โลกอันงดงามที่มีต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านเสียดฟ้า
เหล่าสัตว์น้อยใหญ่รวมตัวกันตามลำต้นที่ปกคลุมด้วยมอส นกร้องเพลงผสานเสียงผีเสื้อโบยบิน
ภายใต้แสงสว่างจากดอกไม้ขนาดใหญ่คล้ายระฆังสีขาว สองร่างก้าวเดินบนทางหินสีขาว ชูทาโร่และเบอร์ทรานด์ อัศวินผมทอง
“โลกสวยดีจังเลยนะ”
“ที่นี่ไม่เคยมีใครมาเยือนมาก่อนเลยสักคน รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันครับ”
ชูทาโร่กวาดสายตามองรอบข้างด้วยดวงตาเป็นประกาย ขณะที่เบอร์ทรานด์เกาศีรษะเดินอยู่ข้างๆ เขา
เดินไปได้สักพักก็เห็นเมืองอยู่ข้างหน้า
“นั่นคือประเทศของพวกเราเหล่าเอลฟ์ครับ”
“ว้าว! สุดยอดไปเลย!”
น้ำตกขนาดมหึมาปรากฏขึ้นกลางป่าอย่างกะทันหัน
เมืองหินโบราณรุ่งเรืองอยู่ใจกลางหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยน้ำตกทั้งสี่ด้าน
มีเพียงทางหินสีขาวที่ทอดยาวไปถึงเมืองเท่านั้นที่เป็นเส้นทางเดียวที่จะเข้าสู่เมืองได้ เบื้องลึกลงไปในหุบเขามีเพียงกระแสน้ำเชี่ยวกรากและความมืดมิด
“ถ้าตกลงไปคงเลัน่าดูเลยนะ…”
“คนที่พวกเราไม่ต้อนรับจะเข้ามาไม่ได้ครับ ถ้าตกลงไปแล้วก็คงไม่รอด จะโดนกระแสน้ำขุ่นมัวกลืนกินแล้วก็หายไปเลย”
เบอร์ทรานด์หัวเราะอย่างสนุกสนานพลางก้าวฉับๆ ไปตามทางหินสีขาว
ชูทาโร่มองลงไปเบื้องล่างครู่หนึ่ง กลืนน้ำลายเอือก ก่อนจะกอดปุเนียวแน่นแล้วรีบเดินตามอัศวินผมทองไป
* * * *
(ไม่มีคนอยู่เลยแฮะ)
เมืองที่เงียบเหงา….
นั่นคือความรู้สึกแรกที่ชูทาโร่สัมผัสได้
เมืองที่สร้างและตกแต่งอย่างสวยงามแห่งนี้ กลับมีผู้คนหรือก็คือเอลฟ์อาศัยอยู่น้อยนิดจนไร้ซึ่งชีวิตชีวา
เบอร์ทรานด์จ้องมองภาพอันเงียบเหงาตรงหน้าอย่างเงียบงัน
“ครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นประเทศที่รุ่งเรืองมากครับ ว่ากันว่ามีจำนวนประชากรไม่น้อยไปกว่ามนุษย์เลยทีเดียว”
ลมเย็นยะเยือกพัดโชยมา
ชูทาโร่เงียบฟังคำพูดของเบอร์ทรานด์
“ตอนที่ผม ‘กลายเป็น’ จอมมาร เผ่าเอลฟ์ก็เสื่อมถอยจนถึงที่สุดแล้ว ตอนนี้พวกเราไม่ได้หวังที่จะเพิ่มจำนวนเพื่อกลับไปรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วล่ะครับ สิ่งที่เผ่าเอลฟ์ปรารถนาในตอนนี้มีเพียงความสงบสุขเท่านั้น”
“ขออภัยด้วยนะครับที่พูดเรื่องเศร้าๆ” เบอร์ทรานด์กล่าวพลางก้าวเดินต่อไป
ชูทาโร่มองตามแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของเขา พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี
* * * *
พวกเขามาถึงปราสาทสีขาวโพลนที่ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยทั่วทั้งหลัง
เบอร์ทรานด์หยุดอยู่ที่ลานฝึกซ้อมมุมหนึ่งของปราสาท
รอบๆ นั้นมีเหล่าเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในปราสาททยอยมารวมตัวกันบ้างแล้ว
จากสารานุกรมมอนสเตอร์รอบป่าดิบเซอร์กัวร์ ได้มีการระบุไว้ว่า เผ่าเอลฟ์เป็นมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์สูง ด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของพวกเขา จึงสามารถพูดคุยและอยู่ร่วมกันได้
