ตอนที่ 60 การมีชีวิตอยู่เนี่ยมันคือความฝันหรือภาพลวงตากันแน่นะ
“ทำไมถึงต้องย้ายที่กินด้วยล่ะ”
“ผมไม่อยากให้กลิ่นควันมันติดในตัวบ้านเดส”
พอคาร์ลถามขึ้นมา รูดี้ก็ตอบแบบที่ทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ
เมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก ก็ย้ายโต๊ะที่ระเบียงไปไว้ข้างๆ แล้วเอาเตาถ่านสำหรับย่างของออกมาตั้งไว้ข้างบน
“อะไรเนี่ย?
นาโอมิถามออกมาแล้วเข้าไปเล่นกับเตาถ่านที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก”
“เตาย่างเดส ผมบอกให้โซลาริสทำไว้ก่อนหน้านี้สักพักเดส”
[จู่ๆก็ถูกสั่งให้ทำมันขึ้นมาดังนั้นมันเลยค่อนข้างจะบิดๆเบี้ยวๆนิดหน่อยนะค่ะ]
แม้ในตอนแรกจะไม่มีใครรูว่ามันคืออะไร แต่พอโซลาริสเอาถ่านมาจุดไฟแล้วใส่เข้าไป ก่อนจะวางตระแกรงโลหะไว้ด้านบน พวกเขาก็เข้าใจทันที่ว่ามันเป็นอุปกรทำอาหารแบบง่ายๆนั่นเอง
“ถ้าพกไปด้วยระหว่างเดินทางก็เป็นอะไรที่ดูสะดวกดีนะ”
“แต่มันต้องพกถ่านไปด้วย เพราะงั้นมันค่อนข้างจะเกะกะเลยแหละเดส”
พอตอบ ฟรานซ์เสร็จ รูดี้ก็หันไปเริ่มย่างลิ้นกวาง
“นี่มันถ้าโรยเกลือกับบีบมะนาวลงไปจะอร่อยมากเลยแหละเดส”
นาโอมิทำตามที่เขาแนะนำ โดยเอามันไปจิ้มน้ำมะนาวกับเกลือก่อนจะส่งมันเข้าปากไป
เนื้อเด้งๆสู้ฟันที่ยิงเคี้ยวก็ยิ่งกระจายความฉ่ำของมันอกมา และเมื่อเกลือและน้ำมะนาวผสมเข้ากับความมันของที่เกินจำเป็นมัน กลายเป็นรสชาติที่สดชื่น อร่อยจนเหลือเชื่อ
“อย่างนี้นี่เอง ไอ้รสสัมผัสกรุบๆนี่มันอร่อยดีนะ แล้วเคล็ดลับของการทำให้มันอร่อยก็คือการหั่นเป้นชิ้นบางๆใช่ไหม?”
“ถูดต้องเดส! เพราะถ้าหั่นหนาเกินไปมันเหนียวจนเคี้ยวยากเกินไปเดส”
ระหว่างที่นาโอมิกำลังแสดงความเห็นส่วนตัวของเธอ คาร์ล และ ฟรานซ์ ที่ยังไม่ชินกับการใช้ตะเกียบก็ส่งลิ้นกวางเข้าปากตัวเองไป พวกเขาลิ้มรสกับสัมผัสกรุบๆของมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลืนมันลงไป
“ยอดไปเลยนะ นี่มันจะทำให้เหล้าอร่อยขึ้นแน่ๆ”
“อร่อยสุดยอด!”
“ส่วนอื่นๆก็อร่อยเหมือนกันนะ เอาไปกินให้หนำใจเลยเดส”
ว่าแล้วรุดี้ก็เอาเนื้อหัวใจไปจิ้มซอสแล้วกินลงไป
หลังจากนั้นก็กระดกเบียร์ที่เขาแอบเตรียมไว้ก่อนจะปล่อยเสียง ปุฮ่า~! เหมือนตาลุงออกมา
“กินคนเดียวแบบนั้นมันขี้โกงนี่รูดี้ ฉันเองก็ขอเบียร์ด้วย!”
พอเห็นรูดี้กระดกเบียร์ นาโอมิจึงสั่งเบียร์ด้วยอีกคน
“ไอ้นี่มันจากที่ดูแล้วมันคือ เอล ชนิดหนึ่งใช่ไหม?”
