ได้รับคำชมจากผู้ฝึกสอนการต่อสู้ แคนดี้ เมื่อชูทาโร่ก็มาถึงหน้าประตูที่เป็นจุดนัดพบ เขาพบรถม้าขนสัมภาระที่จอดอยู่หน้าประตูและผู้เล่นอีกสองสามคน
คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มนักธนูที่ดูใจดี
คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนตัวเล็กที่ถือโล่และดาบ
คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผมดำยาวที่ถือไม้เท้า
และอีกคนหนึ่งคือ
“ช้ามาก!”
เสียงตวาดของหญิงวัยกลางคนทำให้ชูทาโร่รีบวิ่งไปรวมกลุ่ม
เธอมีรูปร่างที่อวบอ้วนไม่ธรรมดา
สวมชุดเกราะเดรสสีเทาหลวมๆ มีผมสีม่วงเป็นเอกลักษณ์ หญิงวัยกลางคนคนนั้นจ้องมองชูทาโร่ราวกับกำลังประเมินเขา
“เธอเลเวลเท่าไหร่?”
“เอ่อ 31 ครับ!”
“หืม งั้นก็ให้ผ่านก็ได้”
ชูทาโร่งงงวยกับคำพูดกะทันหันนั้น ชายวัยกลางคนรีบเข้ามาห้าม
“อ๊ะ เอ่อ คุณริวิลครับ? ไม่ควรแสดงท่าทีแบบนั้นกับเด็กที่เพิ่งเจอครั้งแรกเลยนะครับ…”
“อะไรกันยะ? ฉันอยากจะพูดอะไรกับเด็กที่มาสายก็เรื่องของฉันไม่ใช่รึไง?”
หญิงวัยกลางคนยังคงสาดคำด่าใส่ชายวัยกลางคน และชายคนนั้นก็ก้มหัวขอโทษตลอดเวลา
ชูทาโร่ตะลึงกับเหตุการณ์กะทันหันนั้น
ทันใดนั้น เสียงจากจอมมารก็ดังขึ้นในความคิด
‘น่านัลเกียจจริงๆ … จะกำจัดเลยดีไหมครับ?’
‘อื้อ ไม่เป็นไร!’
ชูทาโร่พยายามปลอบเอลลอร์ดที่น่าจะกำลังมองลงมาจากฟ้าเบื้องบน
ทั้งๆ ที่มีเขตแดนเวทมนตร์กางอยู่ ทำไมเอลลอร์ดถึงสามารถรับรู้ถึงชูทาโร่และคนอื่นๆ ได้ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกซ่อนไว้นั่นก็คือเขตแดนเวทมนตร์นั้นมี “ขีดจำกัด” ในการป้องกัน แต่ผู้เล่นในอริสโทราสที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขนั้นไม่มีทางรู้ได้เลย
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นเรื่อยๆ
อีกสองคนก็เดินเข้ามาใกล้ราวกับฉวยโอกาสที่ไม่มีปีศาจอยู่
“อย่าไปใส่ใจหล่อนเลย ตอนพวกเรามาถึงก็เป็นแบบนี้แหละ”
ชูทาโร่มองไปที่ชายหนุ่มสองคนแล้วพยักหน้าพลางมองหญิงผมสีม่วง
“มาแนะนำตัวกันหน่อยไหม ฉันชื่อคิอิจิ เป็นนักธนูเลเวล 25 น่ะ”
คิอิจิย่อตัวลง ปรับระดับสายตาให้เท่ากัน แล้วยื่นมือออกไปขอจับมือ ชูทาโร่ตอบรับอย่างยินดี
คราวนี้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดปากพูด
“ส่วนฉันชื่อโยชิโนะ เป็นนักบวชเลเวล 25 จ้ะ”
โยชิโนะสวมเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่โคร่ง ส่วนคิอิจิสวมเกราะหนังที่ดูคล่องตัว
“ผมชื่อชูทาโร่! นักดาบเลเวล 31ครับ!”
