ตอนที่ 11
แสงสีขาวลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ทำให้ผมตื่นขึ้นมา
ผมเหยียดตัวอย่างเกียจคร้านขณะยังนอนอยู่บนเตียง แล้วค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นมาอย่างสบาย ๆ
เมื่อมองไปที่นาฬิกาปลุกข้างเตียง ก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบหกโมงครึ่ง ตื่นก่อนนาฬิกาจะปลุกแท้ ๆ แต่กลับรู้สึกว่าช่วงเช้านี้ช่างสั้นนัก
อีกแค่ประมาณสองชั่วโมงก็ต้องออกจากหอพักแล้ว
หอพักของโรงเรียนซากุระมิยะมีทั้งหอชายและหอหญิง แยกกันอย่างชัดเจน และมีกฎห้ามนักเรียนต่างเพศเข้าไปในพื้นที่ของกันและกันอย่างเด็ดขาด เพราะแบบนั้น หอพักจึงเปรียบเสมือนพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผม
เมื่อวานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มาคิดว่าคงไม่มีอะไรในวันนี้ด้วยก็คงประมาทเกินไป เพราะคำพูดที่เหมือนจะสารภาพรักยังค้างอยู่ในใจ จะมาคิดในแง่ดีคงไม่ง่าย
อยากจะอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนเลย… แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี จึงลุกจากเตียงแล้วเริ่มเตรียมตัวไปโรงเรียน
หลังจากแปรงฟัน อาบน้ำในห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องพักแล้ว ผมก็เดินไปยังโรงอาหารของหอพัก
พอใส่รองเท้าแตะออกมาข้างนอก ก็ต้องขดตัวหน่อย ๆ เพราะอากาศยามเช้าที่เย็นยะเยือก จากนั้นก็เดินเข้าโรงอาหารที่อยู่ติดกับหอ
ภายในโรงอาหารที่มีทั้งโต๊ะยาวและโต๊ะสำหรับสี่คน ให้ความรู้สึกเหมือนกับร้านบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม อาหารเช้าก็เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เช่นกัน มีอาหารหลากหลายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะริมผนัง
ผมยกถาดขึ้นมา แล้วเริ่มเลือกอาหารเช้าใส่จาน
ที่นี่มันดีจริง ๆ
หนึ่งในเหตุผลที่ผมไม่หนีออกจากโรงเรียนเพื่อหลบหน้าเหล่านางเอกทั้งหลาย ก็คือเพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้นี่แหละ ตอนถูกชักชวนมาเรียนที่นี่ ผมได้รับทั้งค่าเล่าเรียนฟรี ค่าหอพักฟรี แถมยังมีเงินค่าขนมให้อีกด้วย ใครจะอยากลาออกกันล่ะ
ก็แน่นอน… อีกเหตุผลคือถ้ากลับไปที่ “คุก” นั่นอีก ก็คงไม่มีที่ไปแล้ว
ผมเพิ่งเริ่มกินข้าวไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ ริคุ”
ผมเงยหน้าขึ้น ก็เจอยุย
ผมสีเงินยาวระยิบระยับเมื่อสะท้อนแสงแดดยามเช้า ผิวขาวซีดดูโปร่งแสง ดวงตาสีฟ้าใสราวกับอัญมณี… ยุยในยามเช้านั้นดูเหมือนนางฟ้าเลยทีเดียว
แต่เสื้อผ้าที่ใส่มานั้นดูเป็นแนวก๋ากั่นสุด ๆ — เสื้อกล้ามสีดำแบบแคมิโซลกับเสื้อคลุมพาร์กาที่ใส่หลวม ๆ ไหล่บอบบาง กระดูกไหปลาร้าเรียวงาม รวมถึงเนินอกที่เห็นร่องชัดขนาดพอเหมาะ เรียกว่าให้ความรู้สึกเย้ายวนมากกว่าสวยงามเสียอีก ขาเรียวยาวที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้นก็ช่วยเพิ่มความรู้สึกนั้นเข้าไปอีก
…ถึงจะเผลอจ้องไปหน่อย แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเสียใจที่เผลอวางใจเกินไปมากกว่า
ใช่แล้ว โรงอาหารนี้ใช้ร่วมกันทั้งชายหญิง
“กินข้าวเช้าด้วยกันได้มั้ย?”
