ตอนที่47 คุณเมดประจัญบาน
ทันได้นั้นก็มีลิงปอบโผล่ออกมาแล้วจู่โจมโซลาริสจากด้านข้าง
แต่ทว่าเธอกลับไม่ใส่ใจ เพียงแค่ยื่นมือไปคว้าเขี้ยวของมันเอาไว้ระหว่างที่มันจะกัดเธอแล้วเหวี่ยงมันออกไปข้างๆ
เพียงแค่นั้นก็พอที่จะหักเขี้ยวที่ทนทานของมันได้ และส่งมันกระเด็นออกไป
“…..เมื่อกี้นี้อะไรกันน่ะ?”
“เวทมนต์เหรอ? แต่ว่าสัมผัสถึงมานาจากตัวเธอไม่ได้เลยนะ”
โดมินิค และ ชอว์นต่างก็พากันกระพริบตาปริบๆให้กับเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่ ขณะเดียวกันพวกลิงปอบต่างก็ระวังโซลาริสเพราะว่าเป็นศัตรูที่ทรงพลังแม้ว่าจะมีรูปร่างแบบนั้น ทำให้ยิ่งดึงดูดความสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ระหว่างที่ทุกคนกำลังจดจ้องไปที่โซลาริส เธอก็ชูมือทั้ง2ข้างออกไปข้างหน้า พอเธอทำแบบนั้น ตั้งแต่ส่วนข้อมือของเธอไปจนถึงปลายนิ้วก็แยกออกเผยให้เห็นโครงสร้างคาร์บอนภายในนอกจากนั้นมือของเธอก็ยังส่งเสียง คร๊องแคร๊ง ออกมาระหว่างที่มันแปลงสภาพไปเป็นปืน
[จะทำการกวาดล้างแล้วนะคะ]
กระสุนลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกมาจากมือทั้งสองข้างของเธอราวกับปืนกล
ลำแสงเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่พวกลิงปอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสียงร้องโหยหวนของพวกมันดังก้องไปทั้งป่า
โดมินิค และ ชอว์น ได้แต่ยืนอึ้งเมื่อเห็นพวกลิงปอบโดนยิงตายไปตามๆกัน
“สุดยอดเลย…..เฮ้ย ชอว์น นั่นมันเวทย์อะไรเหรอ?”
“…เท่าที่เห็นก็คิดว่าน่าจะเป็นเวทมนต์ในระบบเวทย์แสงนั่นแหละ แต่พลังทำลายขนาดนั้นน่ะ ไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนเลย”
แม้จะชอว์นจะตอบคำถามโดมินิคแต่ก็ไม่ได้ละสายตามาจากการยิงของโซลาริสเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่โดมินิค และ ชอว์นคุยกันอยู่นั้น โซลาริสก็ทำการกวาดล้างลิงปอบต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าตำแหน่งของพวกมันจะอยู่ด้านหลังของเธอ ก็จะถูกตรวจจับได้ด้วยกล้องจับความร้อนของยานไนกี้ที่มองลงมาจากด้านบน เธอจึงกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องหันไปมองเลยสักนิด
โซลาริส กางแขนออกไปทั้งสองด้านแล้วเริ่มหมุนตัว
พอทำแบบนั้นกระสุนแสงก็พุ่งออกไปในทุกทิศทางทำให้มันกระจายความเสียหายต่อพวกลิงปอบมากยิ่งขึ้น
[3วินาทีก่อนการ โอเวอร์ฮีท ….2…1… หยุดยิง สลับเข้าสูการต่อสู้ระยะประชิด ]
เมือปืนร้อนจัดจนไม่สามารถยิงต่อไปได้ โซลาริสก็เปลี่ยนมันกลับไปเป็นมือตามปรกติ
พอการยิงหยุดลง เหล่าลิงปอบที่เห็นพวกพ้องของมันถูกฆ่าตายไปมากมายก็ต่างพากันลืมเรื่องของโดมินิค และ ชอว์น แล้วพากันจ้องมองไปที่โซลาริสด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
โซลาริสผู้ที่ไม่สะทกสะท้านไปกับสายตาเหล่านั้นก็เอื้อมมือไปด้านหลังแล้วนำดาบในตำนาน (โยซาคุ คาริเบอร์จัง) ออกมา
แว้นนนน!!
