ตอนที่41 ซิ่งทะลุป่า
รูดี้และคาร์ลขับแอโร่ไบท์พุ่งทะยานตัดผ่านเข้าไปในป่า
รูดี้นั้นได้ติดตั้ง แผนที่สามมิติจากฐานข้อมูลของยานในกี้แล้วใช้มันสนับสนุนการควบคุมแอโร่ไบท์ผ่านสมองอิเลคทรอนิกส์ของเขาทำให้เข้าสามารถพุ่งทะยานเข้าไปในป่าและหลบหลีกต้นไม้ได้อย่างปลอดภัยแม้ว่าจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า70กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ว่าในตอนแรกคาร์ลจะร้องออกมาทุกครั้งที่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะชนเข้ากับต้นไม้ แต่ทว่าเขานั้นเป็นนักรบผู้มากประสบการณ์ก็ค่อยๆปรับตัวได้แล้วเริ่มที่จะสนุกไปกับมัน
“เจ้านี่มันวิ่งได้ไวขนาดนี้ นี่มันสุดยอดไปเลยนะ”
“เพราะว่าเราอยู่ในป่าเลยจำกัดความเร็วเอาไว้เดส แต่ถ้าเอาจริงละก็มันเร่งความเร็วได้ถึง350กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยเดส”
“ถึงข้าจะไม่แน่ใจว่าความเร็วต่อชั่วโมงมันคืออะไรแต่ก็พอจะเข้าใจว่ามันยังเร็วได้อีกละนะ”
ระหว่างที่พวกเขาขับแอโร่ไบท์ต่อไปก็เห็นว่ามีต้นไม้ล้มอยู่ข้างหน้า
“หมอบลงให้ไวเลยเดส!!”
ได้ยินรูดี้ว่าแบบนั้นคาร์ลก็หมอบลง แล้วแอโร่ไบท์ที่พวกเขาขับอยู่ก็พุ่งผ่านด้านล่างของมันไปอย่างรวดเร็ว
“อุโฮ้!!”
คาร์ลหันกลับไปมองทางที่พวกเขาผ่านมาก็เหงื่อตก แต่ใบหน้าของยิ้มออกมา
“แล้วมันจะต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะไปถึงหมู่บ้านล่ะ?”
“ปรกติแล้วมันจะใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงถ้าอ้อมไป แต่คราวนี้เราจะใช้ทางลัดกัน เดส”
“ทางลัด….อย่าบอกนะว่าจะโดดข้ามหุบเหวไปน่ะ?”
คาร์ลตกตะลึงเมื่อได้ยินรูดี้ว่าแบบนั้น
เส้นทางระหว่างหมู่บ้านที่ชายป่ากับบ้านของนาโอมินั้นมันมีหุบเหวลึกที่แบ่งแยกพื้นที่ทั้งสองออกจากกันอยู่ โดยปรกติแล้วการที่จะเดินทางไปมานั้นจะต้องใช้ทางอ้อมที่ค่อนข้างไกลออกไปทางทิศไต้
“ตามที่ว่ามาเลยเดส!”
แต่ทว่ารูดีกลับตอบว่าจะโดดข้ามไปจริงๆ
แม้คาร์ลจะทึ่งกับคำตอบของเขาแต่ทันได้นั้นเขาก็นึกถึงใบหน้าของนี่น่าขึ้นมา
ข้าได้ฝากชีวิตเอาไว้กับเจ้านี่ไปแล้วแท้ๆป่านนี้จะยังมากลัวอะไรอยู่ล่ะ!
เมื่อความลังเลชั่วขณะของเขาปลิวหายไป คาร์ลก็ตระโกนตอบรูดี้
“เอาล่ะ จัดมาเลย!!”
“อย่าตกใจจนฉี่ราดล่ะ เดส!”
รูดี้ตระโกนตอบกลับไป
เมื่อเห็นหุบเหวใกล้เข้ามารูดีก็เร่งความเร็วของแอโร่ไบท์
เมื่อลอดผ่านช่องว่างระหว่าต้อนไม้ออกมา รอยแยกบนพื้นที่กว้างกว่า60เมตรก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขา
“เกาะแน่นๆล่ะเดส!”
ได้ยินแบบนั้นคาร์ลก็เกาะเข้ากับรูดี้ให้แน่นที่สุกเท่าที่จะทำได้
เมื่อร่มเงาของใบไม้ในบ่าที่อยู่ตามทางของแอโร่ไบท์เปิดออก ตัวเครื่องของมันก็สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย ระหว่างที่มันพุ่งทะยานออกไปในอากาศ
หลังจากที่สายตาของคาร์ลปรับตัวกับแลงจ้าอันฉับพลันเขาก็พบว่าตัวเองกำลังลอยข้ามขอบเหว
“โอ้วววว!”