ไม่ได้สิ — อยากจะพูดแบบนั้น แต่ยุยก็วางถาดอาหารลงตรงโต๊ะก่อนที่ผมจะทันได้ตอบ
ดูจากจานที่มีร่องรอยการกินแล้ว เธอน่าจะเพิ่งกินอยู่ดี ๆ แล้วพอเห็นผมก็เลยย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกัน
น้ำหนักของความรักนี่มันหนักจนน่ากลัวเลยแฮะ… อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าไม่แน่ใจว่าจะกินอาหารที่ตักมาหมดรึเปล่า
ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรแบบสบาย ๆ
เพื่อเป้าหมาย “ไม่ยอมตกหลุมรัก” ที่ตั้งไว้เมื่อวาน ผมต้องพยายามหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ให้มากที่สุด ในเมื่อเธอพูดแบบไม่เปิดทางให้มีใครอื่น ผมก็ควรรีบกินแล้วลุกออกจากโต๊ะนี้ทันที
“ได้กินข้าวเช้ากับริคุอีกแล้ว ดีใจจังเลย〜”
“อืม”
ผมเคี้ยวอาหารต่ออย่างเงียบ ๆ
“ฮะ ๆ กินด้วยกันกี่ครั้งก็ยังรู้สึกมีความสุขอยู่ดีเลยเนอะ”
“อืม”
ผมยังคงกินต่อไปเงียบ ๆ
“เมื่อก่อนฉันทำกับข้าวให้ริคุกินทุกเช้าด้วยนะ แล้วริคุก็บ่นว่า ‘ทำไมตั้งใจเกินไปเนี่ย’ แต่ฉันก็หยุดไม่ได้ เพราะเห็นริคุกินของอร่อยแล้วมีความสุข มันทำให้ฉันมีความสุขมากเลยนี่นา〜”
“อืม”
แม้จะฝืน แต่ผมก็กินจนหมดจาน พอลุกขึ้นจะไป ยุยก็พูดขึ้นอีก
“อ๊ะ อาหารของริคุหมดแล้วนี่ งั้นเดี๋ยวฉันไปตักมาให้นะ จะจัดจานให้สวย ๆ เลย!”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน…”
“ไม่เป็นไรน่า ฉันเข้าใจอยู่แล้ว”
“เข้าใจอะไร?”
“ริคุรีบกินให้เสร็จ จะได้ออกจากโรงอาหารพร้อมฉันใช่มั้ยล่ะ? ริคุนี่ ใจดีจังเลย〜!”
ผิดแล้ว! อยากจะเถียง แต่ยุยก็ลุกไปก่อน
“แหม ริคุนี่ขี้โกงจังเลย ฉันพยายามจะทำให้ริคุตกหลุมรัก แต่กลับโดนริคุทำให้ใจเต้นซะเอง… เอ๊ะ ขอโทษนะ! ริคุคงอยากกินไว ๆ ใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวฉันรีบไปตักมาให้!”
ผมเอื้อมมือไปทางหลังเธออย่างหมดแรง ก่อนจะปล่อยลงอย่างยอมแพ้
คือผมอิ่มแล้วน่ะ…
แต่พอยุยกลับมา เธอก็จัดจานมาได้สวยน่ากินมากจนรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“อยากกินข้าวด้วยกันอีกเยอะ ๆ เลย ถ้าริคุกินหมดอีก ฉันจะไปตักมาให้อีกนะ?”
…ไม่ช่วยเลยสักนิด ผมหัวเราะแห้ง ๆ แล้วก็ค่อย ๆ กินต่อไป
สงสัยต้องยอมกินข้าวเช้ากับเธอไปแล้วล่ะ
ถึงอยากหลบหน้า แต่คงหลบได้ไม่นาน เป้าหมายสำคัญคือ “อย่าโดนตก” ต่างหาก ต้องมีสติอยู่เสมอ
“อาหารหอพักนี่อร่อยจริง ๆ เลย แต่ก็แอบหึงนะ”
“หึง? หึงอะไรเหรอ?”
“หึงที่มีคนอื่นได้ทำของอร่อยให้ริคุกินน่ะ ฉันอยากเป็นคนเดียวที่ทำให้ริคุมีความสุข”
“คิดมากไปมั้ง?”
“จริง ๆ ฉันยังหึงอากาศเลยนะ ก็อยากเป็นคนเดียวที่ทำให้ริคุมีชีวิตอยู่ หรือไม่ก็…ฆ่าริคุซะเลยก็ได้~”
ยุยถอนหายใจเบา ๆ แบบน่ารัก ส่วนผมก็หัวเราะแห้ง ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเธอล้อเล่นหรือเปล่า
“อ๊ะ ไส้กรอกนี่ไม่เหมือนทุกครั้งเลย กรอบอร่อยมาก ริคุก็ลองดูสิ… เอ๊ะ นั่นไง~ อ้ามมม~”
เธอยื่นไส้กรอกมาแบบน่ารักมาก แต่ผมส่ายหัว
“หืม? ทำไมล่ะ~? อ๋อ~ เขินสินะ เขินแหละเนอะ มาอ้ามกันในที่สาธารณะแบบนี้มันก็…”
“ก็ใช่ แต่จริง ๆ แล้วมีอีกเหตุผลนึง”
“เหตุผลอื่น?”
