ตอนที่ 56 สุดยอดสัตว์ประหลาดแห่งยาวิเศษ
รูดี้รับโพชั่นรักษาแผลมาจากนาโอมิด้วยสีหน้าลิงโลดก่อนจะกลับลงไปที่ห้องทดลองชั้นไต้ดินอีกครั้ง นาโอมิเองก็ตามเขาไปด้วยเพราะสนใจถึงรายละเอียดในผลลัพธ์ของยาที่เธอปรุง
ส่วนคาร์ลรวบรวมลูกๆของเขาในห้องนั่งเล่นแล้วเล่าให้พวกเขาฟังว่า นีน่าเป็นมะเร็งและกำลังอยู่ระหว่างการพักฟื้น
ในระดับอารยะธรรมของดาวดวงนี้ โรคมะเร็งนั้นจัดว่าเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ โดมินิคและชอว์นจึงรู้สึกทึ่งที่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันรักษาได้
“ก็อย่างที่ว่ามา เราจะปล่อยให้รูดี้ดูแล นีน่าไป แล้วระหว่างนั้นเราจะอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะแขกกัน”
“เราดันเก็บของทุกอย่างไว้บนเกวียนที่เราทิ้งไว้ในหมู่บ้านด้วยสิ แบบนี้มันก็ถือว่าเป็นบุญสำหรับคนที่ไม่มีอะไรติดตัวเลยอย่างพวกเราล่ะนะ”
ชอว์นถอนหายใจพลางทำไหล่ตก ทำให้พวกเขาต่างก็พากันออกอาการไปด้วย
“นอกจากนั้นพวกเรายังทำภารกิจที่รับมาไม่เสร็จเลยด้วย คุณพ่อจะเอายังไงกับเรื่องนั้นล่ะ?”
พอได้ยินคำถามของโดมินิค คาร์ลก็เอามือขึ้นมาเกาหัวพลางทำหน้ามุ่ย
“แน่นอนว่าเราต้องทำมันให้เสร็จ”
คำร้องภารกิจที่พวกเขารับมานั้นมันเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมวัตถุดิบในการทำยารักษาเด็กสาวผู้ตาบอด วัตถุดิบที่ว่านั้นมันคือเลือดของสิ่งมีชีวิตคล้ายจิ้งจอกขนาดเล็กที่ชื่อว่า มิตสึเมโมริคิตสึเนะ ที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้
“ถึงจะบอกว่าเจ้ามิตสึเมโมริคิตสึเนะมันอาศัยอยู่ในป่านี้ก็เถอะ แต่ถ้าเราไม่ไปสำรวจแหล่งที่อยู่ของมันก่อนละก็….”
ชอว์น กอดอกแล้วถอนหายใจออกมา ส่วน ฟรานซ์หันไปเรียกโซลาริสที่เดินผ่านมาเอาไว้
“คุณโซลาริส”
[มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ?]
“คุณรู้จักแหล่งที่อยู่อาศัยของเจ้า มิตสึเมโมริคิตสึเนะ หรือเปล่า?”
ฟรานซ์คิดว่าคนที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างโซลาริสอาจจะรู้อะไรบางอย่างจึงลองถามดู
[ขออภัยค่ะดิฉันไม่ทราบว่าเจ้ามิตสึเมโมริคิตสึเนะนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรจึงตอบไม่ได้ค่ะ]
“งั้นเหรอ…งั้นช่วยรอเดี๋ยวนะ”
พอ ฟรานซ์ว่าแบบนั้นเขาก็เอากระดาษกับปากกาออกมาแล้วเริ่มวาดภาพของ มิตสึเมโมริคิตสึเนะ ลงไป
“ฟรานซ์ นั่นมันกระดาษใช่ไหม?”