.ใบเลื่อยของมันเริ่มหมุนและส่งเสียงเสียดหูดังก้องไปทั้งป่า
พอได้ยินเสียงแบบนั้นพวกลิงปอบต่างก็แสดงสีหน้าบ่งบอกว่าไอ้นั่นมันโคตรอันตรายเลยไม่ใช่เหรอ ออกมาพ ลืมความโกรธเมื่อสักครู่ไปจนหมดแล้วเริ่มพากันหนีกระเจิง
[….การกวาดล้างเสร็จสิ้น]
พอพวกลิงปอบหนีไปจนหมดโซลาริสก็ปิดเครื่องของโยซาคุคาริเบอร์จัง แล้วพูดพึมพำออกมา
รอบๆตัวเธอเต็มไปด้วยซากศพของพวกลิงปอบกระจัดกระจายไปตามพื้น
โดมินิค และ ชอว์นไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าของพวกเขาได้จงได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่เงียบๆ
[ขออภัยที่ทำให้ต้องรอค่ะ]
โซลาริสเดินเข้าไปหาพวกโดมินิค และ ชอว์น แต่พวกเขากลับหดตัวด้วยความกลัว
“ธ…เธอเป็นใครน่ะ?….”
[ดิฉันเป็นบริวารของท่านนาโอมิ ชื่อว่าโซลาริสค่ะ]
หลังจากแนะนำตัว โซลาริสก็เก็บโยซาคุคาลิเบอร์จังไปสะพายข้างหลังอีกครั้ง แล้วจับชายกระโปรงขึ้นมาถอนสายบัวอย่างมีมารยาทอีกครั้ง
“จะว่าไป นาโอมิ นี่คือชื่อของ แม่มดแห่งขุมนรก สินะ งั้นก็หมายความว่า เธอคือ ผู้หญิงหน้าตาย ที่จะมารับพวกเรา ตามที่รูดี้บอกไว้ใช่ไหม?”
พอได้รูว่า โซลาริสเป็นบริวารของแม่มดแห่งขุมนรก ชอว์นก็นึกถึงเรื่องที่รูดี้เคยบอกไว้
[แม้จะไม่พูดถึงเรื่องหน้าตาย แต่เคนที่เขาพูดถึงก็คือดิฉันค่ะ]
แม้ว่าโซลาริสจะพูดแบบนั้น แต่พวกเขากลับมั่นใจว่าตั้งแต่ที่เจอมากันสีหน้าของเธอไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว
“งั้นเหรอ…ข้าชื่อว่าโดมินิค ส่วนน้องชายของข้าชื่อว่า ชอว์น ที่มาช่วยเอาไว้เมื่อกี้นี้ต้องขอบขอบคุณอีกครั้งเลย”
[ดิฉันเพียงแค่กำจัดสิ่งที่ขัดขวางภารกิจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขอบคุณกันหรอกค่ะ]
“นี่ กระสุนแสงที่ยิงรัวๆเมื่อกี้มันเป็นเวทมนต์ที่แม่มดแห่งขมนรกสอนให้เหรอ?”
ระหว่างที่โดมินิคและโซลาริสกำลังคุยกันอยู่ ชอว์นที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนต์ก็ อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
[มันไม่ใช่เวทมนต์แต่เป็นคุณสมบัติค่ะ]
“คุณสมบัติ?”
[ค่ะ]
เธอไม่ได้โกหกแต่อย่างได เพียงแต่ว่าพวกเขาแค่ไม่รู้จักแอนดรอยด์เท่านั้นเอง
“เรื่องเวทมนต์เอาไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้เราต้องให้ความสำคัญกับการออกไปจากที่นี่กันก่อน”
[ดิฉันก็คิดเช่นเดียวกันค่ะ]
“โทษที มันก็จริงแหละ”
“จะว่าไปแล้ว คุณโซลาริส หลังจากนี่พวกเราจะเดินทางไปที่บ้านของแม่มดแห่งขุมนรก งั้นเหรอ?”
