ตอนที่ 10
ในห้องเรียนขนาดใหญ่ที่จัดที่นั่งแบบขั้นบันได
ผมนั่งฟังอาจารย์พูดหน้ากระดานดำ…แต่ก็แค่ทำทีว่า “ฟัง”ในขณะที่มือกำลังขีดเขียนแผนผังความสัมพันธ์ลงในสมุด
แค่ “ชอบ” กับ “ไม่อยากข้องเกี่ยว” ก็กลายเป็นสี่เส้าซับซ้อนแล้ว
ผมเอามือเท้าใบหน้า แล้วใช้ปลายดินสอกด ๆ ลงบนหน้าสมุดเบา ๆ
—จะทำไงดีวะ จริงจังเลยนะเนี่ย…
ตอนกลางวัน แม้จะจบลงไปในรูปแบบนั้น แต่จากนี้ไปจะทำยังไงดีล่ะ ผมไม่มีแม้แต่เส้นทางให้เดินต่อ
ควรยอมแพ้เป้าหมายที่ว่า “ไม่อยากข้องเกี่ยว” ไหม?
ว่าแต่ ทำไมผมถึงไม่อยากข้องเกี่ยวกันแน่?
ตอนนี้รู้สึก “กลัว” เป็นอันดับแรกก็จริง
แต่ประเด็นจริง ๆ คือ ผมไม่อยากเดินเส้นทางแบบพระเอกเกมจีบสาว
เพราะถ้าเข้าสู่ “รูท” ล่ะก็ มันจะมีเหตุการณ์ยุ่งเหยิงเกิดขึ้นมากมาย แล้วถ้าโดนพาเข้าไปพัวพัน ก็จะจบลงด้วยชีวิตที่ต้องเป็นทาสแห่งความรัก… เอ๊ะ?
เข้าสู่รูทเหรอ? ถ้าไม่เข้าสู่รูท มันก็ไม่ใช่ปัญหานี่นา?
ใช่แล้ว ต่อให้ข้องเกี่ยวแค่ไหน ถ้าไม่เลือกเข้าสู่รูท ผมก็จะได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองต่อไปได้
ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนหลีกเลี่ยงพวกเธอซะขนาดนั้นก็ได้
เกมนี้มันมีตัวเลือกอยู่หลายทาง
แล้วการจะเข้าสู่รูทของนางเอกสักคน ต้องเลือกคำตอบให้ตรงกับบุคลิกเธอทุกครั้งเท่านั้น
ถ้าไม่เลือกแบบนั้น ก็จะอยู่ในเส้นทางเนื้อเรื่องร่วม (common route) ซึ่งสุดท้ายจะจบแบบปลายเปิด
ในเมื่อการหลีกเลี่ยงแบบสมบูรณ์มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้จริงในชีวิตจริง
เป้าหมายของผมต่อจากนี้ ก็คือ
แค่ไม่เลือกตัวเลือกที่จะนำไปสู่รูทของใครก็พอ
…ไม่สิ เดี๋ยวก่อน
นี่มันไม่ใช่เกม แต่เป็นความจริงต่างหาก
ตั้งแต่เลือกว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเช้า ไปจนถึงว่าจะเข้านอนเมื่อไหร่ชีวิตเต็มไปด้วยตัวเลือกมากมายจนไม่อาจนับได้ไม่มีใครรู้ว่าตรงไหนคือตัวจุดชนวนที่จะนำไปสู่รูท
เพราะแบบนั้น ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไว้จะดีกว่า
…ว่าแต่ สุดท้ายก็ต้องหลีกอยู่ดีสินะ?
แม้มันจะน่าเสียใจกับพวกเธอที่มีใจให้ผมก็เถอะ
แต่เขาว่ากันว่า “ถ้าสนใจเมื่อไหร่ก็แพ้” นี่นา…
ถ้างั้น ตอนนี้ที่ผมรู้สึกแบบนี้ แปลว่าผมแพ้ไปแล้วเหรอ?
…อารมณ์ร้อนลึก ๆ ค่อย ๆ เดือดปุดขึ้นมา
—ผะแพ้? ผมเนี่ยนะ “แพ้”? ไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด! ผมจะชนะให้ได้
ถ้าอยากชนะ ก็ต้อง…
คิดได้แค่นั้น ผมก็ชะงักแล้วสะดุ้งเฮือก
ผมรู้ตัวว่าตัวเองเปิด “โหมดไม่ยอมแพ้” ไปแล้ว
จนต้องเอามือกุมหัว
…แย่ล่ะ นี่แหละ ต้นตอของการเข้าสู่รูท
ถึงแม้ “มินาโตะ ริคุ” จะเป็นคนที่ชอบความสงบก็เถอะ
แต่กลับไปจับล็อก “วาคานะ” จนหมอบคาบท่าในคาบสอนศิลปะป้องกันตัว
กลายเป็นที่พึ่งของ “ยุย” เพราะเธอเห็นว่าผมตั้งใจทำรายงาน
ร่วมมือกับวาคานะทำโปรเจกต์จนกลายเป็นคู่หูตัวท็อป
—ทั้งหมดนั้น ล้วนเกิดจาก “นิสัยไม่ยอมแพ้” ของผมทั้งนั้น
ตอนที่ใจไหวไปกับคำสารภาพของยุยแล้วเธอหายไป
ผมก็ตามล่าเธอเหมือนโดนท้าทาย
การที่ยอมรับคำทดสอบของพ่อวาคานะก็เช่นกัน
มันไม่ใช่แค่เพราะมีใจให้ แต่เพราะ “นิสัยไม่ยอมแพ้” มันทำงานด้วย
แล้วผมก็จำได้ว่า ตัวเลือกที่นำไปสู่การเข้าสู่รูท ก็มักจะเป็นอะไรแบบนี้แหละ
ในโลกแห่งความจริงที่มีตัวเลือกอยู่มากมายไม่รู้จบ
แค่ผมเปิดโหมดไม่ยอมแพ้ขึ้นมาเมื่อไหร่
มันอาจจะเป็นการเหนี่ยวไก…เพื่อเข้าสู่รูทของใครบางคนก็ได้
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจยาว
เพื่อเรียกสติกลับคืนมาให้ใจเย็นลง
…อย่างน้อยตอนนี้ ผมก็จัดระเบียบข้อมูลในหัวได้แล้ว
จากนั้นผมก็เขียนข้อความลงในสมุด
เขียนเอาไว้ว่า…
“จะไม่เปิดโหมดไม่ยอมแพ้!”
“จะไม่ปล่อยให้ใครเอาชนะใจได้!”
สองข้อนี้
ข้อแรก: เพื่อไม่ให้เหนี่ยวไกเข้าสู่รูท
ข้อหลัง: เพื่อไม่ให้เผลอเลือกตัวเลือกที่เอนเอียงไปหาใครคนใดคนหนึ่ง
แล้วก็ตามด้วยการเขียน “กำหนดเวลา” ลงไป
“ห้ามหลุดในช่วง 1 เทอมของ common route เด็ดขาด!”
สุดท้าย ผมเขียนเพิ่มว่า
“ถ้าเผลอเข้าสู่รูท ก็แค่เมินเขาไปซะ”
…แต่พอคิดว่า ตอนนี้ผมยังทำใจทำหน้าตาเย็นชาใส่พวกเธอไม่ได้เลย
สุดท้าย ผมก็ลบประโยคนั้นออกไป.
MANGA DISCUSSION