ตอนที่ 48
“นี่มันอะไรเหรอ?”
เช้าตรู่ ห้าโมงเช้า—ผมถูกปลุกด้วยสายโทรศัพท์รัวๆ ตั้งแต่ยังไม่สว่างดี แล้วตอนนี้ก็ถูกฮิเมโนะจ้องเขม็งอยู่ในโรงอาหารของโรงเรียน
“เอ่อ… นั่นคือ…”
“พริคุระ ใช่ไหม?”
“ก็…ประมาณนั้นน่ะครับ”
บนโต๊ะคือสติกเกอร์ภาพถ่ายพริคุระ ไม่ผิดแน่—มันคือรูปที่ผมถ่ายกับคุณฮิเมกะเมื่อวันก่อน
“ถ้าฉันไม่ได้ตาฝาดล่ะก็…คนที่อยู่ในรูปนี้คือ ‘คุณแม่’ ของฉันใช่ไหม?”
“บางทีอาจเป็นแค่คนหน้าคล้ายก็ได้นะ”
“ฉันก็อยากจะเชื่อแบบนั้นเหมือนกันล่ะนะ ใครจะไปอยากยอมรับกันล่ะว่าแม่ตัวเองที่อายุขนาดนี้แล้ว มาทำตัวเป็นเด็กม.ปลาย แล้วถ่ายพริคุระกับเด็กม.ปลายผู้ชายเนี่ย”
“งั้น…เราตกลงกันว่าเป็นคนหน้าคล้ายก็แล้วกัน?”
“ก็ได้ เพราะถ้าต้องเชื่อว่าแม่ที่เอาแต่สั่งสอนเรื่องคุณสมบัติของผู้นำตระกูล กลับไปเดทใส่ชุดนักเรียนกับคนที่ลูกสาวชอบ ฉันคงรับไม่ได้หรอก”
ว่าแล้วฮิเมโนะก็พูดต่อ
“แต่…ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ มันร่วงออกมาจากกระเป๋าแม่เองเลยนะ จะให้มองว่าไม่ใช่ก็ยากอยู่”
แถม…ยังมีอีก—เธอชี้ไปที่บริเวณที่สติกเกอร์โดนลอกออกไป
“เธอรู้ไหมว่าหล่อนเอาสติ๊กเกอร์พวกนี้ไปแปะไว้ด้านในเคสมือถือเพื่อไม่ให้ใครเห็นน่ะ…ริคุ นายคิดว่าแม่ที่ทำแบบนี้น่ะ มันหนักไปหน่อยไหม?”
“…หนักมากเลยครับ หายใจลำบากเลยตอนนี้”
“เห็นไหมล่ะ?”
แล้วฮิเมโนะก็จ้องมาแบบเฉียบคม
“ตกลง…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
สายตาเย็นชานั่นทำผมตัวสั่นแทบล้มลง
“มะ…ไม่ใช่ว่าคุณฮิเมกะไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอครับ?”
“แน่นอน ฉันถามแล้ว แต่พอถามนิดหน่อย ก็เอาแต่พูดอะไรอย่าง ‘คุกกี้คุกกี้คุ๊กโระ’ อะไรแบบนั้น น่ารำคาญมาก เลยหยุดถามไป”
ผมจินตนาการได้ทันทีเลยว่าคุณฮิเมกะหน้าแดงแล้วก็ทรมานตัวเองยังไงบ้าง
“ริคุ ขอฉันฟังคำอธิบายหน่อยสิ?”
“คะ…คำอธิบายเหรอครับ ก็ เอ่อ…แค่พากันไปเที่ยวเฉยๆ เองครับ”
“แล้วมันมีที่มายังไง?”
ดวงตาของฮิเมโนะดูเหมือนผู้พิพากษาที่กำลังพิจารณาความผิด
จะทำยังไงดี…ปิดบังดีไหม? แต่ยังไงคุณฮิเมกะก็ต้องเล่าความจริงอยู่ดี งั้นให้ผมพูดเองน่าจะดีกว่า อาจจะมีโอกาสรอดบ้าง
“คือว่า…ผมเจอคุณฮิเมกะโดยบังเอิญ แล้วเธอชวนขึ้นรถไปเปลี่ยนบรรยากาศ…”
“แล้ว?”
“จากนั้นผมก็…เหมือนเล่นสนุกนิดหน่อย—ก็เลยถ่ายรูปตอนที่เธอให้ผมนั่งรถด้วย…อะไรแบบนั้น…มั้ง?”
“หมายความว่าคิดจะเล่นกับแม่ของคนที่ตัวเองชอบเหรอ? ถึงจะบอกว่าเป็นความผิดของแม่ที่มั่นหน้าก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ผิดอยู่ดีนะ ปกติไม่มีใครคิดจะเล่นกับแม่ของเพื่อนร่วมชั้นกันหรอกนะ?”
“คะ…ครับ ขอโทษครับ”
“แล้วยังจะขู่ว่าจะเอารูปตอนขึ้นรถไปแบล็กเมล์อีกเหรอ? นั่นมันอาชญากรรมแล้วนะ? ขู่กรรโชกนะ?”
“มะ…ไม่ใช่แบบนั้นครับ! ก็แค่เล่นสนุกนิดหน่อยน่ะครับ”
“ช่างมันเถอะ เพราะถ้าแม่ไม่เต็มใจ เธอก็คงปฏิเสธไปแล้ว แต่เรื่องที่ตามมานี่สิ…ทำไมถึงให้แม่ใส่ชุดนักเรียน?”
“ก็…เธอเขินน่ารักดี แล้วคุณฮิเมกะเองก็เหมือนสนุกไปด้วย ผมเลย…เผลอไปหน่อย”
“เผลอไปหน่อย…? อย่าบอกนะว่าไม่ได้ใส่แค่ชุดนักเรียน?”
