้องชายของตัวเองมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กแล้ว แม้ว่าจริงๆแล้วมันจะเป็นแค่การที่เขาเกลียดน้องชายของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม
รูดอล์ฟนั้นมีน้องชายที่อายุอ่อนกว่าเขา6ปีชื่อว่า เรนซ์
ตอนนี้รูดอล์ฟอายุ36 น้องชายเขาจึงอายุ30 ทำงานเป็นราชองครักษ์ที่ราชวังในเมืองหลวง
เรนซ์ นั้นมีบุคลิกที่เงียบขรึมและจริงจัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้รูดอล์ฟไม่ชอบเขาเป็นอย่างมาก จึงมักจะรังแกเขาอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก
เรนซ์ ที่ถูกพี่ชายรังแกนั้นไม่ได้สู้กลับ แต่กลับกันเขานั้นเริ่มปฏิบัติต่อผู้คนในอาณาเขตุอย่างอ่อนโยน เพื่อเป็นการต่อต้านรูดอล์ฟที่มองว่าผู้คนในอาณาเขตุนั้นไม่ต่างอะไรไปจากหนอนแมลงเท่านั้น ซึ่งนั้นก็ยิ่งทำให้รูดอล์ฟหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
พ่อขงเขาเองก็รักน้องชายที่มีความใส่ใจต่อผูคนในอาณาเขตุ มากกว่ารักเขา ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีความสัมพันธ์ที่แข็งกระด้างกับพ่อของตัวเอง
ในความคิดของรูดอล์ฟนั้น เขาปักใจเชื่อว่าการที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขานั้นย่ำแย่เป็นเพราะ เรนซ์ ไม่ยอมเชื่อฟังเขาแต่โดยดี
ในตอนที่อายุของรูดอล์ฟย่างเข้าสู่ 20ปี เขานั้นได้ถูดเลือกให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ครองอาณาเขตุ เรนซ์นั้นจึงย้ายออกไปแล้วเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อที่จะสมัครเป็นอัศวินด้วยอายุเพียง14ปี
ที่เป็นอย่างนั้นก็เป็นเพราะพ่อว่าของเขาเกรงว่ารูดอล์ฟนั้นจะลอบสังหารเรนซ์ ซึ่งนั่นก็เป็นอย่างที่เขาคิด
เพราะถ้าหากเรนซ์ยังเอ้อระเหยอยู่ในอาณาเขตุอยู่ละก็ รูดอล์ฟนั้นจะลงมือฆ่าเขาแน่ๆ
เจ้านั่น ถ้าหากมันรู้ว่า อัลเฟร็ด ไม่อยู่แล้วละก็ มันต้องมาฆ่าข้าแล้วแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปแน่ๆ!
ด้วยบุคลิดที่โลภมาก และไว้ใจใครไม่ได้ของเขา ทำให้เขานั้นเชื่อฝังหัวว่า คนอื่นๆจะต้องคิดแบบเดียวกับที่เขาคิดแน่ๆ
รูดอล์ฟ จึงเชื่อว่า ถ้าหาก เรนซ์ได้ยินเรื่องที่ อัลเฟร็ดหายตัวไป เขาจาต้องมาฆ่าตัวเองแน่ๆ
“ทำไงดีเนี่ย ข่จะทำยังไงดี…ข้าควรจะไปเจรจากับแม่มดแห่งขุมนรกเพื่อเอาตัว อัลเฟร็ด กลับมาดีไหม? ไม่สิ นางคือแม่มดแห่งขุมนรกนะ ถ้าเข้าไปเจรจาละก็ได้ถูกนางฆ่าเอาแน่ๆ…หรือข้าควรจะลอบสังหาร เรนซ์ ดีล่ะ…นั้นก็ไม่น่าจะได้เหมือนกัน ข้าคงส่งมือสังหารเข้าไปในราชวังไม่ได้แหงๆ ”
รูดอล์ฟเอามือขึ้นมากุมหัวแล้วทิ้งตัวลงไปเอาหน้าแนบโต๊ะ ทันไดนั้นเอง ก็มีแรงบันดาลใจผุดขึ้นมาในหัวของเขา
“จริงสิ! ถ้าพูดถึงแม่มดแห่งขมนรกละก็ มันก็ต้องพูดถึง โรแลนด์ ไงล่ะ! ประเทศนั้นยังต้องการหัวของนางอยู่นี่หว่า แม้ว่าจะเป็นเพราะสนธิสัญญาไม่รุกรานกัน กับประเทศของข้า เลยทำให้พวกเขาเลยเข้ามาไม่ได้ แต่ถ้าข้าแอบเรียกพวกเขามาแบบลับๆแล้วใช้ประโยชน์จากความโกลาหลไปแอบขิงตัว อัลเฟร็ด กลับมาล่ะก็… ”
แม้ว่าไวเคาท์จากอาณาเขตุเล็กๆนั้นไม่ได้มีอำนาจในการลั่งการกับกองทัพของประเทศอื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หยุดที่จะพยายามชิงตัว อัลเฟร็ด กลับมา เขาจึงเริ่มที่จะเขียนจดหมายถึงขุนนางของประเทศข้างเคียงอย่างโรแลนด์ที่เขาเคยรู้จักมาก่อน
……………………………………………………………………………………………………
หลังจากที่เหนื่อยจากการทำกายภาพบำบัด นีน่าก็มานั่งพักอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านของนาโอมิ
