อาริสโทราส นครหลวงที่เป็นเมืองเริ่มต้นของผู้เล่น กำลังจมดิ่งสู่ความวุ่นวาย
ผู้คนที่ถูกกักขังในเมืองนี้มีจำนวนราวๆ ประมาณ~ 350,000 คน คิดเป็นเกือบ 90% ของคนที่อยู่ในเกมนี้
เสียงร้องไห้คร่ำครวญ ความเงียบงัน ความสิ้นหวัง และเสียงตะโกนก้องกังวาน บางคนถึงขั้นคลุ้มคลั่งก่อเหตุวุ่นวาย ไม่มีใครมีสติพอจะคิดใคร่ครวญถึงความเชื่อมโยงระหว่างสภาพอากาศอันน่าสะพรึงกลัวกับมังกรมีปีกที่ปรากฏตัวออกมาได้
“ทุกคนครับ ได้โปรดใจเย็นๆ และตั้งสติก่อนนะครับ!”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังก้องกังวานไปทั่วลานกว้าง
ผู้คนที่กำลังควานหาความหวังอันน้อยนิดในห้วงแห่งความสิ้นหวังหลายคนต่างหยุดชะงัก และเงยหน้ามองเขาที่กำลังพยายามทำบางสิ่งบางอย่าง
อัศวินหลายคนที่สวมเกราะสีทึมไร้ลวดลายก้าวขึ้นสู่แท่นยืน ตรงกลางนั้นคือชายหนุ่มผมสีน้ำตาล เขาผู้นี้คือ วาตารุ ผู้ที่ในเวลาต่อมาจะกลายเป็นหัวหน้ากิลด์พิชิตดันเจี้ยนที่ใหญ่ที่สุดใน Eternity
“เดมิ-แร็ต เป็นมอนสเตอร์หลักที่พบได้ทั่วไปในบริเวณนี้มีนิสัยล่าเหยื่อกันเป็นฝูง! ส่วนเดมิ-วูล์ฟที่นานๆ จะปรากฏตัวนั้น มักจะจู่โจมโดยไร้สุ้มเสียง! ดังนั้นโปรดอย่าออกไปนอกประตูเมืองโดยไม่ได้มีการเตียมตังระมัดระวังเป็นอย่างดีนะครับ!”
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล ความตึงเครียด และความเกลียดชัง ชายหนุ่มยังคงเปล่งเสียงที่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความตั้งใจต่อไป
“หน่วยเงินตราคือ 《โกลด์》 ทุกท่านจะได้รับเงินเริ่มต้นหนึ่งพันโกลด์ ค่าเช่าโรงแรมต่อคืนคือห้าสิบโกลด์! ร้านขายของเบ็ดเตล็ดมีอาหารจำหน่ายอยู่ครับ! ที่ร้านอาวุธก็มีเครื่องมือสำหรีบป้องกันตัวอยู่ครบครันด้วยครับ! และตามเมืองใหญ่ เมืองเล็ก และหมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างก็มีประตูที่สร้างไว้ป้องกันศัตรู และมียามคอยเฝ้าอยู่ครับ!”
ผู้เล่นบางคนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานต่างหยุดการกระทำต่างๆ และตั้งใจฟังคำพูดของเขา แม้ว่าจะถูกตะโกนด่าทอจากบางคนที่ไม่เข้าใจเจตนาแต่เขาก็ยังคงกล่าวต่อไป
“พวกเรายังไม่คุ้นเคยกับโลกนี้ดีพอ! ความไม่รู้จะนำมาซึ่งอันตรายถึงชีวิตได้ครับ! แม้จะยังออกจากเกมไปไม่ได้ในทันที หรือกลับไปในตอนนี้ไม่ได้ก็ตาม แต่หากอยู่แต่ในเมือง ชีวิตของพวกคุณทุกคนก็จะปลอดภัยครับ!”
ผู้คนที่ตระหนักแล้วว่าความ “เจ็บปวด” เมื่อล้ม หรือเมื่อตะโกนนั้นเป็นของจริงต่างก็ตั้งใจฟัง ไม่มีใครในที่นี้อีกแล้วที่จะเชื่อว่าข้อความจากทีมงานผู้พัฒนาจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
เหล่าผู้ที่เคยคลุ้มคลั่งอาละวาดต่างก็พากันทรุดตัวลงร้องไห้สะอื้น กอดคอกันให้กำลังใจกันและกัน พร้อมกับตั้งใจฟังคำปราศรัยของเขา
“พวกเราเคยเล่นในช่วงเบต้าเทสต์มาก่อน แม้จะช่วยได้เพียงเล็กน้อย แต่พวกเราสามารถจัดหาค่าที่พักและอาหารสำหรับทุกคนที่นี่ได้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์! พวกเราสามารถเป็นพลังยับยั้งผู้ที่กำลังก่อความวุ่นวายได้! และพวกเราพร้อมที่จะช่วยเหลือครับ! ท่านที่มีความมุ่งมั่น สามารถร่วมกับพวกเราล่ามอนสเตอร์ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อสะสมความแข็งแกร่งในการหาเงินด้วยตนเอง! เพื่อให้ได้รับพลังในการดำรงอยู่ต่อไป!”
