ตอนที่ 22
เช้าวันอาทิตย์ เวลา 6 โมง อากาศหนาวเย็นจับใจ
ฉันยืนอยู่บนทางเท้าหน้าโรงเรียน แล้วจู่ๆ รถที่ฉันคุ้นตามากคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ตรงหน้า—ใช่แล้ว รถคันเดียวกับตอนที่ฉันเกือบจะถูกลักพาตัว
พอเปิดประตูขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ก็พบเข้ากับสายตากราดเกรี้ยวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกตรึงไว้กับที่ด้วยเข็มขัดนิรภัย…แม่ของฮิเมโนะ
ถึงจะเลยอายุ 30 ไปแล้ว แต่ผิวเธอยังเต่งตึงราวกับวัยรุ่น ริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ดวงตาคมเรียบเฉียบเย็น เข้ากับทรงผมที่ถูกรวบขึ้นอย่างประณีต บรรยากาศโดยรวมของเธอให้ความรู้สึกเหมือนหัวหน้าชมรมยิงธนูที่งามสง่า แต่เพราะเธอใส่ชุดกิโมโน เลยอาจดูใกล้เคียงกับครูสอนจัดดอกไม้มากกว่าก็ได้
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เสียงเย็นเฉียบของแม่ฮิเมโนะเอ่ยขึ้น พร้อมสีหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน
คนที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ฉันกลายเป็นพวกไม่ยอมคนก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากผู้หญิงตรงหน้านี่แหละ และเพราะอัดอั้นมานาน ฉันเลยเอานิ้วไปจิ้มสีข้างของเธอ
“แอ๊ย!”
เธอร้องเสียงแหลมออกมา แล้วหันมามองฉันด้วยสายตาเคืองๆ หน้าแดงแจ๋ แต่ฉันรู้ดีว่าเข็มขัดนิรภัยนั่นทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ ก็เลยไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
“หึ…ทำตัวหยาบคายใส่คนในตระกูลยูกิชิโระแบบนี้ ฉันจะทำให้เธอเสียใจไปถึงชาติหน้าเลย…แอ๊ย!”
พอเธอพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด ฉันเลยจิ้มอีกครั้ง
เธอหน้าแดงจัด ส่งเสียงครางในลำคอแบบอดกลั้นสุดๆ จนสุดท้ายเสียงจากคนขับก็ดังขึ้นมา
“พอเถอะ เด็กหนุ่ม หยุดแกล้งพี่สาวฉันได้แล้ว”
“อาสุมิ! แล้วเธอล่ะ! คิดจะทำอะไรกันแน่!?”
“ขอบคุณมากครับ คุณอาสุมิ”
ฉันหันไปกล่าวขอบคุณคนขับรถ—ผู้หญิงที่ชื่อยูกิชิโระ อาสุมิ ป้าของฮิเมโนะนั่นเอง เธอคือคนที่ขับรถคันนี้มา และยังเป็นคนที่หลอกแม่ฮิเมโนะให้ขึ้นรถด้วยอีกต่างหาก รถคันนี้ก็ยืมมาจากวาคานะเมื่อวาน
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันตัดสินใจแล้วตั้งแต่ตอนที่ฮิเมกะขอให้ช่วยไปดูอาการของฮิเมโนะ”
“หา? อาสุมิ…อย่าบอกนะว่าเธอจะพาฉันไปหาฮิเมโนะ?”
“เรียกฉันมาอย่างลับๆ แล้วจะให้ฉันไปสอดส่องลูกสาวแทนเนี่ยนะ? อย่าล้อกันเล่นเลย อยากรู้ก็ไปดูเองสิ”
“อึก…!”
แม่ฮิเมโนะกัดฟันแน่น ก่อนจะหันมาจ้องฉัน
“แล้วเธอล่ะ! ขึ้นรถมาด้วยทำไม!?”
“ร้านยังไม่เปิดน่ะครับ ก็เลยมารับ”
“ไม่ต้องเลย! แอ๊ย! ถ้ายังทำอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าเธอจริงๆ! แอ๊ย!”
