ชูทาโร่และคนอื่นๆ กลับมายังดันเจี้ยน
เมื่อได้ยินแผนการลับของชูทาโร่ที่ถูกเปิดเผยออกมา ความตกตะลึงก็แล่นไปทั่วร่างของเหล่าจอมมาร รวมถึงเอลลอร์ดที่เพิ่งอยู่ด้วยกันเมื่อครู่ด้วย
“ไปเมืองคนเดียว…อย่างนั้นเหรอครับ?”
“มันอันตรายเกินไปนะคะ!”
เอลลอร์ดและเด็กสาวผมขาว บัมปี้ รีบเข้ามาหาชูทาโร่ บัมปี้จ้องมองเอลลอร์ดด้วยสายตาคมกริบ ราวกับจะถามว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
แผนของชูทาโร่คือ [ ไปอริสโทราสคนเดียว เข้าร่วมปาร์ตี้กับผู้เล่นคนอื่นๆ และเริ่มสร้างปฏิสัมพันธ์ ] นั่นเอง
“ก่อนอื่น ผมขอเป็นคนอธิบายสิ่งที่ได้เห็นมาในวันนี้เองครับ”
เอลลอร์ดกล่าวเช่นนั้น แล้วเริ่มเล่าต่อจากชูทาโร่อย่างใจเย็น เกี่ยวกับบาเรียที่สร้างโดยเหล่ามหาภูต กุญแจของเขาวงกตใต้ดิน และเรื่องที่ไม่มีใครในเมืองยอมคุยกับชูทาโร่เลย
จอมยักษ์การารัสถามเกี่ยวกับ “บาเรีย” ด้วยความสนใจ
“ว่าแล้วเชียวว่ามีอุปสรรคอยู่สี่จุด ถ้าแม้แต่มหาเวทระดับสูงสุดของอันดับที่ 1 ยังยากจะฝ่าไปได้ แสดงว่าพวกมันคงกำลังถวายหรือทำอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ”
“คงเป็นอย่างนั้นแหละครับ”
เอลลอร์ดตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ชูทาโร่เอียงคอด้วยความสงสัยกับคำที่ไม่คุ้นเคย
“การถวายคืออะไรเหรอ?”
“มันคือสิ่งที่เกิดจากการที่ผู้ศรัทธาถวายทุกสิ่งทุกอย่างของตนแด่เทพเจ้าที่ตนบูชาครับ ‘ศรัทธา’ ที่เป็นรูปธรรมนั้นถูกเรียกว่า ‘การถวาย’ ผลที่ได้รับคือการสร้างบาเรียโดยมีสถานที่แห่งนั้นเป็นฐาน ป้องกันการสัญจรของผู้ที่ไม่ใช่เทพเจ้า ถ้าเป็นถึงสี่มหาภูต การที่กำแพงแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นก็สมเหตุสมผลแล้วครับ”
ชูทาโร่ยังเข้าใจคำอธิบายเพิ่มเติมของเอลลอร์ดไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ เขาจึงลองพนมมือไว้ตรงหน้าอก แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เดิมที การถวายในโลกนี้เป็นสกิลที่นักบวชใช้เมื่อนึกถึงเทพเจ้า ผลของมันคือการสร้างบาเรียที่ปกป้องพื้นที่แคบกว่า 《เขตศักดิ์สิทธิ์》 ที่วาตารุเคยใช้กับคิงก็อบลินเสียอีก
ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการพักผ่อนในฟิลด์ หรือต้องการสถานที่ปลอดภัยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ การใช้ทักษะนี้จะสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวได้ นั่นคือผลของมัน
ความแข็งแกร่งของบาเรียจะเปลี่ยนแปลงไปตามพลังของการถวาย
เพราะมี 4 ตัวตนที่ใกล้เคียงกับเทพเจ้าอย่างเหล่ามหาภูตศรัทธาในโวโรเดเรีย เทพเจ้าแห่งความมืด… ขอบเขตและความแข็งแกร่งของบาเรียจึงสามารถอธิบายได้ด้วยสิ่งนี้
การารัสคำรามอย่างหงุดหงิด
อัศวินผมดำ ธีโอดอร์ถามขึ้น
“นั่นหมายความว่าถ้าจะไปรังของโวโรเดเรีย เราต้องคลาสการถวายของสี่มหาภูตก่อน…อย่างนั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้วครับ”
เอลลอร์ดพยักหน้าตอบคำพูดของธีโอดอร์
ธีโอดอร์พึมพำกับตัวเองอย่างเบื่อหน่ายว่า “ดูท่าจะเป็นงานหนักเลยนะ”
“การจะคลายการถวายก็มีแต่ต้องไปเจอโดยตรงแล้วหยุดพวกมันเท่านั้นแหละ แถมยังต้องเริ่มจากการตามหาพวกมหาภูตก่อนอีก แต่นายคงจะมีเบาะแสอะไรบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ครับ ผมพอจะคาดการณ์ได้แต่สถานที่นั้นก็มีกุญแจประหลาดล็อคอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ของที่จะทำลายได้ง่ายๆ เหมือนกัน”
“เข้าใจแล้ว น่าเบื่อจริงๆ เลย”
อัศวินผมทอง เบอร์ทรานด์ขยับสิ่งที่เหมือนบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากขึ้นลง พลางถอนหายใจมองไปยังความว่างเปล่า
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมต้องไปเมืองคนเดียว ผมคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะพูดคุยกับคนต่างๆ และหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของกุญแจและเหล่าภูต!”
