ตอนที่46 แม่บ้านผู้ทรหด
ผ่านไปประมาณ1ชั่วโมงตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากหมู่บ้าน เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เจอเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่เหมือนวัวและการประทะกันกลางอากาศกับโซลาริสทำให้พวกเขามาถึงช้ากว่ากำหนด ประมาณ10นาที
นีน่าที่อยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลเริ่มออกอาการหายใจลำบาก อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยล้าต่อการเดินทางอันผาดโผนทำให้พละกำลังที่มีอยู่น้อยนิดของเธอหมดไปทำให้ลมหายใจของเธอแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมีชีวิตอยู่
“รูดี้คุงเร็วเข้า ดูเหมือนนีน่าจะแย่แล้ว”
“อยู่ต่อหน้าเราแล้วเดส”
“ตรงหน้านี่มัน….”
พอคาร์ลหันกลับมามองข้างหน้าก็พบว่ากำแพงพุ่มไม้หนาๆก็เกือบจะแตะจมูกของเขาแล้ว
“น่ะ!!”
คาร์ลเตรียมพร้อมสำหลับการประทะโดยกานก้มลงกอดนีน่าเอาไว้แน่น
แต่ทว่าพวกเขากลับผ่านเข้าไปโดยไม่ได้ชนกับอะไรแล้วโผล่ออกมาอยู่ในลานหน้าบ้านของนาโอมิ
“มันเป็นแค่ภาพลวงตาของชิโชว เดส”
พอได้ยินรูดี้อธิบาย คาร์ลที่เหงื่อตกก็โล่งใจ
รูดี้นั้นได้ผ่านการปลดคาถาลวงตาของนาโอมิออกไปแล้ว เขาจึงมองไม่เห็นพุ่มไม้เหล่านั้น
“ในที่สุดก็มาถึงสักทีเดส”
พอรูดี้จอดแอโร่ไบค์ที่หน้าบ้าน นาโอมิและฟรานซ์ที่ได้ยินเสียงของเครื่องยนต์ก็ออกมาที่ระเบียง
“รูดี้!”
“คุณพ่อ คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ?”
นาโอมิและฟรานซ์ร้องถามพวกเขาด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวเอาไว้คุยกันที่หลัง คาร์ล ตามมาทางนี้เร็ว เดส!”
“โอ้!”
แม้ว่ารูดี้จะไม่อยากให้คาร์ลเห็นชั้นไต้ดินแต่สถานการณ์ตอนนี้มันจำเป็นต้องทำแบบนั้น
รูดี้จึงจำใจพาคาร์ลเข้าไปที่ห้องพยาบาลในชั้นไต้ดิน
คาร์ลอุ้มนีน่าเดินตามรูดี้ลงไปในชั้นไต้ดินจากทางเข้าในครัว พอลงไปสุดปลายขั้นบันได้ก็ได้พบกับ ฐานที่พักไต้ดินของรูดี้
เขาตกตะลึงไปกับสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ทว่าให้ความสำคัญกับการรักษา นีน่ามากกว่าสิ่งอื่นได เขาจึงไม่ถามอะไรกับรุดี้
“ขอรบกวนหน่อย เดส”
พอเข้าไปในห้องพยาบาลรูดี้ก็ชักดาบสั้นออกมาแล้วเริ่มทำการตัดเชือกที่มันร่างของนีน่าและคาร์ลไว้ด้วยกัน
“ใช้ดาบได้คล่องดีนะ”
“เทียบกับ ฮาซัน ของคุณไม่ได้หรอก เดส”
ระหว่างที่เขากล่าวชมคาร์ลก็เรียกโดรนออกมาผ่านระบบสื่อสารไร้สาย
{โดรน เข้ามาตรวจอาการ เก็บตัวอย่างเลือด แล้วก็ทำ CT แสกน ด่วนเลย}
พอรูดี้สั่ง พวกโดรนพยาบาลที่รออยู่มุมห้องก็เริ่มเคลื่อนไหว
ตัวหนึ่งเก็บตัวอย่างเลือดจากแขนของ นีน่าที่นอนอยู่บนเตียง ในระหว่างที่อีกตัวส่องแสงสีเขียวออกมา แสกน ร่างของเธอ
แม้ว่าคาร์ลจะตกใจในตอนแรก แต่เขาเชื่อมันในรูดี้ เขาจึงยืนดูอยู่เฉยๆ
“รูดี้คุง อาการของนี่น่าเป็นยังไงบ้าง?”