“อ่อนหัดไปนะ คาร์ล ถ้าเจ้าได้ลองดื่มเบียร์อันนี้เข้าไปละก็ เจ้าจะรู้สึกว่าไม่อยากดื่ม เอล พวกนั้นอีกต่อไป เลยนะเออ”
ถึงจะว่าแบบนั้นแต่นาโอมิก็ยังชอบ เอล เย็นๆอยู่ดี
“ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ข้าอยากลองยิ่งกว่าเดิมสิ โซลาริส ข้าเองก็ขอเบียร์ด้วย”
คาร์ลรับเบียร์มาจากโซลาริสแล้วดื่มลงไปอึกใหญ่ ทันไดนั้นเขาก็ตกอยู่ไต้ภวังค์ด้วยรสขมของดอกฮ็อป และสัมผัสซู่ซ่าที่ไหลผ่านลงไปในลำคอ
“ฮ่า—! ไอ้นี่มันอร่อยเป็นบ้า ติดใจขึ้นมาเลยนะเนี่ย!!”
“นี่เจ้า จะไม่ดื่มหนักเกินไปหน่อยเรอะ?”
“ชิโชวเองก็พอกันเลยเดส สารพูรีนมันทำให้เป็นโรคเกาต์ได้นะเดส”
พอนาโอมิกล่าวเตือนคาร์ล รูดี้ก็ตบมุขเธอทันที
“พูดถึงอะไรอยู่น่ะ ฉันยังไม่ได้เริ่มเมาเลยสักนิดนะเออ”
เอาจริงๆแล้วนักดื่มคอทองแคงอย่างนาโอมิยังไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตากระดกเบียร์ต่อไป
“ข้าเองก็ยังดื่มได้อีเยอะเลยนะเออ”
พอได้รับแรงกระตุ้นแบบนั้น คาร์ลก็กรดกเบียร์ของเขาจนหมดแก้วในครั้งเดียว
“ขออีกแก้ว!!”
“ข้าเอาด้วย!!”
นาโอมิและคาร์ลพากันยื่นแก้วเปล่าไปทางโซลาริสพร้อมๆกัน
[กรุณารอสักครู่นะคะ]
ใบหน้าตายด้านของโซลาริสดูเหมือนว่าจะมีการแสดงออกถึงความเอือมระอาออกมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังเติมเบียร์ให้พวกเขาอยู่
“ฟรานซ์ จะมานั่งรอสองคนนี้ก็เสียเวลาชีวิตเราเปล่าๆ ได้เวลาที่เราควรจะถอนตัวกันแล้วเดส”
“……นั้นสินะ”
รูดี้ กับ ฟรานซ์พากันย่องออกมาโดยที่พวกขี้เมาทั้งสองคนไม่ได้สังเกต
นาโอมิกับคาร์ลที่ถูกทิ้งเอาไว้ก็เริ่มสนทนารำลึกความหลังของพวกเขาไปจนดึกดื่น
…………………………………………………………………………………………………….
เข้าวันถัดมา รูดี้มีอาการเมาค้างเล็กน้อย
“จำนวนของพวกคอแข็งเพิ่มขึ้นมาเป็นสองคนแล้วเดส……”
ระหว่างเขาเดินโซซัดโซเซลงไปที่ห้องไต้ดินก็มองเข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วพบว่าโดมินิคกับชอว์นกำลังหลับราวกับตายอยู่..ไม่สิ อันที่จริงกำลังนอนฟุบอยู่
“ไม่ไหวแล้ว ปวดหัวเป็นบ้าเลย”
“เพรามันหวานไงเลยเผลอดื่มเยอะเกินไปหน่อย………
ปล่อยทั้งสองคนที่คร่ำครวญเอาไว้แบบนั้นแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องพักฟื้นของชั้นไต้ดินที่นีน่านอนอยู่”
พอเข้าไปข้างในก็พบ นีน่ากับคาร์ลนอนแยกกันอยู่บนเตียงปลอดเชื้อในห้อง
“หนวกหูจังเลยเดส”
รูดี้หน้ามุ่ยเมื่อได้ยินคาร์ลกรนเสียงดังลั่นห้อง
เขาเข้าไปใช้งานแผงควบคุมแล้วทำให้ฝาครอบเตียงที่คาร์ลนอนอยู่ปิดลง แล้วเปิดระบบปิดกั้นเสียงของมัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาทนฟังเสียงกรนของคาร์ล
หลังจากนั้นเขาก็ไปใช้งานแผงควบคุมที่เตียงของ นีน่าเพื่อที่จะปลุกเธอขึ้นมา
“นีน่า ตื่นได้แล้วเดส”
“………….รูดี้คุง เช้าแล้วเหรอ?”