คาร์ลที่กำลังตกตะลึงระหว่างที่เขาบินออกไปในท้องฟ้าก็ร้องออกมา
พอมองลงไปในเหวก็พบว่ามันมีลำธารไหลผ่านอยู่ข้างล่าง แล้วพอหันกลับมาดูด้านหน้าก็พบว่าหน้าผาของอีกฝั่งกำลังใกล้เข้ามา
แอโร่ไบท์ร่อนลงพื่นของอีกผังแล้วเด้งขึ้นมาอีกครั้ง รูดี้จึงกำเบรคเพื่อให้มันหยุดลง
“เมื่อกี้นี้มันอันตรายเป็นบ้าเลยเดส”
“….นั่นสินะ”
แม้ว่าคาร์ลจะตื่นเต้นที่ได้บินไปบนฟ้าแต่ก็ต้องเหงื่อตกเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งทำลงไป
“รูดี้คุง ดูเหมือนว่าพวกเราจะคึกกันเกินไปหน่อยละนะ”
“….จะว่าแบบนั้นก็จริงเดส นี่มันเป็นความผิดของชิโชวที่มายุเราก่อนจะออกมาเดส”
รูดี้โยนความผิดให้นาโอมิที่ทำให้เขาคึกคะนอง หลังจากนั้นพวกเขาก็ขับแอโร่ไบท์เข้าไปในป่าอีกครั้งโดยที่ลดความเร็วลงเล็กน้อย
“ฮัชชิ่ว!!”
ในขณะเดียวกัน นาโอมิที่โดนรูดี้โยนความผิดให้ก็จามออกมาสียงดัง ระหว่างที่นั่งอยู่บนระเบียงที่บ้านของเธอ
“ท่านนาราคุ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“……ไม่เป็นไรหรอก”
ฟรานซ์เห็นแบบนั้นก็ทักขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่นาโอมิโบกมือให้พลางตอบปฏิเสธ
แม้ว่านาโอมินั้นจะบอกกับคาร์ลว่าเธอจะสอน ฟรานซ์เกี่ยวกับเวทมนต์ แต่ทว่าเธอนั้นไม่เคยรับลูกศิษย์หรือได้สอนใครจริงๆมาก่อน
รูดี้ที่เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวนั้นก็ใช้เวทมนต์ไม่ได้เพราะเข้าไม่มีมานา และสิ่งเดียวที่เธอทำก็เพียงแค่พูดเกี่ยวกับการทำงานของเวทมนต์ในระหว่าที่พวกเขาดื่มเหล้ากันเท่านั้น
แม้นาโอมิจะรู้สึกสงสัยว่านี่มันเรียกได้ว่าการสอนเวทมนต์หรือเปล่าแต่รูดี้กลับพึงพอใจแล้วบอกว่าพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญ เธอจึงคิดไปว่า”ก็นะ เอาแบบนั้นก็ได้”
ดังนั้นนาโอมิผู้ซึ่งไม่เคยได้สอนใครจริงๆจึงบอกให้ ฟรานซ์ แสดงเวทมนต์ของเขาให้เธอดู แล้วจึงใช้เวทมนต์ของเธอสร้างเป้าทดสอบรูปร่างคล้ายมนุษย์ให้ในสวน
ฟรานซ์ นั้นตกตะลึงเมื่อเห็นนาโอมิสามารถใช้เวทย์ดินสร้างหุ่นทดสอบขึ้นมาอย่างง่ายดาย ก็ตอบรับอย่างแข็งขันแล้วเริ่มแสดงการใช้เวทย์ลมที่เขาถนัดโดยเล็งไปที่เป้าซ้อมยิงเหล่านั้น
เพราะคาร์ลนั้นมักจะอวดถึงความสามารถของ ฟรานซ์ ให้ฟังอยู่บ่อยๆ นาโอมิจึงคิดว่า ฟรานซ์นั้นคงจะมีความสามารถไม่น้อย
เขาควบคุมพลังของมันได้อย่างแม่นยำ จำกัดการใช้มานาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และแสดงให้เห็นถึงสมาธิอันแน่วแน่ ทำให้คมมีดสายลมของเขาเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ
ระหว่างที่นาโอมิมองดู ฟรานซ์แสดงเวทมนต์ของเขาไป เธอก็พลางคิดย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธออายุพอๆกัน
ในตอนนั้นฉันเอาแต่ปล่อยพลังออกมาโดยที่ไม่สนใจเรื่องการอัตราการใช้งานของมานาแม้แต่นิดเลยนี่นา อ๊ะ!….แบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะสอนให้พอดีน่ะสิ!!
พอนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่มีอะไรที่มีประโยชน์พอจะสอนให้เขาได้ เธอก็เริ่มเอามือขึ้นมากุมหัว
ทว่าในขณะเดียวกัน ฟรานซ์ที่ยิงเป้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าก็พอว่ามันไม่มีความเสียหายเลยแม้แต่น้อยก็เริ่มที่จะรู้สึกข้องใจ
“เอ๋!…. โดนเข้าไปขนาดนี้แล้วก็ยังไม่พังอีกเหรอ…..เธอใส่มานาเข้าไปในนั้นเท่าไหร่เนี่ย?”