ผู้คนจำนวนมากมองเห็นแสงแห่งความหวังในตัวของวาตารุ แม้จะไม่ถึงกับเป็นผู้กอบกู้ที่จะปลดปล่อยพวกเขาจากโลกนี้ได้ แต่ก็มีความรู้สึกอุ่นใจที่ทำให้พวกเขารู้สึกอยากจะยึดเหนี่ยวเป็นหลักในยามคับขันนี้
วาตารุสูดหายใจลึก ก่อนจะกล่าวปิดท้ายคำปราศรัย
“พวกเราคือ กิลด์ 《เครสต์》! พวกเราจะถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทราบเกี่ยวกับระบบ กฎเกณฑ์ และวิธีการเอาชีวิตรอดในโลกนี้ ได้โปรดอย่ายอมแพ้ต่อความสิ้นหวังนะครับ!”
ทุกคนไม่มีแก่ใจจะปรบมือ แต่คำปราศรัยที่กล้าหาญของเขาก็ซึมซับเข้าไปในจิตใจของผู้คนมากมาย
ผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับความรู้เรื่องเกมไม่สามารถเข้าใจคำศัพท์ที่เขาใช้ได้ทั้งหมด แต่ อย่างน้อยพวกเขาก็ประทับใจในความเข้มแข็งและความเยือกเย็นของเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์กว่าพวกเขามากที่พยายามควบคุมสถานการณ์
ผู้เล่นนับหมื่นคนที่อยู่ในลานกว้างกลับมาสงบลง และเจตจำนงของเขาก็แพร่กระจายออกไปราวกับคลื่น ทำให้การปราบปรามผู้ก่อความวุ่นวายเป็นไปอย่างรวดเร็ว
****
ชูทาโร่ที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สังเกตว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่สะอาดสะอ้าน
ผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์สัมผัสนุ่มสบาย
มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ คล้ายดอกไม้
(ที่นี่มัน…?)
ภาพที่ชูทาโร่เห็นเมื่อลุกขึ้นคือห้องกว้างใหญ่และมืดมิดที่มีผู้คนผิวหนังไหม้เกรียม โครงกระดูกในเสื้อผ้าขาดวิ่น สาวงามหน้าซีดเผือด และคนที่พันผ้าพันแผลทั้งตัวเดินเตร็ดเตร่ไปมา
ที่มุมห้องมีดาบ เกราะ ไม้เท้า เสื้อผ้า และอื่นๆ ที่เปื้อนคราบสีดำคล้ำวางประดับอยู่…
บรรยากาศน่าขนลุก
แม้แต่ชูทาโร่ที่ไม่ได้กลัวเรื่องผีสาง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลง
“ฮึย…!”
ทันใดนั้น เหล่าอสุรกายทั่วทั้งห้องก็หันขวับมาจ้องมองเขาเป็นตาเดียว
เหนือศีรษะของพวกมัน ปรากฏตัวอักษร mob ขึ้นอย่างชัดเจน
“หยุดนะ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นภายในห้อง เหล่าอสุรกายที่เดินเตร็ดเตร่ได้อย่างอิสระ จัดแถวไปยังมุมห้อง ราวกับกำลังทำความเคารพ…คุกเข่าลงข้างหนึ่งและก้มศีรษะ
คนที่ปรากฏตัวออกมาจากด้านในคือเด็กสาวผมขาวคนนั้น
ชูทาโร่ที่รู้สึกโล่งใจกำลังจะเอ่ยปากทักแต่ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ เพราะในมือของเด็กสาว ถือขวานยักษ์อยู่
“เอ่อ…!”
โครม!!!
ขวานยักษ์ทะลุร่างของชูทาโร่ที่รวบรวมความกล้าทั้งหมด
เตียงพังทลาย ขนนกกระจายฟุ้ง แม้จะทะลุผนังด้านหลังไปแล้ว พลังทำลายล้างก็ยังไม่ลดลง ราวกับดาวหางที่พุ่งหายลับไปในท้องฟ้ามืดมิด…
ชูทาโร่มองภาพนั้นในขณะที่นอนหงายอยู่
ตอนนี้ชูทาโร่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าการโจมตีทางกายภาพก็ยังไร้ผล อย่างนี้ทฤษฎีที่เอลโร้ดเคยพูดไว้คงเป็นจริงแล้วสินะ”
ชูทาโร่รู้สึกถึงความหวาดกลัวต่อความตาย เมื่อเห็นเด็กสาวผมขาวพึมพำและเดินเข้ามาใกล้เขาจึงรีบกระโดดออกไปทางรูที่ผนังซึ่งเพิ่งถูกทำลาย
“อ๊ะ”
อาคารสูงมาก เสียงเศษซากที่เพิ่งถูกทำลายตกลงสู่พื้นดินดังสนั่น ทำให้รู้ได้โดยไม่ต้องมองว่าความสูงนั้นมันผิดปกติขนาดไหน
อาคารนั้นดูเหมือนปราสาทขนาดใหญ่ และถูกสร้างอยู่บนเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่
ด้านสุดของเกาะเป็นหน้าผา และหลังจากนั้นก็เป็นความมืดมิด มีเพียงเกาะลอยฟ้าเล็กๆ ที่ยื่นออกมาคล้ายบันได และตรงสุดทางนั้นมีประตูที่ปิดสนิทตั้งตระหง่านอยู่
หลังจากความรู้สึกเหมือนลอยคว้างเพียงชั่วครู่ ชูทาโร่ก็ถูกใครบางคนคว้าคอเสื้ออย่างแรง และถูกดึงกลับเข้าไปในห้อง ขณะที่สายตาของเขาสบกับเด็กสาว
“ดูราฮาน พาคนๆ นั้น…ไปที่ห้องอันดับหนึ่งเดี๋ยวนี้”
ชูทาโร่ที่ถูกอัศวินไร้ศีรษะอุ้มขึ้นอย่างง่ายดาย ก็ปล่อยตัวตามสบายโดยไม่ขัดขืน
MANGA DISCUSSION