ตอนที่39 อาการของ นีน่า
“ทั้งสองคนออกมาเถอะ”
พอนาโอมิส่งเสียงเรียก รูดี้กับโซลาริส ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“ให้ตายสิ ….ก็อุตส่าห์บอกให้ไปซ่อนแล้วแท้ๆ….”
นาโอมิถอนหายใจยาวๆเมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของรูดี้ กับโซลาริสที่ยังคงหน้าตายอยู่ตลอดเวลา
“สองคนนี้อาศัยอยู่กับเจ้างั้นรึ?”
“ลูกศิษย์ของฉันชื่อรูดี้ กับ บริวารชื่อว่าโซลาริสน่ะ”
พอได้ยินนาโอมิตอบแบบนั้น คาร์ลก็เบิกตากว้าง
“คนที่เกลียดมนุษย์เข้าไส้อย่างจ้าเนี่ยนะ รับลูกศิษย์!?!”
“….ก็นะ เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างมันมันเถอะ โซลาริส พอดีว่าฉันลืมเสิร์ฟชาให้สองคนนี้น่ะ ช่วยไปเอามาให้หน่อย”
[รับทราบค่ะ]
พอได้ข้ออ้างในการหนี โซลาริสก็หลบหายเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้นเธอยังใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวินาที ในการโค้งคำนับ หันกลับ และเดินเข้าไปในครัวอีกด้วย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนน่าตกใจ
“หนีไปคนเดียวแบบนั้นมันขี้โกง เดส!”
รูดี้ที่ถูกทิ้งไว้คนเดียว ตระโกนไล่หลังโซลาริสที่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว อย่างโกรธเคือง
เมื่อลองสังเกตรูดี้หลังจากได้ยินว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของแม่มดแห่งขุมนรก ฟรานซ์ก็เอียงหัวด้วยความสงสัย
สาเหตุที่ทำให้เขาคิดแบบนั้นก็เพราะ ในการใช้งานเวทมนต์ มานาในร่างกายนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ถ้าหาก รูดี้เป็นลูกศิษย์ของแม่มดแห่งขุมนรกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังลำก็ เขาเองก็ต้องมีพรสวรรค์ในด้านเวทมนต์เช่นกัน
แต่ทว่า จากการสังเกตของ ฟรานซ์ ในร่างกายของรูดี้นั้นกลับไม่มีมานาอยู่เลย
ระหว่างที่ ฟรานซ์ กำลังงุนงงอยู่นั้น คาร์ลก็เริ่มคุยกับ รูดี้
“เธอชื่อรูดี้สินะ? ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อคาร์ล ส่วนนั่นคือลูกชายของข้าเอง ชื่อว่า ฟรานซ์ ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อ รูดี้ เดส”
รูดี้โค้งคำนับระหว่างที่กล่าวทักทาย คาร์ล
คาร์ล และ ฟรานซ์ ต่างยิ้มออกมาให้กับการทักทายอันสุภาพของเขา
“เป็นเด็กที่สุภาพดีนะ”
“เปล่าหรอก เจ้านี่มันแค่ไม่คุ้นเคยกับภาษาของที่นี่เท่านั้นแหละ”
พอได้ยินคาร์ลว่าแบบนั้นนาโอมิก็ยิ้มแห้งๆตอบ
“อย่างนั้นหรอกเหรอ?”
พอเขามองดูรูดี้ดีๆอีกครั้งหลังจากที่นาโอมิว่าแบบนั้นก็พบว่า เขากำลังสวมเสื้อผ้าของขาวต่างแดนอยู่ บางที่เจ้าหนูนี่อาจจะมาจากแดนไกลก็เป็นได้
“ถ้าลองได้พูดคุยกับเขาดูก็จะรู้ได้เองแหละ คำพูดมันยุ่งเหยิงแย่สุดๆเลยล่ะ …รูดี้ คาร์ลกับฉันเคยทำงานด้วยกันตอนที่ฉันยังเป็นนักผจญภัยอยู่น่ะ เขาเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงมากเลยล่ะ ส่วน ฟรานซ์เนี่ยฉันเองก็เพิ่งจะได้พบกันเป็นครั้งแรกเหมือนกัน เท่าที่เห็นแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงกำลังเติบโตก็เหอะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีพรสวรรค์ด้วนเวทมนต์อยู่ล่ะนะ ”
ดูเหมือนว่า ฟรานซ์ จะดีใจ หลังจากที่ถูกชมโดยแม่มกแห่งขุมนรกผู้โด่งดัง
เข้าเลยพยายามกล่าวทักทายรูดี้ดูบ้าง
“รูดี้คุง ผมชื่อว่า ฟรานซ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ว่าแต่เธอได้เรียนเวทย์แบบไหนมาจากท่านแม่มกแห่งขุมนรกกันเหรอ?”
“ทางทฤษฏี เดส”
“ทฤษฏี?”
ฟรานซ์หรี่ตาลงเมื่อได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึง นาโอมิที่ฟังอยู่ก็เริ่มหัวเราะออกมา
“พื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญนะ ตอนที่ชิโชวกำลังดื่มเหล้า ผมก็นั่งฟังอะไรหลายๆอย่างไปด้วย เดส”
“……………” (0_0)???
