ตอนที่50 แมงมุมเองจ้า
ผ่านไปสองชั่วโมงหลังจากที่โซลาริสปลีกตัวไปจากกลุ่มของโดมินิคและชอว์น
พวกเขาทั้งสองคนต่างพากันไปหลบอยู่ไต้เงาของต้นไม้ใหญ่ทันไดนั้นชอว์นก็ตรวจพบประติกิริยาพลังเวทย์ของสัตว์อสูรขนาดใหญ่
“ลูกพี่ ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
“ไม่แปลกหรอก ที่นี่มันป่าปิศาจที่พวกสัตว์อสูรมันอาศัยอยู่กันนี่นะ จะว่าไปก็ไม่ได้เห็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่มานานแล้วนะ”
“แม่มดแห่งขุมนรกที่อาศัยอยู่ที่นี่เองก็เป็นสัตว์ประหลาดไม่แพ้กันเลย”
“….ก็จริงนะ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ จะว่าไป เราผ่านเจ้านี่ได้ไหมล่ะ?”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันเข้ามาใกล้แค่ไหนนั่นแหละ”
ระหว่างที่พวกเขากลั้นหายใจ เสียงต้นไม้ใบหญ้ากระทบกันก็ใกล้เขามาเรื่อยๆ โดมินิพยายามาเพ่งสายตาด้วยแสงดาวเพื่อพยายามระบุรูปร่างของสิ่งที่ใกล้เข้ามา และแล้วสิ่งที่โผล่ออกมาจากความมืดก็คือแมงมุงขนาดยักษ์ที่ใหญ่หว่ามนุษย์ถึงสามเท่า
“นั่นมัน บาคูลัส ใช่ไหม?”
พอรู้ว่าอะไรใกล้เข้ามา ชอว์นที่ซุ่มอยู่ข้างๆเขา ก็กลืนนำลายอึกใหญ่ แล้วพึมพำออกมา
บาคูลัส นั้นเป็นแมงมุมยักษ์ที่มีความสามารถในการใช้พิษอัมพาต มันมักจะโจมตีโดยการพ่นพิษใส่เหยื่อของมันเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว แล้วห่อด้วยใยก่อนที่จะลากเหยื่อเหล่านั้นกลับไปกินทั่งเป็นที่รังของมัน ด้วยพละกำลังที่มหาศาลมันสามารถเตะมนุษย์ให้กระเด็นได้อย่างง่ายดาย และมันยังเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่ออีกด้วย ทว่ามันมีจุดอ่อนที่มันแพ้ไฟ
“เราไล่มันไปด้วยเวทมนต์ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ไหวหรอก!”
ชอว์นส่ายหัวเมื่อโอมินิคหันมาถาม แม้ว่าเขานั้นจะเชี่ยวชาญเวทย์น้ำ แต่เขากลับไม่ถนัดการใช้เวทย์ไฟ ในขณะเดียวกัน โดมินิคนั้นเหมือนกับพ่อขอเขาที่ถนัดการใช้แรงเข้าสู้ ด้วยขวานศึกที่เขาช่ำชอง จึงใช้เวทมนต์ไม่เป็น
โดมินิคหันกลับไปมอง บาคูลัส อีกครั้งแล้วเริ่มถอนใจ นาโอมินั้นสามารถกำจัดมันได้ภายในคาถาเดียว และคาร์ลที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาดเองก็คงจะโค่นมันได้เหมือนกัน แต่ทว่าสำหรับสองพี่น้องที่ยังคงอยู่ในขอบเขตของมนุษย์นั้น การโค่นบาคูลัสมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ระหว่างที่พวกเขาภาวนาให้มันผ่านไปโดยไม่ถูกสังเกตเห็น อยู่ๆ บาคูลัสมันก็เปลี่ยนทิศทางแล้วเดินเข้ามาหา
โดนเจอเข้าแล้วแล้วเรอะ!? โดมินิคว้าด้ามขวานศึกบนหลังของเขาแล้วเตรียมตัวต่อสู้ ทันไดนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ลอยออกมาจากในป่า
เจ้าบาคูลัสหันเหความสนใจไปในทิศทางของเสียงนั้น หลังจากนั้นสักพัก โซลาริสที่ขับแอโร่ไบค์อยู่ก็โผล่ออกมาจากในป่า เธอจอดมันแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขาโดยไม่สนใจ บาคูลัสเลยแม้แต่น้อย
หนีเร็ว รีบหนีไปเร็วเข้า! พวกเขาพยายามทำท่าทางส่งสัญญาณให้เธอหนีไป แต่ทว่าเธอกลับไม่ได้ใส่ใจแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งๆอย่างนั้น
[ฉันได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแล้วค่ะ นอกจากนั้นยังนำแอโร่ไบค์มา-บุเฮระ!………….]
