เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 74 ใครรับบทเป็นนางเอก
บทที่74 ใครรับบทเป็นนางเอก
เสียงกรีดร้องดังขึ้นรอบ ๆ และทุกคนก็หันไปจ้องมองที่พวกเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
หมินอันเกอเงยหน้าขึ้นมา จ้องหน้า และกะพริบตาใส่เธอ
“การแสดงของพี่เป็นไงบ้าง? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจอย่างรวดเร็ว และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ยอดเยี่ยมมาก มิน่าล่ะถึงมีคนชื่นชอบพี่เยอะขนาดนี้”
หมินอันเกอเข้ามาใกล้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“แล้วเธอล่ะ? ชอบพี่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาโตขึ้น สายตาของหมินอันเกอจริงจังเป็นอย่างมากทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
“พี่หมายความว่า เธอชอบการแสดงของพี่หรือเปล่า? ”
เขายิ้มแล้วอธิบายให้เธอฟัง ลดสายตาลงเผยให้เห็นถึงความหดหู่ใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปคิดมา พูดด้วยความจริงจังว่า: “ถึงแม้ว่าฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องการแสดงสักเท่าไหร่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงคือพี่เกิดมาเพื่อโดดเด่นอยู่บนเวที”
หมินอันเกอหันกลับมายิ้มให้เธอ
“คำพูดนี้เธอพูดเคยพูดตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว”
เขายื่นมือมาดึงเธอเอาไว้
“พี่จะพาเธอไปดูหลังเวที”
ทั้งสองเดินไป เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่สองมือทาบหน้าอก และมองตามทั้งสองไปด้วยสีหน้าที่ใฝ่ฝัน
“เธอรู้จักกับหมินอันเกอจริง ๆ ด้วย……”
“ได้ยินหรือยังล่ะ? เมื่อกี้นี้หมินอันเกอเรียกเธอว่าองค์หญิง แถมยังจูงมือเธอไปอีกด้วย!”
“ถ้าเป็นฉันนะ ฉันต้องมีความสุขจนบ้าตายไปละ! ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ล้างมือเลย!”
เจียงหยู่เทียนรวมทั้งเพื่อนอีกสองสามคนเดินมาถึงหน้าโรงละคร
“แกแน่ใจว่าว่าพวกเขาอยู่ในนี้?” เธอถามขึ้นพร้อมทั้งมองไปยังเวทีด้านใน
“แน่ใจสิ!” เพื่อนอีกคนเดินมาด้วยสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น: “เพื่อนฉันกับเธอลูกคัดเลือกให้อยู่หลังเวที ได้ยินมาว่าสองสามวันนี้ทั้งสองส่งสายตาให้กันโดยที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย”
“ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเห็นเหมือนกัน ทำเหมือนเป็นสามีภรรยากัน ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ”
เจียงหยู่เทียนยืนอยู่ที่ประตู
“เราเข้าไปดูกันเถอะ”
การฝึกซ้อมบนเวทีสิ้นสุดลงไปฉากหนึ่งแล้ว หมินอันเกอสวมชุดขาวโบราณ ถือกระบี่อ่อนลงมาจากเวที
เจียงหยู่เทียนมองตามเขาไป และเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ด้านล่างเวที
ทั้งสองพูดคุยกันหัวเราะคิกคัก และยังหยิบบทละครออกพูด
“ทำไมเธอถึงเป็นคู่ซ้อมพูดบทล่ะ? ”
“ได้ยินมาว่าหมินอันเกอขอเอาไว้ ติดกันขนาดนี้คิดว่าแฮมไหมล่ะ? ”