นาโอมิเข้ามาในห้องเพื่อดูสถานการณ์ แม้ว่าฟรานซ์เองจะอยากที่ตามเข้ามาด้วยแต่นาโอมิสั่งให้เขารออยู่ในห้องนั่งเล่น
“ผมกำลังตรวจร่างกายของเธออยู่เดส เพราะอาการของเธอมันไม่ใช้การบาดเจ็บแต่เป็นโรคชนิดหนึ่ง เพราะงั้นต้องเตรียมการรักษาและยาหลายๆอย่าง นอกจากนั้นยังต้องใช้ถังบำบัดด้วย มันจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกับตอนที่รักษามะเร็งให้ชิโชวเลยล่ะ เดส”
รูดี้อธิบายไปพลางใช้งานแผงควบคุมระบบรักษาไปด้วย
เมื่อผลการทำ CT แสกน แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ รูดี้ก็ถึงกับไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“นีน่า เธอเป็นพวกบ้าความทรหดรึไงเดส? ทำไมถึงได้ทนเงียบไว้ซะนานขนาดนั้นล่ะ? เซลมะเร็งมันกระจายไปทั่วร่างแล้วเนี่ย…”
รูดี้ทึ่งกับสิ่งที่เห็น แต่นีน่าเองก็มีเหตุผลให้ต้องทนกับมัน
ในอวกาศนั้น แม้แต่มะเร็งระยะสุดท้ายก็เป็นสิ่งที่รักษาให้หายขาดได้อย่างไม่ยากนัก แต่บนดาวดวงนี้มันเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ นีน่านั้นรู้คัวดีว่าโรคของเธอนั้นรักษาไม่หายเธอจึงทนเอาไว้เพราะอยากที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ไปกับคาร์ลที่เธอรักมากๆจนถึงนาทีสุดท้าย
เพราะอย่างนั้นเธอจึงปิดเงียบเอาไว้ไม่ยอมบอกใครเม้แต่คนเดียว
“ละ..แล้วเราจะรักษา นีน่าได้หรือเปล่า?”
“อืม—รอเดี๋ยวเดส”
พอตอบคาร์ลไปแบบนั้นรูดี้ก็หันกลับไปที่แผงควบคุมอีกครั้งแล้วค้นหาวิธีรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“มดลูก กระเพาะอาหาร ตับ ตับอ่อน ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่…. เอาจริงๆแล้วระบบทางเดินอาหารทั้งหมดมันพังยับเยินไปหมดเลยนี่นะ แปลกแฮะ ทำไมคนๆนี้ถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ล่ะเนี่ย?”
ได้ยินรูดี้บ่นพึมพำมาแบบนั้น ทั้งนาโอมิละคาร์ลต่างก็ตกตะลึงหน้าซีดเผือด
“ชิโชว คาร์ล นีน่าใช้เวทมนต์แบบไหน เดส?”
“เวทย์ที่ นีน่าถนัดก็คือ เวทย์ฟื้นฟู น่ะ”
ดูท่าว่าสาเหตุที่ นีน่า ยังไม่ตายก็คงจะเป็นเพราะเวทมนต์นั่นแหละ
พอคิดได้แบบนั้นคาร์ลก็ตอบรูดี้ไปทันที
“เวทย์ฟื้นฟู?”