ทว่า ขุนนางมนุษย์ที่ชื่นชอบรูปลักษณ์งดงามของพวกเขาได้ลักพาตัวเอลฟ์ไปเป็นทาส และเมื่อพบว่าสามารถสกัดอวัยวะเวทมนตร์คุณภาพดีจากร่างของพวกเขาเพื่อนำไปปลูกถ่ายให้กับมนุษย์ทำให้ได้รับพลังเวทมนตร์สูงขึ้น การล่าสังหารจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนจำนวนของพวกเขาลดลงอย่างมาก
เอลฟ์ทุกตนล้วนเป็นนักธนูและนักล่าที่เก่งกาจ พวกเขาอาศัยรวมตัวกันเป็นหมู่บ้านลึกเข้าไปในป่าดิบเซอร์กัวร์เพื่อซ่อนตัวจากการรุกรานของมนุษย์
เอลฟ์ที่ยังคงอยู่ในป่าดิบเซอร์กัวร์คือกลุ่มที่เบอร์ทรานด์ไม่สามารถชักชวนพามาด้วยได้… ปัจจุบัน เผ่าเอลฟ์จึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่อยู่ในโลกของเบอร์ทรานด์ และกลุ่มที่อยู่ในส่วนลึกของป่าดิบ
มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีผิวขาวซีดและหูแหลม
พวกเขามองชูทาโร่ ผู้เป็นศัตรูของมนุษย์ด้วยท่าทีหวาดระแวง
“ทุกคนจงฟัง บุคคลนี้คือนายเหนือหัวของฉัน ฉันได้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านผู้นี้อย่างสุดหัวใจ ขอให้พวกท่านอย่าได้แสดงความไม่เคารพเป็นอันขาด”
เหล่าเอลฟ์โค้งคำนับอย่างลึกซึ้งตามคำพูดของเบอร์ทรานด์ สำหรับพวกเขา เบอร์ทรานด์คือราชาผู้มีอำนาจสูงสุด และคำพูดของราชาก็คือบัญชาประกาษิต
ชูทาโร่รู้สึกกระอักกระอ่วนกับภาพนั้น แต่ก็ยังคงรู้สึกเหงาใจกับจำนวนคนที่น้อยนิด
เบอร์ทรานด์กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องคนของผมหรอกครับ” พลางหันหน้ามาทางชูทาโร่
“เอาล่ะ… ถึงจะเรียกว่าฝึกซ้อม แต่ก็แค่ฝึกสกิลซ้ำๆ เท่านั้นแหละครับ ท่านมีเลเวลสูงก็จริง แต่ ‘ความชำนาญ’ ยังต่ำอยู่ ผมจะช่วยเพิ่มให้เองครับ”
เบอร์ทรานด์หยิบดาบไม้สองเล่มออกมาจากช่องเก็บของในมิติเสมือน แล้วยื่นให้ชูทาโร่เล่มหนึ่ง
ความชำนาญ
คือค่าสเตตัสที่แสดงถึงคุณภาพของสกิล มีตัวเลขตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 100
การเพิ่มความชำนาญนี้ไม่ได้ทำให้เรียนรู้สกิลใหม่ แต่การที่คุณภาพของสกิลสูงขึ้น จะส่งผลดีหลายด้าน เช่น เพิ่มพลังโจมตีและความแม่นยำ ลดการใช้ MP หรือลดระยะเวลาการร่าย
ยกตัวอย่างเช่น ทักษะของนักดาบอย่าง สามดาบต่อเนื่อง
เป็นสกิลโจมตีที่สามารถโจมตีเป้าหมายด้วยการฟันอันทรงพลังได้สูงสุดสามครั้ง
หากเลเวลสกิลนี้อยู่ที่ 1 พลังโจมตีจะอยู่ที่ 《130%》 แต่ถ้าเลเวลสกิลอยู่ที่ 100 พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นถึง 《330%》
เพลย์เยอร์จะได้รับสกิลใหม่ๆ ที่แข็งแกร่งขึ้นจากการเลื่อนระดับหรือเปลี่ยนอาชีพ แต่พลังของสกิลเหล่านั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตามระดับความชำนาญ
หลังจากวางปุเนียวลงบนพื้น ชูทาโร่รับดาบไม้มาพลางถาม
“ได้ยินมาว่าการเพิ่มความชำนาญมันยากมากเลยนี่นา แค่ฝึกสกิลอย่างเดียวก็พอเหรอ?”