หุ่นเป้าซ้อมยิงเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นโดยมานาอันเข้มข้นของนาโอมิ มันจึงมีความทนทานสูงมากเสียจน ฟรานซ์ ไม่สามารถจะทำลายมันได้ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
แม้ว่ามันจะทำให้ค่าความนับถือของ ฟรานซ์ที่มีต่อนาโอมิจะเพิ่มขึ้นเพราะเรื่องนี้ แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้รับรู้ถึงมันและคร่ำครวญต่อไป
“เอาล่ะ มาพักกันไว้แค่นี้ก่อนเถอะ”
“อา..ครับ”
หลังจากที่นาโอมิได้เห็นเวทมนต์ของ ฟรานซ์แล้วเธอก็ชวนเขาไปนั่งพักที่โต๊ะบนระเบียงบ้าน
[เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับคุณค่ะ]
“สึปอโตะ? เอ๊ะ? อา ขอบคุณครับ”
พอ ฟรานซ์นั่งลง โซราลิส ก็เสิร์ฟเครื่องดื่มเกลือแร่เย็นๆมาให้
“……อร่อยจัง”
ฟรานซ์นั้นรู้สึกลังเลเมื่อเห็นเครื่องดื่มสีขาวขุ่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรก็ลองดื่มดูแล้วพบว่ามันอร่อยกว่าที่คิด
“คือว่า ท่านนาราคุ คิดว่าเวทมนต์ของผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
“…..ก็ดูธรรมดาดีนะ”
พอได้ยินนาโอมิว่าแบบนั้น ฟรานซ์ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาหดหู่ออกมาอย่างชัดเจน
“ธรรมดา เหรอครับ……”
“พื้นฐานของเธอนะแน่นพอแล้ว ที่เหลือก็แค่เอามันมาประยุคใช้ อย่างเมื่อกี้นี้เธอก็แค่ยิงใบมีดสายลมออกไปเท่านั้น แต่ถ้าพยายามใส่ความพลิกแพลงเฉพาะตัวข้าไปด้วยมันจะกลายเป็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้นได้นะ”
“ความพลิกแพลงเฉพาะตัว?”
ฟรานซ์เอียงหัวงุนงงเพราะไม่เข้าใจว่าจะใส่ความพลิกแพลงเฉพาะตัวลงไปในเวทย์พื้นๆอย่างคมมีดสายลมได้อย่างไร
“ตัวอย่างก็ ถึงแม้คมมีดสายลมของเธอมันจะโปร่งใส แต้ถ้าสัมผัสเอาจากมานาแต่ก็จะรู้ได้ว่ามันจะมาจากทางไงล่ะ“
“ครับ”
“พอถึงตรงนั้นก็ลองใส่สีลงไปในใบมีดดูสิ มนุษย์น่ะมักจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่มองเห็นมากกว่าสัมผัสของมานา ถ้าเธอยิงใบมีดที่มีสีออกไปแล้วแฝงใบมีดที่ไร้สีปะปนไปด้วยกัน คุ่ต่อสู้ก็มักจะ เพ่งเล็งไปที่ใบมีดมีสีแล้วก็จะพลาดท่าให้กับอันที่ไร้สีไปแทนไง”
พออธิบายจบนาโอมิก็ร่ายคาถา แล้วยิงคมมีดสายลมที่มีสีออกไป มันพุ่งตรงเข้าไปที่เป้าหมายแล้วเด้งขึ้นไปตามทาง พลาดเป้าไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าในขณะที่ ฟรานซ์ยังไม่รู้ตัว มันได้มีใบมีดไร้สีแยกตัวออกมาจากอันที่มีสีแล้วพุ่งเข้าผ่าเป้าหมายออกจากกันในแนวตั้ง
“….สุดยอด”
พอ ฟรานซ์ ได้เห็นเวทมนต์ของนาโอมิ เข้า ทีแรกเขาก็ตกตลึงไปกับความเป็นเอกลักษณ์ของมัน แต่ก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นพลังทำลายของมัน ที่สามารถผ่าป้าซ้อมยิงที่เขาทำอะไรมันไม่ได้ออกเป็นสองซีกได้อย่างง่ายดาย
“ก็…เป็นอะไรประมาณนี้แหละ”
“เป็นตัวอย่างที่ดีมากเลยครับ”
ฟรานซ์ มองนาโอมิด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพ
“….ถ้างั้นเรามาเข้าบทบรรยายภาคทฤษฎีกันเลยดีกว่า มาลองคิดดูกันว่าเราจะดัดแปลงอะไรออกมาจากเวทมนต์ของเธอได้บ้าง”
“ครับ!”
ฟรานซ์นั้นเริ่มที่จะเข้าใจความหมายของ”การบรรยายภาคทฤษฎี”ที่รูดีพูดถึงจึงพยักหน้าตอบ
ในขณะเดียวกันนั้น นาโอมิกลับคิดว่า “แบบนี้มันดีแล้วเหรอ?” ซึงสวนทางกันกับ ฟรานซ์ที่กำลังปลื้มอยู่
“มันคงไม่เป็นไรมั้ง…”
*(TLnote: จบกิจกรรม กลับมาแปลต่อด้วยความเร็วปรกติ)
MANGA DISCUSSION