ตอนที่ 21
—
“อร่อย!?”
“เย็นๆ หวานนน~”
“ดูน่ากดไลก์สุดๆ เลยนะ!”
“ฉันควบคุมความอยากเป็นจุดสนใจไม่ไหวแล้ว!”
“กาแฟก็อร่อยเหมือนกันเลย”
“ไม่คิดเลยว่าจะมีร้านดีๆ แบบนี้อยู่ด้วย~”
เสียงพูดคุยอย่างร่าเริงดังทั่วร้าน แม้จะบ่ายสามโมง ลูกค้าก็ยังแวะเวียนเข้ามาไม่ขาด ทำให้ทุกที่นั่งแน่นขนัด การประชาสัมพันธ์แค่สองวัน แต่กลับเรียกลูกค้าได้มากขนาดนี้ ก็คงเป็นเพราะมีสื่อเจ้าไหนสักแห่งไปหยิบยกเรื่องลูกสาวของบ้านยูกิชิโระที่ออกมาแจกใบปลิวจนกลายเป็นประเด็นน่าสนใจนั่นเอง
“ขอบคุณที่มาอุดหนุนค่ะ!”
ฮิเมโนะที่กำลังส่งลูกค้าด้วยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเธอจะนอนน้อย และเหนื่อยล้าจากการทำขนมตั้งแต่เช้า แต่ตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววความอ่อนล้าให้เห็นเลย ไม่ว่าใครมองก็ต้องบอกว่าเธอดูเป็นพนักงานที่น่าชื่นชม
เพราะอย่างนั้น ไม่ว่าเมื่อไรที่แม่ของฮิเมโนะมาถึง เธอก็สามารถแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่น่าภาคภูมิใจได้แน่นอน
…ถ้ามาจริงๆ น่ะนะ
“ฮิเมโนะจัง ริคุคุง ไหนสักคนไปพักก่อนสิ… ให้ได้แค่ประมาณ 10 นาทีเองแหละ”
พอเลยบ่ายสี่โมง ลูกค้าเริ่มซาลง มาสเตอร์ที่เหนื่อยแทบทรุดก็เอ่ยเรียก
ฉันกระซิบกับฮิเมโนะที่อยู่ใกล้ๆ
“เมื่อกี้ฉันพักไปแล้ว คราวนี้ฮิเมโนะพักเถอะ”
“งั้นก็ขอรับน้ำใจนะคะ ยังไงแม่ก็คงไม่มานั่นแหละ”
ฮิเมโนะยิ้มบางๆ อย่างอ่อนแรง
“ก็รู้อยู่แล้วล่ะ…แต่พอเป็นแบบนี้จริงๆ แล้วมันก็รู้สึกเจ็บกว่าที่คิดนะ”
เธอยังยิ้มอยู่ก็จริง แต่เงาบนใบหน้ากลับดูเด่นชัดกว่าเดิม อารมณ์ของเธอเจือด้วยความเศร้าที่ทำให้ใจฉันหดแน่น จนต้องพูดปลอบไปแบบไม่ทันคิด
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามแผนแล้วล่ะ ฮิเมโนะไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้”
แล้วฉันก็พูดต่อ
“แม่ของฮิเมโนะน่ะ แอบใส่ใจเธออยู่ตลอดเลยนะ”
พอพูดปลอบแบบนั้น ฮิเมโนะก็เอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะกลับมายิ้มสดใส แล้วเดินเข้าไปด้านหลังร้าน
…เฮ้อ
ฉันถอนหายใจเบาๆ
ที่พูดไปเมื่อกี้ก็เพื่อให้กำลังใจนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้โกหก
จากนั้น ฉันก็หันไปมองชายในชุดสูทที่นั่งอยู่กับเป้ใบหนึ่งวางข้างตัว
ทั้งที่เบื่อความเจ้าเล่ห์ของตัวเอง แต่ฉันก็เดินเข้าไปหาชายคนนั้นแล้วกล่าว
“ขอรับออร์เดอร์ด้วยครับ”
“ขอกาแฟแบบเบลนด์ กับคาสซาต้าชุดนึง แล้ว…ขอโทษนะ”
“ครับ?”
