ตอนที่ 18
“นี่จ้ะ ริคุ”
เสียงเรียกทำให้ฉันละคางที่วางอยู่บนมือออกจากโต๊ะ
ยุยยื่นสมุดเล่มหนึ่งมาให้ ฉันก็รับไว้โดยไม่ได้คิดอะไร
“ยุย? อะไรเนี่ย สมุดเหรอ?”
“อื้อ ก็วันนี้ทั้งวันนายเหม่อลอยไปเลยนี่นา”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉันก็หันมองรอบๆ ห้องเรียน ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว ทุกคนกำลังเตรียมตัวออกไปทำงานพาร์ทไทม์ซึ่งเป็นหนึ่งในภาระงานของคาบเรียน
เมื่อก้มดูสมุดโน้ตของตัวเองที่เปิดอยู่ ก็พบว่าเนื้อหาที่จดไว้ขาดๆ หายๆ แทบจะไม่มีอะไรเลย
“อ๊ะ ขอโทษนะ ยุย ช่วยได้มากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก จากนี้ไปฉันจะจดโน้ตให้ริคุทุกวันเอง!”
“เอ่อ… ไม่เป็นไรดีกว่า”
รู้สึกเหมือนตัวเองจะถูกเลี้ยงจนกลายเป็นคนไร้ความสามารถน่ะสิ
“แหม~ กะจะค่อยๆ ทำให้นายติดใจ จนขาดฉันไม่ได้แท้ๆ เลยเชียว”
…ก็ว่าแล้วเชียว เธอคิดแบบนั้นจริงๆ
ตอนแรกยังพูดว่าไม่อยากตามใจฉันเหมือนเมื่อก่อนอยู่เลย
“ว่าแต่ริคุ วันนี้คิดอะไรอยู่เหรอ?”
เรื่องที่ฉันคิด… มันคือเรื่องของฮิเมโนะ
ตั้งแต่เช้านี้ที่ฝันถึงเรื่องนั้น ก็เอาแต่คิดถึงเธอทั้งวัน
ในรูทของฮิเมโนะ แม่ของเธอจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุช่วงสิ้นสุดเทอมแรก
พวกเธอแม่ลูกจึงต้องจากลากันโดยที่ยังไม่เข้าใจกันดีนัก
ในรูทนั้น ฮิเมโนะจะมาพบไดอารี่ของแม่เข้า แล้วจึงได้รู้ว่าตลอดมานั้น แม่รักเธอมากแค่ไหน…
แต่ตอนนั้นก็สายไปแล้ว ความรู้สึกขัดแย้งระหว่างแม่ลูกไม่เคยได้รับการคลี่คลาย
แต่ในตอนนี้มันต่างออกไป—แม่ของฮิเมโนะยังมีชีวิตอยู่ ฮิเมโนะเองก็รับรู้ถึงความรักของแม่ แถมยังเติบโตขึ้นจนได้รับการยอมรับ
ถ้าทุกอย่างไปได้ดี ก็อาจจะกลายเป็นครอบครัวอบอุ่นเหมือนเมื่อวานก็ได้
…แต่ว่าจะดีหรือไม่ดี มันก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะตัดสินได้
นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเอาแต่คิดว่า ฮิเมโนะจะรู้สึกยังไง จะคิดยังไงทั้งวัน…
แน่นอนว่าฉันพูดแบบนี้ให้ยุยฟังไม่ได้
“แค่… กังวลเรื่องอนาคตน่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะ! ถ้านายไม่มีทางไป ฉันเลี้ยงดูนายเองก็ได้! จะพึ่งฉันเมื่อไหร่ก็ได้นะ! ฉันยินดีคลอดลูกให้เป็นมาม่าของริคุเสมอ!”
เอ่อ… ขอบคุณนะ…
ฉันหัวเราะแห้งๆ ออกมา และนึกในใจ
—เผื่อไว้ดีกว่าไม่เตรียมตัวเลยก็แล้วกัน
“ยุย เธอได้จับคู่ทำภารกิจกับวาคานะใช่ไหม?”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วก็ทะเลาะกันตลอดเลยด้วย”
ยุยพูดพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ฉันจึงหัวเราะแห้งๆ แล้วหยิบสมาร์ทโฟนที่โรงเรียนแจกมา
“ฮะ ฮะ… เอ่อ ช่างเถอะ ว่าแต่นี่เธอมีเบอร์วาคานะไหม?”