เจียงหยู่เทียนไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกมา เธอซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน และหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเอาไว้
และในขณะนี้ ไม่กี่คนเดินแบกอุปกรณ์ประกอบฉากผ่านมา ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็สะดุด และหมินอันเกอรีบคว้าเอวเธอไว้ทันที
ทั้งสองร่นตัวลง และเอนตัวเข้ามุมด้วยความสนิทสนม
สายตาเจียงหยู่เทียนเปล่งประกาย จากนั้นก็ถ่ายรูปเก็บไว้อย่างรวดเร็ว และเก็บบันทึกไว้
เธอยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ และพูดกับเพื่อนว่า
“เสร็จละ เราไปกันเถอะ”
ทางด้านเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกนิดเดียวเธอก็ล้ม แต่ยังดีที่หมินอันเกอเข้ามาช่วยไว้ทัน
เมื่อเพื่อนนักศึกษาที่แบกอุปกรณ์เดินไป เธอแตะมือของหมินอันเกอเบา ๆ
“พี่หมิน ปล่อยฉันได้แล้ว”
หมินอันเกอไม่ขยับตัวแต่อย่างใด ก้มมองหน้าเธอด้วยความสงสัย
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
“ฉันไม่เป็นไร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบกลับ และหันมองหมินอันเกอยังไม่ปล่อยมือ
“พี่หมิน? ”
หมินอันเกอได้สติกลับมา ปล่อยมือเธอด้วยความเสียดาย กำหมัดแน่นคล้ายกับว่ายังคงสัมผัสเธออยู่
“โอเค เราซ้อมต่อเถอะ”
การฝึกซ้อมได้ผ่านไปอย่างเรียบร้อย เมื่อถึงวันงานสถาปนามหาวิทยาลัย เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้บอกจี้จิ่งเชิน แต่ยังคงออกจากบ้านเวลาเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
พ่อบ้านยืนอยู่ข้าง ๆ รถชะเง้อดูทางด้านหลังเธอ
“คุณผู้ชายไม่ไปเหรอครับ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาของขึ้นรถ “ฉันไม่ได้บอกเขา”
พ่อบ้านถามขึ้นด้วยความน่าเสียดายว่า: “วันนี้คุณหนูมีการแสดงไม่ใช่เหรอครับ? โอกาสที่หายากแบบนี้คุณผู้ชายควรจะไปชมนะครับ”
ช่วงนี้คุณผู้ชายถามเขาทุกวันว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนทายาตามเวลาหรือเปล่า
น่าสงสารที่เขาไม่กล้าเข้ามาถามด้วยตัวเอง แต่เขาตรวจยาทุกวันว่าลดลงบ้างไหม หลังจากก็ทำตามรายงาน
ช่วงนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนหมกมุ่นอยู่กับการซ้อม ออกจากบ้านเช้ากลับดึกทุกวัน มีเวลาพูดคุยกับคุณผู้ชายน้อยมาก แม้กระทั่งเขายังรู้สึกเลยว่าความโกรธของคุณผู้ชายมีน้อยลงแล้ว
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รู้สึกถึงความปิดปกติเลย ในทางกลับกันจี้จิ่งเชินเย็นชากว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
ถึงแม้ว่าจะมีได้ทานอาหารร่วมกัน แต่ใบหน้าก็ยังคงเย็นชา ไม่รู้ว่าโกรธอะไร
จี้จิ่งเชินจะทิ้งงานเพื่อมาดูเธอได้ยังไงกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือวันนี้เธอไม่ได้แสดงละครอะไร เธอก็แค่ช่วยอยู่หลังเวทีก็เท่านั้น
“ไม่ต้องหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ขึ้นเวทีสักหน่อย ไม่มีอะไรน่าดูหรอก”
พ่อบ้านถอนหายใจ ทำไมเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงไม่ต่อสู้อะไรเลย?