“น่าจะใช่นะ ถึงจะไม่รู้ว่าทำมาจากอะไรก็เถอะ แต่ผมเห็นมันอยู่ในห้องนอน ตั้งแต่เมื่อวานนี้แหละ”
ฟรานซ์ ตอบคำถามของโดมินิคไปพลางวาดรูปไปด้วย
“โอ่ยๆ อย่าไปเอาของคนอื่นมาใช้โดนไม้ได้รับอนุญาตสิ”
[ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ]
โซลาริสเข้าไปหยุดโดมินิคที่พยายามจะห้ามฟรานซ์
เธอมองไปที่ภาพวาดของ ฟรานซ์จากข้างๆ แล้วยิ้มออกมา
[วาดได้ดีเลยนะคะ]
“ขอบคุณ”
พอได้ยินคำชมของเธอ ฟรานซ์ก็ยิ้มออกมา
พอเห็นเธอยิ้มออกมาแบบนั้น โดมินิคและชอว์นก็พากันตกตะลึงจนตาค้าง
สิ่งที่ทำให้เธอยิ้มออกมานั้นคือโปรแกรมสำหรับเลี้ยงดูเด็กที่ถูกติดตั้งไว้ในโปรแกรมพื้นฐานของ “ฝากทุกอย่างให้ฮารุโกะซังได้เลย” แล้วช่วงอายุของ ฟรานซ์ก็ตรงกับกลุ่มเป้าหายพอดี
“เสร็จแล้วครับ! คุณเคยเห็นสัตว์ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้หรือเปล่า?”
พอมองดูภาพที่ ฟรานซ์วาดโซลาริสก็เอามันไปเทียบกับฐานข้อมูลของยานไนกี้
พอลองตรวจสอบดูแล้วเธอก็พบข้อมูลของมันได้ในไม่ช้า
[ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ละก็ มันก็อาศัยอยู่รอบๆบริเวณบ้านหลังนี้อยู่เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าคุณมุ่งหน้าห่างออกไปจาที่นี่ไปทางทิศเหนือประมาณ3กิโลเมตร ก็จะพบกับกลุ่มของต้มไม้มีผลที่เป็นอาหารหลักของพวกมัน ดิฉันขอแนะนำให้ไปลองตามหามันที่นั่นค่ะ]
“จริงเหรอ!? ขอบคุณนะ”
[ด้วยความยินดีค่ะ]
โซลาริสโค้งคำนับแล้วเดินขึ้นบันไดหายไป
…………………………………………………………………………………
“คุณพ่อ เพียงเท่านี้เราก็จะทำภารกิจให้เสร็จได้ไว้อย่างไม่น่าเชื่อเลยละเนอะ”
“ฟรานซ์ เจ้าทำได้ดีมากเลย แค่นี้เราก็ไม่ต้องไปตามหาให้ยุ่งยากแล้ว แต่ยังไงซะถ้าเรายังรักษา นีน่าไม่เสร็จเราก็ยังกลับไปไม่ได้อยู่ดี งั้นเดี๋ยวเราค่อยๆตามหามันไปเรื่องยๆละกัน”
คาร์ลกล่าวชม ฟรานซ์ ไปพลางพยายามจะปรับปรุงบรรยากาศด้วยการหัวเราะไปด้วย
“นั่นสิน้า~”
“ถึงจะตกใจเรื่องอาการป่วยของแม่แกก็เถอะ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราก็ค่อนข้างยุ่งอยู่ตลอดเลย เพราะงั้นก็ถือโอกาสตอนนี้พักผ่อนไปเลยละกัน”
ชอว์นกับโดมินิคพากันพยักหน้ารับกับข้อเสนอของคาร์ล
…………………………………………………………
หลังจากที่ได้รับยาของนาโอมิมาตรวจดู รูดี้ก็กอดอกพลางถอนหายใจออกมาพลางมองไปที่ผลลัพธ์ที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
“มันมีปัญหาอะไรเหรอ?”
ช่วงหลังๆมานี้ นาโอมิเริ่มเรียนรู้ตัวอักษรของจักรวรรดิแห่งดวงดาวทีละนิด แต่ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถอ่านตัวอักษรบนหน้าจอได้เธอก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร เธอจึงยังต้องถามรูดี้อีกที
“…ชิโชวนี่ไม่รู้ตัวเลยสินะว่าตัวเองน่ะสุดยอดขนาดไหน?”
“อะไรล่ะนั่น?”
“ยานี่นะ จากผลการตรวจสอบแล้วมันไม่ใช่แค่ยารักษาแผลแล้วล่ะเดส”
“….จริงรึ?”