“ก็ต้องมีสิ เราจับคู่กันนี่นา ถึงจะไม่เต็มใจก็เถอะ”
“ขอหน่อยได้ไหม?”
“หืม? ไม่ให้อะ… แต่อีนังนั่นยังไงก็ต้องยอมแลกในสักวันแหละ… เข้าใจละ ริคุ เดี๋ยวฉันจะแลก ‘รูอิน’ กับนายแล้วส่งให้ทางแมสเซจนะ”
“เอ่อ… ของยุยน่ะ…”
“หือ?”
“มะ…ไม่สิ! ดีใจจัง! ได้ของยุยด้วย โชคดีสุดๆ ไปเลย!”
“แหม~ ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นก็… ตึ๊กตั๊ก~ เราแลกกันนะ~”
ฉันกับยุยแลกข้อมูลติดต่อกัน… เธอดูเขินๆ นิดหน่อยด้วยซ้ำ
—
★ ★ ★
“ขอบคุณมากค่า~!”
ฮิเมโนะส่งยิ้มแสนสดใสให้ลูกค้าที่เพิ่งออกจากร้านในวันนี้—เธอทำงานได้ดีเหมือนเช่นเคย
ฉันมองตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว
แม้เธอจะดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับเรื่องของแม่กันแน่
ฉันสนใจเรื่องนั้นมาก แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรจะไปยุ่ง
‘จะเข้าไปยุ่งกับเขา หรือจะไม่ยุ่ง มันก็ขัดกับเป้าหมายของฉันอยู่ดี’
ความคิดที่เคยมีเมื่อวานก็ยังไม่เปลี่ยน
สุดท้าย ฉันก็ทำงานวันนี้ไปแบบเรื่อยๆ อย่างคนไม่มีจุดหมาย
“ฮิเมโนะจัง ริคุคุง ผลการประเมินกลางภารกิจออกมาแล้วนะ”
หลังจากงานพาร์ทไทม์จบลง ฉันกับฮิเมโนะเดินเข้าไปหลังร้าน มาสเตอร์ยื่นซองจดหมายสองซองให้พวกเรา
วันนี้ถือเป็นวันที่สามจากเจ็ดวันของภารกิจ จึงถึงเวลาประเมินครึ่งทาง
ฉันเปิดซองแล้วหยิบกระดาษข้างในออกมา
“ได้ที่หนึ่งแฮะ”
“โอ้! สุดยอดไปเลย! ไม่สิ เรียกว่าคู่ควรแล้วมากกว่า! นายทำงานดีอยู่แล้ว แถมยังช่วยเสนอไอเดียปรับปรุงร้านอีกต่างหาก! เห็นแล้วปลื้มใจแทนเลย!”
ผลการประเมินมาจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่โรงเรียนแบบลับๆ และรายงานจากผู้จัดการร้านซึ่งในกรณีนี้คือมาสเตอร์—ที่ตอนนี้กำลังชื่นชมฉันไม่หยุด
“…อ้าว? ฮิเมโนะจัง ไม่ดีใจเหรอ?”
“เอ๊ะ อ-อ๋อ แน่นอนค่ะ ดีใจมากเลยค่ะ”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าของฮิเมโนะกลับไม่ได้ดูดีใจเลย
มาสเตอร์เอียงคอสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก ก่อนจะตบมือดัง แปะ!
“พูดถึงวันพรุ่งนี้—ทั้งสองคนพอมีเวลาฟังมั้ย?”
