เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 76 จำชื่อนี้ไว้ตลอดชีวิต
บทที่76 จำชื่อนี้ไว้ตลอดชีวิต
ภายใต้สายตาของผู้ชมทั้งโรงละคร สองมือของจี้จิ่งเชินกดทับเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้บนเตียง
แสงไฟสว่างสาดส่องมาที่ทั้งสอง ม่านที่ถูกจัดแต่งเป็นปราสาทอย่างงดงาม
เตียงสไตล์ยุโรปที่คลาสสิก และงดงามถูกปกคลุมด้วยผ้าม่านปิดกั้นการเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยน และจี้จิ่งเชิน มันมืดจนผู้ชมมองเห็นไม่ชัด และนั่นยิ่งทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
ในโรงละครที่สามารถบรรจุคนได้ถึงห้าพันคนก็เงียบเป็นเป่าสากขึ้นมาทันที
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง ดูการเปลี่ยนแปลงบนเวทีอย่างฉับพลันด้วยความตกใจ
จี้จิ่งเชินจูบเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างดุเดือด ในใจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไม่มีเหตุผล
ความอิจฉาริษยา ความโกรธ ความกระวนกระวายใจ และอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมาย
บอกว่าจูบ แต่นี่มันคือการลงโทษชัด ๆ
เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากเขามาช้าอีกนิดเดียว ผู้หญิงคนนี้ก็จะจูบกับคนอื่นต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายขนาดนี้
จูบกับคนอื่น!
สายตาของจี้จิ่งเชินมืดมัวดังสายน้ำในยามค่ำคืน
ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้กล้าขนาดนี้นะ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำหมัดแน่น แต่ก็ถูกเขากดทับบนเตียงจนเธอขยับตัวไม่ได้
“อือ……จี้จิ่ง……”
เธอพูดออกมาด้วยความยากลำบาก และปากของเธอก็ถูกประกบลงอีกครั้ง
จี้จิ่งเชินกัดปากเธอด้วยความโกรธ เพียงแค่อยากให้ได้รับรู้ถึงความเจ็บความในครั้งนี้!
ความเจ็บปวดทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
ไม่นานริมฝีปากของเธอทั้งแดง และบวม
จี้จิ่งเชินค่อย ๆ ปล่อย เวินเที๋ยนเที๋ยนหายใจอย่างหอบ ใบหน้าแดงก่ำเพราะขาดออกซิเจน
เขากดที่ไหล่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน เสียงที่ดึงดูดเข้ากันอย่างบ้าคลั่ง
“แบบนี้พอใจคุณหรือยัง? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยสีหน้ายากที่จะเชื่อทำให้เธอตกใจ และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“คุณมันบ้าไปแล้ว”
“เขายิ้มมุมปาก และยืนขึ้นมองลงไปที่หน้าเวที”
ไม่มีใครกล้าพูด หรือเปล่งเสียงอะไรออกมา
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงกลางเวที และดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนลุกจากเตียง
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาหยิ่งยโสอีกทั้งยังองอาจบาตรใหญ่เหมือนกับว่าเป็นราชาใต้หล้านี้
“ขอโทษด้วย องค์หญิงองค์นี้เป็นองค์หญิงของผม”
พูดจบ เขาก็ดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไป ทันใดนั้นหมินอันเกอก็ไปขวางด้านหน้า
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”
จี้จิ่งเชินเอามือคล้องเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ และสายตาของเธอก็หันขวับไปที่ชายหนุ่มทันที
สายตาของหมินอันเกอจ้องมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน สายตาของเขาหยุดตรงที่ปากที่แดง และบวมของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะโดนจูบไปเมื่อสักครู่นี้
“คุณมันคนชอบบีบบังคับ! คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของเธอบ้างไหม?”
จี้จิ่งเชินหัวเราะเย้ยหยันขึ้น
“เธอเป็นภรรยาของผม การที่ผมจูบเธอทำไมต้องขออนุญาตจากใคร? นี่คือสิทธิของผม”
“แต่คุณนี่สิ”
เขาย่างก้าวไปตรงหน้าหมินอันเกอ
“ทางที่ดีคุณอยู่ห่าง ๆ เธอไว้จะดีกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเตือนคุณ อย่าทำอะไรเกินหน้าเกินตาผม”
เขาจ้องมองด้วยสายตาที่เยือกเย็น พร้อมทั้งผลักหมินอันเกอออก จากนั้นก็พาเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป
หมินอันเกอไม่สบายใจ ตามเข้าไปคว้ามือเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
แต่กลับได้ยินเสียงฉีกขาด!
เสียงผ้าฉีกขาดดังขึ้นบนเวที
กระโปรงบนร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนฉีกขาด และร่วงหล่นมาจากบนร่างของเธอ!
ทุกคนร้องตะโกนด้วยความตกใจ!