[ค่ะ ดิฉันจะนำทางเอง กรุณาตามมาได้เลยค่ะ]
พอกล่าวแบบนั้นแล้วโซลาริสก็เดินออกไปอย่างมั่นใจ
จากด้านหลังเธอนั้นโดมินิคและชอว์นหันไปมองหน้ากันเงียบๆ
“เป็นผู้หญิงที่ลึกลับจริงๆ”
“ก็นะ บริวารของแม่มดแห่งขุมนรกนี่นา”
“……….นั่นสินะ”
พวกเขาโยนเรื่องทุกอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้ไปไว้ในนามของ นาโอมิ แล้วก็รีบเดินตามโซลาริส ไป
…………………………………………………………………………..
อุณหภูมิร่างกาย… สัญญาณชีพ… การหายใจ…แรงดันเลือด ดูเหมือนจะกลับเป็นปรกติกันหมดแล้ว ถึงจะเกือบไปแล้วก็เหอะ แต่อาการของนีน่าก็ดีขึ้นแล้ว เซลมะเร็งเองก็ลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย แบบนี้ เธอน่าจะฟื้นตัวได้โดยที่ไม่ต้องผ่านการผ่าตัดล่ะนะ
ในห้องพยาบาล รูดี้กำลังตรวจสอบข้อมูลจากจอแสดงผล เพื่อติดตามอาการของ นีน่า จากด้านหลังของเขา นาโอมิเดินเข้ามาหาแล้วถามถึงสถานการณ์อย่างเป็นห่วง
“รูดี้ อาการของนีน่าเป็นยังไงบ้าง?”
“อืม…เธอกำลังฟื้นตัวได้โดยไม่มีปัญหาอะไร เดส เว้นแต่ว่าจะยังไม่คืนสติ แต่สัญญาณชีพก็กลับมาเป็นปรกติแล้ว เซลล์มะเร็งเองก็ลดลงเรื่อยๆด้วย แบบนี้เธอน่าจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ในอีกสองสัปดาห์ แล้วก็ต้องทำกายภาพบำบัดอีกสักสัปดาห์ได้ เดส”
พอได้ยินแบบนั้น คาร์ลที่ฟังอยู่ข้างหลังก็ทิ้งตัวลงไปนั่งบนพื้นราวกับว่าขาของเขาหมดแรง รู้สึกโล่งใจอย่างที่ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคำพูดได้
“อา—-จริงๆเลยนะคิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว นีน่านี่ก็เหลือเกินเลยจริงๆนะ ทั้งๆที่ตอนที่แต่งานกัน เราสัญญาว่าจะไม่มีความลับต่อกันแล้วแท้ๆเชียว”
“เอาน่า อย่าไปโกรธเธอเลย ที่นีน่าเงียบเอาไว้ก็เพราะไม่อยากจะให้เจ้าเป็นห่อวงนั่นแหละ”
ระหว่างที่เขานั่งบ่นอยู่บนพื้น นาโอมิ ก็กุมไหล่ของคาร์ลพลางปลอบใจเขา
“จะว่าไปแล้ว รูดี้”
“อะไรเหรอ เดส?”
“จริงๆแล้วฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”
รูดี้เอียงหัวพอได้ยินนาโอมิว่าแบบนั้น
“โซลาริสไม่ได้ทำอาหารไว้ให้เหรอเดส?”
“เห็นเธอรีบออกไปโดยแค่ทิ้งอาหารสำหับพกพาเอาไว้เท่านั้นเองน่ะ”
“แล้วคุณทำยังไงกับอาหารพกพาพวกนั้นเหรอเดส?”
