ตอนที่ 3
ในห้องเรียนที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ได้ไม่นาน เต็มไปด้วยเสียงจอแจ คึกคักกันทั่วห้อง
ฉันนั่งพิงแก้มกับฝ่ามืออยู่ที่โต๊ะของตัวเอง ปล่อยให้ความคิดล่องลอย
ฉันจำเหตุการณ์หลังจากที่ถูกยูกิชิโระ ฮิเมโนะจีบสำเร็จได้
ดูจากท่าทางที่เธอดีใจขนาดนั้น คงไม่ใช่เพราะแค่ “เล่นเกม” แบบฉันหรอก
เธอคง “ผ่านประสบการณ์นั้น” จริง ๆ มาแล้ว
ฮิเมโนะดูจะชอบฉันก็จริง
แต่ฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเธอเลย
ถึงแม้ว่าในจอเกมจะคลั่งไคล้ยังไง แต่ถ้าถามว่าในโลกจริงจะรู้สึกแบบเดียวกันได้มั้ย ก็คงต้องบอกว่า “ไม่”
ฉันก็แค่เล่นเกมนั้นไปตามเนื้อเรื่องเท่านั้นเอง
ต่อให้รู้ว่าในอนาคตจะได้มีความรักกันก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะมีความรู้สึกแบบเดียวกับฮิเมโนะที่ “มีความรักนั้นมาแล้ว” ได้หรอก
เพราะอย่างนั้น ฉันจึงไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเธอได้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าจะตอบรับความรู้สึกของฮิเมโนะให้ได้จริง ๆ ก็หมายความว่าฉันต้องเข้าสู่ “รูทของฮิเมโนะ”
ในรูทฮิเมโนะมีอุปสรรคมากมายรออยู่ โดยเฉพาะพล็อตที่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงตำแหน่งทายาทของตระกูลยูกิชิโระ
แล้วฉันจะถูกหมายหัวถึงขั้นถูกลอบสังหารเลยทีเดียว
เพื่อปกป้องฮิเมโนะ ฉันจะต้องเอาตัวเองไปรับกระสุนแทนเธอ
แน่นอนว่าฉันมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนั้น บางทีอาจจะหลีกเลี่ยงมันได้
แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นถึงกับส่งนักฆ่ามา ถ้าเลี่ยงพล็อตเดิมไป ก็อาจจะถูกจัดการด้วยวิธีอื่นอยู่ดี
พูดง่าย ๆ ก็คือ… ถ้าเนื้อเรื่องไม่เป็นไปตามเกม ฉันอาจตายก็ได้
ไม่มีความรักแถมยังเสี่ยงตาย แล้วฉันจะไปฮิเมโนะรูททำไมกัน?
ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่อยากบอกว่า —
ฉันไม่อยากยุ่งกับฮิเมโนะ เพื่อจะได้ไม่ต้องกลายเป็นตัวเอกในเกมจีบสาว
แต่พอมาคิดดู ก็รู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่รับผิดชอบเหมือนกัน เพราะสุดท้ายก็เป็นฉันที่ “จีบเธอ” สำเร็จในเกมนั้น
แต่-แต่! ยังไงก็ตาม! ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับเหล่านางเอกอีก!
ก็คนที่เล่นเกมน่ะไม่ใช่ “ฉันตอนนี้” นี่! เป็นตัวฉันที่เล่นในตอนนั้นต่างหากที่ผิด!
…หรือว่านั่นก็คือ “ฉัน” อยู่ดีนะ…?
เดี๋ยวนะ “เหล่านางเอก”…?
ความทรงจำของนางเอกคนอื่นล่ะ? พวกเธอยังจำเรื่องราวได้เหมือนฮิเมโนะรึเปล่า?
ฉันเหลือบมองไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ
ยังว่างอยู่
ตรงนั้นมีกำหนดให้นางเอกอีกคนมานั่ง — ลูกครึ่งสาวผมเงินตาสีฟ้า เป็นสาวสไตล์เกลที่มีคุณสมบัติครบเครื่องเกินไปด้วยซ้ำ
อีเวนต์พบกันครั้งแรกของเราสองคนคือ…
“ได้นั่งข้างกันสินะ ฝากตัวด้วยล่ะ”
“หา? อย่ามาคุยกับฉันเลย ยี้”
“เย็นชาจังนะ”
“ก็แน่นอนอยู่แล้ว ที่นี่น่ะ ทุกคนเป็นศัตรูกันทั้งนั้นแหละ เพราะต้องแข่งกันแย่งตำแหน่งพ่อบ้านกับเมด จะให้เป็นมิตรง่าย ๆ ได้ไงล่ะ?”
“แต่ก็ดูพูดเก่งดีนะ”
“—อึ่ก!? ว-วุ่นวายน่า! ไอบ้า!!”
…ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณนี้แหละ
ตอนที่ฉันกำลังนึกถึงเรื่องนั้นอยู่ รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเดินผ่านด้านหลัง
แล้วเด็กคนนั้นก็มานั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ
ผมเงินเปล่งประกาย ตาคู่สีมารินบลูที่ใสจนเหมือนทะเล
ผิวขาวซีดราวกับกระจก มีสีชมพูจาง ๆ แต้มบนริมฝีปากที่ได้รูป
รูปร่างผอมเพรียวเหมือนนางแบบ แขนขายาวเรียว สะท้อนภาพลักษณ์ของคนที่เป็นเหมือนไอดอลนิตยสาร
เธอคือ คิระ ยุย — หนึ่งในนางเอก
…หรือว่าเธอจะมีความทรงจำด้วย?
ฉันแอบลอบมองอย่างใจหายใจคว่ำเพื่อสังเกตท่าที
—เอ๊ะ? ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยาอะไรเลย
หรือว่า… หรือว่า…
ไม่มีความทรงจำ!!!
แอบดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้นในใจทันที —
แต่พอฉันดีใจได้แค่เสี้ยววินาที แก้มของยุยก็แดงขึ้นมา
“อือ อย่ามองขนาดนั้นสิ จะเขินตายอยู่แล้ว…”
“…หา?”
“ถูกมองขนาดนั้น มันทำให้ฉันอยากดูแลเลย…ก็แหม… ไหน ๆ ก็ย้อนกลับมาเช้าวันปฐมนิเทศแล้ว ฉันตั้งใจว่าจะรีเซ็ตความสัมพันธ์ใหม่ แล้วหยุดเป็นฝ่ายที่ตามใจริคุแล้วแท้ ๆ…”
คิระ ยุย — ถ้าเข้าไปรูทของเธอและจบแบบสมหวัง
เธอจะเปลี่ยนจากเกลสาวขี้วีนเป็นคนรักที่ทุ่มเทให้เต็มที่
งั้นก็แปลว่า…
“ยุย…เธอมีความทรงจำอยู่เหรอ?”
“แสดงว่าริคุก็…เหรอ? งั้นเหรอ ดีจัง… คราวนี้ฉันจะได้ทุ่มเทให้ในฐานะแฟนตั้งแต่เริ่มเลยล่ะ…”
“เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่า จะเลิกทุ่มเทไง?”
“ก-ก็เพราะแบบนั้นแหละ! ฉันจะไม่ดูแลริคุอีกแล้ว! ฉันก็อยากเป็นฝ่ายถูกดูแลบ้าง! …เอ่อว่าแต่ริคุ เอาข้าวกลางวันมารึเปล่า?”
“เปล่านะ”
“งั้นฉันทำข้าวกล่องมาให้ริคุแล้ว มากินด้วยกันเถอะ?”
โดนยุยรุกใส่ขนาดนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเธอได้ยังไง
อย่างน้อยก็แน่ใจได้อย่างหนึ่งว่า —
“ยุยไม่มีทางจะเลิกเป็นฝ่ายตามใจได้แน่ ๆ”
MANGA DISCUSSION