ทุกครั้งที่เธอพูดแรง ฉันก็จิ้มเธออีก จนเธอส่งเสียงเหมือนจะระเบิดออกมา
พอเห็นหน้าตาเธอที่ยังดูอ่อนเยาว์ ฉันก็เผลอล้อเลียนไปบ้าง แต่พอนึกได้ว่าเธออายุเกินสามสิบแล้ว ฉันก็หยุด
เห็นว่าฉันไม่ทำอะไรต่อ แม่ฮิเมโนะเลยพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วพวกเธอต้องการอะไรจากการให้ฉันไปพบฮิเมโนะ?”
“อันนั้นต้องถามคุณอาสุมิครับ ผมไม่รู้เรื่อง”
อาสุมิพยักหน้าแล้วหันมาทางฉัน
“อยากให้คุณได้เห็นว่า ฮิเมโนะโตขึ้นแค่ไหนแล้วครับ”
แม่ของฮิเมโนะหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยสายตาเย็นชา
“ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ ว่าเด็กคนนั้นพยายามจะทำให้ฉันยอมรับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยอมรับเธอเถอะครับ”
“ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ แต่ฉันไม่มีวันยอมรับเด็กคนนั้น และไม่คิดจะอธิบายเหตุผลด้วย”
คำพูดของเธอเย็นชาอย่างกับน้ำแข็ง ฉันเลยทำท่าจะจิ้มอีกครั้ง
“บ-บอกแล้วไงว่าไม่คิดจะตอบ! อย่ามาทำแบบนั้นอีกนะ!!”
เธอหน้าแดงและตะโกนขึ้น จากนั้นก็บ่นต่อ
“ฮิเมโนะยังเป็นเด็ก! จะได้คะแนนดีสักแค่ไหนก็ยังไม่พอสำหรับเป็นทายาทของตระกูลยูกิชิโระ! ต่อให้พูดแบบไม่ลำเอียง ฉันก็ไม่มีทางยอมรับได้!”
เด็กงั้นเหรอ…ก็ใช่แหละ สำหรับแม่ของเธอ ฮิเมโนะยังเป็นแค่เด็กที่ต้องปกป้อง
ตรงนี้แหละคือรากเหง้าของความเข้าใจผิดทั้งหมด ถ้าเป็นฮิเมโนะก่อนที่จะเติบโต ฉันก็คงเห็นด้วยกับแม่ของเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว
ฮิเมโนะในตอนนี้ ไม่ใช่เด็กที่ต้องได้รับการปกป้องอีกต่อไป เธอเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่การที่ฉันจะพูดเรื่องนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ฮิเมโนะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ดังนั้นฉันจึงพูดออกไปว่า
“ผมก็แค่อยากให้คุณได้ชิมของหวานที่ฮิเมโนะตั้งใจทำก็เท่านั้นเองครับ ส่วนว่าเธอจะเติบโตแค่ไหน เดี๋ยวเธอก็จะแสดงให้เห็นเอง”
“…งั้นก็อย่าคาดหวังอะไร ฉันจะกินก็จริง แต่แค่นั้น”
หลังจากนั้น บรรยากาศในรถก็ตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งรถมาถึงลานจอดรถหน้าร้านกาแฟที่ใช้สำหรับทำภารกิจ
ฉันลงจากรถก่อน แล้วเดินไปเปิดประตูฝั่งที่แม่ฮิเมโนะนั่งอยู่
ตอนที่ฉันยืนรอให้เธอลง เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นเยียบ
“เร็วเข้า แกะเข็มขัดให้ฉันซะ”
“หือ? เครื่องดับไปแล้วครับ ปลดเองได้เลย”
แม่ฮิเมโนะลองจับดู แล้วเข็มขัดก็หลุดง่ายๆ เธอค่อยๆ หันมามองฉันด้วยใบหน้าแดงจัด
“ทำกับฉันไว้ขนาดนี้ ฉันไม่มีวันให้อภัยเธอเด็ดขาด…ไม่มีวันเลย…”
“งั้นผมขอไปเปิดประตูทางหลังร้านก่อนนะครับ”
พูดจบ ฉันก็รีบเดินหนีเข้าไปในร้าน ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรตอบโต้
MANGA DISCUSSION