“อะ เอ่อ…ครับ…”
“หมายความว่าแม่ของฉันแสดงคอสเพลย์หลายชุดต่อหน้าผู้ชายม.ปลายอย่างกับเป็นเรื่องสนุก?”
“มะ…ไม่ใช่แบบนั้นมั้งครับ เธอก็ทำท่าทางไม่ชอบอยู่…”
“ก็แค่พูดน่ะ ถ้าไม่ชอบจริงๆ คงหยุดแล้วล่ะ ฉันรู้จักแม่ตัวเองดี”
“จะ…จริงเหรอครับ?”
“ไม่งั้นคนแบบนั้นจะเก็บพริคุระวันที่ควรจะเป็น ‘วันที่เลวร้าย’ ไว้อย่างทะนุถนอมเหรอ?”
“ฮะ ฮะฮะ…”
แม้ผมจะหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ดวงตาของฮิเมโนะก็ยังคมกริบ ผมเลยได้แต่พูดว่า “ขอโทษครับ…”
“แล้วหลังจากนั้นไปไหนกันอีก?”
“ห้าง…มั้งครับ?”
“ไปทำอะไรล่ะ?”
“เอ่อ…กินข้าว ดูหนัง แล้วก็ไปเกมเซ็นเตอร์…แบบนั้น?”
“เหมือนคู่รักม.ปลายทั่วไปเลยนะ…ริคุ นายอย่าบอกนะว่าไปกินคุชิคัตสึแล้ว ‘อ้า’ แบบหวานแหวว ไปดูหนังผีแล้ว ‘กลัวจังเลย~ ขอจับแขนหน่อย’ ไปเกมเซ็นเตอร์แล้ว ‘ไฮทัชเย่~’ กับแม่ของคนที่ตัวเองชอบน่ะ?”
“มะ…มองเห็นด้วยเหรอ?”
“งั้นก็แปลว่าทำจริง?”
“…ครับ”
เสียงของฮิเมโนะยังคงนิ่งสนิท
“แล้วสุดท้ายดูนี่สิ—พริคุระนี่อะไร? แก้มติดหัวใจ ชูนิ้วพีซแบบบิดๆ กอดกันอีก…แม่ของฉันที่อายุปูนนี้แล้วยังทำหน้าเหมือนเป็นแฟนสาวม.ปลายอีกเนี่ยนะ? แค่ดูยังปวดตา ปวดหัวจนแทบเป็นลม”
“…ครับ เข้าใจเลยครับ”
ผมไม่มีคำพูดใดจะปลอบใจเธอได้อีก
“ริคุ…หลังจากที่ได้ฟังทุกอย่าง ฉันมีเรื่องจะพูด”
“อะ…อะไรเหรอครับ?”
“ให้นุ่งชุดนักเรียน แล้วออกเดทแบบจริงจังกับแม่ของคนที่ตัวเองชอบ…นายไม่คิดว่ามันบาปหนาสุดๆ เหรอ?”
นอกจากเรื่องที่เธอเป็นแม่ของคนที่ผมชอบ ผมก็ไม่มีข้อแก้ตัวอื่นเลย
“แล้วฉันก็เคยบอกแล้วด้วยว่า ‘แม้จะมีเวลาน้อย แต่จะขอพูดไว้แค่นี้นะ ห้ามทำอะไรที่ทำให้คนอื่นหลงรักนอกจากฉันเด็ดขาด’ ถ้านายผิดสัญญา ก็คงไม่ว่าอะไรที่ฉันจะทำใช่ไหม?”
“มะ ไม่ได้นะครับ! ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!”
“ออกเดทจริงจังแล้วจะอ้างว่าไม่ตั้งใจไม่ได้หรอก”
“ฮี้…!”
ทันใดนั้น เสียงประตูโรงอาหารก็เปิดออก
“อ๊ะ ริคุคุง อยู่ที่นี่เองเหรอ? หาอยู่ตั้งนานแน่ะ~”
เมื่อผมหันไปตามเสียงก็เห็นวาคานะยืนอยู่
รอดแล้ว ถ้ายังอยู่กับฮิเมโนะต่ออีกนิด ผมไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง
“วาคานะ เธอมาที่นี่ทำไม?”
“หืม? ก็ในฐานะนักพากย์ฝึกหัดไง~ กะจะมาให้ริคุคุงฟังเสียงปลุก ASMR ตอนเช้า~”
“หา? นักพากย์ฝึกหัด? แล้ววาคานะดูมีพลังจังเลยนะ?”
“อ๊ะ~ รู้ด้วยเหรอ?”
ด้วยคำพูดยียวน และท่าทางร่าเริงของวาคานะที่เดินเข้ามา ฮิเมโนะก็ขึ้นเส้นเลือดแล้วพูดเสียงเย็น
“…เล่ามาให้หมด”
“จริงๆ แล้ว ตอนนั้นฉันมีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อย แต่ริคุคุงช่วยไว้เลยรู้สึกดีขึ้นมากๆ แล้วก็—หา? นี่มันพริคุระอะไรเนี่ย?”
“ริคุ—ฉันเคยบอกไว้นะว่า ‘แม้จะมีเวลาน้อย แต่จะขอพูดไว้แค่นี้นะ ห้ามทำอะไรที่ทำให้คนอื่นหลงรักนอกจากฉันเด็ดขาด’—ฉันพูดไว้แน่นอนใช่ไหม?”
ทั้งสองคนมองผมด้วยสายตาดำมืด…แล้วในหัวผมก็ได้ยินเสียงดังลั่นว่า…
“ตกนรกซะเถอะ!!”
MANGA DISCUSSION