ตอนที่ 7
“โกหกให้มันเนียนกว่านี้หน่อยสิ”
ปฏิกิริยาของยุยนั้น…ก็สมเหตุสมผลดี
ก็แน่นอนล่ะ ใครจะไปเชื่อเรื่องเพ้อเจ้อขนาดนั้นได้
แต่…มันคือเรื่องจริง ในรูทของวาคานะ มันก็เป็นชะตากรรมที่ต้องเจอแบบนั้นจริง ๆ
…ไม่อยากเข้าไปในรูทนั้นเลยจริง ๆ คิดแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าผมไม่เอาด้วยแน่นอน
“ไม่ได้โกหกหรอกน่า ก็เรื่องมันสุดดราม่าจนเธอหึงขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ~ ขอโทษน้า ที่ไม่เหลือช่องว่างให้แทรกเลย~”
วาคานะพูดยียวน ใส่หน้ายุยอย่างจงใจ
“ฉันก็มีเรื่องดราม่าไม่แพ้เธอหรอก!”
ยุยตอบกลับแบบไม่ยอมแพ้
“เหรอ~ งั้นก็ฟังให้ก็ได้นะ”
ยุยมองวาคานะด้วยแววตาที่เหมือนบอกว่า
‘เดี๋ยวจะทำให้เธอหน้าหงายเอง’ ก่อนจะเริ่มเล่า
“ตอนแรกน่ะ ฉันเกลียดริคุมากเลยนะ ฉันตั้งใจจะชิงตำแหน่งเมดมาให้ได้ แต่หมอนั่นกลับทำตัวเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว มันน่าหงุดหงิดสุด ๆ เลย”
เพื่อประชันกับวาคานะ ยุยเริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้น
“แต่พอได้ทำภารกิจด้วยกัน ริคุกลับกลายเป็นคนที่ฉันพึ่งพาได้ตลอด มันน่าเจ็บใจมาก ฉันเลยพยายามแข่งกับเขาตลอด หวังว่าสักครั้งจะทำได้ดีกว่าเขาให้ได้…จนวันหนึ่ง ฉันฝืนตัวเองมากไปจนพลาด ภารกิจล้มเหลวแบบย่อยยับ ฉันคิดเลยว่า จบแล้ว ความฝันที่จะเป็นเมดที่ไม่มีวันตกงานมันพังทลายลงตรงนั้น…”
“แต่ริคุน่ะ กลับเข้ามาปกป้องฉัน แล้วก็ช่วยแก้สถานการณ์ที่ฉันทำพลาดไปได้หมดเลย”
นั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นที่ยุยเริ่มชอบผม มันเป็นฉากยอดนิยมที่ใครก็เดาได้ง่ายมาก ตอนนั้นผมยังรู้สึกเลยว่า มันน้ำเน่าจัด
แถมแรงจูงใจที่อยากเป็นเมดก็…ไม่ค่อยเหมาะกับบทนางเอกเท่าไหร่ เอาจริง ๆ ผมยังแปลกใจเลยนะ ว่าทำไมถึงเล่นเกมนี้จบได้
“หลังจากนั้นฉันก็เริ่มชอบริคุขึ้นมา แต่มันสายไปแล้ว จะให้ทำตัวน่ารักแบบตรงไปตรงมาก็ไม่ไหว ฉันเลยได้แต่พยายามเข้าหาแบบซุ่มซ่ามไปวัน ๆ …จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ขึ้น”
จากตรงนี้ เริ่มเข้าสู่โหมดเนื้อเรื่องประหลาดแล้ว
“จริง ๆ แล้ว ฉันเป็นองค์หญิงของประเทศ ‘เรซิสเทนเซีย'”
“…หา?”
