"คุณเป็นอะไรไปน่ะ?" เฉินซู่รีบเข้าไป เห็นเบรกมือของรถเข็นล้มอยู่กับพื้น ล้อของรถเข็นติดอยู่ จะทำยังไงก็ขยับไม่ได้
เฉินซู่ใช้ปุ่มบนที่วางแขนเพื่อสั่งงาน แต่รถเข็นก็ยังไม่ทำตาม
"ออกไป" เหลยถิงพูดอย่างโกรธจัด
"ถ้าฉันไปตอนนี้จะยังเป็นคนอยู่เหรอ?" เฉินซู่พยายามผลักโต๊ะ แต่โต๊ะของเหลยถิงหนักมาก เธอออกแรงสุดกำลังก็ยังไม่ขยับ
โต๊ะใหญ่ขนาดนี้ต้องหนักกว่าเหลยถิงแน่ เธอดันเหลยถิงน่าจะดีกว่า
เฉินซู่ยืนอยู่ด้านหลังรถเข็นของเหลยถิง พยายามเนเหลยถิงที่ติดอยู่ออกมาราวกับชักเย่อ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอพยายามออกแรง เหลยถิงก็พ่นลมหายใจออกมา
"ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ" เฉินซู่เห็นขาที่ติดอยู่ของเขาและจินตนาการว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน
"เธอต้องการใช้โอกาสนี้ฆ่าฉันใช่ไหม?" เหลยถิงผลักเธอออกไป เฉินซู่ที่ยืนนิ่งไม่นิ่งก็เซไปชนกับตู้หนังสือที่อยู่ข้าง เธอกุมหัวด้วย ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด
ขาของเหลยถิงติดหนักกว่าเดิม
เฉินซู่อยากจะทิ้งเขาไว้แล้วไม่สนใจ ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร เธอก็ไม่ใช่แม่พระ แต่เธอกลัวว่าเขาจะคิดบัญชีทีหลัง แล้วมาหาเรื่อง เธอเลยต้องกัดฟันทำ
"คุณอย่าขยับนะ ฉันจะลองอีกครั้งว่าจะพาคุณออกมาพร้อมรถเข็นได้ไหม"
เฉินซู่พับแขนเสื้อขึ้นและมองหาจุดสองจุด เธออุ้มรถเข็นขึ้นพร้อมกับน้ำหนักของชายที่โตเต็มวัยแล้วบนรถเข็นอย่างกระตือรือร้น เธอไม่ไม่ทางอุ้มขึ้นได้แน่ ทำได้เพียงทำให้รถเข็นกับพื้นเท่านั้น สักพักก็เอาขาที่ติดของเหลยถิงออกมาได้
แล้วเธอก็ลากรถเข็นออกมาอีกครั้ง ถึงได้แยกเหลยถิงกับโต๊ะออกจากกันได้
"ที่บ้านมีรถเข็นสำรองไหม?" เฉินซูถาม
"ทำไม? เธอจะไปเอาเหรอ? ยัยบ๊อง ให้คนใช้ไปเอาขึ้นมาสิ" เหลยถิงพูดอย่างเคร่งขรึม
เฉินซู่อยากจะบอกว่าคนใช้ต้องฟังจากเขาถึงจะทำ เธอจงใจยืนนอกห้องหนังสือและพูดด้วยน้ำเสียงที่คนด้านล่างกับเหลยถิงได้ยิน: "เสี่ยวเตี๋ย เอารถเข็นสำรองของคุณผู้ชายขึ้นมาหน่อย เร็วๆด้วย"
เสี่ยวเตี๋ยรู้ว่าเหลยถิงอยู่ชั้นบน เลยไม่กล้าพูดอะไรกับเฉินซู่ ได้แต่ส่งเสียงขานรับ
หลังจากนั้นไม่นาน รถเข็นคันใหม่ก็ถูกยกขึ้นมา เฉินซู่จะพยุงเหลยถิงเพื่อเปลี่ยนรถเข็น เสี่ยวเตี๋ยที่จะเข้าไปช่วย เหลยถิงก็ส่งสายตามาจนถอยหลังด้วยความกลัว
หลังจากเปลี่ยนรถเข็นใหม่ เฉินซู่ก็เข็นเหลยถิงลงไปข้างล่าง เมื่อกี้เธอใช้แรงมากเกินไปจนตอนนี้แขนทั้งสองของเธอก็สั่นเล็กน้อย
"ขาคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม" เฉินซู่ถาม
"จะเป็นหรือไม่เป็น เธอมองเองไม่ได้หรือไงล่ะ?"