“ไม่ชอบไส้กรอกที่จับด้วยนิ้ว มันดูไม่สะอาด”
เธอใช้มือหยิบไส้กรอกน่ะนะ ถึงนิ้วของยุยจะเรียวยาวสวยงามจนทำให้เผลอจินตนาการไปไกล… แต่มันก็ยังไม่ถูกสุขลักษณะอยู่ดี
“หมายความว่านิ้วฉันสกปรกเหรอ♡”
ยุยยิ้มหวานแบบนางฟ้าจนผมสะดุ้ง รีบส่ายหัวรัว ๆ
“ล้อเล่นหรอกน่า~”
“รู้อยู่แล้วล่ะน่า〜 ริคุนี่ชอบแกล้งกันจริง ๆ เลย〜”
สุดท้าย ผมก็อ้าปากรับไส้กรอกที่เธอยื่นมา ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็อดใจไม่ได้เพราะตอนเธอเอนตัวเข้ามา หน้าอกก็มองเห็นชัด แถมกลิ่นหอมหวานจากผมยังโชยมาอีก… รู้สึกเขินจนใจเต้นแปลก ๆ
“งั้นคราวนี้ ริคุป้อนฉันบ้างนะ?”
บนจานที่เธอตักมาให้ผม มีไส้กรอกอีกอัน
คงปฏิเสธไม่ได้แน่ ๆ ผมก็เลยจำใจใช้ส้อมจิ้มแล้วยื่นไปหาเธอ
“ไม่เอา ๆ ฉันอยากให้ป้อนด้วยนิ้ว”
“เอ๊ะ ไม่เอาหรอก…”
“หืม? นี่คิดจะนอกใจเหรอ?”
“ป้อนก็ได้ครับ!”
สายตาของยุยเปลี่ยนเป็นสีดำในเสี้ยววินาที ผมจึงรีบดึงไส้กรอกออกจากส้อมแล้วยื่นไปหาปากของเธอ
เธอมองผมด้วยดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกาย ริมฝีปากสีชมพูสวยงามเผยอขึ้นเล็กน้อย เห็นลิ้นสีแดงฉ่ำอยู่ข้างใน… จากนั้นเธอก็ก้มเข้ามาแล้วงับเข้าไปทั้งนิ้วของผม
ฟันของเธอสัมผัสปลายนิ้วเบา ๆ ตามด้วยลิ้นที่ตวัดไปรอบ ๆ นิ้ว สัมผัสนุ่มลื่นปนความจั๊กจี้ทำให้ร่างกายผมสั่นไปทั้งตัว แทบจะหลุดเสียงออกมาอยู่แล้ว
พอเธอถอนปากออกไป ผมก็รีบดึงมือกลับมาทันที
หัวใจเต้นแรงไม่หยุด ขณะจ้องหน้าเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“จะทำให้ริคุตกหลุมรักให้ได้… แต่แบบนี้อาจจะเกินไปหน่อยแฮะ?”
ยุยเคี้ยวไส้กรอกอยู่สักพักก่อนจะกลืนน้ำลาย แล้วพูดออกมาพร้อมใบหน้าแดงเรื่อ
“ฮะ ๆ ยังไงก็เขินอยู่ดีแหละ แบบนี้เมื่อไหร่จะชินกันนะ…”
ใบหน้าเขินอายของยุยที่แดงระเรื่อเหมือนดอกลิลลี่ ทำเอาผมเผลอจ้องอีกแล้ว… แล้วรีบตั้งสติกลับมา
อันตรายมาก… หน้าเขินของสาวสวยมันร้ายเกินไป นี่ผมเกือบเผลอหลงรักเธอไปแล้วนะ ทั้งที่เธอเพิ่งเลียมือผมเมื่อกี้เองแท้ ๆ
เริ่มเปิดเกมรุกมาแล้วสินะ… ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้แล้วล่ะ
“มะ มา กินกันต่อเถอะ!”
เมื่อยุยพูดแบบนั้น ผมก็ยอมกลับมากินต่อแต่โดยดี ทว่าความรู้สึกหวานปนขัดเขินแปลก ๆ ก็ยังค้างอยู่ในอากาศ และพอเห็นยุยทำท่าเขิน ๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเข้าไปใหญ่
!
MANGA DISCUSSION