“สุดยอดเลยนะ เลเวล 31 เลยเหรอเนี่ย ฉันเห็นในรายการปาร์ตี้แล้วยังตกใจเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของนักธนูคิอิจิ ชูทาโร่ที่สงสัยจึงมองไปที่รายการปาร์ตี้ที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอ
รายชื่อปาร์ตี้:
* ทาเนะดะ (หัวหน้าทีม) พลทหาร เลเวล 23
* นักธนู คิอิจิ เลเวล 25
* นักบวช โยชิโนะ เลเวล 25
* นักดาบ ชูทาโร่ เลเวล 31
* นักอัญเชิญ ริวิล เลเวล 28
(คุณริวิลเป็นนักอัญเชิญสินะ… แล้วชายคนนั้นล่ะ จะอ่านว่าอะไรนะ)
ขณะที่ชูทาโร่กำลังคิดเรื่องนั้น การตำหนิของริวิลก็สิ้นสุดลงแล้ว และทั้งสองก็เดินเข้ามาหา
“ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ผมชื่อทาเนะดะ เป็นพลทหาร เลเวล 23 ครับ”
ทาเนะดะค่อนข้างอวบเล็กน้อยบริเวณหน้าท้อง สวมชุดเกราะเต็มตัวที่เปิดเฉพาะส่วนบังหน้าออก แขนมีโล่กลมขนาดเล็ก และมีดาบโผล่จากเอว
และริวิลก็เปิดปากพูด
“ก่อนจะทักทาย ฉันขอถามเพื่อความแน่ใจหน่อยนะ การเดินทางครั้งนี้เป็นภารกิจ ‘ไป-กลับจากอริสโทราสถึงเมืองเอมาโร’ ฉันขอห้ามการออกกลางคันนะ ตกลงไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น คิอิจิและโยชิโนะสบตากันแล้วพยักหน้าเบาๆ ชูทาโร่กำลังคิดว่า “ทำไมต้องถามเพื่อความแน่ใจในเมื่อมันเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอยู่แล้วล่ะ?” และริวิลที่ถือว่าความเงียบเป็นการยอมรับก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“งั้นก็ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะ ฉันชื่อริวิล เป็นนักอัญเชิญ อีกอย่าง หน่วยนี้กำลังรับสมัครสมาชิกอยู่นะ ถ้าภารกิจนี้ทำได้ดีก็จะชวนเข้าร่วมนะ”
ริวิลพูดพลางมองไปที่คิอิจิและโยชิโนะ ทั้งสองพยักหน้าเงียบๆ อย่างยอมแพ้
ชูทาโร่ไม่ทันสังเกตว่าทาเนะดะและริวิลสวมเกราะสีเทา ซึ่งเป็นเครื่องแบบของกิลด์เครสต์ ในขณะที่คิอิจิและโยชิโนะไม่ได้สวมเครื่องแบบ เรื่องนี้มีเหตุผลเบื้องหลังอยู่
ทั้งสองคนเดิมทีมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่เมืองอื่น และในความเป็นจริงแล้ว ตอนที่วาตารุกับอัลบากำลังรวมพลกลุ่มแนวหน้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังอริสโทราส ทั้งสองคนก็ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากที่ต้องการย้ายฐานปฏิบัติการ และกลับมาในรูปแบบที่เรียกว่า “I-Turn”
หลังจากนั้น พวกเขาก็เข้าสังกัดกิลด์เมื่อกลับมาถึงอริสโทราส แต่เนื่องจากเพิ่งเข้าสังกัดได้ไม่นานจึงยังไม่ได้สวมเครื่องแบบ ในทางกลับกัน ทาเนะดะและริวิลสวมเครื่องแบบมาโดยตลอดเพราะพวกเขาเป็นสมาชิกหน่วยรบของกิลด์เครสต์มาตั้งแต่สมัยก่อน
กล่าวคือ สมาชิกประจำหน่วยที่ 38 มีเพียงสองคนที่สวมเกราะ ส่วนอีกสามคนรวมถึงชูทาโร่อยู่ในสถานะคล้ายกับผู้เข้าร่วมทดลอง เหตุผลที่สมาชิกประจำลดเหลือเพียงสองคนนั้นจะปรากฏขึ้นในภายหลัง…
คิอิจิพยายามเปลี่ยนบรรยากาศโดยทักชูทาโร่
“คุณชูทาโร่ ทำไมถึงมาอยู่หน่วยนี้ล่ะครับ?”