เฉินซู่ที่เคยชินกับวิธีการพูดของเขาก็ย่อตัว พับขากางเกงของเขาขึ้น และเห็นว่าเข่าแดง แล้วก็มีหนังถลอกด้วย
"ทานข้าวก่อนเถอะ ทานเสร็จฉันจะให้เสี่ยวอวี่ช่วยคุณแล้วกันนะ"
เหลยถิงขับรถเข็นเลี้ยวไปที่ห้องอาหาร "เจ็บนิดหน่อย ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น"
เฉินซู่ติในใจ: อ่อนแอไม่อ่อนแอ เธอไม่รู้หรอก แต่อวดดีนี่ของจริงแน่
เหลยถิงทานผัดผัก เป็นวิธีทำทั่วไป แต่ก็อร่อย เขาทานข้าวไปหนึ่งชามเต็มๆ ผัดผักรัวไปครึ่งหนึ่ง แม้แต่พุดดิ้งที่เธอทำ เขาก็ทานไปด้วย
เฉินซู่ไม่กล้าทานเร็วเกินไป รอเขาทานเสร็จ เธอถึงได้ทานเยอะ วันนี้ช่างเหนื่อยจริงๆ
"นายหญิงคะ แขนสั่นไปแล้ว ให้ฉันช่วยนวดนะคะ"
เฉินซู่พยักหน้า เธอนวดให้คนอื่นเป็น แต่นวดให้ตัวเองไม่เป็น พอเสี่ยวอวี่กดลงมาก็ดีกว่าที่เธอนวดตัวเองเยอะเลย
"เสี่ยวอวี่ ถ้าขาถลอก นี่ต้องจัดการแผลยังไงเหรอ?"
"นวดคลึงสักหน่อย ให้รอยฟกช้ำลดลงก็ได้แล้วค่ะ"
เฉินซู่สงสัย อีกเดี๋ยวเธอคงต้องขึ้นไปช่วยนวดเหลยถิง ไม่ว่าเหลยถิงจะให้ไหม เธอก็ต้องลองดูก่อน นี่ถึงเป็นเรื่องที่ผู้สมรู้ร่วมคิดควรทำ
เพราะเธอรู้สึกว่ามูลค่าเธอสำหรับเหลยถิง คงจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เธอขึ้นไปชั้นบนเพื่อช่วยเหลยถิงอาบน้ำและถูขา ในห้องน้ำเหลยถิงดึงเธอมาทำ พอทำเสร็จ อาบน้ำจนสะอาด เฉินซู่ มองไปที่ขาของเขาอีกครั้งก็เห็นว่ามันช้ำแล้ว
"ฉันช่วยนวดนะ"
ผมนุ่มสลวยของเฉินซู่โปรยลงมาจนปิดไปครึ่งหน้า และภาพเงาของใบหน้าเธอใต้แสงนั้นดูช่างอ่อนโยนมาก
เหลยถิงมองเธอ จนหลุดปากถามออกไป "ท่าทีอ่อนโยนเชื่อฟังของเธอสรุปว่ามันจริงหรือปลอมกันแน่?"
"แน่นอนว่าเป็นความจริง ฉันจะกล้าไม่เชื่อฟังคุณเหรอ? ฉันก็เหมือนทุกคนรอบตัวคุณนั่นแหละ เราไม่กล้าไม่เชื่อฟังคุณหรอก" เฉินซู่พูดอย่างตรงไปตรงมา
ถ้าเป็นเรื่องปกติ เหลยถิงชอบท่าทีที่เธอพูดจริง แต่ตอนนี้เขากลับไม่ชอบ
"ที่เธอไม่กล้า มันไม่จริงใจ"
เฉินซู่ตกใจ เขาพูดคำที่ไร้เดียงสาแบบนี้ได้อย่างไร?
