เหลยถิงเคยพูดกับเฉินซู่ เขาบอกว่าที่แต่งงานกับเธอเพราะเหลยหย่า อยากให้เหลยหย่ายอมแพ้และยุติความคลุมเครือของพวกเขา
แต่เฉินซู่ไม่คิดเลยว่าเขาจะปฏิบัติต่เหลยหย่า…
ที่แท้ความเฉยเมยของเขาต่อเหลยหย่าช่วงนี้คือการเสแสร้ง ลึกๆ ในใจเขายังคงห่วงใยเหลยหย่ามากที่สุด
เฉินซู่รู้สึกขยะแขยงมาก
เหลยถิงมองใบหน้าเฉินซู่ก็ละสายตาไปอีกทาง "ยังไม่เข็นฉันไปพักอีก?"
"โอเค" เฉินซู่อดทนกับความปั่นป่วนในท้องและเข็นเขาขึ้นชั้นบน
ก่อนนอนกลางวัน เหลยถิงเอื้อมมือไปจับเฉินซู่ ทุกการสัมผัสทำให้เฉินซู้รู้สึกอยากอาเจียน เธอจับมือเหลยถิงแล้วพูดว่า "นอนเถอะ ฉันกลัวว่าไม่พักให้ดีแล้วจะเหนื่อย"
เหลยถิงวางมือบนเอวของเธอ "เธอกลัวฉันหรือไม่อยากให้ฉันแตะเธอกันแน่?"
เฉินซู่กัดฟันก่อนฉีกยิ้มแล้วพลิกตัวกดเขา "ถ้าคุณต้องการ ฉันจะให้เมื่อไรก็ได้ ถ้าคุณแน่ใจว่าจะไม่เหนื่อย งั้นฉันจะ…"
"ลงไป" เหลยถิงไม่ชอบให้เธอเริ่มก่อน
เฉินซู่ดีใจมากที่ชนะแล้ว
ระหว่างงีบหลับตอนบ่าย เฉินซู่ตื่นจากฝันร้าย มือเธอคว้าเข้าที่ขาของเหลยถิง เธอรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่ขาที่หดตัว
"เธอทำอะไรน่ะ?" เหลยถิงถามอย่างเย็นชา
"ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉัน…ฝันร้ายน่ะ" เฉินซู่ชักมือกลับเหมือนต้องของร้อน กลัวว่าเหลยถิงจะทำอะไรเธอ
เหลยถิงมองไปที่ใบหน้าที่ตื่นตระหนกและเหงื่อตามหน้าผากของเธอ เขาเลยเลือกที่จะเชื่อคำอธิบายของเธอ
มือเฉินซู่สัมผัสขาเหลยถืงก็ไม่กล้าวาง เธอกลัววางมือแล้วสัมผัสเมื่อกี้จะหายไป
เธอเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอว่าขาของเขาขยับใช่ไหม คำตอบที่แน่ชัดที่สุดก็อยู่ในใจของเธอ
เขาขยับ เธอรู้สึกได้
เหลยถิงตระหนักว่าเขาไม่สามารถเก็บความลับไว้ได้นานเกิน อีกคืนเขาก็เลยให้ซีอิ่งขับรถมาหาเขา จากนั้นก็ให้เขาไปขับรถอย่างดุเดือดบนทางหลวงที่ไร้คน
"ท่านประธานเหลย ท่านยังต้องการทดสอบต่อไหมครับ" ซีอิ่งถาม
"ทำต่อไป" เหลยถิงจุดบุหรี่แล้วพ่นควัน นี่คือเรื่องที่เสี่ยงที่สุดที่เขาทำในช่วงสองปีที่ผ่านมา
นั่นคือ ——เชื่อใจเฉินซู่
แต่ นี่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขก่อน เฉินซู่ผ่านการทดสอบถึงจะได้ ครั้งก่อนที่เขาเมาและหมดสติคือการทดสอบครั้งแรก
เขาจะทำการทดลองต่อไปจนกว่าเฉินซู่จะได้รับความไว้วางใจ การทดลองนี้อาจจะเเค่หนึ่ง สองหรือมากกว่านั้น…
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา
เฉินซู่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เธอเริ่มจินตนาการว่าเหลยถิงคือชายที่ใช้ขาได้คล่องแคล่ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นผู้ชายในคืนนั้น…
เฉินซู่ส่ายหัว ความทรงจำที่เลือนลางยังไม่ตรงกับเหลยถิงในความเป็นจริง
นาฬิกาของเขาเป็นของเหลยถิง เหลยถิงรู้เรื่องนี้แล้ว แต่เขาไม่ได้แสดงออกแถมยังถามเธอด้วยว่าเอานาฬิกามาจากไหน? ถ้าเขาคือชายคนนั้น เขาจะถามคำถามพวกนี้ทำไม?