เมื่อพยักหน้าตอบรับ มาสเตอร์ก็เริ่มอธิบาย
“ตามที่บอกไปก่อนหน้า เสาร์-อาทิตย์นี้จะเริ่มงานตอนสิบโมงเช้า เลิกหกโมงเย็นนะ เพราะเราจะมีแคมเปญพิเศษเกี่ยวกับ คัสซาต้า ซึ่งน่าจะยุ่งพอสมควร ได้ยินมาว่าลูกค้าหลายคนตื่นเต้นที่จะมาร่วมงานเพราะเห็นใบปลิวกันเยอะเลย”
ดูเหมือนว่าวันพรุ่งนี้จะคึกคักไม่น้อย
“ส่วน คัสซาต้า ที่จะขายวันพรุ่งนี้—เพราะว่าพวกเธอเป็นคนเสนอเมนูนี้ น่าจะมีลูกค้ามาถามเยอะ ดังนั้นอยากให้ทั้งคู่ได้ลองชิมเวอร์ชันที่ทำเสร็จแล้วก่อน”
เขาถามว่า “ตอนนี้ลองชิมเลยดีมั้ย? ก่อนมื้อเย็นน่ะ” ซึ่งฉันกับฮิเมโนะก็ตอบรับ
หลังจากนั้น มาสเตอร์ก็หยิบจานมา 2 ใบจากในครัว แล้วยื่นส้อมให้พวกเรา
“ลองเลย! รสชาติจะเปลี่ยนตามอุณหภูมิด้วยนะ รีบกินตอนที่ยังเย็นๆ นี่แหละ”
ฉันก้มมองขนมบนจาน—ขาวนวลเหมือนหิมะ ทำจากรีคอตต้าชีสและวิปครีมแช่เย็นแข็งตัว ด้านบนตกแต่งด้วยถั่วหลากชนิดและผลไม้สีสันสดใส
ดูราวกับตุ๊กตาหิมะที่ตกแต่งด้วยไฟคริสต์มาส
เมื่อใช้ส้อมจิ้มลงไป ถึงจะออกจากตู้เย็นไม่นาน แต่ก็ไม่แข็งมากจนทิ่มไม่เข้า—ดูเหมือนเนื้อขนมจะนุ่มพอดี
พอเอาเข้าปาก ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ รสสัมผัสเนียนนุ่ม เย็น หวาน ละลายในปาก ผลไม้ให้รสเปรี้ยวอมหวานกำลังดี แต่ที่เด่นที่สุดคือกลิ่นหอมของถั่วที่ชัดเจนมาก
ถึงจะรู้ล่วงหน้าว่าร้านนี้จะโด่งดังเพราะเมนูนี้ แต่พอได้กินเอง ก็เข้าใจทันทีว่าทำไม
“ว่าไงบ้าง?”
มาสเตอร์ส่งสายตาเหมือนเด็กที่รอคำชม
ฉันเกือบจะทำเป็นหยิ่ง แต่ก็เลือกที่จะพูดตามตรง
“อร่อยมากครับ”
“ดีใจจัง~! แล้วฮิเมโนะจังล่ะ?”
“อ-อืม อร่อยมากเลยค่ะ”
“ดีมากเลย!”
มาสเตอร์กระโดดโลดเต้นดีใจ แต่ดูเหมือนจะไม่สังเกตว่า ฮิเมโนะยังดูเหม่อลอยอยู่
เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ?
หลังจากกินเสร็จ พวกเราก็เลิกงานและออกมารอรถมารับหน้าร้าน
เมื่อคราวก่อนเธอยังเกาะแขนฉันตลอดเวลา แต่วันนี้กลับเงียบสนิท ยืนเหม่ออยู่คนเดียว
คงมีเรื่องให้คิดอยู่ล่ะมั้ง…
…น่าจะปล่อยไว้ดีกว่า
ทั้งที่รู้แบบนั้น แต่ฉันก็ทนความรู้สึกค้างคาไม่ไหวจึงถามออกไป
“ฮิเมโนะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?”
“โอ้~ สมแล้วที่เป็นริคุ รู้ใจฉันทุกอย่างเลยน้า~ จุ๊กี้~”
โดนแซวกลับมาแบบนี้ ทำเอาฉันอยากถอนคำพูด
แต่ฮิเมโนะก็พูดต่อ โดยไม่สนใจความเขินของฉันเลย
“นะ ริคุ ฟังเรื่องของฉันหน่อยได้มั้ย?”
—
บอกจะไม่ยุ่ง แต่เห็นสาวทำตัวแปลกไปหน่อยก็อดไม่ไหว555
MANGA DISCUSSION