“คาสซาต้า…เอากลับบ้านได้มั้ย?”
…คิดไว้อยู่แล้ว
“ขออภัยด้วยครับ ของหวานเมนูนี้เสิร์ฟเฉพาะในร้านเท่านั้นครับ”
“ผมเตรียมกล่องแช่มาเองแล้ว แบบนี้ก็ยังไม่ได้น่ะเหรอ?”
“ขออภัยครับ คาสซาต้าเป็นของหวานที่รสชาติจะเปลี่ยนไปตามระดับความเย็น ทางร้านจึงอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มรสในสภาพดีที่สุดครับ”
“ยังไงก็ไม่ได้งั้นเหรอ? จะจ่ายเพิ่มก็ได้นะ จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้เลยล่ะ”
แม้จะปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ชายคนนั้นก็ยังพยายามตื๊อ ฉันเลยลดเสียงลง แล้วพูดกับเขาเบาๆ
“ขอโทษครับ แต่คราวนี้ขอให้ผมเป็นฝ่ายถามอะไรบางอย่างได้ไหม?”
“หืม? อะไรเหรอ?”
“คุณดูจะใส่ใจกับมุมของเป้ที่วางอยู่ข้างๆ มากเลยนะครับ?”
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที
…มั่นใจแล้ว
เขาคือคนที่แม่ของฮิเมโนะส่งมา เพื่อแอบถ่ายภาพลูกสาวของเธอ
เมื่อวานแม่ของฮิเมโนะมาขอร้อง ถ้าเธอจะมาจริงๆ ภายในวันนี้เลยมันจะดูเหมือนเธอ “ใส่ใจ” ฮิเมโนะมากเกินไป ไม่สมกับภาพลักษณ์เย็นชาที่เคยแสดงออกมาเลยสักนิด
…ในเมื่อตัวเองมาไม่ได้ จะทำยังไง?
ก็ต้องส่งคนอื่นมาแอบดูสถานการณ์แทนไงล่ะ
เป็นทางออกที่ดีสำหรับแม่ของฮิเมโนะ แต่ไม่ใช่ทางที่ฉันยอมรับได้
หากอยากจะคลี่คลายความบาดหมาง ก็ต้องให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันแบบเลี่ยงไม่ได้ ต้องให้แม่ของฮิเมโนะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกด้วยตาตัวเอง ถ้าเธอแอบส่งใครมาก็จะเสียโอกาสนั้นไป
ดังนั้น เพื่อให้แม่ของฮิเมโนะยอมมาด้วยตัวเอง ฉันต้องจับคนที่ถูกส่งมาให้ได้ และกันไม่ให้ข้อมูลใดๆ รั่วไหลกลับไป
แต่จะหาคนที่ซ่อนกล้องในร้านที่คนแน่นเอี๊ยดได้ยังไง?
คำตอบของฉันคือ “คาสซาต้า” ขนมที่ทำเองกับมือ
คาสซาต้าเป็นของหวานที่เย็นจัด ถ้าจะเอากลับบ้านก็ต้องพกกล่องแช่มาเอง ถ้าแม่ของฮิเมโนะอยากกินของที่ลูกทำจริงๆ เธอก็ต้องเตรียมมาแน่ และคนที่พกกล่องแช่มาก็จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้ต้องสงสัย”
และชายตรงหน้านี่แหละ คือตัวจริง
ถึงจะไม่มีข้อนั้น เขาก็จับผิดง่ายอยู่ดี เพราะตั้งแต่เข้ามาในร้านก็คอยมองเป้ของตัวเองไม่หยุด พอฉันเดินไปนั่งตรงข้ามกับฮิเมโนะทีไร เขาก็ปรับมุมเป้ใหม่ทุกที
…โป๊ะแตกน่ะสิ
“กรุณาอย่ากล่าวหาลอยๆ”
“กล่าวหาหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ที่พูดไปก็แค่เรื่อง ‘คุณดูใส่ใจกับมุมของเป้’ เท่านั้นเอง…หรือว่าคุณมีเรื่องผิดปกติอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มี”
“งั้นให้ผมตรวจดูได้นะครับ? ไม่ได้แอบถ่ายอะไรอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
ฉันพูดพลางจ้องตาชายที่กัดฟันแน่น
“ผมสนิทกับคิซากิ วาคานะ ถ้าเรื่องถึงตำรวจขึ้นมา คุณก็คงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหมครับ?”