“เวทย์ฟื้นฟูก็คือ เวทมนต์ที่ใช้มานาในการรักษาร่างกายจากพิษหรือความเจ็บป่วยจากโรคต่างๆน่ะ”
พอเห็นรูดี้เอียงหัว นาโอมิก็อธิบายรายระเอียดให้เขาฟัง
“เวทมนต์นี่เอามาใช้รักษาโรคได้ด้วยเหรอ เดส?”
“สำหรับไข้หวัดทั่วไป อาการฟันผุ การบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆและอาการป่วยทั่วๆไปก็ได้แหละ แต่ อาการหนักๆอย่างที่นีน่าเป็นอยู่เนี่ย แม้แต่นักบวชระดับสูงเองก็คงไม่ไหวหรอก ”
รูดี้จำได้ว่าเขาเห็น ชอว์นทำอะไรสักอย่างตอนที่เขาไปพบนีน่าในหมู่บ้าน แล้วสงสัยว่านั่นมันเวทย์ฟื้นฟูหรือเปล่านะ
“เวทมนต์นี่มันจะสะดวกเกินไปแล้ว ถ้าวิทยาการด้านการแพทย์ไม่พัฒนาเพราะมันละก็ มนุษยชาติได้ล่มจมแหงๆเลยเดส”
รูดียักไหล่แล้วหันกลับไปดูที่หน้าจอแสดงผลอีกครั้งแล้วก็เริ่มบ่นพึมพำเบาๆในระดับที่ไม่มีใครได้ยิน
“….ก็พอจะเข้าใจเหตุผลที่ยังรอดอยู่แล้วล่ะ แต่พอดูระดับการแพร่กระจายแล้ว มันจะต้องเป็นภาระอย่างหนักต่อร่างกายของเธอแน่ๆ ถ้าจะรักษาทุกๆจุดในคราวเดียวเลย ในช่วงระหว่างที่ทำการรักษาอยู่นั้นเธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนีด้วยสิ อา…แย่ชะมัด แย่จริงๆเดส”
จากการใช้อาการของ นีน่า เป็นพื้นฐาน รูดี้ทำการปรับส่วนผสมของสารเคมีบำบัดที่จะใช้ หลังจากนั้นรูดี้ก็สั่งให้โดรนนำร่างของ นีน่าไปใส่ในถังบำบัดข้างๆที่เธอจะต้องอยู่ในนั้นในสภาพเปลือยล่อนจ้อน
“จะพาเธอไปที่ไหนน่ะ!?”
พอเห็นพวกโดรนพยายามจะพา นีน่าไป คาร์ลก็รีบเข้ามาหยุดเอาไว้
“คาร์ล ใจเย็นไว้เดส หลังจากนี้เราจะให้ นีน่าเข้าไปอยู่ในถังบำบัดเพื่อเริ่มการรักษากันแล้ว แต่ว่ามันจำเป็นต้องให้เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าน่ะ เพราะงั้นเลยกะจะให้พวกโดรนพาไป หรือว่าจะให้ผมทำก็ได้นะ ถึงจะไม่ได้สนใจเมียคนอื่นก็เถอะ แต่จะให้คนอื่นมาเห็นร่างเปลือยของ นีน่ามันจะดีแล้วเหรอ เดส? ”
“….เข้าใจแล้ว งั้นให้พวกโดรนพาไปเถอะ”
พอได้ยินคำอธิบายของรูดี้ คาร์ลก็ใจเย็นลง ในขณะเดียวกัน นาโอมิที่ยืนดูอยู่ข้างๆก็พยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่าคาร์ลมีจุดอ่อนกับคำว่า เมียคนอื่น
……………………………………………………………………………………………………………………..