ก่อนที่โซลาริสจะพูดจบ เจ้าบาคูลัสก็พุ่งเข้ามาซัดเธอกระเด็นออกไปด้วยขาหน้าขนาดใหญ่ของมัน
การที่โซลาริสไม่เข้าสู่โหมดต่อสู้นั้นก็เพราะว่าในตอนที่เจอกับพวก ลิงปอบ โดมินิค และ ชอว์น กำลังต่อสู่กับพวกมัน เธอจึงประเมินว่าพวกมันนั้นเป็นศัตรู จึงเริ่มทำการกำจัดทันที แต่ทว่า คราวนี้ไม่ได้มีการต่อสู้เกิดขึ้น เธอจึงประเมินว่า บา๕ลัสนั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีพิษภัย จึงได้ไม่ใส่ใจกับมัน
ถ้าหากว่าเธอนั้นมีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ละก็ เธออาจจะกำจัดบาคูลัสไปในทันทีเพราะกลัวต่อภัยคุกคามก็เป็นได้
แต่เนื่องจากเธอนั้นไร้ความรู้สึก จึงไม่มีความแกรงกลัวต่อมัน ทำให้เธอไม่ระวังตัวและถูกมันส่งให้ไปนอนกลิ้งแหวกหญ้าอยู่บนพื้น
“คุณโซลาริส!”
“ไปช่วยเธอเร็ว!!”
ชอว์น ร้องออกมา โดมินิค ตบแขนของเขาแล้วยืนขึ้น
ชอว์นเริ่มร่ายเวทย์ ส่วนโดมินิคชักขวานออกมาแล้วเข้าไปเผชิญหน้ากับ บาคูลัส
“วารีคุ้มภัย!”
พอเวทมนต์ของชอว์นเริ่มทำงาน ร่างกายของโดมินิคก็ถูกปรกคลุมด้วยน้ำที่แผ่ออกเป็นเยื่อหุ้มบางๆ
เวทมนต์ที่เขาใช้นั้นจะสร้างเยื่อน้ำสำหรับป้องกันพิษออกมาคลุมเป้าหมาย ด้วยสิ่งนี้ โดมินิคจะสามารถทนต่อการโจมตีด้วยพิษของบาคูลัสได้ถึงสามครั้ง
โดมินิคเข้าไปจู่โจมบาคูลัสจากด้านหลัง ขวานที่เขาเหวี่ยงออกไปนั้นฝังลึกเข้าไปในหลังของมัน ทำให้มันกรีดร้องออกมาเสียงแหลม
ขาของบาคูลัสเริ่มขยับแล้วมันก็หันเข้าไปหาพวกเขา โดมินิค เองเมื่อประสบความสำเร็จในการลอบโจมตีครั้งแรก ก็รีบโจมตีต่ออย่างไม่หยุดยั้งและตัดขาข้างหนึ่งของมันออกมา
เจ้าบาคูลัสเองพอมันหันกลับมาก็เริ่มจู่โจมเขาด้วยการพ้นน้ำลายพิษของมัน แต่ทว่ามันกลับถูกปิดกั้นด้วยเยื่อน้ำรอบๆตัวโดมินิค พอมันเห็นว่าพิษของมันไม่ได้ผล มันจึงเริ่มพ่นใยใส่เขาแทน
“แย่ละสิ!”