(TLnote: ถ้าแปลแบบรักษารูปแบบการใช้คำของรูดี้ ตรงที่มันจะพูดว่า “พื้นฐานสำคัญนะ ชิโชวดื่มเหล้า ในตอนนั้น พูดหลายๆอย่างฟังไปซะ เดส ”)
ระหว่างที่ ฟรานซ์นั้นแปลกใจกับวิธีการพูดของรูดี้ คาร์ลก็หลุดหัวเราะออกมา
“อาฮาฮาฮาฮา มันยุ่งเหยิงไปหมดจริงๆด้วย รูดี้คุง นี่เธอมาจากประเทศทางตอนเหนืองั้นรึ?”
“ทำไม่ถึงรู้ได้ล่ะ เดส?”
รูดี้ประหลาดใจที่คาร์ลสามารถคาดเดาถึงการตั้งค่าของนักผจญภัยจากแดนเหนือของฮาล ได้อย่างถูกต้อง
“นานมาแล้วข้าเคยได้คุยกับนักผจญภัยที่มาจากชนบทในประเทศทางตอนเหนือที่เรียกกันว่า นอร์ทเทิ่นพาเลซ มาก่อนน่ะ เจ้านั่นมันพูดแบบเดียวกันกับเธอเลย ว่าแต่เธอเดินทางมาถึงที่นี่ได้ยังไงเหรอ?”
พอได้ยินคาร์ลว่าแบบนั้นรูดีก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาพลางคิดไปว่า “คนๆนี้ อันตราย”
“รูดี้ เธอเองก็มานั่งด้วยกันสิ ตอนนี้เมียของคาร์ลกำลังป่วยหนักอยู่ พวกเราเลยกำลังจะมาคุยกันถึงอาการของเธอน่ะ เธอเองก็ควรจะมาฟังด้วย แล้วถ้าเธอรู้สึกถึงอะไรละก็ช่วยบอกฉันด้วยล่ะ”
ระหว่างที่รูดี้กำลังลนลานว่าตัวตนกำลังจะถูกเปิดเผย นาโอมิก็ลงเรือชูชีพมาช่วยกู้สถานการณ์จากข้างๆ
“ขออนุญาตละกัน เดส”
โซลาริสกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับชาสำหรับพวกเขา หลังจากเสิร์ฟชาเสร็จแล้วเธอก็ถอยออกไปยืนชิดกำแพงอย่างรวดเร็ว
“นี่เธอ รีบหนีไปคนเดียวแบบนั้นมันขี้ขาดเกินไปแล้วแล้ว”
[การที่ไม่เข้าไปเกะกะมันก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของเมดเหมือนกันค่ะ]
“คุนุนุ…”
พอรูดี้พยายามที่จะบ่นให้เธอผ่านการเชื่อมต่อของสมองอิเล็คทรอนิคส์ของเขา ก็โดนตอบกลับมาว่ามันเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเธอ เขาจึงได้แต่กัดฟัน
“เอาล่ะ ในเมื่อชาก็มาแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาพูดถึงอาการของ นีน่า กัน อาการของเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“อา..นีน่า น่ะ……………….”
คาร์ลนั้นกำลังประหลาดใจไปกับชารสเริศ แต่ก็ตั้งสติกลับมาได้แล้วเริ่มพูดถึงอาการของ นีน่า
“อาการของเธอทรุดหนักเมื่อประมาณห้าวันที่แล้ว ดูเหมือนว่าเธอก็รู้สึกไม่ดีมาหลายวันแล้ว แต่เธอดันหุบเงียบเอาไว้เพราะไม่อยากทำให้พวกเราเป็นห่วง อาการหลักๆของเธอคือ มีไข้สูง เวียนหัว อาเจียน แล้วก็มีอาการปวดบริเวณช่องห้อง ตอนี้เธอได้แต่นอนทนปวดอยู่บนเตียงโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย”
พอได้ฟังถึงอาการของ นีน่าจากปากของ คาร์ล สีหน้าของนาโอมิก็เริ่มซีดลงเรื่อยๆ
“อาจจะเป็นไปได้ว่า นีน่า กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูกของเธอก็เป็นได้…..”
“ข้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคอยู่เลย ช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม ถ้ามันมีปัญหาที่มดลูกของ นีน่า ล่ะก็ เราจะมีวิธีรักษาเธอได้หรือเปล่า?”
พอคาร์ลถามแบบนั้น นาโอมิที่มีสีหน้าสิ้นหวังก็ส่ายหัวอย่างช้าๆ
“…..เธอไม่น่าจะมีเวลาเหลือมากแล้วล่ะ สิ่งที่ฉันพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ทำให้เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดจนกว่าเวลาจะมาถึงเท่านั้น”
“จริงเหรอเนี่ย….”