นาโอมิที่พักจากการเรียนในห้องของตัวเองก็ออกมานั่งข้างๆนีน่า โดยมีโซลาริสยืนรออยู่ข้างหลังพวกเธอ
ด้านหน้าของพวกเธอ รูดี้นั้นกำลังรับการฝึกสุดโหดจากคาร์ล พวกเขานั้นกำลังดวลดาบกันอย่างดุเดือด
“รูดี้คุงนี่เป็น อัจฉริยะจริงๆเลยเนอะ ”
“ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องวิชาดาบนักหรอก เลยบอกอะไรมากไม่ได้”
นาโอมิยักไหล่เมื่อนีน่าพูดกับเธอ
ผ่านไปสามวันหลังจากที่ได้เริ่มฝึกกับคาร์ล ความสามารของรูดี้นั้นพัฒนาขึ้นมาก และก็มีหลายครั้งที่เขาเริ่มฝากรอยชีดข่วนไว้บนตัวของคาร์ลคาร์ลได้บ้างแล้ว
“ก็ว่าไปนั่น เมื่อก่อนเธอก็เคยเก็บดาบจากศพขึ้นมาใช้เองอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ยังอุตสาห์จำไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นมานานขนาดนั้น ได้ดีอีกนะเธอเนี่ย”
“เวทมนต์ของเธอเนี่ยถ้าได้เห็นสักครั้งคงไม่มีใครลืมได้หรอกนะ”
นีน่ายิ้มให้กับนาโอมิที่กำลังขมวดคิ้ว
แล้วพวกเธอก็เปลี่ยนกลับไปคุยเรื่องรูดี้กันอีกครั้ง
“รูดี้ น่ะไม่ใช่อัจฉริยะอะไรหรอก.. นั่นสินะ…. ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ความมุ่งมั่นของตัวเองแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่หรือไงดีล่ะ?”
ก็ตามที่นาโอมิว่า มันเป็นอะไรที่ไม่ผิดไปจากที่เธอกล่าวไว้เลย เพราะรูดี้นั้นมักจะแชร์ประสบการณ์ของเขาไปไว้ในฐานข้อมูลของยานไนกี้อยู่เสมอ
นอกจากนั้นเขายังบันทึกความเคลื่อนไหวทั้งหมดของคาร์ล แล้วในเย็นวันนั้นเขาก็ทำการอัพเดทเวอร์ชัน ของโปรแกรมการต้อสู้แบบผสมของจักรวรรดิแห่งดวงดาวโดยผสานมันเข้ากับข้อมูลที่ได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ รูดี้จึงเพิ่มเติมสิ่งที่เขาเรียนรู้ได้ในแต่ละวัน รวมไปถึงวิธีการเคลื่อนไหวของร่างกาย การกะระยะ และ การเคลื่อนไหวของดาบที่คาร์ลใช้ อยู่เสมอ
มันจึงทำไห้ดูราวกับว่าความสามารถในการเรียนรู้ของเขานั้นอยู่ในระดับอัจฉริยะ เมื่อมองจากมุมมองของงคนทั่วไปบนดาวดวงนี้
เอาจริงๆแล้วโซลาริสเองก็แอบทำการอัพเดทโปรแกรมนี้ไปด้วยเหมือนกัน ซึ่งทำให้รูดี้ที่มารู้ทีหลังบ่นอุบ ว่า “เธอมันขี้โกงเกินไปแล้วเดส!”
แต่โซลาริสกลับตอบแบบหน้าตาเฉยว่า [มันเป็นแค่การอัพเดทคุณสมบัติค่ะ]
“ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ไม่ใช่ว่านั้นคือสิ่งที่เราเรียกกันว่าอัจฉริยะหรอกเหรอ?”
“อัจฉริยะน่ะไม่ต้องพยายามอะไรหรอกนะ พวกเขาน่ะมีความเหนือมนุษย์ก็เพราะว่าเป็นอัจฉริยะต่างหากล่ะ”
นีน่าหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นว่าสิ่งที่นาโอมิพูดออกมามันตลกดี
“สมกับที่เป็นสายตาของอัจฉริยะ เข้มงวดจริงๆเลยนะ”
“ฉันเนี่ยนะอัจฉริยะ? ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นอะไรแบบนั้นเลยนะ”
“ถ้าเธอไม่ใช่อัจฉริยะละก็ เจ้าคนที่ถูกเรียกว่ามารระเบิดกำประนาด ของโรแลนด์ อย่าง บาเบล เนี่ยจะว่ายังไงดีล่ะ?”
พอว่าแบบนั้น นีน่าก็หันไปเหล่มอง นาโอมิ
มารระเบิดกำประนาด เหรอ…..ไม่ได้ยินชื่อที่ไม่น่าอภิรมย์แบบนั้นมาสักพักแล้วล่ะนะ
พอได้ยิน นีน่าพูดชื่อนั้นออกมา สิหน้าของนาโอมิก็เคร่งขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่า นีน่า จะยังไม่รู้ถึงเรื่องนี้ แต่คนที่เผาหน้าของนาโอมิ นั้นก็คือ บาเบล ในตอนที่เขายังเป็นเพียงจอมเวทย์ไร้นามอยู่นั่นเอง
*(TLnote: ขอบคุณ คุณ inxss ที่ช่วยค่าอาหารแมวครับ งบประมาณ+100 )
สำหรับคนที่สงสัยว่าภาพปลากอบมาจากไหน ตามลิงก์นี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=WU05hsdryYs
MANGA DISCUSSION