โดมินิค ร้องออกมาเมื่อโดนใยของมันพันเข้า ทำให้เขาขยับไม่ได้ เจ้าบาคูลัสก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พลางอ้าปากกว้างพร้อมที่จะงับเข้าไปที่หัวของเขา ทว่าก่อนที่มันจะได้ทำแบบนั้นโซลาริสที่พื้นตัวกลับมา ก็โผล่มาอยู่ข้างตัวของมัน เธอซัดเข้าไปที่ช่วงท้องของมันอย่างรุนแรงส่งให้มันกระเด็นออกไป
“………คุณโซลาริส?”
โดมินิคและชอว์นต่างก็ตลึงตาค้างเมื่อเห็นว่าโซลาริสส่งร่างอันมหึมาของบาคูลัสลอยออกไปได้ด้วยหมัดเดียว
ผลที่ออกมาคือ ใบหน้าซีกซ้ายของโซลาริส รวมไปทั้งผิวหนังเทียมและเส้นผมได้หลุดลอกออกไปเผยให้เห็นกะโหลกบางส่วนของเธอ ชุดเมดที่ขาดรุ่งริ่งเผยให้เห็นว่าแขนทั้งสองข้างของเธอที่ปราศจากผิวหนังและกล้ามเนื้อเทียม นั้นเผยให้เห็นถึงกระดูกคาร์บอนเสริมแกร่งของเธออย่างชัดเจน
(TLnote:: แบบนี้ไง)
[เริ่มการกำจัดค่ะ]
โซลาริสพยายามจะเปลี่ยนมือของเธอไปเป็นปืนเลเซอร์โดยยื่นแขนไปข้างหน้า แต่ทว่ามันกลับกระตุกและหยุดการทำงานระหว่างการเปลี่ยนรูปร่าง และไม่สามารถสลับไปเป็นปืนได้
[ความเสียหายของแขนซ้าย 70% ความเสียหายของแขน 40% ไม่สามารถสลับเข้าสู่โหมดซุ่มยิงได้… เริ่มการซ่อมแซมอัตโนมัติ… พลังงานขาดแคลนเนื่องจากการทำงานของระบบซ่อมแซม…. กลับเข้าใช้งานโหมดต่อสู้ระยะประชิดต่อไป]
ยกเลิกการใช้งานโหมดซุ่มยิง โซลาริส คว้าใยแมงมุมที่พันรอบๆตัวโดมินิแล้วแกะมันออกอย่างรวดเร็ว
[กรุณารอสักครู่นะคะ]
โซลาริสพูดโดยไม่หันไปมองโดมินิค แล้วก็เดินเข้าไปหา บาคูลัส ทั้งอย่างนั้น
“เดี๋ยวสิ คุณโซลาริสกำลังบาดเจ็บอยู่….ใช่ไหมน่ะ?”
เมื่อเขาสังเกตร่างกายของโซลาริส โดมินิคก็เอียงหัวอย่างงุนงง มันก็จริงที่โซลาริสนั้นได้รับบาดเจ็บ แต่ทว่ากลับไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว และเธอก็ไม่ได้แสดงอาการว่ากำลังเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้น ทำไมมันถึงมีชิ้นส่วนโลหะอยู่ข้างในร่างกายของเธอได้ล่ะ? อาการบาดเจ็บของเธอนั้นอยู่นอกเหนือจากความเข้าใจของเขาเพราะเขานั้นไม่รู้ว่าเธอเป็นหุนยนต์
“เดี๋ยวข้ากับชอว์นจะสู้เอง เธอน่ะไปพักเถอะ!!”