ในขณะเดียวกัน โดมินิค กับ ชอว์น ที่รูดี้เตือนว่าอย่ากลับไปที่หมู่บ้านแต่ให้หนีเข้าไปในป่า ก็หลบหนีจากทหารของ อัลเฟร็ดได้สำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากลับโดนอย่างอื่นไล่ล่าอยู่
“ชอว์น มาทางนี้เร็ว”
“ไม่ไหวหรอกพี่ เราโดนล้อมไว้แล้ว”
“แม่งเอ้ย!!”
พวกเขากำลังโดน ลิงปอบ ไล่ล่า เจ้าพวกลิงกินคนที่มีความสูงประมาณเมตรครึ่งนั้นปกคลุมด้วยขนสีนำตาล มีเขี้ยวขนาดใหญ่และฝันแหลมๆงอกออกมาจากปากของมันอย่างยุ่งเหยิง นั้นสามารถบดกระดุกได้อย่างง่ายดาย พวกมันมักจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงตามป่ารอบนอก พวกมันออกหากินตอนกลางคืน และเหยื่อของมันนั้นก็มีทั้ง กระต่าย นก หมูป่า และยังรวมไปถึงมนุษย์ด้วย
“จากด้านหลัง!”
“รับทราบ!”
ขวานของโดมินิค ฟาดลงไปที่เจ้าลิงปอบที่แอบเข้ามาโจมตีจากด้านหลัง พอมันตกลงไปบนพื้นพร้อมกับแผลที่โดนผ่าสพายแล่งลงไปถึงช่วงท้อง ฝูงของมันก็เริ่มเข้ามารุมฉีกมันกินในขณะที่มันทุรนทุรายอย่างทรมาน
พอเห็นแบบนั้นโดมินิคและชอว์นก็อยากจะเบือนหน้าหนี
พวกลิงที่ไม่สามารถเข้าไปร่วมวงได้ก็ร้องออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเริ่มพยายามข่มขู่ พวกเขา และทันไดนั้นพวกมันก็กรูกันเข้ามา
“คมดาบแห่งสายลมจงออกมา!”
ชอว์นร่ายเวทย์ แล้วก็ส่งคมมีดสายลมออกไปจัดการกับศัตรู ส่วนพวกที่หลุดเข้ามาได้ ก็จะถูกโดมินิคฟาดด้วยขวานศึกของเขา
แต่ทว่าพวกลิงปอบกลับพากันออกมาจากป่ามากขึ้นเรื่อยๆ ห้อมล้อมพวกเขาไว้ พวกเขาจึงหันลังชนกันเตรียมตัวรับชะตากรรม
“อา….ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะช่วยคุณแม่ได้หรือเปล่า แต่ดุท่าคงจะไม่ได้เจอหน้ากันซะแล้วสิ”
“อย่ามายอมแพ้เอาง่ายๆสิ สู้ไปให้ถึงที่สุดซะ”
โดมินิค ดุ ชอว์นที่ทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด
พวกลิงปอบที่ล้อมพวกเขาอยู่ค่อยๆบีบวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ
ในขณะที่พวกมันจะเริ่มการโจมตีครั้งใหญ่ ก็มีลำแสงพุ่งเข้าไปเป่าหัวชองหนึ่งในพวกมันกระจุยหายไป
“น่ะ!”
“เมื่อกี้อะไรน่ะ?”
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตกตลึงกับลำแสงเมื่อสักครู่ โซลาริสก็โผล่ออกมาจากความมืดของป่าแล้วแสดงการทักทายอย่างสุภาพต่อ โดมินิค และ ชอว์น
[ท่านโดมินิค และ ท่านชอว์น ใช่ไหมคะ? ดิฉันมารับแล้วค่ะ]
โดมินิค และ ชอว์น ต่างก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่เมื่อได้เห็นทั่งรูปลักษณ์และท่าทางของโซลาริสที่ไม่เข้ากับสถานการณ์เลยสักนิด
*(TLnote: ยังต้องเคลียร์เควส อีก2ตัว)
MANGA DISCUSSION