เหลยถิงนึกขึ้นได้ว่าเขาพูดมาก "เอาล่ะ ไม่ต้องนวดแล้ว คืนนี้เธอไปนอนห้องอื่นเถอะ"
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซู่ถึงได้ลุกขึ้น "ขอบคุณสำหรับเรื่องเฉินหร่านนะ"
"ตอนเธอใช้เหลยหย่า ก็คิดเยอะๆล่ะ ยังไงเขาก็เป็นน้องสาวฉัน"
เฉินซูตกใจอีกครั้ง "ได้สิ"
เธอไม่คิดว่าเพียงแค่ข้อความเเล้วเหลยถิงจะมองเธอได้ทะลุปรุโปร่ง
เธอที่นอนในห้องรับแขก ก็นึกถึงขาของเหลยถิง เธอรู้สึกว่าเขาขยับขาได้และมีแรง แม้ว่าเธอจะพยุงเขา น้ำหนักของเขาก็เทมาทางเธอ เธอก็ยังคงรู้สึกว่าขาของเขาต้องมีอะไรซ่อนอยู่
ความรู้สึกในเช้าวันนั้น ก็ไม่ใช่ข่าวลือไม่มีมูลแน่ๆ
เฉินซูเดาว่าเหลยถิงหลับไปแล้ว เธอแอบเข้าไปในห้องของเขาเพื่อตรวจสอบ เปิดประตู เหลยถิงกำลังนอนอยู่บนเตียงและอยู่ในท่านอนหงาย เธอจ้องที่ขาของเขาและกระพริบตา และเร่งความเร็วเพราะกลัวว่าจะพลาดที่เขาขยับไป
มองอยู่สักพัก ในที่สุดเหลยถิงก็แสดงท่าทีจะพลิกตัว
ร่างกายส่วนบนของเขาขยับ ดวงตาของเฉินซู่เบิกกว้าง เมื่อมองที่ขาทั้งสองของเขา ในใจก็มีเสียงพูดขึ้นมา: ขยับสิ ขยับสิ…
แต่ผลที่ได้ทำให้เธอผิดหวัง ขาเหลยถิงไม่ขยับ
เธอกำลังจะจากไป มือก็บังเอิญไปชนตู้จนเกิดเสียง
เหลยถิงตื่นขึ้น "ใครน่ะ?"
เฉินซู่รีบหันกลับไปพูดกับ "ฉันเอง ฉันกลัวว่าคุณจะอยากขยับตัวเลยมาดูว่าจะช่วยคุณได้ไหมน่ะ"
"ออกไปซะ" เขาพึมพำ
เฉินซู่ตกใจและรีบก้าวออกไป
หลังจากที่เธอจากไป เหลยถิงก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยตัวเอง เขาโทรหาซีอิ่ง หลังจากพูดไปสองนาทีเต็มก็วางสาย
วันรุ่งขึ้นเฉินหร่านได้รับข่าวการว่าจ้าง เธอบอกเฉินจินซานและหลี่หรงอย่างตื่นเต้น ทั้งบ้านต่างก็มีความสุขมาก
"ดูท่าซู่ซู่ที่อยู่บริษัทเหลยจะมีประโยชน์สำหรับเรา วันหลังฉันจะไปหาเหลิยถิงเพื่อลงทุน ต้องง่ายกว่าแต่ก่อนแน่" เฉินจินซานปรบมือและพูดอย่างมีความสุข
เมื่อวานเฉินหร่านจินตนาการไปบริษัทเหลย บริษัทเหลยใหญ่มาก ใหญ่กว่าบริษัทของเฉินจินซาน คนก็เยอะกว่า ทุกคนต่างแต่งตัวเหมือนชนชั้นสูง เธอปรารถนาสภาพแวดล้อมการทำงานแบบนั้น เธอนึกถึงผู้ชายอย่างเหลยถิงที่สร้างทั้งหมดนี้ ควบคุมทั้งหมดนี้ เธอก็รู้สึกใจเต้นไม่น้อย
"พ่อคะ ทำไมตอนแรกพ่อไม่ให้หนูแต่งงานกับพี่เขยล่ะคะ แบบนี้จะดีกับครอบครัวเราไม่ใช่เหรอคะ?" เฉินหร่านคิดและพูดทันที
MANGA DISCUSSION