เพราะอย่างนั้น ถึงขาเหลยถิงจะใช้การได้แต่ก็ไม่มีทางเป็นชายคนนั้นที่ใช้เวลาค่ำคืนกับเธอ
เฉินหร่านโทรหาเฉินซู่ในคืนสุดสัปดาห์และบอกว่าตัวเองอยู่แถวบ้านอยากจะเข้ามานั่ง
เฉินซู่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ฉวนโอกาสตอนเหลยถิงอยู่ที่บ้าน เธอก็พาเขาเข้ามา
"ว้าว พี่คะ บ้านพี่เขยใหญ่แล้วก็หรูหรามากเลย ใหญ่กว่าบ้านเราตั้งเยอะเลย" เฉินหร่านเข้ามาก็เริ่มอิจฉา "พี่คะ คนครัวบ้านพวกพี่ต้องทำอาหารอร่อยมากแน่ ฉันยังไม่ได้ทานอาหารเย็นเลยน่ะค่ะ"
"คนครัวเลิกงานแล้วน่ะ บ้านเราไม่ทิ้งของเหลือ ถ้าเธอหิว ฉันจะให้คนใช้ทำอาหารให้เเล้วกันนะ" เฉินซู่ทำท่าต้อนรับ เธอต้องให้เฉินหร่านรู้ว่าเธอใช้ชีวิตที่สูงส่งและหรูหราที่นี่ยังไง
เฉินหร่านพยักหน้าราวกับจิกข้าวและนั่งที่โต๊ะอย่างเชื่อฟัง
เฉินซู่ส่งสัญญาณให้เสี่ยวอวี่ "ถามคุณหนูเฉินเลยว่าจะทานอะไรแล้วให้ฮวาจือทำนะ"
"ได้ค่ะนายหญิง"
"ฉันเหรอ ทานอะไรก็ได้ค่ะ สเต็กหรือพาสต้าก็ได้ แต่ต้องเสิร์ฟพร้อมน้ำผลไม้สดนะ ขอข้นๆ หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ" เฉินหร่านพูดอย่างสุภาพ
เสี่ยวอวี่ไม่รู้ว่าเฉินหร่านมาจากไหน แต่เธอฟังคำพูดของเฉินซู่ เธอไปให้ฮวาจือจัดเตรียม นำทักษะที่เธอเรียนรู้ในครัวออกมา และทำสิ่งที่เฉินหร่านจะทาน
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวอวี่ก็นำพาสต้าและสเต็กออกมา ไม่เพียงแต่น้ำผลไม้เท่านั้น แต่ยังมีไวน์แดงอีกด้วย
เฉินหร่านมองไปที่อาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ "พ่อครัวเลิกงานแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย? พวกนี้ดูน่าอร่อยจัง"
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเหมาะกับรสนิยมของเธอต่างหาก" เฉินซู่ยิ้มเบาๆ
เฉินหร่านทานไปชมไป ใครเห็นก็คงบอกว่าเธออารมณ์ดีและสุภาพ เสี่ยวอวี่เองก็คิดเช่นนั้น
แต่ละอย่างเธอทานไปไม่กี่คำเธอ และดื่มไวน์แดงไปหนึ่งแก้ว แต่กลับไม่แตะน้ำผลไม้เลย เอาแต่ถือไว้ ดูไม่น่าไว้ใจ
"พี่คะ ที่นี่ใหญ่มาก เมื่อกี้ที่เราเดินผ่านมาคือที่ไหน ห้องพี่อยู่ที่ไหน ฉันสับสนไปหมดแล้วเนี่ย" เฉินหร่านลูบหน้าผากตัวเอง "เหมือนฉันโง่ไปเลย"