ดูเหมือนจะรู้จักชื่อคิซากิ วาคานะ เพราะแค่ได้ยินชื่อของเธอที่เป็นคู่แข่งของบ้านยูกิชิโระ หน้าของชายตรงหน้าก็ซีดเผือดทันที
“รีบออกไปจากร้านซะ ผมจะไม่เอาเรื่อง”
พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ชายคนนั้นจึงรีบลนลานออกจากร้านไป
แม้จะทำให้ร้านเกิดความวุ่นวายอยู่บ้าง แต่ก็สามารถกำจัดเขาออกไปได้อย่างปลอดภัย
จากนี้ แม่ของฮิเมโนะจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ?
ยอมถอย? หาคนที่เชื่อใจได้มากกว่านี้? หรือสุดท้ายจะยอมมาเอง?
…ก็ขึ้นอยู่กับ “คุณป้า” แล้วล่ะ
ฉันสะบัดความคิดออกไป แล้วกลับไปทำงานต่อ
จนกระทั่งจบกะของวันนั้น แม่ของฮิเมโนะก็ไม่ปรากฏตัว
เมื่อกลับมาที่หลังร้าน ก็พบกับฮิเมโนะที่พักอยู่ก่อนแล้ว
ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้น และไม่ใช่เพราะแค่ฝืนยิ้ม เพราะคำพูดของเธอแสดงให้เห็นชัดเจน
“ได้รับข้อความจากคุณป้าแล้ว! แม่ติดต่อมาหาป้า บอกว่ามีเรื่องอยากคุยเกี่ยวกับฉัน! บอกว่าจะให้ความร่วมมือ แล้วก็ให้ติดต่อผ่านริคุด้วย!”
ฉันเคยขอให้ฮิเมโนะทำ 3 อย่าง
หนึ่งคือ ทำคาสซาต้า
สองคือ ขอความร่วมมือจากคุณป้า
เพราะถ้าแม่ของฮิเมโนะล้มเหลวในวันนี้ เธอก็อาจส่งคนอื่นที่ “เชื่อใจได้มากกว่า” มาแทน
ฉันจึงอยากทำให้การพูดคุยเกิดขึ้น “โดยไม่มีพิรุธ” ผ่านทางคนที่แม่ไว้วางใจจริงๆ และคนนั้นก็คือคุณป้า
แล้วฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ?
เพราะฉันรู้ว่าในอนาคต ป้าของฮิเมโนะคือ “บอสใหญ่” ที่ต่อสู้เพื่อไม่ให้ฮิเมโนะกลายเป็นทายาท แถมยังเป็นคนที่ซ่อน “ไดอารี่” อันล้ำค่าจนวาระสุดท้าย ไม่ให้ใครพบ
นั่นแปลว่า…คนที่รู้ใจแม่ที่สุด ก็คือคุณป้านั่นเอง
เพราะอย่างนั้น ฉันจึงมั่นใจว่าแม่จะติดต่อไปหาคุณป้าแน่
…ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะนำแม่ของฮิเมโนะมาที่ร้าน
ที่เหลือก็แค่—
“ฮิเมโนะ บอกคุณป้าว่าฉันจะเป็นฝ่ายติดต่อกลับเอง ส่วนฉัน…ขอไปโทรหาคนอื่นก่อน”
“อืม ได้เลย”
ฉันออกจากร้าน แล้วกดโทรศัพท์หาใครบางคน
และปลายสายที่รับตั้งแต่เสียงเรียกครั้งแรกก็คือ “วาคานะ”
“ขอโทษนะ วาคานะ ฉันมีเรื่องอยากขอร้องหน่อย…”
MANGA DISCUSSION