อยากให้รู้เหลือเกินว่าห้าวันก่อนเจียงหยู่เทียนได้ชวนจี้จิ่งเชินมาที่มหาวิทยาลัย แต่จี้จิ่งเชินไม่รับปากใดใดเลย
หรือว่าจะรอเธอล่ะ
บรรยากาศของงานสถาปนามหาวิทยาลัยลืบซานงดงามมาก แม้กระทั่งรอบ ๆ บริเวณก็จัดแต่งด้วยลูกโป่ง และสายแพรอย่างมีสีสัน
เมื่อเข้าไปถึงบริเวณมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยประกาศหยุดการเรียนการสอนสามวันเต็ม เพื่อจัดกิจกรรมในครั้งนี้
และสถานที่จัดกิจกรรมทั้งหมดนี้ โรงละครแออัดที่สุด
แค่ได้ยินว่าหมินอันเกอมาเข้าร่วมแสดงละครเวที แม้กระทั่งคนนอกก็เข้ามาร่วมชมการแสดงกันอย่างล้นหลาม
แต่ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดนั้น คนนอกที่จะเข้ามาร่วมชมการแสดงก็ถูกกั้นไว้ด้านนอก
แฟนคลับล้อมรอบโรงละครเพื่อดักรอหมินอันเกอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ท่ามกลางผู้คนหมู่มาก เดินเข้ามาที่หลังเวทีด้วยความยากลำบาก มาถึงหลังเวทีกลับพบว่าทุกคนกำลังวุ่น ดูเหมือนว่ากำลังตามหาใครสักคนอยู่
บางคนก็จะร้องไห้แล้ว
“เป็นอะไรไป? ”
อาจารย์ประจำคณะศิลปะศาสตร์ที่เดินวนไปวนมาอยู่อย่างใจร้อน
“นางเอก! นางเอกหายตัวไป!”
“ข้อความก็ไม่ตอบ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย ไม่รู้ตอนนี้หายไปไหนแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบ ๆ เห็นหมินอันเกอยืนอยู่ เป็นเพราะว่านางเอกหายไป ทุกอย่างเลยต้องหยุดชะงัก
“ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนตัว”
เสียงพูดดังมาจากด้านนอก
ทุกคนหันหน้ากลับมาเห็นเจียงหยู่เทียนยืนอยู่ที่ประตู
เธอเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมทั้งพูดว่า: “ผู้ชมหน้าเวทีพร้อมกันหมดแล้ว นี่ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มการแสดงแล้ว ขาดนางเอกไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
เมื่อทุกคนได้ยินเข้าก็ช่วยกันคิดหาวิธี ด้านนอกผู้ชมเยอะมาก หาพวกเขาโวยวายขึ้นมาแล้วล่ะก็การแสดงครั้งนี้ต้องซวยแน่ ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นพร้อมทั้งพูดว่า: “เธออยากเป็นนางเอกเหรอ?”
คิดไม่ถึงเลยทีเดียวว่าเจียงหยู่เทียนจะส่ายหัวปฏิเสธ เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ฉันหมายถึงเธอต่างหากล่ะ”
เมื่อได้ยินเข้า เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีเธอคิดว่าเจียงหยู่เทียนจะอยากรับบทเป็นนางเอก แต่คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะให้เธอขึ้นเวที
เจียวหยู่เทียนพูดต่อว่า: “ฉันจำได้ว่าเธอกับหมินอันเกอซ้อมบทกันอยู่บ่อย ๆ คนที่คุ้นเคยกับบทละครเรื่องนี้ดีที่สุดก็คือเธอ”
ทุกคนก็เคยเห็นเหมือนกันว่าทุกครั้งที่ซ้อม หมินอันเกอกับเวินเที๋ยนเที๋ยนซ้อมต่อบทกันเป็นประจำ
คำพูดของเจียงหยู่เทียนมีเหตุ และผล
“แต่……” เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น และพูดขึ้นด้วยความลำบากใจว่า: “ฉันแสดงละครไม่เป็น”
“ไม่เป็นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วนะ คุณหนูเจี่ยง ช่วย ๆ กันหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็พวกเหล่าบรรดาแฟนคลับมาเข้ามาอาละวาดแน่ ๆ ”
และในขณะนี้หมินอันเกอก็เดินเข้ามาพอดี พูดเบา ๆ ว่า : “หากเธอไม่ชอบก็เปลี่ยนอีกบทนึงก็ได้นะ พี่แสดงคนเดียวได้”
“ไม่ได้! จะเปลี่ยนกะทันหันได้ยังไงกัน? ” อาจารย์พูดขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าตอบรับ
“ฉันลองดูก็ได้”