ชูทาโร่ตอบว่า
“ผมมาเพราะได้ยินว่าที่นี่มีนักอัญเชิญครับ!”
คนที่อารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้นคือริวิล
“โอ้โห! อย่างนั้นเหรอเนี่ย? สัตว์อัญเชิญของฉันมันพิเศษนะ ก็เข้าใจได้นะว่าทำไมถึงสนใจนักอัญเชิญที่ไม่ใช่คนไหนก็ได้เนี่ย! ก็ตามนั่นล่ะนะ ก็มันเป็นสัตว์อัญเชิญที่หายากและมีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นแทงค์เลยนี่นา!”
ริวิลพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ชูทาโร่เอียงคอเล็กน้อยแล้วตอบกลับไป
“ผมไม่สนหรอกว่าเป็นนักอัญเชิญคนไหน แค่เป็นนักอัญเชิญก็พอแล้วล่ะครับ!”
“…!”
เมื่อชูทาโร่ตอบด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา โยชิโนะก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ริวิลหน้าแดงก่ำแล้วโต้กลับพลางน้ำลายกระเด็น
“งั้นก็ไปเข้าหน่วยอื่นสิยะ!”
“อ๊ะ? ถ้าอย่างนั้น…”
“พอแล้วน่าาา ไปทำภารกิจกันดีกว่าไหม?”
ทาเนะดะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่น่าอึดอัดและพยายามประสานงาน ริวิลก็แค่นเสียงอย่างไม่พอใจ
ม้าที่ลากรถก็เริ่มเคลื่อนที่ และชูทาโร่กับคนอื่นๆ ก็ออกเดินทางไปข้างนอกด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด
เจ้าเหล็กไหล ไอออน
พอออกมาที่ทุ่งราบ ริวิลก็ชักไม้เท้าขึ้นมา
กำลังจะอัญเชิญสัตว์อัญเชิญสินะ
ชูทาโร่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ส่วนคนอื่นๆ ก็เฝ้าดูอย่างเงียบๆ
“ออกมาเลย ไอออน!”
ราวกับตอบรับเสียงเรียกของริวิล ร่างมนุษย์ในชุดเกราะสนิมก็ปรากฏขึ้นราวกับผุดขึ้นมาจากพื้นดิน
ชุดเกราะดูบึกบึนกว่าเครื่องแบบของกิลด์เครสต์เสียอีก สภาพดูเก่าและทรุดโทรม และสีที่เคลือบไว้ก็ลอกออกเป็นบางส่วน
ดวงตาสีเหลืองที่มองลอดออกมาจากช่องเกราะส่องแสงเรืองรองน่าขนลุก เสียงหายใจของมันชวนให้นึกถึงสัตว์ร้ายขนาดใหญ่
“นี่คือคู่หูของฉัน และเป็นแทงค์ของหน่วยที่ 38 ชื่อว่าไอออน มันสะดวกสบาย ไม่บ่นอะไร และไม่เคยเหนื่อยเลยด้วย เป็นเครื่องมือที่เยี่ยมยอดที่สุดไปเลบใช่ไหมล่ะ”
ริวิลพูดพลางตบไอออน
แม้จะมีเสียงดังกังวาน แต่ไอออนก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย มันเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ส่วนชูทาโร่ก็ประทับใจมาก
“สุดยอดเลย! ยักษ์เหล็กล่ะ! หุ่นยนต์!”
“โธ่เอ๊ย เป็นเด็กจริงๆ เลยนะเนี่ย หวังว่าในการต่อสู้จะพึ่งพาได้นะ?”
คำบ่นของริวิลไม่เข้าหูเลย
ชูทาโร่จ้องมองก้อนเหล็กเก่าๆ นั้นอย่างพิจารณา
มันมีรูปลักษณ์ที่โดนใจผู้ชายจริงๆ ดูแข็งแกร่งจนน่าเชื่อว่าเป็นแทงค์ได้ แต่ใบหน้าของคิอิจิและโยชิโนะที่มองก้อนเหล็กเก่าๆ นั้นกลับยังคงหมองหม่น
MANGA DISCUSSION