เมื่อได้ยินถึงตรงนั้น เอลลอร์ดก็เงียบไปราวกับเข้าใจแล้ว ซิลเวีย สาวงามผมเงินที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์เอียงคอด้วยความสงสัย
“ขออนุญาตค่ะนายเหนือหัว แต่แทนที่จะอยู่ในชุดเกราะนั้น ถ้าเปลี่ยนแปลงรูปร่างของสไลม์ไปเป็นอย่างอื่น เช่น รูปลักษณ์ของชาวเมืองคนอื่นๆ เพื่อแทรกซึมเข้าไปล่ะคะ ถ้าทำอย่างนั้นจะมีปัญหาอะไรตามมาไหมคะ?”
ธีโอดอร์ตอบคำถามนั้น
“ถ้ามีใครสังเกตได้ว่าสิ่งที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่คือสไลม์ ไม่ว่านายเหนือกัวจะแปลงร่างเป็นอะไรก็เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น การอยู่ในชุดเกราะสีดำโดยมีพวกเราอยู่ข้างๆ จะเป็นการฉลาดกว่า”
ธีโอดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขณะหลุบตาลง
ซิลเวียเงียบไป ราวกับจะเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
“เข้าใจแล้ว ถ้าเราสามารถรวบรวมข้อมูลจากคนอื่นๆ ได้ หลังจากนั้นเราก็สามารถใช้ข้อมูลนั้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในชุดเกราะนั้นได้สินะครับ”
“ถ้าเรารู้สถานที่แล้ว พวกเราก็สามารถไปได้โดยที่ท่านไม่ต้องไปเองครับ”
เอลลอร์ดพึมพำเช่นนั้น การารัสพยักหน้าอย่างพอใจ
แต่บัมปี้ที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น
“มันอันตรายเกินไปนะคะ นั่นหมายความว่าท่านจะเคลื่อนไหวโดยทิ้งพลังป้องกันของอาบิสสไลม์ไปเลยใช่ไหมล่ะคะ? ถึงพวกเราจะรออยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็จริง…แต่พวกเรา จะให้พวกเราส่งท่านออกไปด้วยความรู้สึกแบบไหนกันคะ!”
ความเงียบปกคลุมห้องโถงบัลลังก์
ชูทาโร่ยิ้มให้บัมปี้
“ผมมีอาวุธที่ธีโอดอร์ให้มาด้วยนะ ถ้าอันตรายเมื่อไหร่ ผมจะไม่ฝืนแล้วจะเรียกทุกคนแน่นอน! เพราะงั้นทุกคนก็ช่วยเชื่อใจแล้วส่งผมออกไปด้วยนะ”
เหล่าจอมมารฟังอย่างเงียบๆ
ชูทาโร่ลูบหัวปุเนียวแล้วพูดต่อ
“แล้วก็… บางทีการทำให้ทุกคนเป็นห่วงแบบนี้ หลังจากนี้อาจจะไม่มีแล้วล่ะนะ”
“…เป็นอย่างนั้นเหรอคะ?”