“ครับ ความจริงมันก็ประมาณนั้นแหละครับ แต่เรื่องนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วย ‘ยูนีคสกิล’ ของผม ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยครับ!”
“อืม เข้าใจแล้ว!”
ทั้งสองคนเป็นประเภทที่ไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิม
การฝึกของชูทาโร่เริ่มต้นขึ้นภายใต้การดูแลของเบิร์ทแรนด์
ยูนีคสกิล เร่งพลังชีวิต ของเบิร์ทแรนด์ เดิมทีมีไว้เพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาตัวเองตามธรรมชาติ แต่ก็สามารถเร่งการเติบโตของเป้าหมายได้ด้วย ทำให้มีผลพลอยได้ เช่น การเติบโตของความชำนาญทักษะ และ การลดค่าประสบการณ์ที่จำเป็น นั่นหมายความว่าสามารถดูดซับการฝึกในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ก่อนอื่นช่วยปิด ‘ระบบช่วยเหลือ’ นั่นด้วยครับ พอมีแล้วร่างกายมันขยับเองรู้สึกแปลกๆ น่ะครับ”
“หืม? งั้นก็ทำตามนั้นละกัน”
ชูทาโร่ทำตามที่บอกแล้วปิด “ฟังก์ชันระบบช่วยเหลือ” จากหน้าเมนู
เบอร์ทรานด์ที่เป็น NPC ก็สามารถเปิดหน้าเมนูของตัวเองได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะ “องค์ประกอบแบบเกม” ที่มอบให้กับเพลย์เยอร์ ไม่ได้เป็นของเพลย์เยอร์แต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นสิ่งที่ถูกรับรู้ว่าเป็นสามัญสำนึกที่มีอยู่ในโลกนี้อยู่แล้ว
โลกที่ Mother ผสมผสานองค์ประกอบแบบเกมเข้าไปในกระบวนการเติบโตอย่างรวดเร็วของโลก แม้จะไม่มีฟังก์ชันออกจากระบบหรือฟังก์ชันเพื่อน แต่ NPC ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
แน่นอนว่ามีข้อแม้สำคัญว่า “NPC ทั่วไป… จะไม่คิดถึงขั้นเปิดเมนู”
“สามดาบต่อเนื่อง ย่าห์! เอ๊ะ ดาบขยับแค่ครั้งเดียวเอง เหวอ!”
ชูทาโร่ใช้สกิลแล้วเหวี่ยงดาบจนเสียหลักล้มก้นกระแทกพื้น
เบอร์ทรานด์รีบวิ่งเข้ามา
“นายเหนือหัว เป็นอะไรรึเปล่าครับ?!”
“อืม ไม่เป็นไรเลยๆ! แต่มันอะไรกันน่ะเมื่อกี้?”
ชูทาโร่พึมพำพลางมองดาบไม้
เบอร์ทรานด์ตอบด้วยท่าทีอึดอัด
“ถ้าไม่มีระบบช่วยเหลือ ก็ต้องสร้าง ‘ท่า’ เองตามสไตล์ตัวเองครับ ร่างกายก็เลยถูกแรงเหวี่ยงของดาบลากไปด้วย… ขออภัยด้วยนะครับ เอาเป็นว่าตอนแรกเรามาลองทำแบบมีระบบช่วยเหลือก่อนดีไหมครับ”
เบอร์ทรานด์เกาหน้าผากพลางกล่าว แต่ชูทาโร่ส่ายหน้าอย่างแรง
“ไม่เอาหรอก เอาทำแบบนี้แหละ! แบบนี้ถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ใช่ไหมล่ะ?”
“อ่า ครับ เมื่อกี้ผมสอนไม่ดีเองครับ ถ้าอย่างนั้นคราวนี้ผมจะอธิบายละเอียดๆ นะครับ ก่อนอื่นก็คือ…”
จากนั้นการฝึกอย่างจริงจังก็เริ่มต้นขึ้น
ชูทาโร่ล้มก้นกระแทกพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้รับคำแนะนำจากเบอร์ทรานด์แล้วลุกขึ้นยืนฝึกต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
“…”
หลังเสาในลานฝึกซ้อม
มีเงาหนึ่งจ้องมองสองคนที่กำลังเหวี่ยงดาบไม้
*********************
หลังจากนี้จะเปลี่ยนจาก นายเหนือหัว เป็น นายน้อยนะครับ เพราะว่าชูคุงอายุยังน้อย คิดว่าเรียกว่า คุณหนู หรือ นายน้อย น่าจะเหมาะสมกว่าครับ
MANGA DISCUSSION