ระหว่างนั้นในชั่วพริบตาเดียว ทันใดนั้นชุดสูทก็คลุมเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้อย่างรวดเร็ว
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนไปทันที เขาเอาตัวเองไปปิดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ และเอาสูทคลุมเธอไว้อย่างมิดชิด
ผู้คนด้านหน้าเวทีก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตกนิ่งอึ้งไป คิดไม่ถึงเลยว่ากระโปรงจะขาดบนเวทีอย่างนี้
หากก่อนหน้านี้เธอไม่ใส่เสื้อกล้ามไว้ ต่อให้ปฏิกิริยาของจี้จิ่งเชินเร็วแค่ไหนคนก็อาจจะเห็นเรือนร่างของเธอได้
เสียงไล่ให้ลงจากเวทียิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะก็สอดแทรกเข้ามาเช่นกัน
เธอถอยหลังไปด้วยความยากแค้นแสนเข็ญ
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น และอุ้มตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้โดยที่ไม่พูดไม่จา และรีบเดินออกไปด้านนอก
หมินอันเกอมองดูเงาของทั้งสองที่เดินไป และกำหมัดแน่นจนมือสั่น
เขาอยากจะตามไป แต่กลับเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนมดตัวกลมอยู่ในอ้อมแขนของจี้จิ่งเชิน สองมือดึงเสื้อผ้าเขาไว้แน่น
การกระทำของหมินอันเกอก็หยุดชะงักลงทันที
ถ้าหากเขาเร็วกว่านี้นิดหนึ่ง คนที่ปกป้องเที๋ยนเที๋ยน และอุ้มเธอออกไปนั้นอาจจะเป็นเขาก็ได้
เขาหยิบกระโปรงของเที๋ยนเที๋ยนที่หล่นอยู่บนพื้นนั้นขึ้นมา แต่กลับพบว่าที่ที่กระโปรงขาดนั้นมีความผิดปกติซ่อนอยู่
มีคนเอาซิปด้านหลังออก แค่ขยับตัวนิดเดียวก็ขาดแล้ว
มีคนจงใจทำเรื่องนี้ขึ้นมา! และกวาดสายตาไปยังคนบนเวที แต่กลับไม่เจอเบาะแสเลย
จี้จิ่งเชินพาเวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากโรงละครอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ยืนมุงอยู่ด้านนอกตกใจในความเย็นชาของเขา ไม่กล้ายืนขวางเขาแม้แต่คนเดียว
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงเสื้อเขาเอาไว้ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ใจยังหวาดผวาอยู่จนเธอไม่กล้าปล่อยมือ
จี้จิ่งเชินจะวางตัวเธอเข้าไปในรถ แต่มือของเธอนั้นยังคงจับเขาไว้แน่น เขาทำได้เพียงแค่หยุด และอุ้มเธอเข้าไปนั่งในรถด้วยกัน
“ตอนนี้รู้จักกลัวขึ้นมาแล้วใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขยับตัวเล็กน้อย และปล่อยมือออกจากเสื้อของเขา
เธอค่อย ๆ ลงจากอ้อมกอดของจี้จิ่งเชิน และนั่งกอดเข่าในมุมรถ
จี้จิ่งเชินมองดูเธอ ในใจอยากจะคว้าตัวเองมากอดไว้อีกครั้ง
มือของเขาขยับเล็กน้อยแต่กลับเปลี่ยนทิศทางไป และจับหน้าของเธอเอาไว้
“คุณหญิงจี้ คุณท้าทายผมมันสนุกไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
“ฉันเปล่า……”
มือของจี้จิ่งเชินออกแรงเล็กน้อย สองตาของเขาหรี่ลง และความเยือกเย็นก็เปล่งประกายขึ้น
“ถ้าหากผมไม่มาล่ะ คุณจะทำยังไง? จูบกับเขาอย่างนั้นเหรอ?”
แค่พูดขึ้นมาจี้จิ่งเชินก็ควบคุมความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจตัวเองไม่อยู่
“คุณรอโอกาสนี้มานานแล้วใช่ไหม? คนที่จูบคุณไม่ใช่เขา ความรู้สึกเป็นยังไงล่ะ? ผิดหวังใช่ไหม?”
“เปล่าสักหน่อย! คุณอย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้ามาอย่างไม่พอใจ เลี่ยงมือของเขาไว้ “พี่หมินบอกว่าเขาเล่นมุมกล้อง! ”
แต่จี้จิ่งเชินไม่ฟังคำอธิบายใดใดของเธอเลย กลับโกรธขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อเขาแบบนั้น
“พี่หมินเหรอ? ”
“พวกเธอรู้จักกันกี่วันเหรอ? ถึงได้เรียกเขาว่าพี่หมิน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่พูดจา หากเป็นคำถามนี้เธอยากที่จะอธิบาย
จี้จิ่งเชินกลับคิดว่าเธอบอกเป็นนัย ในใจเหมือนถูกค้อนตีอย่างแรง
เขาดึงสูทบนตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนออก และดึงตัวเธอมาอยู่ตรงหน้าเขา
“ความอดทนของผมมีขีดจำกัด อย่ามาท้าทายผม”
จี้จิ่งเชินลูบคลำที่ใบหน้าของเธอ เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ แต่สายตากลับเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งพันปี
“ถ้าไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะทำอะไรลงไปอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดูหน้าเขา และไม่กล้าแม่แต่ขยับตัว
จี้จิ่งเชินยิ้มมุมปากเบา ๆ สายตาไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม
“บอกผมมา คุณเป็นใคร? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะถูกจี้จิ่งเชินหลอกถามในชั่วขณะ
“คุณ……”
“บอกชื่อของคุณมา”
“จี้จิ่งเชิน”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบที่หูเธอด้วยน้ำเสียงต่ำ คล้ายกับโดนเวทย์มนต์
“ถ้าอย่างนั้นจำชื่อนี้ให้ดี ฝังไว้ในจิตวิญญาณ และจำมันไว้ตลอดชีวิต”