“ก็ตามที่เห็น พวกฉันทำพลาดตอนที่พยายามจะปรุงมัน เลยกินไม่ได้น่ะ”
รูดี้เอียงหัวอีกครั้งด้วยความงุนงง เตรียมอาหารพกพาพลาดเหรอ? ได้ด้วยเหรอ? มันหมายความว่าไงน่ะ?
รูดี้ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าพากเธอเตรียมอาหารที่น่าจะจัดการได้ง่ายๆอยู่แล้วให้พลาดได้ยังไง
“จะว่าไปแล้วผมเองก็ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้วเหมือนกัน เดส”
พอนึกขึ้นมาได้แบบนั้นท้องของเขาก็ร้องออกมาเสียงดัง
“อือ…ท้องเอ๋ยจงเงียบไว้ ชิโชว ผมเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน เดี๋ยวจะเริ่มอะไรกินหน่อยเดส คาร์ลเองก็มากินด้วยกันเลย เดส”
“…..ถึงตอนนี้จะไม่มีอารมณ์อยากกินอะไรก็เถอะ แต่ถ้าไม่กินอะไรเลยเดี๋ยวจะแย่เอา งั้นไปกินสักหน่อยละกัน”
คาร์ลที่เป็นนักผจญภัยมานาน ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอ พอรูดี้ขวนไปกินด้วยกัน แม้นจะลังเลอยู่เล็กน้อยแต่เขาเลยตั้งใจว่าจะฝืนตัวเองให้กินอะไรสักหน่อย
“งั้นเรากลับขึ้นไปที่ชั้นแรกกันเลยเดส”
รูดี้ลุกจากเก้าอี้ ช่วยดึงคาร์ลให้ลุกขึ้นมาแล้วพวกเขาก็พากันกลับขึ้นไปเพื่อหาอะไรกินกัน
……………………………………………………………………
ม้าห้าตัววิ่งไปตามถนนหลังที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเมืองและหมู่บ้านที่อยู่ติดกับทางเข้าป่า พวกมันมุ่งหน้าไปที่ตัวเมือง
ผู้ที่ขี่พวกมันอยู่นั้นคือ อัลเฟร็ด และ เหล่าทหารผู้ติดตาม ใบหน้าของขานั้นปูดบวมและบิดเบี้ยวจนไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย
“แม่งเอ้ย! แม่งเอ้ย+ ยกโทษให้ไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้เด็กเวรนั่น ข้าไม่ยกโทษให้แก่แน่!”
หลังจากที่พวกรูดี้หนีไปจากหมู่บ้าน อัลเฟร็ด ที่กำลังเดือดดาลก็ฟันหัวหน้าหมู่บ้านจนตายด้วยความแค้น
ระหว่างที่ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์กำลังกรีดร้องแตกตื่น เขาก็ถ่มนำลายใส่ร่างของหัวหน้าหมู่บ้านที่ลงไปกองอยู่บนพื้นแล้วขี่ม้าออกมาจากหมู่บ้าน
ที่หมายของเขาคือตัวเมืองหลักของเขตปรกครองนี่ที่พ่อของเขาพำนักอยู่
“แม่มดแห่งขุมนรกไง! ทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของแม่มดแห่งขมนรก!! คอยดูเถอะข้าจะขอให้ท่านพ่อฆ่ามันให้ได้ ข้าจะแสดงให้มันเห็นว่าการมาดูหมิ่นขุนนางมันจะจบยังไง จงลิ้มรสของมันให้เต็มที่เลย”
เหล่าทหารต่างพากันปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาในขณะที่ลุกไหม้ไปด้วยเพลิงแค้น
ทว่ามีสิ่งที่พวกเขานั้นไม่มีทางที่จะรู้wfh
ลอยอยู่สูงขึ้นไปในอวกาศ ฮาลนั้นได้จับตามองความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ด้วยกล้องของดาวเทียมสำรวจของยานไนกี้
*(TLnote: เคลียร์เควสเสร็จสักที เหลือแค่หาเงินมาโปะที่แหว่งไป)
MANGA DISCUSSION