บัมปี้ถามด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ชูทาโร่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“อืม! ถ้าเปลี่ยนอาชีพเป็น ‘ซัมมอนเนอร์’ ทุกอย่างอาจจะคลี่คลายได้ก็ได้นะ!”
ที่จริงแล้ว แผนลับของชูทาโร่นั้นเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น เอลลอร์ดที่เข้าใจเรื่องนี้ ตอบด้วยความระมัดระวังอย่างมาก
“ขอประทานอภัยนายเหนือหัวครับ แต่การเดิมพันทุกอย่างกับการเป็นซัมมอนเนอร์นั้นผมคิดว่ายังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่อีกมากครับ”
ถึงอย่างนั้น ชูทาโร่ก็ยังคงยิ้มแย้ม
“ถ้าสามารถหลอกว่าเป็นซัมมอนเนอร์ได้นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ผมก็จะใช้วิธีที่แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ ค่อยๆ ไขปริศนาไปทีละเมืองตั้งแต่เมืองแรก แล้ว ‘โค่นล้มเทพเจ้าแห่งความมืด’! จะยังไงก็ตาม ผมก็จะเดินไปพร้อมกับทุกคนให้ได้อยู่ดี”
ดวงตาของเหล่าจอมมารสั่นไหวกับคำพูดของชูทาโร่
คนๆ นี้…ท่านผู้นี้เลือกที่จะให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับ “เหล่าจอมมาร” เหนือสิ่งอื่นใด แม้กระทั่งยอมเสี่ยงอันตราย นั่นเป็นเพราะพวกเขาตระหนักถึงสิ่งนั้น
เหล่าจอมมารตื้นตันจนพูดไม่ออก
ช่างเมตตาเหลือเกิน
ช่างเป็นภาชนะที่กว้างใหญ่และลึกล้ำเพียงใด
ด้วยแรงกระตุ้น เบอร์ทรานด์ลุกขึ้นยืน แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก้มศีรษะลง
“นายเหนือหัวครับ ขอให้ผมได้ฝึกฝนท่านนะครับ ความเชื่อมั่นและความอ่อนโยนของท่าน ผมอยากจะตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้น มันจะต้องเป็นประโยชน์ในโลกภายนอกอย่างแน่นอนครับ”
ในขณะเดียวกัน ธีโอดอร์ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขาเท้าแขนกับบัลลังก์แล้วหันหลังให้
“ส่วนผมจะไปตีเกราะเพื่อปกป้องท่าน และอาวุธที่จำเป็นเมื่อท่านกลายเป็นซัมมอนเนอร์มาให้ครับ”
ชูทาโร่ยิ้มให้กับคำพูดของทั้งสอง
“อืม! ขอบใจนะ!”
ทั้งสองตอบรับคำพูดของชูทาโร่ว่า “ตามบัญชา” แล้วธีโอดอร์ก็หายตัวไปในโลกของตน
“ถ้าอย่างนั้นนายเหนือหัวครับ ผมจะนำทางท่านไปยังโลกของผมเองนะครับ”
“ผมจะได้ไปโลกของเบอร์ทรานด์เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!”
“เรียกผมว่าเบิร์ทเฉยๆ ก็ได้นะครับ”
ชูทาโร่พาปุเนียวและเบอร์ทรานด์ออกจากห้องโถงบัลลังก์อย่างร่าเริง เหลือไว้เพียงเหล่าจอมมารทั้งสี่
เหล่าจอมมารคนอื่นๆ ต่างก็มีความคิดของตนเอง แต่พวกเขารู้ดีว่าไม่มีใครเหมาะสมกับการ “ฝึกฝน” และ “สร้างอุปกรณ์” มากไปกว่าคนทั้งสองนั้น พวกเขาจึงได้แต่มองส่งไปอย่างเงียบๆ
“ฉ้นก็มีธุระในโลกของข้าเช่นกัน”
“ฉันก็ด้วย”
การารัสและบัมปี้กล่าวเช่นนั้นแล้วหายตัวไปในโลกของตนเอง ส่วนเอลลอร์ดและซิลเวียที่เหลืออยู่ก็กลับไปยังโลกของตนเองอย่างเงียบๆ เช่นกัน
MANGA DISCUSSION