คาร์ลนั้นคิดว่านาโอมิอาจจะชวยเขาได้ถึงกับตลึงแล้วเอามือขึ้นมากุมหัวเมื่อได้ยินคำตอบ
ฟรานซ์ ที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็ ช็อก จนไม่สามารถที่จะคิดอะไรได้อีกเช่นกัน
เมื่อเห็นสภาพของทั่งสองคน นาโอมิ ทีกำลังมีสีหน้าเป็นกังวลก็หันไปมองรูดี้
นาโอมิเองก็เคยทนทุกข์กับโรคมะเร็งมาจนถึงไม่นานมานี้ แต่ทว่า ยาที่ผลิตโดยวิทยาการอันล้ำยุคที่รูดี้นำมานั้นได้รักษาโรคทุกอย่างที่เธอเคยมีอยู่จนหมด เธอจึงคิดว่าถ้าเธอใช้มันเพื่อรักษา นีน่า ละก็ มันก็อาจจะเป็นไปได้
รูดี้เองก็พอจะเดาได้ว่านาโอมิกำลังคิดอะไรอยู่จากสายตาที่เธอมองมา
แต่ทว่า ในการที่จะรักษา นีน่า เขาจะต้องนำเธอเข้าไปอยู่ในถังบำบัด และเมื่อเริ่มทำการรักษาด้วยวิธีนั้น มันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะถูกพบว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว
เขาอยากที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าจะปฏิเสธแม้ว่านาโอมิจะร้องขอก็ตาม
“นีน่า เป็นผู้มีพระคุณของฉันน่ะ”
“ชิโชว?”
รูดี้ขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆนาโอมิก็พูดกับเขา
“ฉันเคยเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหมว่าเมื่อก่อนฉันถูกเรียกว่าแม่มดแห่งขุมนรกน่ะ ตอนที่ฉันได้พบกับคาร์ล และ นีน่า ใบหน้าของฉันมันก็น่ารังเกียจเพราะแผลไฟไหม้ และด้วยพลังเวทย์ที่มหาศาล กับพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมที่เกิดจากความสิ้นหวัง ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว และฉันเองก็เกลียดคนพวกนั้นด้วยเหมือนกัน ใช่แล้วล่ะ ตอนนั้นน่ะ มันเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ”
รูดี้ตั้งใจฟังเรื่องที่นาโอมิเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ในขณะเดียวกันในหัวของเขากลับมีความคิดบ้าๆอย่าง “โอ้โห นี่มันฟังดูเท่ห์เป็นบ้าเลย ฉันเองก็อยากจะลองพูดอะไรแบบนี้บ้างจัง” ลอยขึ้นมา
“ในตอนที่ที่ฉันกำลังเป็นแบบนั้น นีน่ากลับปฏิบัติกับฉันอย่างอ่อนโยน เพราะอย่างนั้นฉันก็เลย…ก็นะ พอจะฟื้นคืนสติ ความเป็นเหตุเป็นผลกลับมาได้บ้างนั่นแหละ”
พอว่าอย่างนั้นนาโอมิก็หลุดหัวเราะออกมา
“มันเป็นความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ เดส”
“…..เอาเถอะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะช่วย นีน่าเท่าที่ฉันจะทำได้แหละ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรูดี้ล่ะนะ”
“ชิโขว ขี้โกง เดส”
รุดี้จ้องเป๋งไปที่นาโอมิผู้โยนความรับผิดชอบของชีวิตคนอื่นมาให้เขา
“หุหุหุ จะโดนเกลียดซะแล้วหรือเปล่าน่ะ?”
นาโอมิยกถ้วยชาที่เริ่มจะเย็นลงแล้วขึ้นมาจิบพลางยิ้มเศร้าๆ
“ของแค่นั้นไม่ทำให้ผมเกลียดหรอก เดส”
รูดี้เชิดหน้าแล้วพ่นลมออกมาทางจมูกดังๆ
คาร์ลไม่เข้าใจเบื้องหลังของการสนทนาของพวกเขา
แต่ทว่าเขาเข้าใจว่านาโอมินั้นมั่นใจว่ารูดี้สามารถรักษาโรคของ นีน่าได้ และฝากฝังมันไว้กับการตัดสินใจของเขา
“รูดี้คุง! ถึงข้าจะไม่รู้หรอกว่าเธอจะรักษา นีน่าได้ยังไง แต่ถ้า แม่มดแห่งขุมนรกคิดว่าเธอทำได้ละก็ มันต้องมีวิธีอยู่สินะ ขอร้องล่ะ ช่วยรักษาเมียของข้าด้วยเถอะ ถ้าทำได้ละก็ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้าก็เอาไปได้เลย”
คาร์ลลุกจากโซฟามันก้มหัวคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าเขา
ฟรานซ์เองพอเห็นแบบนั้นก็ทำตามคาร์ลไปด้วย
“ข้อร้องล่ะ ได้โปรดช่วยคุณแม่ด้วยเถอะ”
พอเห็นพวกเขาทั้งสองที่จู่ๆก็ก้มหัวขอร้องอย่างสิ้นหวัง รูดี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
*(TLnote: (´ཀ」 ∠) กิจกรรมยังไม่ทันจบ โดนหวัดกินอีกละ เพิ่งจะหายได้3-4วันดันเป็นอีกรอบ )
MANGA DISCUSSION