"จำกฎหมายได้เยอะขนาดนั้น เธอไม่โง่หรอก มาบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ" เฉินซู่ชี้ไปที่ห้องข้างๆ "นี่คือห้องหนังสือ พี่เขยเธอน่าจะยุ่งอยู่ เธอก็อย่าไปรบกวนเขาล่ะ ส่วนที่อื่น เธออยากไปดูตรงไหนก็ได้เลย ฉันขอไปห้องน้ำก่อน"
เฉินหร่านพยักหน้า "โอเค ฉันรู้แล้วน่าพี่"
เฉินซู่จงใจเดินออกไป เธอกลับไปห้องน้ำของห้อง เสี่ยวอวี่จะรายงานที่อยู่ของเฉินหร่านเสมอ ไม่ถึงนาที เสี่ยวอวี่ก็เคาะประตูห้องเฉินซู่
"นายหญิงคะ คุณหนูเฉินเข้าห้องไปแล้วค่ะ"
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเฉินซู่ "เก็บเรื่องนี้เอาไว้ แล้วจำไว้ด้วยล่ะถ้าพรุ่งนี้ตอนที่คุณหนูเหลยมา ต้องให้เธอรู้เรื่องนี้"
"ได้ค่ะ งั้นตอนนี้…"
"เขาจะเข้าไปหรือไม่ก็เรื่องของเขา จะเก็บเขาไว้ไหมก็เป็นเรื่องของเหลยถิง ไม่เกี่ยวกับเราเเล้ว ไปกันเถอะ ไปรอการแสดงเริ่มกัน"
เฉินซู่รู้ว่าเฉินหร่านมาเพราะเหลยถิง เธอนิสัยเหมือนกับผีเสื้อตอมดอกไม้ จะพลาดผู้ชายอย่างเหลยถิงไปได้อย่างไร เฉินซู่เดาว่าคงรู้สึกเสียดายที่ให้เฉินซู่แต่งกับเหลยถิง ซึ่งไม่คุ้ม
เฉินหร่านเข้าห้องหนังสือของเหลยถิง เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเหลยถิงอยู่ข้างในก่อนจะพูดอย่างตื่นตระหนก: "พี่เขย ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าพี่เขยจะอยู่ที่นี่ ฉันคิดว่าที่นี่เป็นห้องที่สามารถเข้ามาชมได้ คงไม่ได้รบกวนขณะทำงานใช่ไหมคะ"
เหลยถิงกำลังประชุมซึ่งเป็นการประชุมภาษาอังกฤษทั้งหมด เขาใช้สายตาเตือนเฉินหร่านก่อนจะพูดกับคอมพิวเตอร์ต่อไป
ภาษาอังกฤษของเฉินหร่านอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อได้ยินน้ำเสียงภาษาอังกฤษของเหลยถิงที่เต็มไปด้วยพลังดึงดูด ในดวงตาก็เหมือนเห็นดาวดวงเล็กๆ ถึงแม้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าจะพิการลุกยืนไม่ได้ทั้งชีวิต แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการปรากฏตัวของเขาในใจของเฉินหร่าน
เธอรู้สึกว่ามีเพียงชายอย่างเหลยถิงเท่านั้นที่คู่ควรกับเธอ
เหลยถิงจบการประชุม เฉินหร่านเดินมาถึงโต๊ะแล้ว เธอมองเหลยถิงอย่างเสน่หา "พี่เขยหิวน้ำไหมคะ ดื่มน้ำผลไม้ไหมคะ?"
เหลยถิงเหลือบมองไปที่รอยลิปสติก และดวงตาเหยี่ยวก็หรี่ลงเล็กน้อย
MANGA DISCUSSION