รูดี้เหลือบไปมองที่นาฬิกาตัวโปรดของเขาแล้วพบว่ามันเป็นเวลา7โมงเช้า
“ดวงอาทิตย์มันขึ้นมาได้สักพักแล้วเดส วันนี้ก็มาเข้าไปแช่ในถังอย่างร่าเริงกันเถอะ พยายามเข้าละเดส”
“…….เข้าใจแล้วจ้ะ”
“อยากเข้าห้องน้ำเหรอเดส?”
“วันนี้ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่รูดี้คุง ฉันยังต้องทำแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่เหรอ?”
“อืม…คุณยังต้องอดทนทำแบบนี้ไปอีก5วัน แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มการรักษาด้วยการให้น้ำเกลือผสมยาเข้าทางกระแสเลือดเดส”
พอได้ยินแบบนั้นนีน่าก็เหงนมองไปที่เพดานแล้วพึมพำเบาๆ
“นี…..นีมันคือความฝันหรือเหล่านะ?”
“ยังรู้สึกงัวเงียอยู่เหรอเดส?”
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันน่ะ รู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองดีว่ามันเกินเยียวยาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็ยังรอดมาได้อยู่”
“คาร์ลพยายามมากเลยล่ะ ไปขอบคุณสามีของคุณเถอะเดส”
“……..นั่นสินะ ฉันก็รู้สึกของคุณคาร์ลอยู่แหละ แต่ก็ต้องขอบคุณรูดี้คุงยิ่งขึ้นไปอีก”
“นี่มันเป็นอุปกรเวทมนต์ที่ชิโชวเอามาจากซากโบราณนั่นเดส”
“มันเป็นเรื่องอย่างนั้นเองหรอกเหรอ แต่ว่า ขอบคุณนะ”
“ถึงจะมาขอบคุณผม ก็ไม่รู้จะตอบยังไงหรอกนะเดส”
นีน่ายิ้มให้กับรูดี้ที่กำลังขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ
“…..พร้อมแล้วหรือยังเดส?”
“จ้า ฝากด้วยล่ะ”
“ถ้างั้นก็ หลับให้สบายเลย เดส”
พอรูดี้กดไปที่แผงควบคุมเตียงก็ปล่อยแก๊สยาสลบออกมา ทำให้นีน่าหลับไปอีกครั้ง
แล้วหลังจากนั้นพวกโดรนที่รออยู่ก็มาขนเธอไปใส่ไว้ในถังบำบัด
…………………………………………………………………………………………………………….
สามวันผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ พวกเขาก็ใช้เวลาอย่างสงบสุขกันไปในแต่ละวัน
การฟื้นตัวของ นีน่า เป็นไปได้ด้วยดี ทุกๆวันพวกครอบครัวของคาร์ลเองก็เข้าป่าไปล่ากวางและหมูป่า แล้วนำมาให้แทนค่าเช่าที่พัก
เช้าวันนั้นระหว่างที่รูดี้กำลังตรวจสภาพร่างกายของ นีน่า หลังจากที่ให้เธอเข้าไปแช่ในถังบำบัด เขาก็รับการติดต่อมาจากฮาล
[มาสเตอร์ เป้าหมายที่คุณให้จับตาดูได้มาถึงหมู่บ้านแล้วครับ]
{อ๊ะ จะว่าไปเราก็ต้องจัดการกับเรื่องนั้นด้วยนี่นะ แล้วตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างล่ะ?}
[ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำลังบุกปล้นสะดมหมู่บ้านนั้นกันอยู่ครับ]
{……ห๊ะ?}
ได้ยินรายงานของฮาล รูดี้ก็ถึงกับชะงักตัวแข็งไป
MANGA DISCUSSION