ทว่า การปกป้องผู้หญิงนั้นเป็นหน้าที่ของชายชาตรี โดมินิคที่เติบโตขึ้นมาโดยการเฝ้ามองแผ่นหลังของคาร์ลมาโดยตลอดนั้น ประกาศว่าเขาจะปกป้องโซลาริสโดยไม่สนว่าเธอจะเป็นใคร
ชอว์น เองก็มายืนข้างๆโดมินิคเพื่อปกป้องโซลาริสเช่นกัน
[ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แค่ดิฉันคนเดียวก็เกินพอแล้ว]
สำหรับแอนดรอยด์แล้วแม้จะได้รับความเสียหายอย่างหนักก็ใช้เวลาไม่นานนักในการฟื้นฟูเมื่อเทียบกับมนุษย์
เมื่อเห็นว่าแม่จะไปคนเดียวมันก็ไม่เป็นปัญหาอะไร โซราริสจึงส่งเสียงบอกพวกเขา
“ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าเธอตายขึ้นมาละก็ พวกเราก็ไม่มีหน้าไปพบแม่มดแห่งขุมนรกกันพอดีสิ”
“ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ คุณโซลาริส น่ะถอยไปเถอะ”
และแล้วการต่อสู้กับบาคูลัสเพื่อปกป้องโซลาริสของพวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มขึ้น
ระหว่างที่มองดูพวกเขากระเสือกกระสนต่อสู้อยู่กับบาคูลัส โซลาริสก็คิดไปว่า
เมื่อสักครู่รูดี้ก็บ่นกับเธอว่าไม่มีความอ่อนโยนเลย พอมาคิดดูแล้ว ไอ้ความอ่อนโยนเนี่ยมันคืออะไรเหรอ?
ตามข้องมูลที่ได้จาก ฐานข้อมูลของ“ฝากทุกอย่างให้ฮารุโกะซังได้เลย” นั้นระบุไว้ว่า ความอ่อนโยนนั้นหมายถึงการมีจิตใจที่เห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นแต่ทว่า เธอไม่เข้าใจว่าไอ้ “จิตใจ” ที่ว่าเนี่ยมันหมายถึงอะไรกันแน่?
มนุษย์นั้นต่างจาก AI ตรงที่มีมีจิตใจอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ตัวดิฉันที่ไม่มีจิตใจ ก็จะไม่สามารถมีความอ่อนโยนได้เลยไม่ใช่เหรอ?
โดมินิคและชอว์น ก็กำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตอันตราย เพื่อปกป้องดิฉันที่ได้รับความเสียหายอยู่
แต่จากการประเมินของดิฉัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บอยู่ก็ตาม แต่ความแตกต่างในพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน
การที่เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้อง นั้นคือ จิตใจเหรอ? มันคือความอ่อนโยนหรือเปล่า?
ในตอนนั้นเอง บันทึกการทำงานของระบบที่ถูกลบไปจากสมองอิเลคทรอนิกส์ของโซลาริสก็ถูกดึงกลับขึ้นมาตรวจสอบจากแคชของหน่วยความจำ
มันเป็นช่วงที่เธอยังทำงานเป็น AIหลักที่บริหารระบบของยานลาดตระเวน เบียงก้า แฟรล์ ตอนที่เธอนั้นต่อสู้ไปพร้อมๆกับเหล่าลูกเรือ ความทรงจำของเหล่าสหายที่เชื่อใจและสนับสนุนกันและกัน
…………………………………………………………………………………….
บาคูลัสที่กำลังต่อสู้อยู่เริ่มที่จะเอาจริงขึ้นมา
ตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงแสดงให้เห็นถึงจิตสังหาร น้ำลายพิษสีเขียวๆของมันไหลเยิ้มออกมาจากปาก
ควันลอยออกมาจากบาดแผลบนหลังของมันเมื่อความสามารถในการรักษาตัวเองเริ่มทำงาน และฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้กับมัน
พอเห็นแบบนั้น โดมินิคและชอว์นต่างพากันกลั้นหายใจอย่างตื่นตระหนก
จังหวะนั้นเองโซลาริสก็แทรกตัวออกไประหว่างพวกเขาทั้งสองแล้วออกไปยืนข้างหน้า
“คุณโซลาริส!!”
ชอว์นตกใจจึงรีบเรียกเธอกลับมา แต่ทว่าเธอกลับหันไปประกาศให้พวกเขาฟังอย่างชัดเจน
[ดิฉันคือ AI บริหารยานลาดตระเวนสังกัดกองยานรบพิเศษของ จักรวรรดิแห่งดวงดาว เบียงก้า แฟรล์ นามว่า โซลาริส แม้ว่าพวกคุณจะเป็นเพียงผูสืบสายเลือดของเหล่าลูกเรือก็ตาม แต่ดิฉันก็จะขอรวมต่อสู้ไปด้วยกันค่ะ]
โซลาริสนั้นเปิดเผยตัวตันที่แท้จริงของเธออย่างเต็มรูปแบบ
MANGA DISCUSSION