“จริงของจริงเลยเดส ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายละก็…..ก็นะ มันคงเรียกว่าง่ายไม่ได้หรอก แต่ เอาตรงๆเลยมันก็คือ สุดยอดสัตว์ประหลาดของยาปฏิชีวนะที่อัดแน่นไปด้วย ตัวยาปฏิชีวนะทุกชนิดที่ผมรู้จัก มีทั้งยาในกลุ่มเพนิซิลิน ทั้งกลุ่มเคฟาโลสปอริน,เตรตระซายคลิน และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้น ถ้าดื่มของแบบนั้นเข้าไปตามปรกติมันจะมีผลข้างเคียงที่อันตรายถึงตายได้ แต่พอใส่มานาของชิโชวผสมลงไปด้วย มันกลับไม่มีผลข้างเคียงอะไรออกมาเลย นี่เกินกว่าจะเรียกได้ว่า อัจฉริยะไปแล้ว นี่มันเรียกได้ว่าราวกับเป็นของระดับเทพเลยก็ว่าได้ แค่นั้นยังไม่พอนะ มันยังสามารถรักษาแผลได้ทันทีเลยด้วย? บางที่ไอ้ องประกอบที่ไม่สามารถระบุได้นี่มันคือมานาชองชิโชวใช่ไหม ที่มันระงับผลข้างเคียงแล้วก็รักษาแผลไปด้วย นี่มัน มหัศจรรย์เป็นบ้าเลยเดส”
รูดี้ชี้ไปที่หน้าจอพลางอธิบายยาวเหยียด แต่นาโอมิกลับเข้าใจได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
“โทษทีนะ แต้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เธอพูดมามากนักหรอก สรุปแล้วว่าไอ้ยานั่นรักษาโรคอะไรได้บ้างล่ะ”
“เท่าที่ผมรู้ มันน่าจะได้ผลกับทั้งวัณโรค, ซิฟิลิส,หวัด,อาการเจ็บคอ, กระเพราะปัสวะอักเสบ โรคหัวใจขัดข้อง รึแม้กระทั่งสิวฝ้า และโรคอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือมานาของชิโชวนั่นแหละ มันอาจจะรักษาได้แม้กระทั่งโรคที่เราไม่รู้จักด้วยซ้ำมันดูเหมือนว่าจะรักษาได้ทุกโรคจริงๆเลยแหละ จะเรียกมันว่ายาวิเศษก็ยังได้เลยเดส”
“มันมีประสิทธิภาพขนาดนั้นเลยเหรอ?”
นาโอมิที่กำลังมึนงงกับสิ่งที่รูดี้พูดก็พึมพำออกมา
“แม้แต่ในอวกาศเองก็ยังผลิตยาแบบนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าชิโชวจดทะเบียนมันละก็ คึณจะสามารถนอนกลิ้งบนกองเงินกองทองไปตลอดชีวิตได้เลยแหละ”
”แต่นี่มันเป็นแค่สูตรยาพื้นบ้านที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นเท่านั้นเองนะ”
“อย่านั้นหรอกเหรอเดส?”
“อา…มันเป็นสูตรยาที่ปรุงกันทั่วไปนั่นแหละ ….หรือควรจะบอกว่า น่าจะปรุงกันได้ทั่วไปดีละ…”
พอได้ยินแบบนั้นรูดี้ก็หรี่ตาจ้องไปที่นาโอมิ
“ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่ามาจริงๆ เจ้าโง่ อัลเฟร็ดมันคงไม่พยายามเป็นบ้าเป็นหลังที่จะได้มันมาครองไม่ใช่เหรอเดส?”
“…..ก็จริงของเธอนะ”
“ถึงนี่จะเป็นแค่การสันนิฐานของผมก็เถอะ แต่ดูเหมือนมานาของชิโชวจะเป็นสิ่งที่กระตุ่นประสิทธิภาพของมันซะส่วนใหญ่เลยนั่นแหละ”
“…………”
“เพราะงั้นเลยมีแค่ชิโชวเท่านั้นที่ทำมันได้ไงเดส”
“…..ชักจะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาแล้วสิ”
“ก็ว่างั้นแหละ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปยังโลกภายนอกละก็มันได้กลายเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆเลยเดส”
นาโอมิช้อนตามองขึ้นไปที่รูดี้
“……….มันสายไปแล้วหรือเปล่านะ?”
“ในทางกลับกันมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่มันยังไม่ถูกตรวจพบมาตลอด3ปีที่ผ่านมาเดส”
พอพวกเขาจ้องตากัน ก็พากันถอนหายใจออกมา
MANGA DISCUSSION