วาคานะอึ้งไปตามคาด
“บังเอิญไปตรวจดีเอ็นเอ แล้วรู้ตัวว่าเป็นเจ้าหญิง”
บังเอิญเกินไปมั้ยล่ะ…
ดูสิ วาคานะเริ่มทำหน้าเบื่อเพราะมั่นใจว่าโดนแต่งเรื่องเข้าให้แล้ว
“หลังจากนั้นฉันก็โดนแผนชั่วของรัฐมนตรีพาตัวกลับเรซิสเทนเซียไป มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจขัดขืนได้ แต่ก่อนจะไป ฉันสารภาพรักกับริคุ”
นั่นคือจุดที่ผมเริ่มสนใจยุย มันเป็นคำสารภาพรักที่จริงจังมาก จนผมรู้สึกหวั่นไหว…แต่เอาเข้าจริง ก็มีเรื่องที่ควรกังวลมากกว่ารู้สึกชอบอยู่เยอะเลยนะ
“จากนั้นฉันก็กลายเป็นองค์หญิงที่ถูกจองจำ ทั้งที่เคยมีความฝันแรงกล้าว่าจะไม่มีวันตกงาน กลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทอย่างคนสิ้นหวัง ทุกวันฉันเอาแต่ร้องไห้”
แต่แล้ว ยุยพูดต่อด้วยแววตาเป็นประกาย
“จนกระทั่ง…ริคุปรากฏตัวขึ้น”
เขามาจริง ๆ ด้วย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็น่าจะมีความสุขแท้ ๆ
“ริคุบุกเข้าไปในปราสาทหลวงคนเดียว แล้วพาฉันหนีออกมา เขาช่วยฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นเราก็ไปหลบซ่อนอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ฉันได้ดูแลเขาทั้งวัน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากเลย”
นี่มันเกมแนวชีวิตในโรงเรียนไม่ใช่เรอะ? ผมยังจำได้ว่าคิดแบบนั้นอยู่เลย
“แต่วันหนึ่ง พวกที่ไล่ล่าเราก็ตามมาจนใกล้ถึงที่ซ่อน พวกเราก็เลยคิดว่าแบบนี้จะหนีไปตลอดไม่ได้แล้ว ริคุเลยตกลงต่อรองกับพ่อฉัน โดยเสนอเปิดเผยที่ซ่อนของฉันเป็นเงื่อนไข แลกกับการให้ฉันมีอิสระ และในตอนนั้นเอง เขายังแฉแผนชั่วของรัฐมนตรีอีกด้วย จนกลายเป็นฮีโร่ของประเทศไปเลย”
“…ต้องฟังอีกนานมั้ย เรื่องนี้?”
“มันดราม่ามากจนวาคานะรับไม่ไหวเหรอ~ เสียดายจังนะ เพราะหลังจากนั้นเราก็กลับมาเรียนกันต่อ แล้วพอจบก็แต่งงานกัน ได้รับคำอวยพรจากทั้งประเทศเลย~”
“นี่…ยุย”
“อะไร?”
“จะประชันกันก็ได้นะ…แต่โกหกให้มันเนียนกว่านี้หน่อยเหอะ”
“หา!? นั่นเธอมากกว่ามั้งวาคานะ?”
สองคนมองหน้ากันเขม็ง ก่อนจะหันหน้ามาทางผมแบบจริงจัง
“โกหกใช่มั้ย ริคุ?”
“ริคุคุง ยุยน่ะโกหกใช่มั้ย?”
แล้วจังหวะนั้นเอง ประตูดาดฟ้าก็เปิดออก
“จูกี้?~!”
ฮิเมโนะวิ่งปรี่เข้ามา ก่อนจะโผเข้ากอดผมอย่างแรงเหมือนพุ่งชน
“นี่ ริคุคุง… นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอ?”
“อย่าบอกนะว่า…เธอก็ทำแบบเดียวกันกับฮิเมโนะด้วย?”
“จูกี้? (นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?)”
ตอนนั้นเอง ผมก็เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว…
***
กลายเป็นพระเอกคบซ้อนละโดนจับได้55
MANGA DISCUSSION